เป็นประจำทุกปีที่บริษัท Pantone ผู้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับสี และสิ่งพิมพ์รายใหญ่ของโลก จะประกาศเทรนด์สีประจำปี หรือ Color of the Year เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดเทรนด์สีสำคัญของในแต่ละปี โดยพวกเขาจะใช้ค่าสีที่เป็น Spot Color เพื่อบ่งบอกความพิเศษของเฉดต่าง ๆ และมีรหัสที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน และในปีนี้ Pantone ได้ประกาศเลือกให้สีม่วงประกายฟ้า Ultra Violet รหัส 18-3838 เป็นสีหลักประจำปี 2018 นี้ เหตุหลักใจความสำคัญของการเลือกสี Ultra Violet ก็มาจากเพราะมันเป็นสีที่สะท้อนถึงจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และยังสื่อไปถึงความลึกลับของท้องฟ้าในยามค่ำคืน อีกทั้งยังทำให้นึกถึงความเร้นลับของจักรวาลอันเวิ้งว้างไร้ขอบเขตอีกด้วย ซึ่งผู้อำนวยการของ Pantone ยังกล่าวเสริมถึงเหตุผลที่เลือกสี Ultra Violet มาเป็นสีแห่งปี 2018 อีกว่า สีม่วงประกายฟ้า คือสีที่สะท้อนถึงความก้าวหน้า ไฮคลาส และบ่งบอกถึงความล้ำสมัยทางเทคโนโลยี ซึ่งเหมาะกับโลกแห่งอนาคตที่พวกเราทุกคนกำลังอาศัยอยู่ในทุกวันนี้ นอกเหนือจากนี้สี Ultra Violet ยังเป็นสีประจำตัวของศิลปินมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Prince นักกีต้าร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ และ Jimi Hendrix ราชา
ขึ้นชื่อว่าการประกวดภาพถ่าย นอกจากรางวัลที่ได้รับ สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าคือความภาคภูมิใจในผลงาน ที่ไม่ใช่แค่เจ้าของภาพคิดว่าสวย แต่เป็นการได้รับการยอมรับจากคนอื่น ไม่ว่าจะระดับสากล ระดับประเทศ หรือระดับแบรนด์ที่ UNLOCKMEN เองก็เคยจัดมาแล้วอย่างยิ่งใหญ่ แต่บางรายการ ความยาก มาตรฐาน และความภูมิใจยิ่งมากเป็นร้อยเท่า โดยเฉพาะรายการประกวดภาพถ่ายใหญ่ ๆ อย่าง Hasselblad Masters Awards 2018 ที่เพิ่งจะประกาศผู้ชนะเลิศออกมาเป็นที่เรียบร้อย และแน่นอนว่าภาพถ่ายที่ได้รับการคัดเลือกนั้น สวยงามและสมบูรณ์แบบทุกภาพ สำหรับการประกวดรายการ Hasselblad Masters Awards 2018 จะให้ตากล้องส่งภาพที่คิดว่าดีที่สุด 3 ภาพ และจะมีกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้ง บวกกับ Public Vote ร่วมกันเพื่อคัดเลือกผู้ชนะใน 11 Categories ครอบคลุมหัวข้อน่าสนใจหลายอย่าง ตั้งแต่ Street, Wild Life, Architecture, Art, Product, Beauty, Wedding และอีกมากมาย ซึ่งนอกจากความภูมิใจแล้ว ผู้ชนะเลิศยังได้เป็น Hasselblad Brand Ambassador เป็นเวลา
แบรนด์นาฬิกาคลาสสิกที่สร้างชื่อเสียงจากการผลิตนาฬิกาชั้นนำมาตั้งแต่แรกเริ่มอย่าง ลองจินส์ (Longines) สำหรับหลายคนอาจยังไม่ทราบประวัติความเป็นมาของ แบรนด์นาฬิกาคลาสสิกนี้ ลองจินส์ (Longines) แบรนด์นาฬิการะดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นที่เมือง แซงต์ อิมิเยร์ เมื่อปีค.ศ. 1832 เชี่ยวชาญในการผลิตนาฬิกาที่มีดีไซน์ สง่างาม เปี่ยมไปด้วยมาตรฐานด้านคุณภาพ และการทำงานทรงประสิทธิภาพ นับตั้งแต่อดีต ลองจินส์ได้รับเลือกให้เป็นผู้จับเวลาการแข่งขันกีฬาระดับโลกมากมาย รวมถึงเป็นพันธมิตรกับสมาพันธ์กีฬานานาชาติ ทำให้ชื่อของลองจินส์เป็นส่วนหนึ่งของโลกกีฬามาโดยตลอด นอกจากนี้ ลองจินส์ ยังเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท สวอทช์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำระดับโลก ที่โดดเด่นในด้านการสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีความสง่างาม ดังตราสัญลักษณ์รูปนาฬิกาทรายพร้อมปีกสยายของแบรนด์ที่ยืนยงมานานกว่า 150 ปี และยังคงเป็นแบรนด์นาฬิกาที่ได้รับความไว้วางใจและคงอยู่ในกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่อง Longines Master Collection คือภาพสะท้อนของความร่วมสมัยของแบรนด์ ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2005 ผสมผสานความสง่างามแบบคลาสสิกและความเป็นเลิศในการผลิต ซึ่งล่าสุดลองจินส์ได้นำเสนอ Longines Master Collection หน้าปัดเฉดสีใหม่เพิ่มเติม นั่นคือ เฉดสีน้ำเงิน เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่หลงใหลในนาฬิกาคุณภาพได้เลือกกัน นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 2005 Longines Master Collection ก็กลายเป็นคอลเลกชั่นขายดีของแบรนด์ โดยประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายและครองความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของการผลิตนาฬิกาคุณภาพของลองจินส์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาลองจินส์ได้เพิ่มตัวเรือนขนาดต่าง
Vans old skool รองเท้าที่ต้องมีติดบ้านไว้อย่างน้อย 1 คู่
ไม่ปล่อยให้รอนาน หลังจากเปิดโปรเจ็คต์ adidas x Dragonball Z พร้อมภาพโปรโมตรองเท้าสองรุ่นก่อนหน้านี้อันได้แก่ Frieza edition และ Cell edtion ออกมายั่วน้ำลายสาวกการ์ตูนปล่อยพลังคลื่นเต่าสุดฮิตในช่วงทศวรรษที่ 80s – 90s ล่าสุดพวกเขาก็ได้ส่งรองเท้ารุ่นใหม่ออกมากระหน่ำให้แฟน ๆ ได้ฮือฮากันอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ ‘Dragon Ball Z’ x adidas Kamanda “Majin Buu” โดยรองเท้ารุ่นดังกล่าวเป็นการนำคาแรคเตอร์ตัวร้ายคนสุดท้ายของ Dragon Ball ภาค Z อย่างจอมมารบู มาเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการผลิตรองเท้ารุ่นพิเศษนี้ โดยจากภาพโปรโมตก็จะเห็นได้ว่า ทาง adidas ได้ทำการนำรองเท้ารุ่น Stan Smith มาปรับเปลี่ยนบริเวณลิ้นรองเท้า และ Outsole ใหม่ให้มีความแตกต่าง จากรุ่นปกติ อีกทั้งพวกเขาได้ใช้จุดเด่นจากสีของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น ชมพู ม่วง เหลือ ดำ มาเล่นลวดลายสลับกันไปตามบริเวณส่วนต่าง ๆ ซึ่งพอดูแล้วก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่านี่คือคาแรกเตอร์ของตัวละครจอมมารบูที่เราคุ้นเคย ซึ่งทาง
เรียกว่าเป็นปีทองแห่งการ Collab ของแบรนด์ Street Fashion โดยแท้จริง ความคืบหน้าของข่าวช่วงปลายเดือนธันวาคม ที่มีเสืองลือว่า adidas จะทำ Dragon Ball Z collection ออกมาให้ผู้ชายวัย 30+ อย่างพวกเราต้องเก็บสะสมอย่างไม่มีทางเลือก พร้อมเปิดเผยว่าจะทำออกมาทั้งหมด 7 รุ่น เพื่อ represent Dragon Ball 7 ลูก แต่วันนี้มีความคืบหน้าจาก SneakerNews ออกมาเพิ่ม ทำให้เรารู้ว่ารองเท้า adidas x Dragon Ball Z นั้นจะมีทั้งหมด ‘8 รุ่น’ ไม่ใช่ 7 รุ่นอย่างที่รายงานก่อนหน้านี้ เป็นการแทน 8 ตัวละครหลักในการ์ตูนความยาวสามชาติเรื่องนี้ ด้วยการเปิดตัว Frieza edition และ Cell edition ออกมาพร้อม ๆ กัน คู่แรก Frieza edition
หลังจากอภิมหาคอลเลคชั่นแห่งปีอย่าง SUPREME x Louis Vuitton ดูเหมือนว่าแฟชั่นโอต์กูตูชั้นสูงที่ดูเหมือนจะเข้าถึงยาก จะเริ่มโอนอ่อนผ่อนตามกระแสสตรีทแฟชั่นที่มาแรงจนไม่อาจต้านทานไหวอีกต่อไป เพราะอะไรที่ไม่เคยทำ ก็ยอมลดราวาศอก เพื่อเดินทางมาบรรจบกันที่ตรงกลางของเทรนด์โลกในปัจจุบัน สำหรับสิ่งที่ Kim Jones อาร์ติส ไดเรคเตอร์ของ Louis Vuitton ได้เรียนรู้จากคอลเลคชั่น SUPREME x Louis Vuitton ถือว่ามีไม่น้อย เพราะเขาได้ปฎิวัติอุตสาหกรรมแฟชั่นไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ปล่อยให้กระแสที่ตัวเองสร้างขึ้นผ่านเลยไปเพียงแค่หนึ่งซีซั่นโดยเปล่าประโยชน์ เพราะหลังจากการร่วมงานในครั้งนั้น Kim Jones หัวเรือใหญ่ของแบรนด์กูตูร์ระดับตำนานของฝรั่งเศส ยังคงดำเนินรอยตามวิถีของสตรีทแวร์ส่งผลงานที่เป็นคอลเลคชั่นเสื้อผ้าออกมาเอาใจคนหมู่มากกว่าที่เคย จึงไม่น่าแปลกใจหากในตอนนี้ Louis Vuitton จะเป็นแบรนด์ที่ร้อนแรงที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก โดยใน spring /summer 18 ก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ Kim Jones และLouis Vuitton เตรียมสร้าง Pop-up shop ซึ่งเป็นกลยุทธ์เดียวกับที่แบรนด์สตรีทแวร์ชอบทำกัน เพื่อเดินทางไปขายสินค้า limited edition ตามสถานที่ต่าง ๆ ในรูปแบบ Traveling Pop-up
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า นอกจากเจนีวาแล้ว เมืองเบียล ก็เป็นอีกต้นกำเนิดแห่งวิถีประเพณีดั้งเดิมแห่งการประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตเรือนเวลามาจนถึงทุกวันนี้ ก้าวแรกของแบรนด์นาฬิกาอิสระอย่าง Azimuth ก็เริ่มต้นขึ้นที่นี่เช่นกัน ด้วยคอนเซ็ปต์ในการเป็นนาฬิการูปแบบเฉพาะตัวที่ผสานดีไซน์อันยอดเยี่ยม นวัตกรรมอันทันสมัย และประเพณีดั้งเดิมแห่งการประดิษฐ์เรือนเวลาของสวิส เข้าด้วยกันอย่างลงตัว สำหรับใครที่รู้สึกว่าชื่อแบรนด์ไม่ค่อยคุ้นหู ที่จริงแล้วเรือนเวลาแบรนด์นี้มีประวัติและเทคโนโลยีการผลิตที่ละเอียดอ่อนไม่แพ้แบรนด์ไหนในโลก แม้จะเป็นนาฬิกาสวิส แต่ผู้ให้กำเนิดแบรนด์และก่อตั้งโรงงานผลิตนาฬิกา Azimuth ขึ้นที่เมือง เบียล ตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 เป็นต้นมานั้น ไม่ใช่ชาวสวิส แต่เป็นชายผู้หลงใหลในเครื่องบอกเวลาชาวเอเชีย 2 ท่าน Alvin Lye กับ Christopher Long ทั้งสองท่านนี้เป็นผู้คร่ำหวอดมากประสบการณ์ในวงการนาฬิกา ทั้งในแง่ของการสะสม และการเป็นผู้จำหน่าย ซึ่งไม่เพียงพอสนองความต้องการที่แท้จริงของเขาทั้งคู่ได้ เพราะทั้งสองต่างประสงค์ที่จะสร้างนาฬิกาในอุดมคติขึ้นมาเอง ด้วยความที่ไม่มีนาฬิกาแบรนด์ใดตอบโจทย์คุณสมบัติที่พวกเขาต้องการให้มีได้ โปรเจ็คต์การก่อตั้งแบรนด์และโรงงานนาฬิกาของพวกเขาจึงก่อกำเนิดขึ้นโดยเลือกคำว่า Azimuth ซึ่งเป็นชื่อเรียกระยะคำนวณของเส้นขอบฟ้าจากตำแหน่งใด ๆ บนโลก มาเป็นชื่อแบรนด์ ด้วยเป็นความหมายแห่งการแสวงหาความรู้ทางปัญญาของมนุษย์ อีกทั้งคำนี้ยังมาจากรากศัพท์ภาษาอารบิก ที่หมายถึงเส้นทางที่นักเดินทางข้ามผ่านซึ่งก็เป็นความหมายที่โดนใจพวกเขาเช่นกัน ส่วนโลโก้ของแบรนด์มาจากลักษณะของแฮร์สปริง ที่เปรียบได้กับการเต้นของหัวใจแห่งกลไกจักรกล ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นในการผลิตแต่เพียงนาฬิกาจักรกลได้อย่างตรงประเด็นที่สุด ความต้องการสร้างสิ่งที่แตกต่างนั้น คือวัตถุประสงค์หลักในการสร้างนาฬิกา Azimuth ดังนั้นนาฬิกาจาก Azimuth จึงแตกต่างจากนาฬิกาที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไป พวกเขาให้อิสระกับทีมออกแบบ
ไม่รู้ว่าอยากจะสร้างกระแส หรือว่าต้องการจะสื่ออะไรสำหรับแบรนด์ fast-fashion ชื่อดังจาก Sweden อย่าง H&M ที่เมื่อไม่นานมานี้ ได้ทำการเปิดตัวคอลเลคชั่นสำหรับเด็กในเครือประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าดังกล่าวได้มีรูปภาพเด็กผิวสีสวมเสื้อฮู้ดสีเขียว พร้อมลายกราฟิกข้อความว่า “Coolest Monkey in The Jungle” ที่ชวนให้คิดว่ามันเป็นการจงใจของ Art Director โปรเจคต์นี้หรือเปล่า? เมื่อภาพดังกล่าวเป็นการประกบคู่กับเด็กผิวขาวในเสื้อที่มีคำว่า “Mangrove Jungle, Survival Expert” หลังจากภาพนี้เผยแพร่ออกไปก็เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโซเชียลมีเดีย ทั้งทาง Twitter และ Facebook เนื่องจากเข้าข่ายการเหยียดสีผิว เพราะความหมายของเสื้อมันสื่อไปในเนื้อหาที่ว่า เด็กผิวสีต้องติดอยู่ในป่า แต่เด็กผิวขาวกลับรอดชีวิตออกมาได้ จนทำให้ H&M ต้องถอนภาพโปรโมตนี้ออกมาจากสื่อโฆษณา รวมถึงบนเว็บไซต์ตัวเองทั้งหมด พร้อมออกแถลงการณ์ขอโทษถึงความรู้เท่าไม่ถึงการ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนเมื่อ ดารา เซเลบริตี้ผิวสี ทั้งหลายได้ประกาศบอยคอตต์ขอไม่ร่วมงานกับ H&M อีก แม้กระทั่ง The Weeknd ที่เคยมีโปรเจคต์คอลเลคชั่นพร้อมสัญญาก้อนใหญ่กับทางแบรนด์ ยังตัดสินใจใช้ Twitter ส่วนตัวเพื่อประกาศว่า “ผมตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกช็อค และละอายใจอย่างมากกับรูปนี้ แต่ผมคงต้องบอกว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีการร่วมกับ H&M อีกต่อไป”
การเลือกโทนสีเสื้อผ้าให้เหมาะกับสีผิวนั้น เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญในการแต่งตัวออกมาให้ดูดี เพราะถ้าเกิดคุณเป็นคนผิวขาวมาก ๆ และยิ่งใส่เสื้อผ้าที่ทำให้ดูซอฟ์ทลง อาจจะเป็นการเน้นย้ำความขาวจนออกไปทางซีด ให้คนอื่นพาลคิดได้ว่าคุณกำลังป่วยอยู่หรือเปล่า ซึ่งจริง ๆ แล้ววิธีการเลือกโทนเสื้อผ้านั้นไม่ใช่เรื่องยากสลับซับซ้อนอะไรอย่างที่คิด เพียงแค่คุณต้องรู้จักพิถีพิถันใส่ใจกับไอเทมต่าง ๆ สักนิดหนึ่ง โดยก่อนอื่นต้องมาสำรวจร่างกายว่าอยู่ในลักษณะใด แต่ถ้าใครเกิดยังไม่รู้ต้องเลือกยังไง วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN หาวิธีการเลือกสีของเสื้อผ้าเพื่อให้เหมาะกับสีผิวตัวเองมากที่สุดมาฝากกัน สีผิวนั้นส่งผลกับการแต่งตัวในระดับหนึ่ง มันไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะมีสีผิวขาวสว่าง หรือจะผิวเข้มขนาดไหน แต่มันคือการที่เรารู้จัก Balance สีผิวโทนเย็น และโทนอุ่นของตัวเรา ซึ่งการแต่งกายก็เหมือนกับการถ่ายภาพ เพราะอารมณ์จากสีเสื้อผ้าพอมันมาตกอยู่กับผิวก็จะให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป เหมือนสีของภาพถ่ายที่โทนเปลี่ยน อารมณ์ก็เปลี่ยน สังเกตเส้นเลือดบริเวณข้อมือ ก่อนอื่นเราจะต้องทำความรู้จักกับสีผิวของตัวเองเสียก่อน ซึ่งหลายครั้งเราอาจจะคุ้นเคยกับการเรียกแบบเหมารวมอย่างเช่น ผิวขาว ผิวเหลือง ผิวเข้ม โดยอันที่จริงแล้ววิธีการเรียกแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง 100 % เนื่องจากการแบ่งแยกตามนี้มักจะมีข้อโต้เถียงมากมาย ขาวแบบไหน คล้ำประมาณไหน ดังนั้นตามหลักแล้วสีผิวของมนุษย์เราสามารถแบ่งออกได้เพียงสามเฉดดังต่อไปนี้ Cool tone หรือเรียกว่าคนผิวโทนเย็น วิธีการให้เราสังเกตที่บริเวณเส้นเลือดใหญ่ของข้อมือจะมีสีน้ำเงิน และสีม่วง โดยผิวของคนผิวโทนเย็นจะเป็นสี ชมพู แดง ซึ่งผิวแบบนี้ไม่ค่อยมีในผู้ชายไทยเท่าไหร่นัก ใครมีถือว่าเป็นแรร์ไอเทมมาก ๆ Warm Tone หรือสีโทนอุ่น
GEL-NIMBUS ถือเป็นรองเท้าซีรี่ส์รุ่นแรก ๆ ที่ถูกออกแบบมาสำหรับนักวิ่งที่มีระยะทางไกล โดยรองเท้ารุ่นนี้ได้รับความนิยมยาวนานถึง 20 ปี และเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ทาง ASICS จึงถือโอกาสเปิดตัวแนะนำคอลเลคชั่นใหม่ในนามว่า GEL-NIMBUS 20 ซึ่งเป็นที่เล่าขานว่าเป็นรองเท้าวิ่งรุ่นที่เบาที่สุดในตระกูล Nimbus ที่ผ่านมา และสิ่งที่พิเศษสุดสำหรับคอลเลคชั่นนี้คือการออกแบบเพื่อรองรับแรงกระแทกอย่างดีเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้รักการวิ่งทั้งระยะสั้น และระยะยาวเลยทีเดียว สำหรับฟังก์ชั่นเด่นของ GEL-NIMBUS 20 คือ ความรู้สึกสบายเท้าในทุกก้าววิ่ง ด้วยนวัตกรรมการรองรับทุกแรงกระแทก เพื่อเสริมความมั่นใจ และพาคุณเข้าสู่จุดปลายทางได้อย่างสวยงาม ครบถ้วนทั้งประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม ในวันนี้ GEL-NIMBUS ถือเป็นหนึ่งในตำนานของรองเท้าวิ่งระยะไกลที่รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และเลื่องลือในความนุ่มสบายด้วยแผ่นรองรับแรงจากนวัตกรรมของ FlyteFoam ที่ผสมผสานเข้ากับเจลในส่วนบริเวณส้นเท้าออกแบบโดยเฉพาะ GEL-NIMBUS 20 รองรับการกระแทกที่มีประสิทธิภาพสูง และอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ผนวกเข้ากับคอลเลคชั่นนี้คือ Gradient Jacquard Mesh คือการออกแบบ 3 มิติ เพื่อส่งเสริมการออกแบบที่ลงตัว และพิถีพิถันให้ความโดดเด่นด้านรูปลักษณ์น่าสวมใส่ แต่ก็ไม่ละเว้นการใส่ใจในด้านประสิทธิภาพในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มเบา สบาย สามารถใส่วิ่งหรือทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างคล่องแคล่ว ช่วยปกป้องเท้าคุณจากการบาดเจ็บ ทั้งยังมีการระบายอากาศที่ดี ไม่ทำให้เกิดปัญหากลิ่นอับ