จากกระแสรถยนต์ประเภทไฮบริดที่ได้รับความสนใจและความนิยมจากหนุ่ม ๆ ผู้รักความเร็วทั่วโลกมากขึ้นทุกวัน ทำให้ปัจจุบันค่ายรถต่าง ๆ หันมาผลิตรถยนต์รูปแบบดังกล่าวสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่สุดยอดค่ายซูเปอร์คาร์อย่าง Ferrari ที่เพิ่งคลอดม้าลำพองปลั๊กอินไฮบริดคันแรกออกสู่ตลาดและว่ากันว่ามันมาพร้อมความเร็วที่ไม่เป็นรองใคร เพื่อต้อนรับยุคสมัยใหม่ที่กำลังจะมาถึง ต้องขอบคุณการทำงานหนักของวิศวกรและทีมดีไซน์ รวมไปถึงสุดยอดต้นแบบอย่าง LaFerrari ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของไฮเปอร์คาร์คันล่าสุดจาก Ferrari ที่สร้างมาเพื่อแสดงศักยภาพของพลังปลั๊กอินไฮบริดของค่ายม้าลำลองที่มาในชื่อ Ferrari SF90 Stradale โดยชื่อรุ่นถูกตั้งมาเพื่อระลึกถึงการครบรอบ 90 ปีของทีม F1 ประจำแบรนด์อย่าง Scuderia Ferrari Race Team SF90 Stradale ไฮเปอร์คาร์คันบุกเบิกยุคสมัยใหม่ของค่ายม้าลำพองที่จะทำให้คนเลิกดูถูกพลังของระบบปลั๊กอินไฮบริดด้วยสมรรถนะความแรงที่ได้พลังจากเครื่องยนต์ V8 Turbocharged ขนาด 4.0 ลิตรวางกลางที่มอบพลัง 769 แรงม้าและแรงบิด 800 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว (ด้านหน้าตัวรถ 1 ด้านหลัง 2) ที่จะบวกพลังเพิ่มอีก 217 แรงม้ากลายเป็นพลังรวมที่ 986 แรงม้า พลังทั้งหมดจะถูกส่งต่อไปยังชุดเกียร์ Dual-clutch
James Bond ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ผู้ชายอย่างเรารู้จักกันเป็นอย่างดี ภาพยนตร์ที่พูดถึงสุดยอดสายลับรหัส 007 จากองค์กร MI6 ที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันและการไล่ล่าสุดมันส์ แม้จะผลิตออกมาถึง 24 ภาคในช่วงเวลา 55 ปีก็ยังมีฐานแฟน ๆ ติดตามหนังภาคใหม่อยู่ตลอดเวลาราวกับต้องมนตร์ที่ไม่เสื่อมคลาย นอกจากเนื้อเรื่องแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่หนุ่ม ๆ อย่างเราซึมซับได้จากหนังเรื่องนี้คือรถยนต์คันงามคู่ใจของพระเอกในแต่ละภาค โดยเฉพาะรถจากค่าย Aston Martin ที่กำลังผลิตรถรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 50 ของโมเดลดังจากหนังภาค On Her Majesty’s Secret Service (OHNSS) ถ้าพูดถึง Aston Martin และ James Bond หลายคนอาจติดภาพจำของ Aston Marin DB5 ที่พระเอกอย่าง Sean Connery ใช้งานในภาค Goldfinger และ Thunderball รวมถึงโผล่มาอวดโฉมทั้งใน Casino Royale Skyfall และช่วงท้ายของ Spectre Aston Marin DB5 จึงกลายเป็นรถขึ้นหิ้งที่มีราคาสูงโดยไม่ต้องบรรยายสรรพคุณไปแล้ว
แม้ในปัจจุบันจะมีรถยนต์มากมายหลายค่ายทยอยกันเปิดตัวเพื่อโชว์สมรรถนะที่ถูกพัฒนาอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าแม้ยุคสมัยจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ความนิยมในโมเดลรถยนต์ที่ระดับตำนานตั้งแต่อดีตก็ยังไม่เคยเสื่อมคลายลง ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาจากรถคันอื่นไม่ได้ หากเอ่ยชื่อโมเดลอย่าง Nissan Skyline GTR (R32) , Mazda MX5 Miata (NA) รวมไปถึง Toyota Supra (A70) หนุ่ม ๆ หลายคนคงคุ้นเคยกันดี ทั้งหมดคือโมเดลในตำนานของค่ายรถจากแดนปลาดิบที่ต่างเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของตัวเองตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80’s ไปจนถึงช่วงต้นหรือกลางยุค 90’s ปัจจุบันตำนานแต่ละคันอาจอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์นักเนื่องจากเวลาที่ผ่านพ้นไป แต่ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะฟื้นฟูพวกมันให้กลับมาอีกครั้ง หลังจากค่ายรถยักษ์ใหญ่กำลังจะกลับมาผลิตชิ้นอะไหล่ของรถรุ่นเก๋าแต่คันอีกครั้ง รวมไปถึงมี Restoration Projects ที่เตรียมฟื้นคืนชีพให้กลับมาอยู่ในสภาพออกจากโรงงานอีกครั้งหนึ่ง เริ่มกันที่ข่าวข่าวดีของผู้ครอบครอง Godzilla หรือ Nissan Skyline GT-R ไม่ว่าจะเป็นรหัสตัวถัง R32 และ R34 ที่ได้ NISMO Heritage Parts กลับมาผลิตชิ้นส่วนทั้ง 160 ชนิดซึ่งจะช่วยคืนชีพตำนานที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์แต่ละคันให้กลับมาวิ่งบนท้องถนนแบบเต็มสมรรถนะได้อีกครั้ง ชิ้นส่วนทั้ง 160 ชนิดครอบคลุมตั้งแต่ชิ้นส่วนในห้องเครื่องยนต์ แผงวงจรไฟฟ้าไปจนถึง
วันนี้ผู้ชายทุกคนที่มีความหลงใหลในโลกของยนตกรรม และได้ติดตามวิวัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์คงทราบกันดีว่า ในปัจจุบันรถยนต์พลังงานทางเลือกกำลังก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้นต่อผู้คนทั่วโลก ที่ต่างตื่นตัวในเรื่องการหาพลังงานสะอาดเพื่อทดแทนการใช้น้ำมัน ทั้งการออกกฎเกณฑ์ที่เตรียมพร้อมสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจังในฝั่งยุโรป การเกิดขึ้นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากทั้งแบรนด์รถยนต์ใหม่และเก่า ซึ่งมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดในหลายประเทศ และหลายคนคงมีคำถามเกิดขึ้นว่า แล้วทิศทางของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังก้าวไปในทิศทางไหน? ขณะเดียวกันในบ้านเราค่าย MG (เอ็มจี) ก็เล็งเห็นถึงทิศทางและความสำคัญของเทคโนโลยีสำหรับอนาคตดังกล่าว ทำให้เกิดงานสัมมนา “EVolution Of Automotive” ซึ่งถูกจัดขึ้นเพื่อทำความเข้าใจและผลักดันการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ให้พร้อมสำหรับยานยนต์แห่งอนาคตที่จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากขึ้นในอนาคตอันใกล้มาก ๆ นี้ เราได้เข้าร่วมงานสัมมนารถยนต์ MG ประเทศไทย ที่จัดขึ้นเพื่อแลกแชร์มุมมองและวิเคราะห์ความพร้อมของประเทศไทยต่อการพัฒนาและยกระดับการใช้ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” (EV) ให้เป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น ในงานสัมมนา “EVolution of Automotive” เพื่อนำเสนอประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในทุกมิติ โดยในงานนี้ได้ 7 Guru ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้งภาครัฐและเอกชน มาร่วมสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางความเป็นไปได้ และความคืบหน้าในการขับเคลื่อนประเทศไทยของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นไปอีกขั้น ภายในงานสัมมนาครั้งนี้มีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่าง คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันประชาคมโลกให้ความสำคัญกับการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะตระหนักถึงคุณภาพชีวิตควบคู่กับความต้องการลดภาวะมลพิษในระยะยาว เนื่องจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จึงไม่มีการปล่อยไอเสียสู่ธรรมชาติ พร้อมพัฒนาการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าที่เงียบ มีอัตราเร่งที่ดี และสามารถขับได้ระยะทางที่ไกลมากขึ้น
Toyota GR Supra 2020 คือสปอร์ตมาแรงของแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่หลังจากเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยสำนักแต่งรถคู่บุญของ Toyota อย่าง TRD ก็ไม่รอช้า ปล่อยชุดแต่งเพื่อเพิ่มความเท่แบบสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม ยืนยันได้จากสีสันและดีเทลอันโฉบเฉี่ยวตรงหน้า เรารับรองว่าต้องถูกใจ เรียกความกระชุ่มกระชวนให้หนุ่มรักรถไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อต้นปีที่ผ่านมาทาง Toyota เปิดตัวสุดยอดรถสปอร์ตรุ่นตำนานอย่าง Toyota GR Supra 2020 รถยนต์สุดเท่ที่ห้องโดยสารได้แรงบันดาลใจจาก FT-1 concept และใช้เครื่องยนต์จาก BMW พร้อมเทอร์โบชาร์จหกสูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด 335 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มีโหมดขับขี่สองแบบคือ Nomal และ Sport Toyota GR Supra 2020 เปิดตัวอย่างเป็นทางการทั้งหมด 3 รุ่นย่อยด้วยกันคือ Base 3.0 (ประมาณ 1.6 ล้านบาท) Premium 3.0 (1.7 ล้านบาท) และ Launch Edition (1.75 ล้านบาท)
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลยานยนต์จากค่าย BMW โดยเฉพาะโมเดลสปอร์ตซีดานสุดแรงอย่าง M5 เตรียมพบกับข่าวดีกันได้เลย เพราะในปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงรุ่นพิเศษที่ผลิตออกมาฉลองครบรอบ 35 ปีของรถยนต์ในสายการผลิตดังกล่าว เตรียมถูกเปิดตัวออกมาแล้วในชื่อ BMW M5 “Edition 35 Years” ย้อนกลับไปในปี 1985 เป็นช่วงเวลาที่ M5 รุ่นแรกถูกสร้างขึ้นมาในรหัสตัวถัง E28 โดยใช้เครื่องยนต์ที่ดัดแปลงมาจาก M1 จนกลายเป็นรถยนต์ประเภทซีดานที่เร็วที่สุดในตอนนั้นและกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของตระกูล M5 ซึ่งเป็นที่นิยมจากผู้ใช้รถทั่วโลกมาตลอดระยะเวลา 35 ปีโดยทาง BMW เลือกจะฉลองความสำเร็จที่ผ่านมาด้วย M5 ที่อัดแน่นความพิเศษไว้เต็มคัน BMW M5 “Edition 35 Years” มีพื้นฐานมาจาก M5 Competition ที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.4 ลิตร Twin-Turbo ให้พลัง 617 แรงม้าแรงบิดที่ 553 ปอนด์-ฟุต มีอัตราเร่งความเร็วตั้งแต่
New McLaren GT สุดยอดรถยนต์รุ่นล่าสุดผลผลิตจาก GT Racing แผนกปรับแต่งรถยนต์สมรรถนะสูงของ McLaren Automotive โดยการกลับมาครั้งนี้ไม่ได้มีดีเฉพาะความแรงที่มากกว่าเดิมเท่านั้น แต่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหราและน้ำหนักเบากว่าทุกรุ่นในสายการผลิตที่ผ่านมาอีกด้วย McLaren เปิดตัวรถยนต์ประเภทแกรนด์ทัวเลอร์คันล่าสุดในตระกูล GT ที่คาดว่าจะเป็น 1 ใน 4 โมเดลสำหรับแผนสำคัญทางธุรกิจของแบรนด์รถยนต์จากประเทศอังกฤษในปี 2025 โดย GT คันใหม่ได้รับการส่งต่อแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจาก Speedtail เรือธงของค่าย ด้วยการใช้โครงสร้าง MonoCell II-T ซึ่งแข็งแรงและมีน้ำหนักเบาทำให้มีน้ำหนักตัวถังเพียง 1,530 กิโลกรัมซึ่งเบามากสำหรับรถสายพันธุ์ GT ด้านในห้องโดยสารของ New McLaren GT กว้างขวางและสะดวกสบาย เพราะถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการขับขี่ระยะไกลด้วยเบาะปรับอุณหภูมิที่รองรับแผ่นหลังและหัวไหล่ได้เป็นอย่างดี มีระบบไฟ “Ambient Lighting“ ให้เลือกปรับบรรยากาศได้ตามความต้องการ สร้างความเพลิดเพลินจากเสียงเพลงที่ถูกส่งออกมาจากชุดลำโพงจาก Bowers & Wilkins ทั้งหมด 12 ตัว พร้อมระบบลดเสียงรบกวนจากภายนอกที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ด้านขุมกำลัง 2020 McLaren GT เลือกวางเครื่องยนต์
หนึ่งในหนังที่พลาดไม่ได้สำหรับหนุ่ม ๆ หลายคน คงจะหนีไม่พ้นบทแฟรนไชส์ภาพยนตร์แอ็คชันของคนรักหมาอย่าง John Wick ที่นอกจากฉากบู๊ที่ดุดัน ยังขาดไม่ได้กับรถสวย ๆ และฉากที่ตราตรึงใจใครต่อหลายคนในภาค 3 ที่ Keanu Reeves ควบม้าฆ่ารอบเมืองจนทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าพาหนะที่แท้จริงของพระเอกวัยเก๋าคนนี้จริง ๆ แล้วเขาใช้รถรุ่นอะไรคันไหนอยู่กันบ้าง ว่ากันว่า Keanu Reeves คือหนึ่งในชายที่หลงใหลโลกแห่งความเร็ว ทั้งในรูปแบบ 4 ล้อและ 2 ล้อ เห็นได้จากการปรากฏตัวของเขาพร้อมรถคันงาม รวมถึงเจ้าตัวยังชอบโดดไปร่วมงานทดสอบการขับขี่ของผู้ผลิตรถค่ายต่าง ๆ อยู่เสมอ อีกทั้งยังมีแบรนด์มอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเองอีกด้วย วันนี้ UNLOCKMEN จึงได้รวบรวมพาหนะที่ตัวเขามีไว้ในครอบครอง แต่ละคันจะพิเศษและสวยงามยังไงบ้าง? มาดูไปพร้อมกันได้เลย Volvo 122 Dumpy คือชื่อของรถยนต์คันแรกชีวิตของ Keanu Reeves เป็นรถยนต์ Volvo 122 ที่ถูกผลิตขึ้นระหว่างปี 1,956-1970 มาในโทนสี British Racing Green ทั่วทั้งคันเป็น Saloon 4 ที่นั่ง
การได้ขึ้นไปขับเฮลิคอปเตอร์บนฟ้าสักครั้งคงเป็นหนึ่งในความฝันของผู้ชายหลายคน สำหรับบางคนอาจทำความฝันให้เป็นจริงได้ แต่กับหนุ่ม ๆ บางคนก็ดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวไม่น้อยเลยละ จริงไหม? แล้วถ้ามีนวัตกรรมยานยนต์ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ราวกับได้นั่งจับแฮนด์ของเฮลิคอปเตอร์จริง ๆ มันจะเจ๋งขนาดไหนกัน Citroën (ซีตรอง) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของฝรั่งเศสฉลองครบรอบ 100 ปี ด้วยการสร้าง “Citroën’s 19_19” รถยนต์ไฟฟ้าแนวคิดใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเฮลิคอปเตอร์ โครงสร้างรถถูกดีไซน์ด้วยกระจกหนาแทบทั้งคันเพื่อให้คล้ายกับลำตัวของเครื่องบิน พร้อมเปิดให้เห็นทัศนียภาพโปร่งใสทั่วคันรถเช่นเดียวกับเฮลิคอปเตอร์ ตัวล้อ Citroën ได้พัฒนาร่วมกับ Goodyear บริษัทผลิตยางรถยนต์สัญชาติอเมริกัน โดยประกอบล้อความกว้าง 30 นิ้ว พร้อมพื้นผิวเป็นรูพรุนเพื่อดูดซับแรงกระแทก ภายในแต่ละล้อถูกฝังเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่ทำหน้าที่ตรวจสอบพื้นถนน รอบล้อรถหุ้มด้วยบังโคลน aero dynamic ช่วยลดการฉุดลากที่ก่อให้เกิดแรงเสียดทานในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง พร้อมระบบกันสะเทือน progressive hydraulic cushion ป้องกันการกระแทกอย่างไร้ที่ติและมอบประสบการณ์การนั่งรถราวกับอยู่บนพรมวิเศษ Citroën’s 19_19 มีขนาดใกล้เคียงกับรถยนต์ SUV ซึ่งมีความยาวอยู่ที่ 4,655 มิลลิเมตร กว้าง 2,240 และมีความสูง 1,600 มิลลิเมตร รถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าใช้ชุดแบตเตอรี่ขนาด 100kwh โดยการชาร์จหนึ่งครั้งจะใช้ได้สูงสุด 800 กิโลเมตร หรือประมาณ 497 ไมล์
ความเร็วสูงสุดของรถตุ๊กตุ๊กจะอยู่ที่กี่กิโลเมตรต่อชั่วโมง ? ถือว่าเป็นคำถามที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเกี่ยวกับความเร็วของรถประเภทนี้เท่าไหร่นัก สำหรับมุมมองนักท่องเที่ยวต่อตุ๊กตุ๊กไทยก็จะมองเรื่องความแปลกใหม่ ส่วนคนไทยก็มองว่าตุ๊กตุ๊กมีไว้ใช้บริการเวลาอยากขึ้นชมวิวรอบเมืองเก่าเช่นย่านพระนครเสียมากกว่า ผิดกับชายชาวอังกฤษคนหนึ่งทำเรื่องที่คนส่วนใหญ่มองข้าม สร้างสถิติโลกด้วยการนำมันมาซิ่งจนได้การรับรองจากหน่วยงานที่คอยจดบันทึกสถิติต่าง ๆ ทั่วโลกอย่าง Guinness World Records ไปครองเป็นที่เรียบร้อย เรื่องราวการสร้างตำนานรถตุ๊กตุ๊กหรือชื่อทางการอย่างรถสามล้อเครื่องที่เร็วที่สุดในโลกเริ่มมาจากชายคนหนึ่งชื่อ Matt Everard กดสั่งซื้อรถตุ๊กตุ๊กรุ่นปี 1971 มาจากเว็บไซต์ eBay ด้วยราคา 3,000 ปอนด์ (ประมาณ 123,000 บาท) และเมื่อได้รถตุ๊กตุ๊กมาก็จ่ายเพิ่มอีก 10,000 ปอนด์ (406,000 บาท) เพื่อจัดการแต่งเติมเสริมพลังให้สามล้อเครื่องของเขาเร็วแรงดั่งใจ ซึ่งการแต่งรถของ Matt ในครั้งนี้ถือว่าแพงกว่าราคาที่ซื้อมาเสียอีก เขาตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องยนต์ของรถตุ๊กตุ๊กใหม่จากเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ 350 ซีซี มาเป็นเครื่องยนต์รถ Daihatsu injection 1,300 ซีซี จัดการดัดแปลงตัวรถทั้งในและนอกใหม่ให้เรียบร้อย โดยไม่ลืมติดสติ๊กเกอร์ธงชาติไทยเพื่อให้ไม่ลืมว่ารถคันนี้มาจากไหน จากนั้นรถตุ๊กตุ๊กที่หน้าตาแตกต่างออกไปจากสามล้อทั่วไปก็พร้อมที่จะโลดแล่นบนถนนจริงแล้ว หลังจากทดลองขับตุ๊กตุ๊กคันดังกล่าวด้วยการเพิ่มระดับความเร็วไปเรื่อย ๆ Matt คิดว่ารถสามล้อเครื่องของเขาสามารถสร้างสถิติใหม่ได้อย่างแน่นอน เขาจึงไม่รอช้าติดต่อไปยัง Guinness World Records เพื่อบันทึกความเร็วของรถ
สิ่งของทุกอย่างล้วนมีแรงบันดาลใจและจุดกำเนิด รถยนต์เองก็เช่นเดียวกัน คุณจะให้ราคากับโมเดลรถยนต์ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจของปีศาจความเร็วสมัยใหม่หลายต่อหลายคันในราคาแค่ไหน โดยเฉพาะถ้ามันคือคันสุดท้ายที่เหลือรอดจากการถูกผลิตออกมาเพียง 3 คันบนโลกและกำลังจะถูกนำออกมาประมูล บรรพบุรุษของเจ้าแห่งความเร็วที่เรากำลังพูดถึงคือ Porsche Type 64 ที่ถูกผลิตขึ้นมาในปี 1939 รถรุ่นนี้เดิมถูกผลิตขึ้นมาเป็น Prototype ก่อนเป็นจำนวน 3 คันเพื่อทดสอบและเข้าร่วมการแข่งขัน Berlin-Rome Endurance Race แต่ยังไม่ทันได้อวดประสิทธิภาพมันก็ถูกสงครามโลกครั้งที่สองมาขัดจังหวะเอาไว้ก่อน โปรเจกต์จึงพับเก็บไป อย่างไรก็ดีลักษณะตัวถังของมันถูกถ่ายทอดออกมาเป็น Porsche Gmund 356 ในเวลาต่อมา ขณะเดียวกันเมื่อเวลาผ่านไป รถตัวต้นแบบอีกสองคันก็ได้รับความเสียหายตามกาลเวลา เหลือเพียงหมายเลข 3 ซึ่งอยู่ในสภาพดีและกำลังจะถูกนำออกประมูลโดย RM Sotheby’s Monterey ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 17 สิงหาคมนี้ ว่ากันว่ารถยนต์สุดคลาสสิกที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีคันนี้จะสามารถสร้างราคาที่เป็นสถิติใหม่ที่น่าสนใจขึ้นมา Porsche Type 64 คือร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ของประวัติศาสตร์ยานยนต์ที่ใช้เป็นเครื่องยนต์ Flat-Four 32 แรงม้าสภาพสมบูรณ์ ที่มาพร้อมอุปกรณ์แต่งและชุดอะไหล่ครบครัน รวมถึงงานดีไซน์ที่รูปทรงของมันกลายมาเป็นต้นแบบให้รถสปอร์ตของ Porsche มาตลอดเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ที่ไม่ค่อยได้แสดงตัวตนที่ไหนบ่อยนักและนั่นจะทำให้เหล่าคนรักรถและนักสะสมมือหนักที่มาร่วมงาน แข่งกันเคาะราคาเพื่อให้ได้มันไปไว้ในครอบครองอย่างแน่นอน SOURCE
ระหว่างที่ผู้ชายอย่างเรามุ่งมั่นใช้ชีวิตบนเส้นทางของตัวเองอย่างเต็มที่อยู่ทุกวัน ขณะเดียวกันเวลาทุกวินาทีที่เดินไปข้างหน้าเรื่องของเทคโนโลยีล้ำสมัยในโลกของยานยนต์ก็ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศแห่งนวัตกรรมอย่างจีนที่กำลังถูกจับตามองจากคนในแวดวงการรถยนต์ทั่วโลกแบบไม่คลาดสายตา SAIC Motor Corporation หนึ่งในบริษัทยานยนต์ระดับโลกจากประเทศจีนซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอ็มจี ประเทศไทยที่กำลังมุ่งเน้นพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกออกมา เพื่อให้หนุ่ม ๆ ทั่วโลกได้มีทางตัวเลือกในการซื้อรถยนต์เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ด้วยการพัฒนาภายใต้ 4 แกนหลักคือรถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (Electrification), ระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligence Connectivity) , การใช้รถยนต์ร่วมกัน (Car Sharing) และความเป็นสากล (Globalization) โดยพวกเขาใช้ประสบการณ์จากการทำธุรกิจในกว่า 60 ประเทศทั่วโลกและศูนย์วิจัยพัฒนาที่ตั้งอยู่ทั้งในประเทศจีน, อังกฤษและสหรัฐอเมริกา รวมถึงขยายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย, อินโดนีเซียและอินเดียเมื่อไม่นานมานี้ มาในปีนี้พวกเขาได้ทำการเปิดตัวรถยนต์หลากหลายรูปแบบทั้งชนิดขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Cell) , รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ (EV) รวมถึงรถต้นแบบที่สามารถเชื่อมต่อกับการสื่อสาร 5G ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับ China Mobile, Huawei และ Shanghai International Auto City เพื่อสร้างอาณาจักรของรถยนต์แห่งอนาคต โดยทั้งหมดจัดแสดงในงาน Auto