คิดว่าหลายคนคงได้เห็นนาฬิกา Smart Watch กันมากมายหลายรุ่นกันอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ไม่ว่านาฬิกาแบรนด์ไหนก็เริ่มหันหน้าพัฒนาออกมาอยู่เนือง ๆ เสมอ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังทำงานได้ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนเป็นหลักอยู่ดี จนไม่นานมานี้มีการเปิดตัวของ Apple Watch 3 ที่กำลังเริ่มนำเทคโนโลยี eSIM สำหรับการใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องต่อกับสมาร์ทโฟนเข้ามาลุยในตลาด Smart Watch บ้างแล้ว ทางฝั่ง Android Wear 2.0 ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเพราะล่าสุด Huawei ได้เปิดตัว Huawei Watch 2 Pro ที่ใช้งานเทคโนโลยี eSIM ได้เช่นเดียวกัน ตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่าการปรับตัวของ Huawei ตั้งแต่สมาร์ทโฟน P9 เป็นต้นมา ได้สร้างความตื่นตัวให้กับผู้ใช้ในตลาดเป็นอย่างสูง เพราะกระแสส่งต่อมาจนถึงปัจจุบันแบบไม่มีตก อย่างการเปิดตัว Huawei Watch 2 Pro ตัวล่าสุดก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะทาง Huawei ได้พัฒนาให้นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นนี้ สามารถใส่ซิมได้เหมือนมือถือทั่วไปและยังสามารถใช้งาน เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายได้โดยไม่จำเป็นต้องต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนอีกด้วย จากเดิมที่ตัวซิมการด์มีขนาดค่อนข้างใหญ่เกินตัวนาฬิกา ทำให้เสียพื้นที่ในการใช้งานไปเกินกว่าครึ่ง ทำให้หลายแบรนด์เริ่มหันมาแก้เกมด้วยการใช้เทคโนโลยีแบบ eSIM แทน
บางคนไม่ชอบ X1 เพราะ entry level เกินไป จะขยับไป X3 ก็ราคาพุ่งเกินไปอยู่แถว 3.5 ล้าน ทำให้เกิดช่องว่างระหว่าง X1 และ X3 มานาน เมื่อดูภาพตลาด X-series ที่ขายดีวันดีคืน ทำให้ BMW ตัดสินใจไม่ยาก ในการเปิดผ้าคลุม BMW X2 เพื่อปิดช่องว่างนั้นซะ และยังเป็นการสร้างความตื่นเต้นให้กับกลุ่มลูกค้าที่มองหาอะไรใหม่ ๆ ในราคาที่ยั่วยวนใจให้จับต้องได้ไม่ยาก เมื่อเทียบกับ X3, X4, X5 และ X6 BMW X2 พัฒนาจากพื้นฐาน UKL2 platform เดียวกับ X1 จึงน่าจะมีระยะ wheelbase ไม่ต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่ต่างอย่างเห็นได้ชัด คือการดึงเอาอารมณ์ และดีไซน์ของรุ่นพี่อย่าง X4 และ X6 เข้ามาใส่ไว้ใน X2 ค่อนข้างมาก (SUV
ในชีวิตประจำวันสิ่งที่ขาดไม่ได้คงหนีไม่พ้นการพกพาและใช้งานสมาร์ทโฟนในการเข้าถึงโซเซียลเน็ตเวิร์ค ที่กินเวลาชีวิตในแต่ละวันไปแทบจะ 1 ส่วน 3 ก็ว่าได้ ใครที่จะเถียงเราว่าไม่จริง ไม่เป็นแบบนั้นสักหน่อย เราก็ขอดีใจด้วยที่คุณไม่ติดมันมากจนเกินไป เพราะคนส่วนใหญ่ยังเสพติด จนถึงขั้นไม่เป็นอันทำอะไรเลยก็มี ซึ่งตลอดเวลามีหลายงานวิจัยสนับสนุนว่าการเสพติดโลกออนไลน์มากเกินไป จะทำให้เวลาในชีวิตของคุณสูญหายไปอย่างเปล่าประโยชน์อีกทั้งอาจโจมตีและทำร้ายสุขภาพร่างกายผู้ใช้แบบไม่ทันได้ตั้งตัวอีก อย่างเช่นปัญหาด้านสายตา ฯลฯ UNLOCKMEN จึงอยากจะแนะนำตัวช่วยดี ๆ อีกสักครั้งกับ Thrive แอปฯ ที่จะช่วยให้คุณตัดขาดจากโลกออนไลน์ชั่วคราว จริง ๆ แอปพลิเคชั่นตัวช่วยให้เราไม่เสพติดโลกออนไลน์มากเกินไปมีในเลือกใช้เยอะแยะมากมาย แต่ตัวแอปพลิเคชั่น Thrive ที่เรากำลังจะแนะนำ เป็นตัวที่ Arianna Huffington จับมือกับ Samsung พัฒนาตัวแอปพลิเคชั่นขึ้นมา เพื่อให้ผู้ใช้งานที่ (ควรรู้ตัว) ว่าเสพติดเข้าซะแล้ว ได้หยุดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบชั่วคราว พร้อมแจ้งให้เพื่อน ๆ โดยรอบได้รับรู้ด้วยว่างดติดต่อในช่วงเวลานี้ชั่วคราว โดยหลักการทำงานของมันจะคล้าย ๆ กับ Do Not Disturb ที่มีอยู่บนตัวเครื่อง Android กันอยู่แล้ว เช่น เราสามารถตั้งเวลาจะเปิดหรือปิดตัวแอปพลิเคชั่นที่เราต้องการได้ รวมถึงตั้งค่ารายชื่อที่เราต้องการแจ้งเตือนไปหาคนเหล่านั้นให้รับรู้ได้ แต่ฟีเจอร์ที่เหนือกว่าแอปฯ อื่น
เชื่อว่าตากล้องสำนัก Sony หลายคนคงกำลังเฝ้ารอข่าวความคืบหน้าของสินค้าเรือธงใหม่จากค่าย หลังจากเปิดตัว a9 ไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะ Sony a7 III และ Sony a7R III ข่าวดีคือตอนนี้เรามี official spec ของ a7R III ที่เพิ่งจะประกาศในประเทศจีนออกมาแล้ว อย่าให้ Body ภายนอกที่โดยรวมยังดูคล้ายเดิมหลอกเอาได้ เพราะภายในของ a7R III นั้น เหมือนเชิญร่างทรงรุ่นใหญ่จาก a9 มาประทับไว้เพียบ เรียกว่ามีการอัพเกรดสำคัญ ๆ มากมายที่ทำให้เราตัดสินใจไม่ยากเลย ถ้าจะต้องซื้อกล้องเพิ่มอีกตัว เพราะด้วย product positioning ยังไงราคาเปิดก็ถูกกว่า a9 แน่นอน แต่พร้อมสำหรับการใช้งานระดับโปรมากขึ้น โดยเฉพาะจุดเด่นง่าย ๆ ที่อัพเกรดได้ถูกใจก็คือเรื่องความจุแบตเตอรี่ที่มากขึ้น 2 เท่า จาก NP-FW50 ที่คนใช้ Sony alpha ทุกคนรู้ว่าหมดเร็วมาก มาเป็น NP-FZ100 และเพิ่มช่องใส่
เป็นที่รู้กันว่า สัตว์ปีก อย่างนกกระจอกเทศนั้นมี IQ ค่อนข้างที่จะต่ำ ซึ่งคุณเองก็สามารถสังเกตได้จากการที่มันมักจะมุดหัวหลบเข้าไปในอะไรสักอย่างเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะมันคิดว่า เมื่อมันมองไม่เห็นศัตรู ศัตรูก็มองไม่เห็นมันเช่นกัน ซึ่งพูดตรง ๆ เลยว่า มนุษย์เราที่เรียนจบ ป.6 มาเป็นอย่างน้อย คงไม่มีใครใช้หลักการ หรือมีความคิดแบบนี้เมื่อต้องหลบซ่อนตัวเองอย่างแน่นอน แต่ความบื้อนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งเลวร้ายเสมอไป ถ้ารู้จักนำมันมาประยุกต์ใช้ เช่นเดียวกับ Ostrich Pillow อุปกรณ์สุดเพี้ยนที่ต้องถูกใจคนชอบนอน หรือง่วงได้ทุกที่ทุกเวลา ที่คุณกำลังจะได้ทำความรู้จักกันในวันนี้ รับรองว่า งี่เง่าสุด ๆ จนคุณอาจจะมีความคิดที่อยากจะลองซื้อมาใช้งานดูก็ได้ Ostrich Pillow ที่ว่านี้ จริง ๆ แล้ว มันก็คือหน้ากากดี ๆ นี่แหละ แต่มันถูกออกแบบมาด้วยหลักการเดียวกับการซ่อนตัวของนกกระจอกเทศ ที่คิดว่าพอมุดหัวหลบเข้าไปที่ไหนสักแห่งแล้ว จะไม่มีใครเห็นมันเมื่อมันไม่เห็นใคร กลุ่มคนหัวใส่จึงใช้หลักการนี้มาประยุกต์ใช้กันคนที่ง่วงนอน หรือชอบนอนไปในทุกที่ แม้จะเป็นตอนกลางวัน หรือที่แจ้งก็ตาม การทำงาน Ostrich Pillow ที่เป็นหน้ากากนี้ ไม่มีอะไรมาก เพราะมันมีหน้าที่แค่ช่วยปกปิดดวงตาของคุณ ไม่ให้มีแสงสว่างใด ๆ เล็ดรอดเข้าไปถึงด้วยตาคุณ
รถยนต์เป็นของฟุ่มเฟือย ซื้อรถมีแต่ลด จะว่าไปมันก็ไม่ผิดซะทีเดียว ยกเว้นว่าคุณจะรู้จักสะสมรถยนต์บางรุ่น บางปี ที่ยิ่งเก็บไว้นาน ยิ่งสามารถทำกำไรได้จากมูลค่าที่เพิ่มพูนมหาศาลของมัน UNLOCKMEN เคยยกตัวอย่างไปแล้วก็หลายรุ่น และวันนี้เราจะมาแนะนำรถ Vintage ที่น่าสนใจอีกรุ่น นั่นคือ Ferrari 250 GT/L Berlinetta Lusso by Scaglietti ที่สุดของตระกูล 250 GT ความพิเศษที่มาพร้อมมูลค่าซื้อขายปัจจุบันสูงถึง 66 ล้านบาท Ferrari 250 GT/L Berlinetta Lusso เป็นรถทรง GT 2 ที่นั่ง หน้ายาว ท้ายสั้น ซึ่งถูกจัดให้เป็น top of the line ของตระกูล มีความพิเศษกว่า 250 GT ทั้งหมด รวมถึงรุ่น 250 GT Berlinetta ปกติ ด้วยตัวถังที่กว้างกว่าแบบ Fastback และหรูหรากว่า ผลงานการออกแบบและผลิตร่วมกันระหว่าง Pininfarina และ
สำหรับแฟน Microsoft ชาวไทยคงจะเคยได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับความยอดเยี่ยมของ Surface Book กันมาบ้างแล้วว่ามันเจ๋ง และน่าใช้งานขนาดไหน แต่น่าเสียดายที่ในบ้านเรานั้น ไม่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะมีก็แค่ Surface Pro แต่ก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ดี และตอบสนองการใช้งานได้ไม่แพ้กัน แต่วันนี้ใครที่รอข่าวของ Surface Book กันอยู่อาจจะมีลุ้นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะว่าทาง Microsoft เพิ่งทำการเปิดตัว Surface Book 2 ออกมาแล้ว ทำให้หลายคนนั่งลุ้นว่า ครั้งนี้จะมีการตีตลาดนำเข้ามาขายในไทยอย่างเป็นทางการรึเปล่า? วันนี้ UNLOCKMEN จึงนำเอาความสามารถ และความน่าใช้ของ Surface Book ตัวใหม่ล่าสุดนี้ มาให้ทุกคนได้ดูกัน รับรองว่า จะช่วยเพิ่มความกระสันอยากได้ให้มากขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน ครั้งนี้ Microsoft ถือว่า จัดชุดใหญ่มาให้กันแฟน ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะ Surface Book 2 ตัวใหม่นี้ มีสเป็คที่เรียกได้ว่าโหดสุด ๆ เลยทีเดียว เพราะในรุ่น Top สุดนั้น จะใช้ชิพประมวลผล
ย้อนไปเมื่อช่วงกลางปี 2019 ถือเป็นครั้งแรกที่โลกแห่งเครื่องบอกเวลาได้รู้จักกับ SWATCH BIG BOLD ซีรีส์นาฬิกาคอลเลคชันใหม่ล่าสุด ที่รับเอามรดกทางจิตวิญญาณในการพัฒนาเอาตัวรอดรวมถึงการปรับตัวให้เท่าทันยุคสมัย จากตำนานที่มีลมหายใจอย่าง SWATCH รุ่น OG มาต่อยอดในแนวทางของตัวเอง กับไอเดียความขบถที่ขับเน้นตัวตนออกมาอย่างเด่นชัดในวิถี Street Culture จากเรือนเวลาที่สะท้อนสไตล์ของผู้สวมใส่ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ในปีนี้ SWATCH ได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยการนำพานาฬิกาตระกูล BIG BOLD ออกจากรูปแบบเดิม ๆ อีกครั้ง สู่การเดินทางครั้งใหม่ที่ผสานความจัดจ้านของ Street Fashion เข้ากับความเท่ ดุดัน จากกลิ่นอาย Racing Sport ด้วยฟังก์ชัน Chronograph หรือระบบจับเวลาที่เป็นตัวช่วยสำคัญของเหล่านักแข่งแห่งสนามประลองความเร็ว ซึ่งมีอยู่ใน SWATCH BIG BOLD CHRONO รุ่นใหม่ล่าสุด SWATCH BIG BOLD CHRONO ยังคงเอกลักษณ์จากรุ่นแรกเอาไว้กับหน้าปัดขนาดใหญ่ 47 มิลลิเมตร แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือระบบจับเวลา Chronograph ที่มาพร้อม 3 หน้าปัดย่อย แบ่งเป็นตัวนับนาที,
ของดี ไม่ต้องมีออกมาให้มากมาย ด้วยจำนวนที่จำกัด สามารถสร้างความพิเศษให้แบรนด์ดูขลังได้มากกว่า นี่คือสิ่งที่ทำให้ Lotus กลายเป็น Sports Car จากอังกฤษที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร แทนที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกมารัว ๆ เหมือนค่ายอื่น Lotus เลือกที่จะสร้างรุ่นพิเศษบนโมเดลยอดฮิตของตัวเอง และล่าสุด Lotus ก็ได้เปิดตัวรถยนต์ที่พิเศษสุดอีกรุ่นของค่าย เลือกจับ Lotus Elise มาอัพเกรดจนกลายเป็น Street-Legal sports car ร่างเทพเหนือกว่าใคร ในนาม Lotus Elise Cup 260 เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 70 ปี นับตั้งแต่วันที่ Colin Chapman ผู้ก่อตั้ง Lotus ออกแบบและสร้างรถ Lotus Mark I คันแรกออกมาในปี 1948 ความพิเศษของ Lotus Elise Cup 260 นอกจากความหายาก ที่การันตีมูลค่าเพิ่มได้จากการจำกัดจำนวนผลิตเอาไว้เพียงแค่ 30 คัน สเปคสมรรถนะ และประสบการณ์การขับขี่ยังถูกอัพเกรดให้แรงเหลือหลาย เกิดมาเพื่อปราบ
“เสียเงินเพิ่มอีกล้านกว่าบาททำไม ไม่เห็นจะมีอะไรต่างกัน แถมยังแคบกว่าตัวซีดาน 4 ประตูอีก” รับรองเลยว่าใครไปยืนดูป้ายราคา Mercedes-Benz C-class Coupe 250 AMG Dynamic เทียบกับ C-class 350e sedan เป็นต้องอุทานแบบนี้ทุกคน และคงเบือนหน้าหนีจากมันไป แต่ในขณะเดียวกัน เราก็เห็น C-class Coupe ขับกันเต็มท้องถนน ถ้ามันไม่มีอะไรต่างกัน คนอื่นจะจ่ายเงินเพิ่มไปทำไม ด้วยความข้องใจนี้เอง ทำให้เราอยากถอยตัว Coupe ออกมาขับให้หายสงสัยกันไปเลย ว่ากันที่รูปลักษณ์ภายนอก ดูจากด้านหน้า อาจจะแยกไม่ออกระหว่าง W205 C-class sedan กับ C-class Coupe จนกว่าจะได้เห็นประตูแบบไร้ขอบ (frameless) และเสา C-pillar ด้านหลังของตัวรถ ที่ลากลายเส้นลงมารับกับไฟท้าย LED ขนาดใหญ่ ดูมีเอกลักษณ์ความเป็น Coupe มากกว่ารุ่นที่ผ่านมา โดยมีการแชร์ design cue มาจากรุ่นพี่ S-class coupe
แม้ว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีการถ่ายภาพจะก้าวหน้า วิ่งไกลขนาดไหน กล้องดั้งเดิมอย่างพวกกล้องฟิล์มก็ยังดังสวนกระแสไม่มีเปลี่ยน เพราะคนส่วนใหญ่ตามหาเอามาเก็บสะสมหรือเอามาใช้งานกันอยู่ดี ด้วยวัสดุบอดี้ที่คงทนกว่ากล้องปัจจุบัน และเสน่ห์ของภาพ ที่ไม่ว่าจะเบลอหรือโบเก้กลางคืนก็เท่ น่าหลงใหล ถ้าพูดถึงข้อดีก็มีแทบครบทุกข้อ แต่ติดอยู่แค่ว่าเทคโนโลยีฟิล์มเริ่มถดถอยไปเรื่อย ๆ ด้วยคุณภาพที่เริ่มไม่เพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบัน และการหาชื้อฟิล์มถ่ายก็ดูยาก ราคาแพงและวุ่นวายมากขึ้น ทำให้คาดว่าไม่นานกล้องพวกนี้อาจตายจากไปจริง ๆ ในที่สุด ล่าสุด UNLOCKMEN ได้เจอเทคโนโลยีสุดเจ๋งที่จะช่วยปลุกชีพกล้องฟิล์มรุ่นเก่า ๆ ให้กลับมาโลดแล่นเป็นกล้องดิจิทัลแบบง่าย ๆ ต่ออายุการใช้งานให้ยาวนานและทันยุคทันสมัยมากขึ้น ลองมาดูกัน อุปกรณ์สุดเจ๋ง I’m Back จะมอบชีวิตใหม่ให้กับกล้องรุ่นเก่าของเรา โดยเป็นการผสมผสานการทำงานแบบเก่า ๆ ของเลนส์แอนาล็อกเข้ากับพลังดิจิทัลของ Raspberry pi Zero ช่วยเสริมฟีเจอร์การทำงานที่ไม่ธรรมดาในตัว โดย I’m Back ตัวนี้จะช่วยให้กล้องรองรับการถ่ายวีดีโอได้ด้วยที่ความละเอียดสูงสุดแบบ UHD (2880*2160) ที่ 24 fps, QHD (2560*1440) ที่ 30 fps, 1080P ที่ 60 fps และด้านการถ่ายภาพนิ่งจะเป็นเซนเซอร์
Mercedes-Benz มี AMG BMW มี M Performance Volvo มี ……. เมื่อก่อนคงไม่มีใครนึกออกว่าตัวแรงของค่ายรถสัญชาติ Swedish ชื่ออะไร แต่ตั้งแต่ Volvo คิดใหม่ทำใหม่ นอกจากความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรถตระกูล 90 ล่าสุดยังเผยโฉมรถใหม่จากป้ายยี่ห้อที่แยกค่ายกันอย่างชัดเจน เพื่อการทำตลาดที่คล่องตัวมากกว่า ภายใต้ชื่อ Polestar 1 รถ Hybrid มากแรงม้า ที่ผู้ผลิตบอกว่ามันคือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ใช้น้ำมันเป็นตัวเสริมเฉย ๆ ในอดีต ชื่อ Polestar เป็นรหัสสำหรับ Volvo ตัวแรง ที่เป็น In-house tuning department ตั้งแต่ปี 1996 จากเดิมที่ได้ออกสื่อผ่านทางป้ายท้ายรถ Volvo วันนี้ Polestar โบกมือลา Volvo เพื่อสร้างรถในแบบของตัวเอง และวันนี้ก็ได้เวลาเปิดตัวไปอย่างสวยงาม The Polestar 1 high performance hybrid