รถที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Iconic ที่ดีที่สุดในกลุ่ม Luxury sedan ต้องมีพื้นที่สำหรับ Jaguar XJ อยู่ในนั้น ด้วยระยะเวลาทำตลาดที่ยาวนานกว่า 50 ปี ก่อนจะเกษียณตัวเองอย่างถาวรไปในปี 2019 ตลอดระยะเวลานั้น ตัวถังที่สวยงามและหายากเหมาะแก่การสะสมที่สุดก็คือ XJ Coupe Mk II generation ทำตลาดในช่วงปี 1975 -1978 ผลิตออกมาทั้งหมดจำนวน 10,500 คัน วันนี้สำนักแต่งรถเลือด Polish ชื่อ “Carlex Design Studio” ได้เปิดโปรเจคปั้น Jaguar XJ Coupe ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ custom Jaguar XJ Coupe จะเป็นโปรเจคล่าสุดภายใต้ “Carlex Jewel line” ซึ่งจะเน้นการปั้นตัวถังรถ classic cars ให้มีความทันสมัยด้วยดีไซน์ที่แตกต่าง แน่นอนว่าอาจจะไม่ถูกใจนักอนุรักษ์ของเดิม เพราะจากภาพที่เราเห็นนั้นมันคือ Restomod XJ Coupe
ก่อนหน้านี้ทุกสำนักรีวิวต่างยกให้ Cayman GT4 เป็น 718 ที่ดีที่สุด ดีไม่แพ้ 911 แต่ปัจจุบันตำแหน่งนั้นคงต้องเปลี่ยนมือเสียแล้ว เพราะนี่คือโมเดลที่จัดจ้านยิ่งกว่าในบอดี้ 718 ที่มากับราคาเท่า 911 Turbo S เป็นเวอร์ชั่นที่เต็มที่สุดทุกด้านด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเท่าที่ Porsche มี จนเราต้องถามตัวเองว่า 911 ยังจำเป็นไหมต่อจากนี้ Porsche เปิดตัว 718 Cayman GT4 RS ครั้งแรกกับรหัสที่ร้อนแรงที่สุดของ 718 Cayman รถสปอร์ต mid-engined น้องเล็กแต่ขุมพลังไม่เล็กตาม หันมาใช้เครื่องยนต์ความจุ 4.0 ลิตร NA flat-six ที่ยืมมาจากรุ่นพี่ใหญ่ 992-gen 911 GT3 ในบอดี้ที่เล็กกว่า จึงให้สมรรถนะที่ดีกว่าเป็น 493 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร สามารถลากรอบได้ถึง 9,000 rpm กับน้ำหนักตัวที่เหลือเพียง 1,463 กิโลกรัม
Xbox ฉลองครบรอบ 20 ปีอย่างมีสไตล์จนชาว PS5 ต้องอิจฉาแน่นอน หลังจับมือกับ adidas เปิดตัวรองเท้า adidas Forum Mid “Xbox 360” limited edition ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดเป็นสุดยอดไอเดีย ด้วยการจับมือกับ Gucci เปิดตัว console ดีไซน์สุดพิเศษที่มีการใช้เลเซอร์สลักโลโก้ GG monogram ของ Gucci ลงไปบนตัวเครื่อง พร้อม Xbox Wireless Controllers ที่มีแถบสีแดงฟ้าคาดกลางเพิ่มความเท่ และที่พิเศษสุดน่าจะเป็นกระเป๋า Gucci Hard Carry case ที่สวยงามมาก ภายนอกเป็นลาย monogram สุดคลาสสิค หุ้มด้วยหนังสีเหลืองบริเวณหูหิ้วและขอบกระเป๋า ภายในเป็นช่องใส่อุปกรณ์ของ Xbox ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ จึงใส่ได้พอดีพร้อมเดินทางโดยไม่ต้องกลัว console ได้รับความเสียหาย มีข้อความ XBOX และ GOOD GAME สกรีนบนแต่ละด้านของกระเป๋า
เมตาเวิร์ส (Metaverse) เริ่มกลายเป็นคำที่เราคุ้นหูมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากช่วงปลายเดือนที่แล้ว ทาง Facebook ได้รีแบรนด์ตัวเองเป็น Meta เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ของบริษัทว่าจะมุ่งพัฒนา Metaverse อย่างจริงจัง ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ ความสนใจใน Metaverse พุ่งขึ้นอย่างล้นหลาม จนนักลงทุนแห่กันไปลงทุนในบางเหรียญคริปโตที่มีความเกี่ยวข้องกับ Metaverse เช่น MANA Decentraland ที่เกิดราคาปรับตัวสูงขึ้นถึง 46% นับตั้งแต่มีข่าวออกมา เรื่องของโลกเสมือนจึงกลายเป็นเทรนด์ที่หลายคนเห็นว่าจะมาในอนาคต และจะนำพาความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่มาสู่คนทุกหมู่เหล่า ตั้งแต่นักช้อป ไปจนถึง นักธุรกิจทุกระดับเช่นกัน เจ้าของแบรนด์ทุกคนจึงควรรู้จักเจ้า Metaverse กันเอาไว้ เพื่อให้พร้อมกับการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาถึงได้เร็วขึ้น Metaverse คือ อะไร ย้อนกลับไปเมื่อปี 1992 นักเขียนนิยายชาวอเมริกันชื่อว่า นีล สตีเฟนสัน ได้พูดถึงคำว่า Metaverse (เหนือจักรวาล) เอาไว้ใน Snow Crash นิยายแนวไซเบอร์พังก์ที่เขาเป็นคนเขียน ซึ่งเขาอธิบายว่า มันคือ พื้นที่ในจินตนาการที่มีความเป็นสาธารณะเปิดให้ผู้ใช้งานเครือข่ายไฟเบอร์ออฟติกสามารถใช้งานร่วมกันได้ โดยภาพของพื้นที่จะถูกฉายบนแว่นตา Virtual Reality
รถยนต์ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความอิสระ ด้วยถนนเปิดโล่งให้เราสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ โดยมีคนขับเป็นผู้กำหนดทิศทางอยู่หลังพวงมาลัย เราจึงมักจะเห็นโฆษณารถยนต์ที่พาตัวเองออกจากเมืองใหญ่ไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่รถยนต์ทุกคันที่จะแกร่งพร้อมลุยได้ทุกสภาพถนนอันท้าทาย จากถนนลาดยางสู่ทางฝุ่นสุดสมบุกสมบัน ได้เท่ากับ Mercedes-Benz GLE รถยนต์ mid-size luxury SUV ที่นอกจากความแกร่งพร้อมลุย ยังเป็นรถยนต์ที่สะท้อนความภาคภูมิใจในความสำเร็จให้กับเจ้าของ เต็มไปด้วยความหรูหรา สะดวกสบาย เทคโนโลยีล้ำสมัย และความปลอดภัยสูงสุดในคันเดียว ความสำเร็จของรถยนต์ SUV สุดแกร่งจากค่าย Mercedes-Benz เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม ปี 1996 Mercedes-Benz เปิดตัวรถยนต์ Concept SUV คันแรกของค่ายในชื่อ “AAVision” เป็นครั้งแรกของรถยนต์ Sport Utility ที่พัฒนามาเพื่อเสริมทัพให้ G-Class โดยมีความแตกต่างอยู่ที่ AAVision ได้เพิ่มฟีเจอร์และความสะดวกสบายที่เหมาะสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพราะในอดีต G-Class นั้นมีความดิบแกร่งเน้นลุยในฐานะรถยนต์ Off-roader พันธุ์แท้ จึงไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก ต่างกับ G-Class ในปัจจุบันที่ยังคงเป็นที่สุดด้านความแกร่ง พร้อมใส่เทคโนโลยีและกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราที่คนทั้งโลกยอมรับ
เชื่อว่าบรรดาผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งเรือนเวลา คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของแบรนด์ Longines (ลองจินส์) อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของนวัตกรรมเวลาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ยืนหยัดมายาวนานเกือบ 190 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ริเริ่มผลิตนาฬิกาในปี 1832 ที่เมือง Saint-Imier ก่อนที่จะใช้ชื่อ Longines ซึ่งเป็นการนำเอาชื่อบริเวณที่ตั้งโรงงานมาใช้เป็นชื่อแบรนด์อย่างเป็นทางการ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ชื่อของ Longines และโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกได้กลายเป็นที่รู้จักและจดจำของผู้คนทั่วโลก กับเรื่องราวของประสิทธิภาพการบอกเวลาที่แม่นยำ, ความแข็งแรงทนทาน รวมไปถึงเทคโนโลยีแบบฉบับดั้งเดิมที่ทำให้ Longines ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของนักบุกเบิกและเหล่าผู้กล้าจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Amelia Earhart, Elinor Smith, Paul-Emile Victor และ Howard Hughes ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต่างมอบความไว้วางใจให้เรือนเวลาของแบรนด์นาฬิกาทรายติดปีกนี้เป็นเพื่อนคู่ใจเคียงข้างตลอดการผจญภัยอันเหลือเชื่อมากมาย ทั้งการบุกป่าฝ่าดงผ่านสภาพอากาศอันสุดเหวี่ยง, ล่องเรือท่ามกลางความเหี้ยมโหดของมหาสมุทร อีกทั้ง Longines ยังมีบทบาทในการเปิดเส้นทางเดินอากาศใหม่ ๆ รวมถึงการบันทึกสถิติการเดินทางอากาศอีกด้วย นอกจากนี้ Longines ยังได้ทำการถ่ายทอดจิตวิญญาณของนักบุกเบิก และเรื่องราวอันมหัศจรรย์จากโลกแห่งการบิน ผ่านเรือนเวลาคอลเลกชั่น Longines Spirit ซึ่งหลายคนคงมีโอกาสสัมผัสความงามที่เต็มไปด้วยเรื่องราวซึ่งเปรียบเสมือนการสดุดีแด่สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษผู้หาญกล้าแห่งประวัติศาสตร์กันมาแล้ว และล่าสุดคอลเลกชั่น Longines Spirit ยังได้ก้าวไปอีกขั้นกับ Longines Spirit Titanium ซึ่งยังคงได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งการบินอันเป็นจุดกำเนิดของคอลเลกชั่น พร้อมทะยานสู่ยุคแห่งนวัตกรรมใหม่ด้วยเรือนเวลาที่ผลิตจากไทเทเนียมซึ่งเรากำลังจะพาชาว
A Split Second Can Change Everything มีคำพูดเกี่ยวกับความสำคัญของเวลากล่าวไว้ว่า “To realize the value of ONE MILLISECOND, ask the person who won a silver medal in the Olympics.” ความสำคัญของเศษเสี้ยววินาที มีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกใบนี้อย่างประเมินค่าไม่ได้ โดยเฉพาะในการแข่งขันกีฬา ที่เพียงเศษเสี้ยววินาที ก็สำคัญถึงขั้นตัดสินแพ้ชนะหรือแม้แต่สร้างสถิติใหม่ที่โลกต้องจารึกชื่อเอาไว้ และที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือเทคโนโลยีที่การจับเวลาที่มีความแม่นยำสูงสุด ซึ่งในอดีต อุปกรณ์จับเวลาไม่ละเอียดอ่อนมากพอที่จะบันทึกเศษเสี้ยววินาทีได้ ภายใต้การนำของ Shoji Hattori, president of K. Hattori (ชื่อแบรนด์ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น Seiko) จึงได้ระดมทีมเพื่อพัฒนานาฬิกาจับเวลาแบบกลไก ‘Heart-shaped Cam’ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแห่งยุคซึ่งทั่วโลกต่างให้การยอมรับ นับเป็นการประกาศตัวบนเวทีโลกในด้านความแม่นยำ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการปลดล็อคขีดจำกัดในโลกแห่งเสี้ยววินาทีในที่สุด ในปี 1969 เป็นปีสำคัญที่โลกได้รู้จักกับ Seiko Speedtimer (ไซโก
โลกแห่งการถ่ายทำจากบนฟ้า ได้พัฒนาไปอีกขั้นกับ DJI ผู้นำแห่งโดรนด้วยสองรุ่นใหม่ล่าสุด Marvic 3 และ Marvic 3 Cine DJI Marvic 3 และ Marvic 3 Cine แชร์คุณสมบัติกล้อง dual-camera system จาก Hasselblad ซึ่ง DJI เข้าไปซื้อหุ้นตั้งแต่ปี 2017 เลนส์ 24mm และ hybrid zoom แบบ digital ไกลสุด 28x เทียบเท่าระยะ 162mm f/4.4 พร้อม 4/3 CMOS sensor โดยในรุ่น Marvic 3 สามารถถ่ายวีดีโอแบบ 4K @120fps และภาพนิ่งความละเอียดสูงสุด 20 megapixel โดรนทั้งสองรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่บินได้ต่อเนื่อง 46 นาที ซึ่งอัพเกรดความจุจากรุ่นก่อนที่บินได้
Aston Martin DBX super SUV คันแรกจากค่ายที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2020 เป็นรถ SUV ที่ใช้ขุมพลัง 4.0-liter V8 จาก Mercedes-AMG 542 แรงม้า แรงบิด 735 นิวตันเมตร ซึ่งแรงมากแล้วสำหรับบอดี้ SUV แต่สำหรับสำนัก Mansory รถเดิม ๆ ยังแรงไม่พอ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดอย่าง Lamborghini Urus ที่มาพร้อมม้ากว่า 600 ตัว กว่าจะรอ Aston Martin เปิดตัวรุ่น High-performance ของ DBX ที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าจาก AMG GT73 ออกมาคงจะช้าไป จึงตัดสินใจสร้างผลงานที่แรงแซง Urus มาให้ก่อนแล้วเรียบร้อย Mansory’s Aston Martin DBX ถูกนำมาอัพเกรดเป็น Super SUV ด้วยการเปลี่ยน turbochargers
เมื่อปฏิทินหมุนวนมาจะครบรอบปีแบบนี้ หลายคนคงสัมผัสได้ถึงความคึกคักของบรรยากาศ Festive Season ช่วงปลายปีที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที และเพื่อให้ช่วงเทศกาลปลายปีนี้เต็มไปด้วยความสุขเต็มพิกัดสมการรอคอยโมเมนต์ดี ๆ ที่มีเพียงปีละครั้ง ทาง CHANG COLD BREW COOL CLUB จึงตั้งใจที่จะเติมเต็มความสนุกของทุกคนให้ลื่นไหล คูลได้อย่างต่อเนื่องด้วยไอเทมสุดเจ๋งอย่าง COOLER SCOOTER ที่เรียกได้ว่าเป็น Viral packaging ติดล้อ ตอกย้ำแคมเปญ ‘สมูทให้คูล’ (SMOOTH TO BE COOL) พร้อมส่งต่อความสมูทถึงที่ จัดปาร์ตี้กับเพื่อนซี้ได้คูลถึงใจ สำหรับจุดเด่นของ COOLER SCOOTER ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะนอกจากงานออกแบบที่เรียบหรูดูดี รวมไปถึงวัสดุสุดพรีเมียม เจ้า COOLER SCOOTER คันนี้ยังถูกอัพเกรดความสามารถให้เหนือกว่าสกู๊ตเตอร์ทั่วไป ด้วยการเสริมไอเทมสุดคูลอย่าง ถังคูลเลอร์เก็บความเย็น พร้อมส่งต่อความสมูทในอุณภูมิที่เย็นถึงใจได้ทุกปาร์ตี้ แถมยังสามารถใช้งานเป็นที่นั่งสำหรับขี่สกู๊ตเตอร์เพลิน ๆ เติมเต็มบรรยากาศให้ทุกการพบปะของเพื่อนซี้นั้นสนุกสนาน และสมูทกว่าที่เคย โดย COOLER SCOOTER นั้นเป็นสกู๊ตเตอร์พลังงานไฮบริด ขับเคลื่อนได้ด้วยการไถจากพลังขา หรือเพิ่มความสมูทให้คูลยิ่งกว่ากับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 36v 4.4ah ทำความเร็วได้สูงสุด 25
ZipCharge บริษัท Startup สัญชาติอังกฤษที่หันมาจับเทรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งกำลังมาแทนที่ยานพาหนะพลังงานเผาไหม้แบบในปัจจุบัน ด้วยความเข้าใจดีถึงจุดอ่อนในที่อาจจะเดินทางไกลและบังเอิญไม่มีที่ชาร์จพลังไฟฟ้า จึงพัฒนาไอเดียเพื่อตอบโจทย์แก้ปัญหานี้ด้วย ZipCharge Go powerbank สำรองขนาดเท่ากระเป๋าเดินทาง มีล้อและที่จับสำหรับลากได้สบายแรงไม่ต้องแบกหาม สามารถชาร์จไฟให้รถยนต์ของคุณขับต่อไปได้อย่างน้อย 70 กิโลเมตร Gadgets ที่เจ้าของรถยนต์ EV ควรมีติดรถชิ้นนี้ถูกออกแบบให้พกพาง่าย แถมการใช้งานก็ยังง่ายแค่เสียบปลั๊กแล้วรอ ซึ่ง ZipCharge เคลมว่าสามารถชาร์จไฟให้รถทั้ง Plug-in Hybrid และ EV ที่ใช้ Type 2 socket ให้พร้อมขับได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที แม้จะนานกว่าเติมน้ำมันแน่ ๆ แต่ก็ยังดีกว่านั่งกินข้าวลิงรอรถยกข้างทาง แถมยังฉลาดล้ำด้วยการเช็คสถานะผ่านทาง application ได้ แม้ตอนนี้ ZipCharge Go จะยังเป็นเพียง concept แต่ก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายก่อนพัฒนาออกมาวางขายภายในปลายปีนี้ โดยจะมีให้เลือกสองความจุคือ 4 kWh และ 8 kWh โดยมีให้เลือกทั้งแบบซื้อขาด หรือเช่าแบบรายเดือนโดยจ่ายเดือนละประมาณสองพันบาท ความเจ๋งคือนอกจากจะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเจ้าของรถยนต์ EV
อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ‘รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน’ อาจกลายเป็นของล้าสมัยไป เพราะตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าใหญ่ต่างประกาศว่าจะหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) แบบเต็มตัวในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น Jaguar ที่จะขายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2025 หรือ Volvo ที่จะเริ่มในปี 2030 ไปจนถึง General Motors (GM) ที่จะเริ่มให้ได้ภายในปี 2035 แต่การเปลี่ยนแปลงอาจมาถึงเร็วกว่าที่เราคาดกันไว้ เพราะตอนนี้ภาคธุรกิจกำลังรีบนำรถไฟฟ้ามาใช้กันแล้ว อย่าง Hertz ธุรกิจเช่ารถยนต์รายใหญ่ของโลก ได้ทำการสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากเทสลาจำนวนกว่า 100,000 คัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2022 เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Tesla ได้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 12% จน อีลอน มัสก์ กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกภายในวันเดียว ด้วยอิทธิพลของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะโลกร้อน หรือ มลพิษทางอากาศ ทั่วโลกจึงตระหนักถึงเรื่องการรักษาสภาพภูมิอากาศกันมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น สหราชอาณาจักรได้ประกาศจะเลิกขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิลภายในปี 2030 หรือ