ถึงแม้ว่าเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่างทีมชาติโครเอเชียกับทีมชาติเดนมาร์กจะจบลงด้วยชัยชนะของทีมตราหมากรุกจากการดวลจุดโทษ แต่ถ้าพูดถึงผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในเกมดังกล่าวกลับเป็นผู้รักษาประตูของทีมปราชัยอย่าง ‘Kasper Schmeichel’ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมนามสกุลดูคุ้นตา เพราะ Kasper คือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ Peter Schmeichel ผู้รักษาประตูระดับตำนานของทีมชาติเดนมาร์กและทีมปีศาจแดง Manchester United ไฮไลต์ในเกมดังกล่าวเกิดขึ้นในนาทีที่ 116 ของการแข่งขัน ขณะที่สกอร์เสมอกันอยู่ 1-1 เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อ Ante Rebic โดน Mathias Joergensen กองหลังทีมชาติเดนมาร์กเสียบสกัดในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่าให้เป็นจุดโทษทันที โครเอเชียส่งเพชฌฆาตอย่าง Luka Modric หนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลกมาเป็นคนสังหาร เป็นการดวลกันตัวต่อตัวโดยมีประเทศชาติเป็นเดิมพัน ซึ่งผู้ชนะในการดวลครั้งนี้คือ Kasper Schmeichel ที่สามารถโชว์ซูเปอร์เซฟได้อย่างงดงาม ฉุดทีมชาติเดนมาร์กที่เหมือนตกรอบไปแล้วครึ่งตัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง และทันทีที่ Kasper Schmeichel สามารถป้องกันประตูไว้ได้ กล้องในสนามก็จับไปที่ Peter Schmeichel ซึ่งในตอนนั้นอยู่ในอารมณ์สะใจ ดีใจ ภูมิใจผสมปนเปกันไปพร้อมตะโกนไปรอบ ๆ ถ้าให้เดาคงกำลังพูดว่า “นี่ลูกผม ๆ” เป็นภาพที่คนดูอย่างเราเห็นแล้วเกือบน้ำตาซึม พ่อลูกคู่นี้คงมีสายสัมพันธ์กันเหนียวแน่นมาก แต่เชื่อว่าคงมีอีกหลายแง่มุมที่เราไม่เคยรู้ เช่นการเป็นลูกชายผู้รักษาประตูระดับตำนานและตัวเองก็เล่นในตำแหน่งเดียวกันต้องแบกรับความกดดันไว้มากขนาดไหน หนูน้อย Kasper
เป็นตำนานมีชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันความคลั่งตลอดเวลา สำหรับ Diego Maradona ศูนย์หน้าคลาสสิคขึ้นหิ้งชุดแชมป์โลกปี 1986 ทีมชาติ Argentina แม้จะแขวนสตั๊ดไว้หลังบ้านนานหลายปีหลังตระเวณผ่านสโมสรระดับโลกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Boca Juniors, Barcelona หรือ Napoli แต่เราก็ได้เห็นข่าวคราวดีบ้าง ร้ายบ้างมาโดยตลอด ทั้งเรื่องหนีภาษี เรื่องสุขภาพ มาโผล่อีกทีใน Box นั่งเชียร์ Argentina ใน World Cup 2018 แม้จะมีเตะเพียงไม่กี่นัด แต่ดูเหมือนโฉมหน้าและท่าทางกวน ๆ ของ Maradona จะปรากฏในข่าวทั่วทั้งโลกไม่แพ้ตัวนักเตะอย่าง Messi หรือ Ronaldo เลยด้วยซ้ำ นอกจากการนั่งสูบซิการ์ตรงป้ายห้ามสูบ หรือการชูดับเบิ้ลนิ้วกลางใส่นักเตะทีมตรงข้ามด้วยความมันส์ อีกสิ่งนึงที่หลายคนสังเกตเห็นคือ Maradona ใส่นาฬิการุ่นเดียวกันบน 2 ข้อมือพร้อมกัน ซึ่งใครเป็นแฟนบอลหรือติดตาม Maradona อยู่แล้ว อาจจะเห็นอาการนี้มานานตั้งแต่ปี 2004 แล้ว แต่อาจจะไม่รู้ว่า “ทำไม?” นี่คือสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร หรือนี่คือการอวยรวยตามประสา Superstar ระดับโลกที่ชอบทำอะไรพิลึก ๆ
ถ้าเราบอกคุณว่า “อีกไม่กี่ปีข้างหน้าพวกเราอาจต้องเป็นทาส AI” คุณจะเชื่อมันไหม จะรู้สึกยังไง โกรธที่เราพูดแบบนี้ ท้อแท้ใจ หรือบ่นงึมงำในลำคอว่า UNLOCKMEN เชียร์ AI เก่งเหลือเกิน แต่ไม่ว่าคุณจะคิดแบบไหนก็ตามความก้าวหน้าที่กำลังจะได้เห็นต่อจากนี้มันคงไม่มีวันถอยหลังอย่างแน่นอน ทีนี้มันก็อยู่ที่ว่าพวกเราจะยอมแพ้ให้กับสิ่งที่เห็นไหม หรือฮึดลุกขึ้นมองหาลู่ทางอื่น และพยายามหาทางหวดคืนเพื่อก้าวเหนือมันให้ได้ Why AI might takes all? “จะเก่งแค่ไหนกันเชียว มันก็เป็นแค่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น?” อย่าเพิ่งพูดประโยคนี้ถ้าคุณไม่รู้ว่าวันนี้บรรดาสมองกลทั้งหลายทำอะไรได้บ้าง เรื่องแรก AI ไม่ได้เป็นแค่โค้ดลาย ๆ ในจอคอมพิวเตอร์ที่คอยดูดข้อมูลเราไปประมวลผลหรือแข่งขันเรื่องคำนวณเท่านั้น หลังตัดสายสะดือจากจอปุ๊ป มันจะกลายเป็นรูปแบบไหนก็ได้ชนิดที่เราคาดไม่ถึงทันที เรื่องที่สองเมื่อ AI โดดออกมาจากจอมันไม่ใช่หุ่นกระป๋องต๊อกต๋อยรูปทรงสี่เหลี่ยมอีกต่อไป และเรื่องที่สามอย่าประเมินต่ำว่า AI จะไม่มีวันเลื่อยขาเก้าอี้ของเราได้ เพราะเราไม่ได้ทำงานในอุตสาหกรรมประเภทโรงงาน แล้ววันนี้อาชีพที่ AI จะเข้าไป take over ได้เพิ่มเติมจากอาชีพที่เราเคยรู้คืออะไรกันบ้างมาเช็กดู HELLO INFLUENCER, HELLO STRANGER เชื่อว่าผู้ชายทุกคนต้องมีคนดังในใจที่เราคอยตาม follow กัน แต่แน่ใจได้จริงเหรอว่าคนในหน้าจอที่เราเห็นคือมนุษย์ตัวจริง ไม่ใช่กราฟฟิกสวมวิญญาณจากสิ่งแปลกปลอมอื่น เมื่อล่าสุดผลงานของ Hakuhodo Tokyo
กลายเป็นว่าทีมเต็งต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านก่อนใครในฟุตบอลโลก 2018 สำหรับขุนพลอินทรีเหล็กเยอรมัน หลังจากกิมจิติดคอพ่ายให้กับทีมชาติเกาหลีใต้ 2-0 หยุดเส้นทางไว้แค่รอบแบ่งกลุ่มโดยจบอันดับสุดท้าย แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทีมดีกรีแชมป์เก่าพลิกล็อกตกรอบแบ่งกลุ่ม เพราะเหตุการณ์เช่นนี้มีให้เห็นบ่อย ๆ โดยเฉพาะในฟุตบอลโลก 5 ครั้งหลัง ทีมแชมป์เก่าตกรอบแบ่งกลุ่มถึง 4 ครั้งด้วยกัน นี่จึงเปรียบเสมือนอาถรรพ์หนึ่งในฟุตบอลโลก วันนี้ UNLOCKMEN จึงขอพาไปย้อนรอยตั้งแต่ปี 2002 ว่ามีทีมแชมป์เก่าทีมไหนตกรอบแรกบ้าง และมันคืออาถรรพ์จริง ๆ หรือเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ทีมชาติฝรั่งเศส – ฟุตบอลโลก 2002 หลังจากคว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จเมื่อฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ 4 ปีต่อมาฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วม ทีมตราไก่ฝรั่งเศสกลับมาอีกครั้งพร้อมขุมกำลังนักเตะระดับโลกเต็มทีม สื่อหลายแห่งยกให้เป็นถึงเต็ง 2 เป็นรองแค่ทีมชาติบราซิลเท่านั้น แต่แค่นัดเปิดสนามเรื่องช็อกโลกก็เกิดขึ้น เมื่อทีมแชมป์เก่าพ่ายแพ้ต่อทีมชาติเซเนกัลซึ่งในขณะนั้นเป็นแค่ชาติโนเนม ได้สิทธิ์มาแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกไป 1-0 และวิบากกรรมของทีมตราไก่ยังไม่จบลงเท่านี้เพราะอีก 2 นัดต่อมาพวกเขาก็ทำได้เพียงเสมอกับทีมชาติอุรุกวัย 0-0 จากนั้นก็ส่งท้ายด้วยการแพ้ทีมชาติเดนมาร์ก 2-0 รั้งอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ตกรอบไปแบบไม่มีใครคาดคิด ที่สำคัญคือยิงประตูไม่ได้เลยสักประตูเดียว มันเกิดอะไรขึ้น? ถ้าตัดเรื่องความเชื่อหรืออาถรรพ์ออกไป หนึ่งสาเหตุที่พอจะเข้าเค้าคือนักเตะตัวหลักของทีมชุดนี้อายุเยอะเกินไป
ความซวยเวลามันพุ่งเข้ามาหา มันจะวิ่งเข้ามาแบบถี่ ๆ แต่สำหรับปีหมาปีนี้ ถือว่าเป็นปีมหาโหด “หมาดุไล่กัดนางเงือก” เพราะร้านเจ้าดังอย่างสตาร์บัคที่มีลูกค้าทั่วโลก เจอตบหน้าขวาซ้ายด้วยข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ด้วยสารพัดเรื่องใหญ่หลายประเด็น จนต้องเร่งออกมาแก้ปัญหา เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาชนิดมือเป็นระวิง และเพื่อให้การจิบกาแฟของหนุ่ม ๆ เข้มข้นขึ้นกว่าที่เคย เราขอ RECAP เรื่องชง ๆ ขม ๆ ที่สาวก Starbucks ต้องรู้กันดังต่อไปนี้ เดือน 3 เป็นมะเร็ง เดือน 4 เหยียดผิว เดือน 6 หุ้นดิ่ง MARCH : STARBUCK VS CANCER สตาร์บัคเริ่มต้นปีชงล็อตใหญ่ตั้งแต่มีนาคมที่ผ่านมา เพราะจู่ ๆ สภาศึกษาและวิจัยสารพิษ (CERT) ก็ลุกมาฟ้องศาลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ แจ้งข้อหาเรื่องการแปะฉลากเตือนโรคมะเร็ง ถ้าคิดไม่ออกให้คิดว่าเป็นแบบไหนให้คิดถึงซองบุหรี่ที่มีภาพชวนเศร้าทั้งหลาย แต่อันนี้พี่จะให้แปะไว้บนแก้วกาแฟที่ลูกค้ากิน ความกระอักกระอ่วนที่จะต้องบอกใครว่าตัวเองเป็นผู้ร้ายสร้างมะเร็งว่าหนักแล้ว แต่นั่นก็ยังไม่แย่เท่ากับค่าปรับมหาโหดที่โดนฟ้อง 2,500 ดอลลาร์
การ์ตูนมักถูกมองว่าเป็นสื่อให้ความบันเทิงสำหรับเด็กมาโดยตลอด แต่จริง ๆ แล้วนั่นคือความเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะการ์ตูนหลายเรื่องมีเนื้อเรื่องเข้มข้น จริงจัง มืดมนยิ่งกว่าภาพยนตร์รางวัลแนวดราม่าเสียอีก และมีการ์ตูนจำนวนไม่น้อยที่แฝงเรื่องการเมืองเอาไว้ โดยเฉพาะการต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ ที่อ่านแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้เขียนได้มาเก็บข้อมูลจากโลกนอกการ์ตูนแน่นอน ดังนั้นวันนี้ UNLOCKMEN นำเอา 5 การ์ตูนเกี่ยวกับเผด็จการเรื่องเยี่ยมที่อยากให้ทุกคนรีบไปหาอ่านกัน ก่อนที่อาจจะหาอ่านไม่ได้ในอนาคต One Piece Written by Eiichiro Oda เนื้อเรื่องหลักอาจจะดูเหมือนการ์ตูนแอ็กชั่นพลังมิตรภาพตามสไตล์โชเน็นทั่วไป ว่าด้วยการเดินทางผจญภัยในท้องทะเลของโจรสลัดหมวกฟาง มังกี้ ดี ลูฟี่ และผองเพื่อนโดยมีเป้าหมายคือการเป็นจ้าวแห่งโจรสลัด แต่แท้จริงแล้ว One Piece เป็นการ์ตูนที่แฝงเรื่องการเมืองไว้เยอะมาก ชัดเจนที่สุดเลยคือประเด็นเรื่อง ‘เผ่ามังกรฟ้า’ เผ่ามังกรฟ้าคือมนุษย์ชนชั้นสูงที่สุดในโลก One Piece ลักษณะเด่นของเผ่านี้คือจะสวมหน้ากากใส ๆ เอาไว้ตลอดเวลาเพราะไม่อยากหายใจร่วมกับมนุษย์ที่ต่ำต้อยกว่า มีสัตว์เลี้ยงเป็นมนุษย์ด้วยกัน ฆ่ามนุษย์ชั้นต่ำเหมือนมดปลวกโดยไม่มีความผิด ส่วนสถานที่อยู่อาศัยของพวกเขาก็อยู่บนนครศักดิ์สิทธิ์ลอยฟ้านามว่า ‘แมรี่จัวร์’ ไม่ได้อาศัยร่วมกับมนุษย์ธรรมดาบนพื้นโลก สาเหตุที่เผ่ามังกรฟ้าสามารถทำได้ขนาดนี้เนื่องจากมีรัฐบาลโลกซึ่งควบคุมกำลังรบ คอยให้การสนับสนุนอยู่ พวกเขาสามารถสั่งการรัฐบาลโลกให้หันซ้ายหันขวาได้ตามใจ เรียกว่าควบคุมโลกทั้งใบไว้ในกำมือก็ว่าได้ ต่อให้เป็นโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขนาดไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าเผ่ามังกรฟ้าก็ยังต้องยอมสยบ ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ลูฟี่พระเอกของเรานี่เอง ที่ครั้งหนึ่งเคยโชว์วีรกรรมสุดห้าวปล่อยหมัดซัดใส่เผ่ามังกรฟ้าเต็มหน้าจนกระเด็นไปไกล สร้างชื่อให้โจรสลัดหมวกฟางเลื่องลือถึงรัฐบาลโลก
จากเหตุการณ์ทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต ติดอยู่ในถ้ำหลวงฯ จังหวัดเชียงราย ทำให้เราได้เห็นบทบาทของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งปกติเราแทบจะไม่รู้จักพวกเขาเลย อาจจะเคยได้ยินแค่ชื่อผ่าน ๆ เท่านั้น นั่นก็คือหน่วย Seal หรือ มนุษย์กบนั่นเอง ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์สุดโหดภายในถ้ำหลวง ภารกิจให้ความช่วยเหลือนี้จึงเป็นหน้าที่ของมืออาชีพอย่างหน่วย Seal เท่านั้น และจริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นใคร ผ่านการฝึกมหาโหดขนาดไหนจึงสามารถปฏิบัติภารกิจแสนทรหดขนาดนี้ได้ ? ตัวตนและหน้าที่ หน่วย Seal หรือชื่อเป็นทางการในประเทศไทยคือหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) เป็นหนึ่งในหน่วยรบพิเศษที่สังกัดอยู่ในกองทัพเรือ ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อทำภารกิจสุดโหดที่เหนือกว่าทหารเรือทั่วไป โดยภารกิจหลัก ๆ ของพวกเขาคือการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ดำเนินการทางด้านข่าวกรองลับ การก่อวินาศกรรมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ ทำลายวัตถุระเบิด การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล คุ้มครองบุคคลสำคัญ และปฏิบัติภารกิจพิเศษอื่นๆ โดยมีคติสำคัญคือ ‘กำลังรบขนาดเล็ก ปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ และไม่ให้ข้าศึกรู้ตัว’ เนื่องจากแต่ละภารกิจที่ได้รับมอบหมายนั้นทั้งโหด ทั้งหิน จำเป็นต้องใช้ความสามารถทั้งทางกายทางใจสูงกว่ามนุษย์ทั่วไป จึงต้องได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี โปรแกรมฝึกเหนือมนุษย์และสัปดาห์นรก 3 สัปดาห์แรกจะเป็นการฝึกที่เน้นกำลังกายเป็นหลัก เช่นการวิ่ง แบกซุง พายเรือยาง ภายใต้สภาพแวดล้อมที่กดดันเข้มงวดจากครูฝึก และจะเพิ่มดีกรีความโหดของโปรแกรมการฝึกขึ้นไปอีกเป็น Stage ที่ 2 ซึ่งจะกินเวลาอีก
ก่อนจะพูดถึงอะไรที่เจาะลึก เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าไอดอลในเครือ 48 Group คืออะไร? เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักวงไอดอล BNK48 ที่กำลังโด่งดังเป็นปรากฏการณ์ในประเทศไทยในตอนนี้กันอยู่แล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้ว BNK48 คือวงน้องสาวหรือเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าเป็นเหมือนเฟรนไชส์ของวงรุ่นพี่อย่าง AKB48 ของประเทศญี่ปุ่น และนอกจาก BNK48 แล้ว AKB48 ก็มีวงน้องสาวอีกมากมายทั้งในญี่ปุ่นและทั่วทั้งเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น SKE48 (นาโกย่า), NMB48 (โอซาก้า), HKT48 (ฟุกุโอกะ), NGT48 (นีงาตะ), STU48 (เซะโตชิ), JKT48 (จากาตาร์), TPE48 (ไทเป), MNL48 (มะนิลา), MUM48 (มุมไบ) และล่าสุดเพิ่งประกาศกันไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ว่าประเทศเวียดนามจะมีไอดอลในเครือ 48 Group เช่นกันในนาม SGO48 (ไซง่อน) เรียกได้ว่าตีตลาดไปทั่วทั้งเอเชียแล้วจริง ๆ แต่ละวงถึงแม้จะอยู่ต่างเมืองต่างประเทศกัน แต่เมื่ออยู่ในเครือเดียวกันจึงมีกฎเกณฑ์ภายในวงเหมือนกัน ซึ่งกฎที่เราจะพูดถึงในวันนี้มันนำไปสู่การเลือกตั้งคือ ‘เซ็มบัตสึ’ ทำความเข้าใจง่าย ๆ เนื่องจากสมาชิกในแต่ละวงนั้นมีจำนวนมาก เช่น BNK48 ตอนนี้ก็มีสมาชิกถึง 26 คน ยังไม่รวมรุ่น 2 อีกกว่า 30
ฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้คงไม่มีใครเหมาะกับวลี ‘From Zero to Hero’ มากไปกว่า Gabriel Jesus กองหน้าดาวโรจน์ของทีมชาติบราซิลอีกแล้ว เพราะถ้าย้อนไปเมื่อ 4 ปีก่อน ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ Gabriel Jesus ในวัย 17 ปี ขณะนั้นเขาเป็นเพียงนักเตะฝึกหัดของสโมสร Palmeiras แน่นอนว่ารายได้ย่อมไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ดังนั้นเขาจึงรับจ็อบพิเศษด้วยการเป็นช่างทาสีตามกำแพงหรือพื้นถนนต้อนรับฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึง แต่เพชรยังไงก็คือเพชร หลังจากจบศึกฟุตบอลโลก 2014 Gabriel Jesus ก็เริ่มโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมจนได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ Palmeiras และเขาก็ไม่ทำให้โค้ชและเพื่อนร่วมทีมผิดหวัง กระหน่ำประตูได้เป็นกอบเป็นกำจนเป็นที่หมายปองจากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป และก็เป็นทีมเรือใบสีฟ้า Manchester City ที่คว้าตัวเขาไปครองได้สำเร็จด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ ซึ่งนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น Gabriel Jesus ไม่หยุดการพัฒนาตัวเองไว้เท่านี้ เขาพิสูจน์ตัวเองว่าฝีเท้าเป็นของจริง ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม และสุดท้ายก็สามารถพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ Premier League ได้สำเร็จ เมื่อฟอร์มดีขนาดนี้ การมีชื่อติดทีมชาติบราซิลมาลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 จึงไม่ใช่เรื่องแปลก จากวันที่เขานั่งทาสีอยู่ข้างสนามฟุตบอล ถึงวันที่เขาเป็นซูเปอร์สตาร์พาทีมบ้านเกิดลุยฟุตบอลโลกใช้เวลาเพียง 4
วาทะเด็ดประจำสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อดาราเจ้าของบทบาท Captian America อย่าง Chris Evans ได้ทวีตแสดงความเห็นถึงมุมมองถึงประธานาธิปดีตัวแสบ Donald Trump ที่คล้ายกันกับเฟรนไชส์ของ Avengers ในเรื่องความฝันแบบอเมริกันนั้นมีค่าเล็กน้อยกับความเกลียดชัง “ความพยายามของเขาในการลดจำนวนผู้ย้ายถิ่นฐานเป็นเรื่องที่ชัดเจน เขาสามารถขุดความกลัวและความโกรธในใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนพวกหัวรุนแรง GOP ให้มีส่วนร่วม ช่างเป็นช่วงที่น่าเกลียดที่สุดในประวัติศาสตร์ และจะไม่มีใครลืม” His effort to dehumanize immigrants is appallingly clear. He stokes fear and anger effectively pandering to the bigoted and uninformed. The entire GOP is complicit in this pernicious reincarnation of history’s ugliest chapters. Their silence
ชาว UNLOCKMEN ที่เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นประจำคงรู้กันดีว่าเวลาเดินทางเราต้องเติมน้ำมันหรือแก๊สให้พร้อมก่อนเดินทางเสมอเพื่อความชัวร์ และการเติมครบโปรตามปั๊มก็ทำให้เราได้ของแถมอย่าง “น้ำเปล่าบรรจุขวดพลาสติก” กันอยู่เป็นประจำ บ่อยครั้งพวกเราก็โยนมันไว้ที่เบาะด้านหลังรถอย่างไม่ใส่ใจ ถือเอาฤกษ์สะดวก อยากกินเมื่อไรก็ค่อยหยิบมาเปิดคลายกระหาย สำหรับหนุ่ม ๆ คนไหนที่เคยทำแบบนั้นลองสังเกตดูที่เบาะนั่งที่วางน้ำไว้ให้ดี เพราะบางทีคุณอาจจะได้เจอจุดไหม้บนเบาะสักจุดสองจุดเล็ก ๆ ก็ได้ และถ้ามันเกิดขึ้นแล้วอย่างทำเพิกเฉยต่อสิ่งที่เห็น เนื่องจากร่องรอยนี้เป็นสัญญาณอันตรายที่บอกว่า อนาคตมันอาจไม่หยุดแค่นี้ แต่ขยายเป็นการจุดไฟให้ลุกท่วมรถคันงามของพวกเรา เรื่องนี้เกิดจากหนุ่มเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงแบตเตอรี่ที่บังเอิญเห็นควันลอยขึ้นมาใกล้ ๆ คอนโซลรถบรรทุกของตัวเองแล้วพบว่ามีต้นตอมาจาขวดน้ำพลาสติกที่อยู่ในรถ เหตุการณ์ภัยจากขวดน้ำพลาสติกไม่ได้มีเพียงหนุ่มคนที่เท่านั้นที่เคยพบ แต่ยังมีคลิปแจ้งเตือนกันแบบจริงจังจากหนุ่มนักดับเพลิงที่สาธิตให้เห็นอีกด้วย หลักการการเผาไหม้นี้เป็นแบบเดียวกับการทดลองใช้แว่นขยายจุดไฟในคาบเรียนวิทยาศาสตร์ แสงอาทิตย์จะรวมตัวกันผ่านขวดน้ำที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจากเลนส์ ชี้ตรงไปที่จุดโฟกัสแล้วจุดติดจากควันสู่ประกายไฟลุกท่วมรถได้ทั้งคัน แม้อัตราอัคคีภัยจากการทิ้งขวดน้ำพลาสติกไว้ในรถจะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นให้เห็นบ่อย ๆ แต่พวกเราคงไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับรถคันโปรดของเราแน่ ๆ เพราะอุบัติเหตุจากความประมาทไร้คู่กรณีแบบนี้คงไม่มีใครรับเคลมประกันอย่างแน่นอน หนุ่ม ๆ อย่าลืมนะ ถึงที่หมายอย่าทิ้ง “ขวดน้ำ” ไว้บนรถ หรือถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ย้ายไปใส่ไว้หลังรถแทนในที่ที่แสงส่องไม่ถึง ไปไหนจะได้ไม่ต้องพะวงและเสียใจภายหลัง SOURCE
หนึ่งในเรื่องสำคัญที่ถูกยกมาเป็นประเด็นพูดถึงกันอยู่บ่อย ๆ สำหรับฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้คือการนำเทคโนโลยี VAR และ Goal-Line Technology มาใช้ในศึกฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก ถือว่าเป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แห่งวงการฟุตบอล เพราะที่ผ่านมามีการถกเถียงเรื่องนี้กันมาตลอด ฝ่ายที่ต่อต้านให้เหตุผลว่ามันจะสูญเสียเสน่ห์ของฟุตบอลและเสียเวลาทำให้การแข่งขันไม่ต่อเนื่อง แต่เมื่อมีการนำมาใช้จริง ๆ ทุกคนคงจะเห็นผลลัพธ์กันแล้วว่ามันทำให้เกมมีความยุติธรรมมากขึ้น ผู้เล่นลดความรุนแรงในการเล่นลง และก็ไม่ได้เสียเวลามากมายอย่างที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งในฟุตบอลโลก 2018 นี้แม้จะเพิ่งเริ่มต้นมาไม่กี่นัดแต่ก็มีช็อตน่ากังขามากมายซึ่งถ้าไม่มี VAR และ Goal-Line Technology มาช่วยตัดสินแล้วล่ะก็คงเป็นประเด็นถกเถียงดราม่ากันไปทั่วทั้งโลกแน่ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีทั้งสองที่ทำให้เกมฟุตบอลยุติธรรมและขาวสะอาดขึ้น ยิ่ง VAR และ Goal-Line Technology มีบทบาทในเกมการแข่งขันมากเท่าไร คนดูอย่างเราก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าย้อนเวลากลับไปตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่อปี 1930 ประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลกจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนกันนะ? ทีมชาติอังกฤษอาจจะไปได้ไกลกว่าเดิมในฟุตบอลโลก 2010 ย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อน ฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในเกมระหว่างทีมชาติเยอรมันและทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเกมนี้ทีมอินทรีเหล็กออกนำไปก่อน 2-0 จากลูกยิงของ Miroslav Klose และ Lukas Podolski ก่อนที่อังกฤษจะตีตื้นขึ้นมาจากลูกโหม่งของ Matthew Upson การแข่งขันดำเนินมาถึงนาทีที่ 37 และแล้วจังหวะปัญหาก็เกิดขึ้น