ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลกันแล้ว สำหรับกรณีที่แบรนด์สเก็ตบอร์ดรุ่นเก๋าอย่าง Vans กำลังเดินหน้ายื่นเรื่องฟ้องค่ายรีเทลชื่อดัง ซึ่งถูกพวกเขากล่าวหาว่ามีรองเท้าหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ถูกปล่อยออกมา ได้ลอกเลียนแบบลวดลายของ Side-stripe อันโด่งดังของรองเท้าในโมเดล Old Skool รองเท้าโมเดลในตำนานซึ่งพวกเราทุกคนรู้จักกันดีอย่าง Style36 OLD SKOOL ถูกปล่อยออกมาครั้งแรกเมื่อปี 1977 ในฐานะรองเท้าสเก็ตบอร์ดคู่แรกที่มีการใช้วัตถุดิบหนังในการผลิต เพื่อเพิ่มประโยชน์ในด้านความแข็งแรงทนทานของรองเท้า พร้อมกับลวดลายข้างรองเท้าที่ออกแบบโดย Paul Van Doren ซึ่งเดิมทีถูกเรียกด้วยชื่อ Jazz Stripe ก่อนเวลาต่อมามันจะได้รับความนิยมไปทั่วทุกมุมโลก ส่งผลให้ Side-stripe ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของ Vans ไปโดยปริยาย ซึ่งถ้าจะปล่อยให้ใครใช้เอาไปใช้หากินง่าย ๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะล่าสุด Vans ตัดสินใจยื่นเรื่องฟ้องแบรนด์รีเทลยักษ์ที่ชื่อ Target โดยบอกว่ารองเท้าในรุ่น Target Camella Lace-Up ซึ่งถูกวางขายในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีการลอกเลียนแบบลวดลาย Side-stripe อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของพวกเขา พร้อมระบุเหตุผลว่า “ Tatget เลือกที่จะเลียนแบบสัญลักษณ์ของพวกเราอย่างจงใจ ซึ่งอาจสร้างความสับสนในกลุ่มลูกค้าทั่วโลกได้” นอกจากนี้ยังมีข้อความจากกลุ่มลูกค้าที่สนใจซื้อรองเท้าในรุ่นดังกล่าว ได้มาเขียนรีวิวสุดกวนไว้บนเว็บไซต์ของทางรีเทลชื่อดัง ยกตัวอย่างเช่น “VANS ปลอมคู่นี้ก็ดูเท่ดีนะ” โดยทั้งหมดเป็นการแสดงออกจากกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน ว่าพวกเขาเองก็เข้าใจว่ารองเท้ารุ่นดังกล่าวเป็นของที่ทำลอกเลียนแบบขึ้นมา โดยอาศัยการดัดแปลงลวดลาย Side-Stripe ถูกดัดแปลงให้ต่างออกไป แต่สุดก็ไม่พ้นสายของ VANS อยู่ดี
ในปี 2018 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นอีกปีที่เกิดเรื่องราวความเคลื่อนไหวขึ้นมากมายในทั้งในแวดวงไอทีและวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศร้าสะเทือนใจอย่างการสูญเสีย ‘Stephen Hawking’ นักคิด นักปรัชญาคนสำคัญแห่งศตวรรษ เรื่องสั่นสะเทือนความมั่นคงชาวโลกอย่างเรื่องข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้หลายสิบล้านคน Facebook รั่วไหลจน Mark Zuckerberg ต้องรีบออกมาแถลงการณ์ต่อสภาคองเกรส หรือแม้กระทั่งเรื่องน่ายินดีอย่างเรื่องยาน InSight สามารถลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารได้สำเร็จ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะพูดถึงในวันนี้ สิ่งที่เราจะพูดถึงในวันนี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่เป็นสิ่งเล็ก ๆ รอบตัวที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้นด้วยไอเดียแปลกใหม่ผสมผสานเข้ากับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จนเกิดเป็น ‘Gadgets’ เจ๋ง ๆ มากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมมาให้แล้ว Anki Vector Robot Sidekick นี่คือหุ่นยนต์เพื่อนคู่ใจขนาดจิ๋วที่เปิดตัวออกมาในปีนี้ ที่ความเจ๋งของมันเปรียบเสมือนหลักไมล์สำคัญอีกหนึ่งจุดที่บ่งบอกว่าการที่มนุษย์จะเป็นเพื่อนกับ AI นั้นไม่ใช่เรื่องในอนาคตอันไกลอีกต่อไป Anki Vector Robot Sidekick มาพร้อมกับบุคลิกสนุกสนานขี้เล่น ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินในการพูดคุยโต้ตอบกับมันได้ทั้งวัน นอกจากนั้นมันยังฉลาดพอที่จะเล่นเกมกับคุณได้อีกด้วย และความเจ๋งอีกอย่างของมันก็คือกล้องบริเวณดวงตา ที่จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเนวิเกเตอร์บอกทางมันให้มุ่งหน้าไปยังแท่นชาร์จด้วยตัวเองเมื่อแบตเตอรี่เริ่มอ่อน เจ้าหุ่นยนต์จิ๋วเพื่อนรักตัวนี้สนนราคาอยู่ที่ 174 เหรียญหรือประมาณ 6,000 บาท เท่านั้น หนุ่มขี้เหงาคนไหนสนใจสามารถสั่งซื้อได้ ที่นี่ The Cup Cooler The Cup Cooler คือชื่อของเจ้าอุปกรณ์วิเศษนี้ มันไม่ได้ออกมากจากกระเป๋าหน้าท้องโดราเอมอน แต่ออกแบบและสร้างโดย Howar Geng of allocacoc ซึ่งจุดเริ่มต้นของไอเดียเกิดจากการที่เขาอยากดื่มอะไรเย็น ๆ
ช่วงเทศกาลหลายคนก็อยากหาความสนุกกับเสียงเพลงมันส์ ๆ แต่หลายคนก็เบื่อจะโยกหัวไปกับเพลงตื๊ดที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา หรืออยากนอนอยู่บ้านนับ สาม สอง หนึ่ง แบบชิล ๆ ลองเอนหลัง แล้วปล่อยสมองผ่อนคลายไปกับ Playlist นี้ของเราที่คัดเพลง DREAMPOP มาขับกล่อมให้คืนข้ามปีของคุณ ได้เป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายสมกับเป็น Holiday อย่างแท้จริง ตามไปเสพเพลงสุดชิลในคืนข้ามปีกันได้ที่ Playlist บน Spotify เหมือนเดิม George Clanton – Dumb The Undercover Dream Lovers – Come Home Foliage – It’s Time Say Sue Me – Dreaming Barrie – Tal Uno The KVB –
ช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการประมวลผลถึงสามร้อยหกสิบกว่าวันที่ผ่านไป และการนับหนึ่งใหม่ในเดือนแรกของปฏิทินที่กำลังจะมาถึง คงจะเป็นช่วงสิ้นปีนี้ที่เป็นเหมือนรอยต่อของการเปลี่ยนแปลง (อย่างน้อยก็ตัวเลขของปี) เป็นยังไงกันบ้าง หากมันเป็นปีที่แย่ก็อย่าเพิ่งท้อไป เรากำลังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ที่รอเราอยู่ข้างหน้าในอีกไม่กี่อึดใจ เรารู้แล้วว่าปีหน้าเราต้องปรับปรุงอะไร ในทางตรงกันข้ามหากมันเป็นปีที่โคตรเจ๋ง แล้วปีหน้านี้เราจะทำอะไรดีล่ะถ้าไม่ต้องมาคอยซ่อมเรื่องพัง ๆ จากปีที่แล้ว ? แม้จะเป็นปีที่เจ๋ง อาจจะเจ๋งที่สุดที่เคยมีมา แต่ยังมีเรื่องอีกมากมายให้เราได้ทำ มาดูกันว่ามีอะไรให้เราตะลุยผ่านด่านของปีหน้ากันบ้าง BE BETTER ตอนต้นปีเราต่างมี New Year’s Solution ไว้ในใจกันทั้งนั้น อาจจะสำเร็จทั้งหมดหรือสำเร็จแค่บางอย่าง พอเริ่มต้นปีใหม่ ก็ต้องมาเริ่มลิสต์ New Year’s Solution กันใหม่อีกครั้ง เบื่อมั้ยที่จะทำแบบนั้น ลองล้วงลึกดูดี ๆ ว่าปีนี้เราได้ทำอะไรเจ๋ง ๆ ลงไป เปลี่ยนแปลงตัวเองยังไงบ้าง อะไรที่เราไม่เคยได้ทำมาก่อน แล้วเพิ่งเริ่มทำในปีนี้ หรืออะไรที่เราหัดทำแล้วเราเก่งขึ้น อย่าเพิ่งหยุดสิ่งเหล่านั้นไว้เพียงเพราะได้ลงมือทำแล้ว พอใจแล้ว ไหน ๆ เราก็ได้ทุ่มเทเวลาให้มันไปหนึ่งปีแล้ว หยิบมันมาสานต่อให้เราเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นไปเลย ให้มันกลายเป็น Skill ติดตัวเราที่สามารถเรียกใช้เมื่อไหร่ก็ได้ อย่าหยุดความพอใจไว้ที่การได้ลงมือทำ เดินต่อไปให้สุด BE A SUPPORTER
บราหรือเสื้อชั้นในคือปราการด่านสุดท้ายท่อนบนที่ปกปิดเนินอกสาว ๆ ยอมรับตามตรงว่าบราที่ดีไซน์ดีมันก็ชวนลุ่มหลง กระตุ้นให้เรารู้สึกฮึกเหิมปลุกความกระหายของเสืออย่างเรา แต่อีกด้านก็เป็นศัตรูตัวฉกาจตอนเข้าด้ายเข้าเข็มด้วยเพราะความยากในการปลดเพื่อเผยเนื้อนุ่มเนียน ถ้าคุณคือผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบให้สาวโนบรามากกว่าแต่ยังไม่รู้ว่าจะบอกเธออย่างไรให้ดูไม่เหมือนหนุ่มหื่นที่อยากขย้ำกวางน้อยเสียเต็มประดา UNLOCKMEN ของเสิร์ฟเหตุผลดี ๆ เหล่านี้ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาจาก University of Besancon ประเทศฝรั่งเศสเขาออกมายืนยันจากการทดลองกับกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 330 คนในช่วงอายุตั้งแต่ 18-35 ปี ว่า “บราไม่ใช่ของจำเป็น โยนทิ้งไปได้แล้ว” บราพยุงเต้าต้านความเหี่ยวไม่ได้ อกถุงกาแฟคือสิ่งที่พวกเธอพยายามลี้หนีมัน แต่ทางสรีรวิทยาและกายวิภาคเขาบอกไว้ว่าการใส่บรามันไม่ได้มีประโยชน์อะไร ตรงข้ามมันยังไปเร่งความเหี่ยวหย่อนให้เร็วขึ้น ขณะที่ถ้าเปลือยเต้าไม่ใส่บราเขาลองทดสอบวัดกันแล้วว่ามันจะช่วยยกกระชับขึ้นถึงปีละ 7 มิลลิเมตร และทำให้พวกรอยแตกต่าง ๆ จางหายไป สำหรับเหตุผลของการใส่บราที่จะทำให้เนินอกของเธอคล้อยก่อนเวลาอันควร นักวิจัยให้คำอธิบายว่าเกิดจากการสวมบราที่ตัวขวางการเติบโตของเนื้อเยื่อเต้านม ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อที่รองรับหน้าอกเสื่อมสภาพ ถ้าถอดมันออกแล้วกล้ามเนื้อพยุงเหล่านั้นจะทำงานได้มากกว่า บราไม่ได้ช่วยให้หายปวดหลัง ไม่ใส่แล้วจะถ่วงหน้า เดี๋ยวพวกเธอจะปวดหลังได้ อันนี้ก็เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานชิ้นไหนที่เชื่อมโยงได้ว่าบราคือตัวช่วยเยียวยาการปวดหลังได้อย่างแท้จริง แถมการถอดมันยังทำให้เธอยืดหลังได้เต็มเหยียด ยืนตรงขึ้นและปวดหลังน้อยลงด้วย (จากการสอบถามผู้เข้าร่วมวิจัย) ถอดบราแล้วหายใจโล่งคล่อง อีกเหตุผลที่น่าเชื่อว่ามันเป็นได้แบบสุด ๆ คือถอดบราแล้วจะหายใจได้สะดวกขึ้น เรื่องนี้หนึ่งในผู้ทดลองสาวที่ไม่สวมบรามาติดต่อกันถึงสองปีเขาให้ข้อมูลไว้ ซึ่งแน่นอนเรื่องนี้เราเชื่อว่าสาว ๆ ทุกคนต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันเพราะไม่ว่าอะไรถ้ามารัดร่างกายเราเป็นเวลานาน ๆ ก็ย่อมอึดอัดเป็นธรรมดา
เราเชื่อว่าไม่ใช่เราแค่คนเดียวที่จำภาพสาวน้อยตาหยีกับเสียงหวานใสราวกับมีมนตร์สะกดวัย 16 ปีบนเวทีเดอะวอยซ์ไทยแลนด์เมื่อ 4 ปีก่อนได้ติดตา ไม่ใช่แค่เสียงหวานใส ความตั้งใจและความน่ารักเท่านั้นที่ทำให้เธอมีความหมายในความทรงจำของเรา แต่เพราะยิ่งกาลเวลาผ่านไป ยิ่งเธอเติบโต เรายิ่งเห็นว่าภายใต้กรอบแว่น เสียงหวานใสยังเต็มไปด้วยตัวตน วิธีคิดและการมองโลกที่หนักแน่นน่าสนใจ ใช่ เรากำลังหมายถึง “อิมเมจ-สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ” หญิงสาวผู้หลงใหลการร้องเพลงและรู้สึกโชคดีทุกครั้งที่ได้จับไมค์และเปล่งเสียงเล่าเรื่องราวออกมาผ่านเสียงดนตรี วันนี้อิมเมจไม่ใช่สาวน้อยคนเดิมบนเวทีเดอะวอยซ์ แต่คือหญิงสาววัย 20 ปีที่มาพร้อมความฝันเต็มเปี่ยม บางฝันดูไม่ยากจะคว้ามา บางฝันดูห่างออกไปหน่อยแต่เธอก็พร้อมฝ่าไป ที่แน่ ๆ ปีนี้เธอมาพร้อมการออกซิงเกิลอย่างเป็นทางการของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต ถ้านับว่าเธอร้องเพลงตั้งแต่อนุบาล เริ่มแต่งเพลงตั้งแต่ ม.3 ซิงเกิลสองซิงเกิลแรกในชีวิตของเธอนี้ก็นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่เราเองก็อยากบันทึกความเป็นเธอไว้ในรูปแบบบทสนทนาในฐานะคนที่เฝ้ามองการเติบโตของเธอมาตลอด เราเจอกันในวันแดดจ้า ตาหยี ๆ ของอิมเมจหรี่ลงจากแสงแดดจัด แต่กลับส่องประกายสดใสมาที่เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมที่เธอได้พักจากการเรียน สีหน้าเธอบ่งบอกถึงความสุขของคนเพิ่งสอบเสร็จมาหมาด ๆ แต่ในมหาวิทยาลัยชีวิตและการทำเพลงเหมือนตอนนี้เพิ่งจะเป็นปีการศึกษาใหม่อันหอมหวาน จนเราอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าอิมเมจแบ่งเวลาในมหาวิทยาลัยจริง ๆ กับมหาวิทยาลัยแห่งการทำงานอย่างไร ? “อิมแบ่งไม่ได้ อิมทำได้ดีที่สุดคือจัดตารางให้งานไม่ชนเวลาเรียน เพราะอิมเป็นคนขี้เกียจ ไม่ค่อยได้ทบทวนบทเรียน แต่ก็พยายามเอาตัวรอด” เราชอบเธอตั้งแต่คำตอบแรก หมายถึงชอบมากกว่าที่ชอบอยู่แล้วไปอีก เพราะบางทีการที่เราจะสามารถจะจัดการอะไรได้ มันอาจต้องเริ่มต้นที่เรากล้าจะยอมรับก่อนว่าเราจัดการไม่ได้ เราขี้เกียจ
สิ่งที่โคตรเดือดยิ่งกว่าศึกคู่แดงเดือด ก็คือวันแดงเดือดของสาว ๆ แล้วเราหรือเธอดันเกิดอารมณ์สวาทหวามไหวอยากริทำกิจกรรมบนเตียงกันขึ้นมานี่แหละ แม้จะมีความทุลักทุเลแต่ก็ใช่ว่า “การฝ่าไฟแดง” จะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะนอกจากเราเองเป็นฝ่ายที่มีความต้องการแล้ว เราก็อยากกระซิบบอกว่าช่วงนั้นของเดือนนี่แหละที่เป็นช่วงที่สาว ๆ รู้สึกกระหายอยากมากเป็นพิเศษ ดังนั้นถ้ากระหายอยากจนทนไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน ทำความรู้จักการฝ่าไฟแดงกันแบบมือโปร เผื่อเซ็กซ์ในวันแดงเดือดเกิดขึ้นจริง จะได้ไม่ต้องเก้ ๆ กัง ๆ แต่ไปต่อได้ไหลลื่นเหมือนฝึกปรือมาตลอด 12 เดือน ความสมัครใจสำคัญที่สุด UNLOCKMEN พูดเรื่อง Consent หรือความยินยอมพร้อมใจควบคู่กับเรื่องเซ็กซ์มาโดยตลอด เพราะเราไม่เชื่อว่ามันมีเซ็กซ์ที่ “เกินไป” ตราบใดที่คนสองคน (หรือมากกว่า) มีรสนิยมตรงกันและยินยอมพร้อมใจที่จะมีเซ็กซ์แบบนั้นร่วมกัน การฝ่าไฟแดงนี่ก็เช่นกัน เราว่ามันไม่ได้เกินเลยไป เพียงแต่ต้องถามความยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่ายให้ตรงกัน แม้ฮอร์โมนของเธอจะพลุ่งพล่านในช่วงนี้ แต่ถ้าเป็นวันที่เธอดันปวดท้องหนักมากหรือไม่ได้อินกับเซ็กซ์แดงเดือดขนาดนั้น เราก็ไม่ควรคิดจะเริ่มด้วยประการทั้งปวง ปล่อยให้ไหลไป ลอยไปกับสายน้ำชุ่มฉ่ำ ถ้าเป็นเซ็กซ์วันแดงเดือดครั้งแรกในชีวิต หลังจากถามความสมัครใจเธอพร้อมแล้ว เราว่าเริ่มต้นที่ที่มี “สายน้ำ” จะง่ายและสะดวกที่สุด โดยทางหนึ่งถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ อาจจะเป็นใต้สายน้ำจากฝักบัวหรือในอ่างจากุชชี่ขนาดพอเหมาะ เพราะอีกทางหนึ่งมันง่ายต่อการชำระล้างทำความสะอาด และไม่ต้องเลอะเทอะเปรอะผ้าปูเตียงหรือพื้นแต่อย่างใด อ้อ ไม่ต้องกลัวว่าจะแดงฉานทั่วอ่างไป เพราะในน้ำมีความดันที่จะไม่ทำให้มีอะไรไหลออกมาจนทำเราตกใจขนาดนั้น เล็กน้อย หรือใกล้หมดก็อย่าชะล่าใจ เตรียมตัวไว้ให้ดี บางคนอาจไม่ได้คิดจะมีเซ็กซ์วันแดงเดือดขนาดนั้น
“Your education begins when you leave school. Not when you’re in school.” แม้ประโยคข้างต้นของ Robert Kiyosaki มหาเทพผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรวยและสร้างไบเบิลเรื่องการลงทุนอย่าง “Rich Dad Poor Dad” จะเป็นสิ่งที่เราเห็นด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเรียนใน “โรงเรียน” ยังคงเป็นปัจจัยหนุนนำที่ช่วยให้การเรียนรู้และดำเนินชีวิตจริงง่ายขึ้น นั่นจึงไม่แปลกที่เมื่อบางสถาบันมีการชุมนุมของคนเก่ง คนรวยโดยไม่ได้นัดหมายสร้างผลผลิตเป็น “เจ้าสัว” ระดับตำนานหลายคนในเมืองไทย จะเป็นเหมือนสถานที่ที่สร้างสปอตไลต์ส่วนตัวให้ใครก็อยากส่งบุตรหลานเข้ามาเรียน จากนี้ไป UNLOCKMEN ขอพาคุณไปรู้จักกับโรงเรียนถิ่นเจ้าสัวไทยที่ได้รับการขนานนามว่าผลิต “เจ้าสัว” มากที่สุดในเมืองไทยให้คุณรู้จักและลองชั่งตวงวัดในใจว่าคุณอยากส่งคนรอบข้างไปเรียนสถานที่แห่งนี้หรือไม่ “โรงเรียนเผยอิง” เปิดรั้วโรงเรียนจีน แน่นอนว่าศัพท์ “เจ้าสัว” ไม่ใช่คำใช้เรียกคนรวยไทย และชื่อ “เผยอิง” อ่านก็รู้ได้ทันทีว่าไม่มาจากคำไทยแท้ จุดเริ่มต้นของการสร้างโรงเรียนแห่งนี้จึงมีวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้เน้นความเป็นไทยขนาดนั้น แต่ตั้งใจให้เป็นสถานที่สำหรับส่งบุตรหลานชาวจีนในแผ่นดินไทยเข้ามาเรียนเพื่อสร้างความแน่นแฟ้น เพราะเลือดมังกรไม่ว่าหยดอยู่ในแผ่นดินไหนก็ยังคงเข้มข้น ถ้าไม่ใช่รูปแบบของโรงเรียนเราจะมองเห็นสมาคมแซ่ต่าง ๆ ที่ตั้งกระจายตัวอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งก่อตั้งมาเพื่อสนับสนุนเหตุผลใกล้เคียงกัน โรงเรียนเผยอิงสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2459 หรือในสมัยของรัชกาลที่ 6 จากการระดมทุนของชาวจีนแต้จิ๋วในไทย
คุณเคยเจอคนตรงหน้าที่แค่ฟังคำที่เขาพูดแล้วรู้สึกว่า “เออ! กูยอม กูต้องยกนิ้วให้” หรือแค่บางประโยคที่ส่งออกมาก็มีพลังทำให้เรารู้สึกนั่งไม่ติดต้องลุกขึ้นไปทำอะไรสักอย่างแล้วเพราะถ้าปล่อยให้นั่งเฉย ๆ จากนี้วินาทีเดียวก็สายเกินไปบ้างไหม ถ้าคุณเคยเจอ เขาคนนั้นคือคนที่ช่วย UNLOCK POTENTIAL บางอย่างในตัวคุณ นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ตลอดการทำงานและตลอดปี 2018 ที่ผ่านมาพวกเราร่วมเฟ้นหาบุคคลเจ๋งจากหลากที่มาที่มีความหลากหลายมานั่งพูดคุยประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสนใจเพื่อมาส่งต่อพลังงานถึงกัน เพราะเราเชื่อว่ากระแสที่ดีจะเหนี่ยวนำเรื่องดีเข้ามา เมื่อคุณคบใครย่อมได้ถ่ายเททัศนคติบางอย่างจากเขามาด้วย ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาทั้ง 5 คนจากนี้จะเป็นคนที่คุณคุ้นเคยหรือไม่ก็ตาม แต่พวกเขาคือ 5 คนสุดท้ายในปีนี้ที่เราลงความเห็นแล้วว่าคุณควรทำความรู้จัก เพราะคุณจะได้เก็บเกี่ยวพลังไปใช้ในปีหน้าอย่างแน่นอน ความไร้สาระ คือความสดแจ้งเกิดฝัน หนึ่งคนที่พิสูจน์ว่าแพสชั่นแม่งไม่ต้องเป็นเรื่องที่มีสาระอะไรก็ได้ แต่ว่าได้สาระเหี้ย ๆ ปีนี้เราต้องยกตำแหน่งให้เขาคนนี้ “เย่ – ธนวัฒน์” นักคราฟต์ดาบ Lightsaber ที่เลือกออกจากงานประจำที่รัก มาหาความไร้สาระที่ “รักมากกว่า” “ผมรักงานประจำที่ทำมากเลยนะ ผมชอบแอนิเมชั่น ชอบ CG มีความฝันที่อยากทำหนังใหญ่ อยากมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในนั้น แต่พอทำอยู่ 3-4 ปี เริ่มรู้สึกว่าไม่ไปไหนซักที มาถึงจุดนึงก็เริ่มคิดว่ากูจะนั่งอยู่หน้าคอมตรงนี้ไปตลอดหรอวะ พอดีกับที่ช่วงนั้นเริ่มสะสม Lightsaber เริ่มสั่งมาโมดิฟายเก็บและโมขายไปด้วย