ในโลกของกีฬามอเตอร์สปอร์ต สิ่งสำคัญที่คนในวงการต่างให้ความสำคัญก็คือเรื่องของ “ความเร็ว” เพราะมันคือหัวใจหลักที่จะตัดสินผลแพ้ชนะในการแข่งขัน และเป็นเรื่องที่ทั้งตัวนักขับ ทีมวิเคราะห์ ทีมเทคนิค รวมไปถึงทีมช่างทุกคนต่างทำงานอย่างหนักเพื่อให้รถยนต์จากทีมของพวกเขาเร็วที่สุด เพื่อจะทะยานแซงรถทุกคันเข้าสู่เส้นชัยเป็นอันดับ 1 ถ้าพูดถึงทีมมอเตอร์สปอร์ตชั้นนำจากเอเชียชื่อของ BMW Team Studie คืออีกชื่อที่ผู้รักความเร็วทุกคนต้องจำให้ขึ้นใจ เพราะพวกเขาคือทีมแข่งขันของ BMW จากประเทศญี่ปุ่นที่มีทั้งนักขับมือฉมังและทีมงานมืออาชีพซึ่งทำงานภายใต้เป้าหมายเดียวกัน คือการเป็นเจ้าความเร็วในทุกสนามที่ลงแข่งขัน รายการ Blancpain GT Series Asia 2019 (บลองค์แปง จีที ซีรีส์ เอเชีย) พวกเขาก็พร้อมมาร่วมล่าแชมป์ด้วย BMW M4 GT4 ที่มากับลวดลายชุดแข่งใหม่ที่จะสะกดสายตาทุกคู่ในสนาม สำหรับ Blancpain GT Series Asia 2019 เป็นการแข่งขันรถยนต์ประเภท Grand Tourer ระดับโลกของทวีปเอเชียที่จัดโดย SRO MotorSport เป็นซีรีส์แข่งขันที่เต็มไปด้วยทีมมอเตอร์สปอร์ตชั้นนำจากทั่วทั้งทวีป แข่งขันแบบเก็บสะสมแต้มจากทั้งหมด 6 สนาม สนามแรกจัดที่ Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซีย ทีม
หลังจากที่ BMW ได้ประกาศการกลับมาของ 8-Series ในรหัสตัวถัง G14 G15 และ G16 ไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดโปรเจกต์ที่เคยถูกพับเก็บไปกำลังจะกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ให้ตระกูล 8 อีกครั้ง ด้วยรถสายพันธุ์แรงรหัส M คันรุ่นล่าสุดอย่าง BMW M8 หลังจากเปิดตัว BMW M8 Coupe ออกมาก่อนหน้านี้เพียงโมเดลเดียวทำให้หนุ่ม ๆ ที่รอคอย M8 ตั้งข้อสงสัยว่าในสายการผลิตล่าสุดของรถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง M8 ปี 2020 จะประกอบด้วยโมเดลแบบไหนบ้าง จนในที่สุดค่ายใบพัดสีฟ้าก็เปิดตัวโมเดลที่เหลือซึ่งได้แก่ตัว Convertible รวมถึงของแรงอย่าง M8 Coupe Competition และ M8 Convertible Competition ที่อัปเกรดขึ้นมาเล็กน้อยจากรุ่นปกติ ภายนอก M8 สามคันที่เพิ่งเปิดตัวออกมามีตัวถังยาว 4.86 เมตร กว้าง 1.90 เมตรและสูง 1.36 เมตร มีฐานล้อขนาด 2.82 เมตรเพื่อรองรับห้องเครื่องยนต์และห้องโดยสารขนาดใหญ่ ดีไซน์รถมีมิติที่สวยงาม
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลยานยนต์จากค่าย BMW โดยเฉพาะโมเดลสปอร์ตซีดานสุดแรงอย่าง M5 เตรียมพบกับข่าวดีกันได้เลย เพราะในปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงรุ่นพิเศษที่ผลิตออกมาฉลองครบรอบ 35 ปีของรถยนต์ในสายการผลิตดังกล่าว เตรียมถูกเปิดตัวออกมาแล้วในชื่อ BMW M5 “Edition 35 Years” ย้อนกลับไปในปี 1985 เป็นช่วงเวลาที่ M5 รุ่นแรกถูกสร้างขึ้นมาในรหัสตัวถัง E28 โดยใช้เครื่องยนต์ที่ดัดแปลงมาจาก M1 จนกลายเป็นรถยนต์ประเภทซีดานที่เร็วที่สุดในตอนนั้นและกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของตระกูล M5 ซึ่งเป็นที่นิยมจากผู้ใช้รถทั่วโลกมาตลอดระยะเวลา 35 ปีโดยทาง BMW เลือกจะฉลองความสำเร็จที่ผ่านมาด้วย M5 ที่อัดแน่นความพิเศษไว้เต็มคัน BMW M5 “Edition 35 Years” มีพื้นฐานมาจาก M5 Competition ที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.4 ลิตร Twin-Turbo ให้พลัง 617 แรงม้าแรงบิดที่ 553 ปอนด์-ฟุต มีอัตราเร่งความเร็วตั้งแต่
นับตั้งแต่ค่ายใบพัดสีฟ้าให้กำเนิดรถยนต์ที่ใช้บนท้องถนนรุ่นแรกของ BMW ซึ่งมีการติดตั้งเทอร์โบชาร์จที่หนุ่ม ๆ หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ BMW 2002 Turbo แม้เวลาจะผ่านมามากกว่า 40 ปีแล้วแต่มนต์เสน่ห์และความสำเร็จของมันก็ทำให้ค่ายเลือกผลิต M2 รุ่นพิเศษออกมาเพื่อระลึกถึงเจ้าความเร็วบนท้องถนนในอดีตของพวกเขา BMW 2002 Turbo เปิดตัวครั้งแรกในงาน Frankfurt Motor Show ปี 1973 โดยเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตรที่ให้กำลังสูงถึง 170 แรงม้าแรงบิดที่ 241 นิวตันเมตร ให้อัตราการเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาต่ำกว่า 7 วินาที สูงสุดที่ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง สเปคดังกล่าวทำให้มันกลายเป็นปีศาจบนท้องถนนจากยุค 70’s ที่เหล่านักสะสมทั่วโลกต่างอยากได้มาไว้ในครอบครอง และไม่นานมานี้ทาง BMW ก็ได้ผลิตรถรุ่นพิเศษขึ้นมาเพื่อระลึกถึงความยิ่งใหญ่ของมัน BMW ผลิต M2 Competition Heritage Edition ออกมาเพียง 40 คันทั่วโลก โดยเป็น M2 รุ่นพิเศษที่มาพร้อมสมรรถนะและงานดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งจาก M
โลกรอบตัวของผู้ชายอย่างเรา มีการเปลี่ยนแปลงและเดินไปข้างหน้าตลอดอยู่เวลา ไม่ว่าจะเป็นโลกของแฟชั่นที่มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเสื้อผ้ารูปแบบต่าง ๆ ให้เราต้องวิ่งตามเทรนด์ตลอดเวลา หรือจะเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น ซึ่งถูกพัฒนาให้เข้ามามีบทบาทในการเป็นตัวช่วยของชีวิตหลาย ๆ ด้าน แต่เวลาเดียวกันก็ยังมีสิ่งที่ยังคงรักษาตัวตนได้เป็นอย่างดี นั้นคือศิลปะและบทเพลงที่ยังคงความเป็นตัวเองได้อยู่เสมอ เชื่อเหลือเกินว่าผู้ชายแต่ละคนต่างมีรสนิยมความชอบในการฟังเพลงแตกต่างกันออกไป บางคนอาจชอบความหนักแน่นดุดันของเพลงร็อก บางคนชอบจังหวะและเนื้อหาโดน ๆ ของเพลงแร็พ บางคนอาจชอบความนุ่มนวลของดนตรีแจ๊ส เพราะประโยชน์ของเพลงนอกจากจะทำหน้าที่ขับกล่อมเป็นเพื่อนเราตลอดการเดินทางแล้ว มันยังเป็นสิ่งบ่งบองคาแรกเตอร์ของรถยนต์ที่เชื่อมต่อตัวเราเข้าไว้ด้วยกันได้อีกด้วย ในขณะที่ยุคสมัยเปลี่ยนผ่านไป แต่ขณะเดียวกันทางค่ายรถยนต์อย่าง BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ก็พร้อมที่จะปรับตัวเข้าสู่ทิศทางใหม่ของการสื่อสาร ด้วยการเลือกสร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ชายอย่างเราได้มากขึ้น รวมถึงมีความสนุกและเป็นที่จดจำมากขึ้น จนเกิดเป็นแนวคิดใหม่ของการเปิดตัวนวัตกรรมทางยานยนต์ของพวกเขาผ่านแคมเปญ Be My World โดยได้ร่วมกับ 3 ศิลปินชื่อดังที่จะเปิดตัวเพลง Be My World พร้อมกับนวัตกรรมยานยนต์ที่จะเชื่อมต่อผู้คน รถยนต์ และบทเพลงให้เป็นหนึ่งเดียวกัน 3 of the Best ถ้าพูดถึงชื่อของศิลปินอย่าง ป๊อด-ธนชัย อุชชิน แน่นอนว่าภาพที่เราคิดคงเป็นนักร้องหนุ่มรุ่นเก๋าผู้ให้แรงบันดาลใจและฝากผลงานเอาไว้มากมาย เพราะเขาคือศิลปินที่มีเอกลักษณ์และถือเป็น Iconic ของยุคสมัยหนึ่งที่แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ทุกครั้งที่ได้ยินน้ำเสียงของเขา เราก็ยังคงจดจำได้เสมอและสำหรับหนุ่ม ๆ สาย HipHop
โลกยนตรกรรมไม่เคยหยุดนิ่ง รวมถึงยังเหยียบคันเร่งพัฒนาอยู่เสมอจนผู้ชายอย่างเราได้ประโยชน์เต็ม ๆ ทั้งเรื่องเทคโนโลยีที่ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งการเข้ามาเป็นผู้ช่วยขับขี่อัจฉริยะ รวมทั้งสมรรถนะที่ยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หนุ่ม ๆ อย่างเรามีทางเลือกก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์สักคันมากกว่าที่เคย นอกจากเรื่องเทคโนโลยีและสมรรถนะแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกแบบก็ถือเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะรถยนต์ที่เปิดตัวใหม่ เพราะงานดีไซน์สามารถบอกตัวตนของรถยนต์แต่ละคันให้ประทับอยู่ในใจผู้คนไม่รู้ลืม หลายคนอาจไม่เคยรู้เลยว่ากว่าจะพัฒนาออกมาเป็นรถยนต์โฉมสุดท้ายที่เปิดตัวสู่สายตาผู้คน จะต้องผ่านการกลั่นกรองไอเดียและใช้เวลาออกแบบอย่างละเอียดขนาดไหน วันนี้จึงเป็นโอกาสดีของ UNLOCKMEN ที่ได้คุยกับ Mr. Matthias Junghanns หัวหน้าทีมดีไซเนอร์และผู้ดูแลการออกแบบรถยนต์ในเซกเมนต์ SAV จากค่ายใบพัดสีฟ้าอย่าง THE X7 ที่จะมาเล่าถึงปรัชญาการออกแบบยนตรกรรมคันล่าสุดที่ถือเป็นตำนานบทใหม่ของ BMW เลยก็ว่าได้ ไอเดีย ความใส่ใจและการแข่งขันที่ทำให้เกิดงานดีไซน์ชั้นเลิศ Matthias Junghanns เล่าเรื่องจุดเริ่มตอนการออกแบบ THE X7 ให้เราฟังว่า เดิมทีรถยนต์ในรุ่น X ของ BMWจะถูกมองเป็นรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานอย่างคล่องตัว เหมาะสำหรับลุยไปทุกที่เพราะเป็นรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนใหญ่มาในรูปแบบ Compact Luxury SUV หรือ Sub-Compact Luxury SUV แต่สำหรับ
ทุกครั้งที่เราเห็นรถยนต์คลาสสิกสุดสวยในวันนี้ ทำให้เราจินตนากรถึงภาพที่หรูหราราวกับถนนที่โรยด้วยกุหลาบในอดีต แต่ในความเป็นจริงแล้วรถยนต์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง World War II หลายคันกลับมีประวัติที่ไม่ได้สบายอย่างที่เราคิด เนื่องจากเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นฟูขาดความเสถียร ประชาชนต้องคิดหนักในการใช้จ่าย รวมถึงวัตถุดิบที่ทีขีดจำกัดเป็นอย่างมาก เรียกว่าจะสร้างอะไรขึ้นมาเหมือนต้องเทเงินทุนกันหมดหน้าตัก เดินหมากผิดนิดเดียวอาจะสะเทือนถึงขั้นล้มละลายได้ เช่นเดียวกับ BMW 507 สุดคลาสสิกคันงามคันนี้ ในอดีตมันคือรถยนต์ที่ทำให้ BMW ต้องสั่นสะเทือนเกือบถึงขั้นล้มละลาย แต่ในวันนี้มันคือหนึ่งใน Iconic Car ประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ BMW พร้อมมูลค่าซื้อขายที่ไปไกลถึงราว 70 ล้านบาท BMW 507 เป็นรถ Roadster ที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี 1956 – 1959 ราว 10 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ Germany แม้หลายบริษัทจะเริ่มฟื้นตัวจากร่องรอยแผลจากสงครามมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมี resource ที่จำกัดมาก ส่งผลถึงค่ายรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ที่มุ่งผลิตรถยนต์เรียบง่าย ราคาไม่แพง เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น Isetta รถทรงไข่ที่เกิดขึ้นในขณะที่ผู้คนหันไปเลือกใช้ Scooter ในการเดินทาง
สำหรับผู้ชายอย่างเรา นอกจากแนวทางชีวิตแบบ Work Hard Play Hard ในเวลาทำงานก็ปล่อยพลังเต็มที่ไม่มียั้ง เมื่อถึงเวลาหาความสุขให้ตัวเองก็ต้องไปให้สุดทาง ไม่ว่าจะเป็นความสุขที่เกิดจากได้ออกไปดื่มสังสรรค์ การได้เลือกซื้อเสื้อผ้าและรองเท้า หรือแม้กระทั่งได้ครอบครองรถในฝัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่าเส้นทางความสุขของเขาจะเดินควบคู่ไปกับอะไร เหมือนอย่างที่ คุณก้อง-สุภวิช วงศ์วิวัฒน์ บอสใหญ่แห่งอาณาจักร Smiling Mad Dog ธุรกิจนำเข้าเครื่องดื่มผู้เลือกให้ความสุขกับชีวิตด้วยการออกตามรถยนต์รุ่นคลาสสิกของ BMW (บีเอ็มดับเบิ้ลยู) และคว้ามันเข้ามาอยู่ในคอลเลกชันส่วนตัว เพื่อเติมเต็มความหลงใหลที่มีต่อยานยนต์จากค่ายพัดสีฟ้าของตัวเอง อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกใช้เวลาแห่งการ Work Hard ไปกับธุรกิจคราฟต์เบียร์และ Play Hard ด้วยการวิ่งตามหาพาหนะในฝัน วันนี้มาหาคำตอบของมันไปพร้อมกับทำความรู้จักเรื่องราวที่น่าสนใจของตัวเขาไปพร้อมกันกับเราได้เลย แนะนำตัวหน่อย ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่บ้าง สวัสดีครับ คุณก้อง-สุภวิช วงศ์วิวัฒน์ ครับ ตอนนี้ผมกับเพื่อนสนิทกำลังเปิดธุรกิจนำเข้าเครื่องดื่มในชื่อ Smiling Mad Dog ซึ่งผลิตภัณฑ์หลัก ๆ จะเป็นพวกคราฟต์เบียร์กับไซเดอร์รวมถึงเครื่องดื่มประเภทอื่น ๆ ด้วยครับ เริ่มต้นทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มได้ยังไง ด้วยความที่สมัยก่อนตัวผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อย บวกกับการที่เราเป็นชอบดื่มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนั้นเราก็สังเกตเห็นว่าในบ้านเราทั้งคราฟต์เบียร์และไซเดอร์ยังไม่ได้รับความนิยมแพร่หลายเท่าที่ควร ก็เลยตัดสินใจนำเข้ามาเพราะคิดว่าคนไทยน่าจะชอบ โดย Smiling Mad Dog
ถ้าพูดถึงการกลับมาอีกครั้งของ BMW 8-Series กับรหัสตัวถังใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา อาจทำให้หนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนตัวยงของ BMW รู้สึกถึงการเริ่มต้นยุคสมัยใหม่อีกครั้ง เหมือนเป็นการกลับมาสานต่อตำนานที่ยังไม่สิ้นสุดของ THE 8 หลังจากห่างหายไปกว่า 20 ปี แต่นอกจากการกลับมาแห่งเรือธงของค่ายคันนี้แล้ว BMW ยังเฉลิมฉลองวาระนี้ด้วยรถรุ่นพิเศษอย่าง BMW M850i xDrive Coupe “FIRST EDITION” เรื่องราวของ BMW 8-Serie เริ่มต้นในปี 1989 กับรถรุ่นแรกในรหัสตัวถัง E31 ที่ทาง BMW หมายมั่นปั้นมือว่าจะผลิตออกมาเป็นรถยนต์ประเภท Gran Tourer ที่ทันสมัยและหรูหราที่สุดในเวลานั้น ซึ่งต่อมางานออกแบบที่ล้ำหน้าด้านดีไซน์ รวมไปถึงสมรรถนะชั้นเยี่ยมของตัวรถ ก็ทำให้ E31 กลายมาเป็นหน้าตาของค่ายเคียงข้าง 7-Series ก่อนที่จะถูกยกเลิกสายการผลิตลงในปี 1999 เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ซบเซาและถูกแทนที่ด้วย 6-Series ในเวลาต่อมา จนเวลาหมุนมาครบรอบเกือบ 2 ทศวรรษก่อนในปี 2017 ทาง BMW ก็เปิดตัว Prototype ที่ว่ากันว่าเป็นต้นแบบสำหรับการกลับมาของ BMW 8-Series และหลังจากปล่อยให้แฟน ๆ ต้องรอกันมาอย่างยาวนานในที่สุดในปี
ถ้าพูดถึง BMW 3-Series E36 เชื่อว่าผู้ชายหลายคนโดยเฉพาะรุ่นใหญ่วัยสามสิบบวกคงจะคุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะถ้าย้อนเวลากลับไปตอนสมัยหนุ่ม ๆ รถยนต์ในซีรีส์ดังกล่าวเป็นเหมือนกับพาหนะในฝันที่หากใครได้มาครอบครอง ก็จะกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนไปโดยปริยาย เรียกว่าเป็นรถที่ทำให้หลายคนเริ่มเก็บเงินกันอย่างจริงจังเพื่อจะได้ครอบครองเจ้านกแก้วคันนี้ ไม่ต้องแปลกใจหากจะเห็นรถ 3-Series ในรหัสเครื่อง E36 โลดแล่นอยู่บนท้องถนนของบ้านเราจนชินตา รวมถึงบางรุ่นที่ยิ่งกาลเวลาผ่านไป ยิ่งกลายเป็น Collectible Cars เป็นของสะสมที่มีคุณค่าทั้งทางจิตใจและมูลค่าราคาที่แข็งขึ้น ๆ แต่อะไรคือสาเหตุที่ทำให้รถยนต์ในสายการผลิตดังกล่าวของ BMW ได้รับความนิยมจากหนุ่ม ๆ ทั่วโลก วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ BMW 3 Series E36 สุดเก๋าคันนี้ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม THE BEGINNING OF 3 BMW 3-Series E36 คือรถยนต์นั่งประเภท Compact Executive Car ที่ถูกผลิตขึ้นมาเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของค่าย BMW คือระหว่างช่วงปี 1991-1999 เปิดตัวครั้งแรกในยุโรปช่วงปี 1990 และต่อด้วยในสหรัฐอเมริกาในปีถัดมา โดยรถรุ่นแรกของสายการผลิตคือรถสไตล์ Saloon 4 ประตู ก่อนจะต่อยอดและขยายโมเดลอื่นตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น