BMW M3 เดินทางเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งแรกในปี 1987 และนับตั้งแต่นั้นมาชื่อของรถยนต์ตัวแรงจากเมืองเบียร์ ก็เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนน หรือในสนามแข่งขันก็ตาม เป็นเวลา 30 ปีมาแล้ว ที่ชาวอเมริกัน ได้รู้จักกับพิษสงของรถร่างเล็ก ที่ทำให้เหล่ารถนักกล้ามตัวใหญ่แรงเยอะอย่าง Muscle Car ที่ชาวอเมริกันแสนภาคภูมิใจไม่อยากที่จะเข้าใกล้ และในวันนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 30 ที่ BMW M3 ไปปรากฎตัวอยู่ที่อเมริกาเป็นครั้งแรก BMW จึงได้ทำการสร้าง M3 30 Years American Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษขึ้นมา และจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกที่ SEMA นครแห่งแสงสี Las Vegas M3 รุ่นครบรอบการปรากฎตัวที่อเมริกานี้ เป็น M3 2018 ซึ่งก็คือตัวล่าสุดที่ออกมา พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และจัดเต็มด้วยชุดแต่งตัวแข่งในสนามแบบพร้อมซิ่งออกมาจากประตูโรงงาน เพื่อเฉลิมฉลอง และตอกย้ำถึงจิตวิญญาณ และสมรรถนะระดับรถสนามที่อยู่ในร่างของรถหรู M3 2018 30 Years American
หากว่าคุณฝันอยากจะได้รถที่ยอดเยี่ยมสักคันหนึ่ง มันคงไม่ได้หมายความว่า คุณต้องการรถที่โดดเด่นในเรื่องของความแรง หรือสมรรถนะในการขับขี่เท่านั้น แต่มันต้องเป็นรถที่มีคุณค่า มีระดับ ภูมิใจทุกครั้งที่ได้ลงไปนั่งขับ และที่สำคัญคือ ความสวยงามต้องไม่เป็นรองใคร ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้เองที่ทำให้หลายคนเลือกคิดถึง BMW ขึ้นมาเป็นอันดับแรก แต่ด้วยการที่ BMW เองก็มีรถหลากหลาย Series ซึ่งถูกออกแบบมาให้ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันไป อย่าง 6-Series ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจาก 6-Series ที่ผ่านมา จากเดิมเราคุ้นตากันในแบบรถ Coupe’ สมรรถนะสูง ระดับ Super Luxury แต่ 6-Series รุ่นล่าสุด กลับเปิดตัวออกมาเหมือน 5-Series GT ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่า มันมีที่มาที่ไปยังไงกันแน่ ก่อนจะพูดถึงยุคปัจจุบัน เราจะพาย้อนไปทำความรู้จักกับ BMW 6-series กันก่อน อย่างที่เรารู้ว่า BMW ได้แบ่ง Series รถยนต์ของตัวเองตาม Segment และไลฟ์สไตล์การใช้งาน ซึ่งเลข 6 ของ BMW นั้นถูกใช้สำหรับรถยนต์แบบ Grand
สิ่งหนึ่งซึ่งทำให้ใครหลายคนที่กำลังวางแผนจะถอยรถ BMW มาใช้งานสักคันต้องอยู่ในภาวะคิดไม่ตกว่าจะซื้อ หรือไม่ซื้อดี คงไม่ใช่แค่เรื่องของราคาค่างวดเพราะแทบจะเป็นเรื่องแน่นอนว่าใครสักคนที่มีโครงการจะออก BMW ยังไงก็ต้องมีความพร้อมด้านงบประมาณอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ชวนให้กังวลมากยิ่งกว่า คือเรื่องของค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ที่เจ้าของรถจะต้องเตรียมเงินกันงบก้อนโตเผื่อเอาไว้เป็นค่า Maintenance ตลอดระยะเวลาการใช้งาน ลำพังแค่เข้าศูนย์บริการไปเช็คสภาพ เปลี่ยนกรองน้ำมัน กรองอากาศ ผ้าเบรก รวมถึงเปลี่ยนถ่ายของเหลว และอื่น ๆ อีกมากมายตามรอบ นับรวมแล้วตกเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่น้อย ไม่นับกรณีเจอแจ๊คพ็อตอะไหล่ชิ้นสำคัญเกิดพังขึ้นมา แม้จะเป็นเจ้าของรถราคาหลายล้าน ก็ยังประสบกับอาการหน้ามืดได้ง่าย ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้ว สำหรับผู้ที่เคยออกรถ BMW มาก่อน รวมถึงใครที่ได้ทำการบ้าน หาข้อมูลมาเป็นอย่างดีจะทราบว่า โดยปกติเมื่อซื้อรถ BMW ผู้ขับขี่จะได้สิทธิ์รับบริการดูแลบำรุงรักษา BMW Service Inclusive (BSI) ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้สบายใจไร้กังวลเมื่อต้องเอารถเข้าศูนย์เช็คระยะ ฟรีทุกรายการไม่ว่าจะเป็นค่าแรง และค่าอะไหล่แท้จาก BMW, เปลี่ยน – เติมน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรอง, เปลี่ยนกรองอากาศเครื่องยนต์, กรองน้ำมันเชื้อเพลิง, กรองอากาศภายใน, หัวเทียน, ผ้าเบรก – จานเบรก –
ของไร้สายใคร ๆ ก็ชอบ เกาะอกไร้สาย เสาไฟฟ้าไร้สาย ไปจนถึงที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย แต่ใครจะไปคิดว่าในชีวิตนี้จะทันได้เห็นที่ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไร้สายเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ในภาพยนตร์ Scifi เป็นผลงานการประดิษฐ์ของ BMW ที่ลั่นวาจาไว้อย่างแน่วแน่ว่า ปีหน้าเตรียมเงินไว้ซื้อได้เลย ตอนนี้ในตลาดรถยนต์เต็มไปด้วยรถ Plug-In Hybrid ที่สามารถเสียบสายชาร์จเท่ ๆ ได้ตามคอนโด ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ แต่เท่าที่ทราบ เรายังไม่เห็นใครใช้เทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charging มาก่อน และ BMW ชิงพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้ก่อนใคร เพื่อตอกย้ำความน่าใช้งานของรถยนต์กลุ่ม iPerformance พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเตรียม pilot ใช้กับ BMW 530e iPerformance ก่อนใครในตระกูลภายในปี 2018 วิธีการทำงานก็แสนง่ายไม่ต่างกับใช้ Wireless Charging ของโทรศัพท์ แค่ซื้อ Charging Pad ที่มี primary coil ไปติดตั้งบนพื้นที่จอดรถ จะในร่มหรือกลางแจ้งก็ได้ จากนั้นก็ขับรถ BMW iPerformance ที่ติดตั้ง
“อยากได้รถลุคโหด ดิบ หรู แรง เรื่องเงินไม่มีปัญหา” ประโยคจากลูกค้าที่เจ้าของร้าน Custom Bike ชื่อดัง Diamond Atelier ได้ยินเป็นประจำ แต่น้อยครั้งที่บทสนทนาสวยหรูจะกลายเป็นโปรเจคจริงได้ บ้างก็หายไปกลางคัน บ้างก็ใจไม่ถึงมากพออย่างที่เคยคุยโตเอาไว้ แต่สำหรับโปรเจค BMW R nine T Neo-Racer คันนี้ เจ้าของเปิดโอกาสให้ Tom และ Pable สองคู่หูนัก Custom แห่ง Diamon Atelier ได้แสดงฝีมือเต็มที่ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นเข้าขั้น World Class ไม่น้อยหน้า R nine T คันไหนในโลกนี้แน่นอน ดูจากผลงานที่ผ่านการตกแต่งแล้วเสร็จ อาจจะไม่คุ้นตาเหมือน R nine T ที่เคยเห็นกันมาก่อน เพราะ Diamond Atelier ได้จัดการออกแบบใหม่หมดเกือบทุกส่วนทั้งคัน จากรถ Cafe’ Bike กลายเป็น Streetfighter
แม้จะปรากฏตัวสู่ท้องถนนได้ประมาณ 3 ปีแล้ว แต่ต้องยอมรับเลยว่าทุกครั้งที่เราเห็น BMW i8 ก็อดไม่ได้ที่จะต้องหันไปชื่นชมในความสวยงาม การออกแบบที่ล้ำสมัยและหรูหรา มีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เป็นเรื่องยากถ้าจะให้จินตนาการถึง BMW i8 ที่ดุดัน บ้าคลั่ง ตามสไตล์รถแต่งซิ่ง แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่สำนักแต่งรถในประเทศญี่ปุ่นจะเปลี่ยน Supercar หรูให้กลายเป็น Japanese style และก็ทำได้ดีมากซะด้วย BMW EVO i8 “Dark Knight” Edition คันนี้ เป็นผลงานของสำนักแต่งชื่อดังสัญชาติญี่ปุ่น “Energy Motor Sports” แค่ชื่อผลงานก็น่าจะพอเดาได้แล้วว่า Design concept ชิ้นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ Batman Dark Knight โดยจินตนาการว่าถ้า Batman จะเลือกใช้ BMW i8 เป็น Batcar สักคันนึง หน้าตาย่อมต้องไม่ธรรมดา จะต้องออกมาเป็นประมาณนี้ ซึ่งคงจะเป็น Batcar ที่เท่จนเหล่าร้ายต้องยืนมองตาปริบ ๆ ด้วยความอิจฉา
หลังจากที่ทาง BMW Thailand ได้ชวนลูกค้า และแฟน BMW ทั่วประเทศมาพบกับประสบการณ์เปิดตัว The New BMW 5 Series แบบออนไลน์ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยใช้ชื่องานว่า BMW VIRTUAL EXPERIENCE ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในซีนที่พาแฟน ๆ BMW ย้อนเวลาไปชม BMW 5 Series ในแต่ละยุคแต่ละสมัยตั้งแต่รุ่นแรก ไล่มาจนกระทั่งรุ่นปัจจุบันซึ่งเป็น Generation ที่ 7 ด้วยการมีวิธีเล่าเรื่อง และถ่ายทอดเรื่องราวได้ล้ำหน้า ตื่นตาตื่นใจสุด ๆ อีกทั้งยังมีความลื่นไหลให้คนดูรู้สึกเพลิดเพลิน ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังนั้นมีการทำงานของทีมงานกว่าร้อยชีวิตที่ไม่สามารถผิดพลาดได้แม้แต่นิดเดียว วันนี้ UNLOCKMEN จะขอพาทุกคนไปดูกันว่า เบื้องหลังของงาน BMW VIRTUAL EXPERIENCE จะมีรายละเอียดอะไรซ่อนอยู่บ้าง และพิถีพิถันขนาดไหน กับ 5 สิ่งที่คุณยังไม่รู้ เกี่ยวกับ BMW VIRTUAL EXPERIENCE ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หากใครที่ได้ชม