มองผ่าน ๆ อาจจะเห็นแค่ตู้ที่ปิดทึบ ไม่มีฟังก์ชันอะไร แต่เมื่อเปิดออกมา จะกลายเป็น workstation ที่สามารถปรับประโยชน์ใช้สอยได้ตามต้องการ ‘Des Vorstand‘ หรือ Slender Wall Cabinet ออกแบบโดย Nils Holger Moormann ตู้ที่ซ่อนพื้นที่ทำงานไวด้านใน ออกแบบให้ฝั่งนึงพิงติดกำแพง ส่วนบานด้านนอกมีล้อที่สามารถเปิดออก เผยให้เห็นทุก facilities ที่คนทำงานต้องการ ไม่ว่าจะเป็นไฟส่องสว่างด้านบน ชั้นวางของ โต๊ะวาง laptop เป็นโปรเจคที่ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย พร้อมคำนึงถึงการสร้างสมาธิสำหรับคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกรายละเอียดการออกแบบของ Moormann เรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริง เช่นดีไซน์ panel ด้านบนที่นอกจากจะมีช่องไฟที่เหมาะกับการทำงาน ยังช่วยลดแสงสว่างส่วนเกินในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวันได้ด้วย การเปิดปิดยึดติดแน่นอย่างง่ายดายด้วยระบบแม่เหล็กและล้อช่วยอำนวยความสะดวก ที่วางปากกา ชั้นวางของ รูสำหรับชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ซ่อนไว้อย่างมิดชิด และในช่วงที่ต้องการความเป็นส่วนตัว สามารถเพิ่มม่านด้านข้างได้ตามที่ต้องการ เหมาะสำหรับเทรนด์การ Work From Home ที่ช่วยให้เราโฟกัสกับงานโดยตัดขาดจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ได้ Dimensions folded in: 37.5
ใกล้จะได้กลับไปเดินทางไกลทั้งในและนอกประเทศกันในอีกไม่ช้า RIMOWA จึงเตรียมกระเป๋าเดินทางคอลเลกชันใหม่ออกมาให้คนที่อยากเอาฤกษ์เอาชัย ด้วยผลงานการร่วมมือสร้างสรรค์กระเป๋า classic Essential Cabin suitcase กับแบรนด์ Chaos พร้อม accessories มากมาย ถือเป็นครั้งแรกที่ Chaos x RIMOWA ได้มา collab กัน การออกแบบกระเป๋าเดินทาง Essential Cabin ในคอลเลกชันนี้จึงมีความแปลกตาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยดีไซน์ ‘Spatter’ หยดสีที่เลือกให้ตัดกับสีของกระเป๋าเดินทางรุ่นบอดี้ polycarbonate ได้อย่างโดดเด่นด้วยหยดสี “Saffron Yellow” และ “Cactus Green” ด้านบนกระเป๋าเดินทาง เข้ากับสีของที่จับ ซิป รวมถึงโลโก้ของทั้งสองแบรนด์ด้วย นอกจากดีไซน์บนกระเป๋า RIMOWA ยังมีกระเป๋าสะพายของ Chaos ที่ออกแบบมาให้พอดีกับกระเป๋าเดินทาง ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของจุกจิกเวลาเดินทางเช่น ticket, passport, laptop หยิบจับใช้งานง่าย ไม่ต้องเปิดกระเป๋าเข้าออก เพิ่มความสะดวกสบาย เป็นการเพิ่มความพิเศษให้กับคอลเลกชันนี้ให้น่าซื้อมากขึ้นไปอีก ถ้าอยากเพิ่มสีสันให้กระเป๋ามีสไตล์สนุกสนานมากขึ้น ก็สามารถซื้อ Collectible tags ที่ผลิตจากหนัง
สำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคน การที่มันหายตัวไปจากบ้านและตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เป็นความเจ็บปวดที่ทุกคนไม่อยากจะเจอกับตัวเอง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Apple ที่แนะนำ AirTag อุปกรณ์บอกตำแหน่งที่สามารถใช้ “Find My” ตามหาสิ่งของต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ซึ่งนอกจากกุญแจรถ กระเป๋า ดีไซน์เนอร์จาก Studio Proper ได้ต่อยอดออกแบบ DogTag – Apple AirTag holder ซิลิโคนสองชั้นในดีไซน์ที่สวยงาม นำมาประยุกต์เข้ากับปลอกคอสัตว์เลี้ยง เพื่อให้เจ้าของสามารถใช้ iPhone ในการระบุตำแหน่งสัตว์เลี้ยงที่หนีออกไปเที่ยวนอกบ้านได้อย่างแม่นยำ แถมยังมีข้อดีคือสามารถใช้คำสั่ง ‘Play Sound’ เพื่อส่งเสียงให้เรารู้ตำแหน่งได้ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงแสนรักเกิดอยากจะเล่นซ่อนแอบกับเรา DogTag ถูกออกแบบให้ซ่อน Apple AirTag ไว้ด้านในยางซิลิโคนอ่อนนุ่มสำหรับ housing อย่างมิดชิด และยังมีซิลิโคนด้านนอกอีกชั้นเพื่อบังสายตาจากโจรขโมย แถมยังช่วยปกป้องอุปกรณ์ไม่ให้โดนแดดโดนฝน หรือกระแทกขูดขีดเข้ากับของแข็งโดยตรงในกรณีที่สัตว์เลี้ยงของเราออกไปผจญภัย สามารถใส่ได้กับสายรัดที่ครอบคลุมขนาดคอของสัตว์หลายชนิด ปลอดภัยกว่าการห้อย AigTag holder ปกติที่ไม่มีซิลิโคนกันกระแทก ตอนนี้ DogTag กำลังเปิด Pre-order เพราะเป็นสินค้าที่พึ่งจะพัฒนาและทดสอบเสร็จใหม่ ๆ โดยราคาล่าสุดอยู่ที่
สาวกเรือนเวลาทั้งหลายคงรู้กันดีว่าชื่อชั้นด้านการบอกเวลาที่แม่นยำ รวมถึงการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ประณีตงดงาม ที่ทำให้ Seiko (ไซโก) เป็นอีกหนึ่งแบรนด์นาฬิกาตัวแทนความภูมิใจของชาวเอเชียนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่าย ๆ ในระยะเวลาอันสั้น แต่มันเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ถูกสั่งสมพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลากว่า 140 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ Seiko ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1881 โดย Kintaro Hattori (คินทาโร ฮัตโตริ) ชายหนุ่มวัย 21 ปี ที่นำเอาความตั้งใจ ความรักและความหลงใหลในกลไกบอกเวลามาใช้เป็นแรงผลักดันในการรังสรรค์นาฬิกาคุณภาพสูงจนก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทนาฬิกาชั้นนำ ซึ่งความสำเร็จเหล่านั้นคือสิ่งที่ต่อยอดมาจากวิสัยทัศน์เพียงหนึ่งเดียวที่ชายผู้นี้ยึดมั่น นั่นคือ “One step ahead of the rest” หรือ “การที่ต้องนำหน้าคู่แข่งอยู่ 1 ก้าวเสมอ” โดยคำกล่าวของ Kintaro Hattori นั้นได้ฝังรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณของแบรนด์ และยังคงสะท้อนกึกก้อง เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของ Seiko มาจนถึงปัจจุบัน และในวาระการเฉลิมฉลองครบรอบ 140 ปีของ Seiko จึงถือเป็นโอกาสดีที่วิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งอย่าง Kintaro จะถูกนำกลับมาถ่ายทอดโดยสะท้อนผ่านผลงานนาฬิกา 4 รุ่นพิเศษที่ผลิตในแบบจำนวนจำกัด
ใครรู้จัก Isetta รถทรงไข่ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในยุค 1953-1962 เป็นรถที่ช่วยประคองไม่ให้ BMW ล้มละลายในปี 1955 ใครจะไปคิดว่ารถ micro-car ขนาดเล็กแบบนั้น จะถูกนำดีไซน์มาปรับให้กลายเป็นรถขุมพลังไฟฟ้าที่พร้อมให้ Camper ใช้ชีวิต Outdoor กลางป่าเขาได้สบาย ๆ Microlino Camper Trailer เป็นผลงานของ Ozan Kayikci นักออกแบบที่ตั้งคำถามว่าทำไมรถสำหรับสายแคมป์ที่อยากใช้ชีวิตกลางป่าไม้ กลับไม่เป็นมิตรกับธรรมชาติเอาซะเลย จะเข้าป่ากางเต็นท์ทีก็ต้องขับรถ all-wheel drive ยกสูงเข้าไปอย่างนั้นหรือ? คำถามนั้นกลายเป็นการหาทางออกด้วยการคิดนอกกรอบแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน นำรถ micro-car ‘Microlino 2.0’ micro electri car สัญชาติ Swiss ที่รูปทรงดูคล้ายเจ้า Isetta ทุกมุมมอง มาปรับแต่งฟังก์ชันการใช้งาน ใส่ Camper tent และ Portable kitchen เข้าไปในรถขนาดเล็กให้สามารถใช้งานได้จริง แถมยังใช้งานบนถนนในเมืองได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนเดิมอีกด้วย Ozan Kayikci ติดตั้ง inflatable
เมื่อก่อนพวกเราเรียกร้องอยากทำงานที่บ้าน แต่วันนี้ดูเหมือนการ Work From Home จะกลายเป็นวิถีชีวิตหลักไปเรียบร้อยแล้ว Designer หลายคนจึงหันมาออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์เปลี่ยนบ้านให้เหมาะกับการทำงาน และยังช่วยประหยัดพื้นที่มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่หลายคนมีพื้นที่บ้านจำกัด ทีมนักออกแบบจาก OPEN SOHKO DESIGN และ NOSIGNER จึงร่วมกันออกแบบพื้นที่การทำงานคอนเซปต์ใหม่แบบ DIY home office ที่มาในรูปแบบกล่องสี่เหลี่ยม เรียกว่า ‘Re-SOHKO TRANSFORM BOX’ กล่องมหัศจรรย์ที่ทำได้หลากหลายหน้าที่ และสามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แค่กางและพับเก็บ! Re-SOHKO TRANSFORM BOX กล่องมากฟังก์ชันที่พร้อมเปลี่ยนแปลงพื้นที่ภายในให้ตอบโจทย์แต่ละคนได้ เมื่อกางกล่องสี่เหลี่ยมสูงประมาณตู้เย็นออก ก็จะเจอกับ Workspace พร้อมโต๊ะทำงานสำหรับวาง laptop พร้อมขั้นวางของ ตู้เก็บของแบบ Built-in พับเก็บและขยายการใช้งานได้สารพัด สามารถเลือก DIY ฟังก์ชันที่ต้องการแตกต่างกันไป และยกไปใช้งานนอกบ้านได้ง่ายเมื่อพับเก็บ เป็นดีไซน์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่น ที่ผสมผสานตอบโจทย์ได้ทั้ง Form และ Function เพราะการดีไซน์ที่มีประโยชน์ ไม่ใช่การออกแบบแค่ความสวยงาม แต่ต้องตอบโจทย์ปัญหาที่พวกผู้คนต้องเจอในชีวิตประจำวันให้ดีขึ้นได้ด้วยนั่นเองครับ
KAWS:HOLIDAY HOT-AIR BALLOON WORLD TOUR โปรเจคใหม่ที่น่าสนใจของศิลปินอเมริกัน Brian Donnelly หรือทุกคนรู้จักในนาม ‘KAWS’ และ ‘COMPANION’ คาแรคเตอร์หัวกะโหลกไขว้ตากากบาทที่เข้าไปสิงใน culture ของผู้คนทั่วโลก โดยล่าสุดได้จับมือกับ Creative Agency ‘AllRightsReserved’ ใน Hong Kong เพื่อพา COMPANION บินเหินฟ้าในประเทศอังกฤษ ที่ผ่านมา KAWS ได้สร้างผลงาน Installation Art ที่น่าประทับใจจากคาแรคเตอร์ตัวนี้มาหลายครั้ง โดยก่อนหน้านี้ KAWS เคยร่วมสร้าง inflatable COMPANION ลูกโป่งยักษ์ขนาด 37 นิ้วกับ AllRightsReserved เอาไปลอยอยู่ใน Hong Kong’s Victoria Harbour, Something in the Water Festival ใน Virginia และเคยเปลี่ยนเป็นท่านั่งใน Liberty Square
ด้วยประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 145 ปี ทำให้ Audemars Piguet (โอเดอมาร์ ปิเกต์) แบรนด์นาฬิกาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ถือเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องบอกเวลาชั้นสูงที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งยังคงดำเนินธุรกิจสืบทอดกันในครอบครัวผู้ก่อตั้งมาจนปัจจุบัน (ตระกูลโอเดอมาร์และตระกูลปิเกต์) นับตั้งแต่ปี 1875 Audemars Piguet ยังคงผลิตเครื่องบอกเวลาที่เมือง Le Brassus (เลอ บราซูส์) โดยสืบสานฝีมือการทำงานของช่างผู้เชี่ยวชาญจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมทั้งพัฒนาทักษะและเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อขยายขอบเขตความชำนาญที่มีอยู่เดิม พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถอันนำไปสู่การก้าวข้ามขีดจำกัดที่เคยมีอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี 1970 โอเดอมาร์ ปิเกต์เริ่มต้นการเพิ่มสีสันบนหน้าปัดนาฬิกาด้วยอัญมณี ไม่ว่าจะเป็นโทนสีน้ำตาล สีเขียว และสีน้ำเงิน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเจเนอเรชันใหม่ที่ทั้งโดดเด่นและเปี่ยมชีวิตชีวาในช่วงปี 1990 และนับแต่นั้นเป็นต้นมาโอเดอมาร์ ปิเกต์จึงพัฒนาหน้าปัดสีสันต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุด Audemars Piguet แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์เผยโฉมเหล่าโมเดลใหม่ของนาฬิกาข้อมือจากคอลเลคชั่น Royal Oak ที่มาพร้อมหน้าปัดใหม่ในโทนสีเขียว โดยในครั้งนี้ยังได้นำเสนอ Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยแพลทินัม 950 ซึ่งมาพร้อมกับหน้าปัดสีเขียวสโมคกรีนในเทคนิค Sunburst และพิเศษยิ่งขึ้นกับรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นอย่าง
แฟชั่นเสื้อวงในบ้านเราถือว่าบูมขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเสื้อวงแนว Rock หรือ Metal นี่ยิ่งแล้วใหญ่ หลังจากที่มี Celebrity หยิบเอาเสื้อเหล่านี้มาใส่จนกลายเป็นกระแสเมนสตรีม และยิ่งถ้าตัวไหนหายาก เก่าเก็บ เข้าขั้นเป็นของเสื้อสะสมเสื้อวินเทจแล้วด้วยล่ะก็ ราคาอาจจะพุ่งทะยานไปไกลกว่าที่หลายคนคิด แต่พวกเราจะรู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังของเสื้อวงระดับโลกที่มีลวดลายเท่ ๆ หรือบางลวดลายที่มีเอกลักษณ์จนกลายเป็นภาพจำของวงเหล่า หนึ่งในนั้นมีฝีมือคนไทยอยู่ด้วย ซึ่งวันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปรู้จักกับ คุณ หนุ่ย – ธนฤทธิ์ พรมภา หรือชื่อในวงการก็คือ “NAMSING” ศิลปินชาวไทยที่มีผลงานไปไกลระดับโลก และฝากผลงานการออกแบบลายเสื้อให้กับวง Rock/Metal ระดับรุ่นใหญ่ระดับตำนานมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น AC/DC, Slayer, Slipknot, Muse, Rob Zombie และอื่น ๆ อีกมากมาย หากอยากรู้ว่าเขามีจุดเริ่มในเส้นทางสายนี้ได้ยังไง และอะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ วันนี้เราจะไปพูดคุยกับ คุณ หนุ่ย กันแบบเจาะลึกแน่นอน จุดเริ่มต้นของการเป็นนักวาด “เริ่มจากผมเรียนจบวาดรูปมา พอจบมาก็มาเริ่มทำงาน แต่ต้องเปลี่ยนจากการวาดมือมาเป็นการใช้คอม แต่อย่างน้อยมันก็ยังเป็นงานที่ได้วาดรูปค่อนข้างจะตรงสาย แต่ถ้าจะพูดไปมันก็อาจจะไม่ได้ตรงขนาดนั้น เพราะเราใช้คอมวาดไม่ค่อยเป็นในตอนแรก
แม้ท้องฟ้า และผืนน้ำไม่อาจมาบรรจบ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือสองสิ่งที่อยู่เคียงคู่กันตลอดมา เปรียบเสมือนนาฬิกานักบิน และ นาฬิกาดำน้ำ เรือนเวลายอดนิยมที่เรามักจะพบเห็นอยู่บนข้อมือของเหล่าสุภาพบุรุษทั้งหลาย ซึ่งหนุ่ม ๆ ผู้หลงใหลในเสน่ห์ของเครื่องบอกเวลาแทบทุกคน เป็นต้องมีนาฬิกาทั้ง 2 ประเภทเก็บเอาไว้ในคอลเลกชัน เพื่อเป็นไอเทมสำหรับสวมใส่เพิ่มความมั่นใจให้กับ Everyday Look รวมไปถึงโอกาสพิเศษต่าง ๆ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ภาพของท้องนภา และห้วงมหาสมุทรซึ่งยังคงอยู่เคียงคู่ ณ เส้นขอบฟ้า จะมีโอกาสมาประดับบนข้อมือของสาวกเรือนเวลาอีกครั้ง กับ Avigation BigEye และ Legend Diver Watch คู่หูเรือนเวลาตัวแทนแห่งแผ่นฟ้า และ ผืนน้ำจาก Longines (ลองจินส์) แบรนด์เก่าแก่ระดับโลก อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของนวัตกรรมเวลาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ยืนหยัดมายาวนานกว่า 189 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ริเริ่มผลิตนาฬิกาในปี 1832 ที่เมือง Saint-Imier โดยนาฬิกาข้อมือ The Longines Avigation BigEye และ The Longines Legend Diver Watch รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวออกมา บอกเลยว่าแต่ละเรือนนอกจากจะคงความคลาสสิก