ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนเรามั้ย แต่เวลาว่าง ๆ เราชอบเปิดรูปบ้านดีไซน์สวย ๆ จากทั้งในและต่างประเทศขึ้นมาดูเล่น ๆ ไม่มีเหตุผลอะไรพิเศษ ไม่ใกล้เคียงกับการเก็บเป็นไอเดียไว้สร้างบ้านในอนาคต เพราะที่อยู่ปัจจุบันยังเช่าเขาอยู่เลย แต่เอาเป็นว่าดูแล้วมันสบายใจ รู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะดีไซน์บ้านจากประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ สถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างบอกไม่ถูก มีความ Minimal ไม่ฉูดฉาดหวือหวา แต่เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกแบบเรา และด้วยความที่ประเทศญี่ปุ่นหนาแน่นไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะในโตเกียวที่มีประชากรมากถึง 38 ล้านคน หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศไทยเลยทีเดียว จึงทำให้บ้านแต่ละหลังยิ่งต้องใส่ไอเดียเข้าไป เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุดในพื้นที่จำกัด Vice ได้รวบรวม 10 บ้านดีไซน์สุดคูลในย่านโตเกียวจนถึงฟุกุโอกะจากหนังสือ 411 of Japan’s Most Incredible Modernist Houses. เขียนโดย Naomi Pollock เราจึงอยากนำมาแบ่งปันให้กับชาว UNLOCKMEN เก็บไว้เป็นไอเดียเผื่อว่าใครกำลังมีแผนจะสร้างบ้านใหม่ เราว่าถ้ามีบ้านแบบนี้ในไทยน่าจะเจ๋งไม่น้อยเลย KHT House IRA, Kahoku, Yamagata Prefecture House Snapped, Naf Architect, Saitama, Saitama Prefecture
ตั้งแต่สมัยทำ Presentation ตอนเรียน หลายคนมักจะมี Font สุดแฟนซีที่เราคิดว่ามันเท่ซะเหลือเกิน โผล่มาเป็น Headline ให้เวียนหัวกันเล่น ๆ ใครที่ชอบทำก็ขอให้หยุดเอาไว้ก่อน บางครั้ง Font ที่เป็นทางการหรือเรียบง่าย ดูเหมาะจะใช้งานจริงมากกว่า โดยเฉพาะบนคอนเทนต์ที่ต้องให้คนทั่วไปอ่านเอาใจความจากเนื้อหานั้น ๆ ก็ยิ่งควรเลือก Font ที่สบายตาไว้ก่อน แล้วก็มาเลือกกันอีกทีว่ามันเป็นเนื้อหาที่จริงจังหรือผ่อนคลาย ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เราอยากจะบอกคือการเลือก Font ให้เหมาะสม มีความสำคัญกับภาพรวมของงานเอามาก ๆ อย่ามัวแต่ใช้ซ้ำไปซ้ำมาเพราะมีของอยู่จำกัด UNLOCKMEN อยากมาแบ่งปัน 5 เว็บไซต์สำหรับแหล่ง FONTS สารพัดสไตล์ ใช้ฟรีไม่มีวันหมด Fontspace ถ้านับเรื่องความใช้ง่าย อยากแนะนำเว็บฯ นี้เลย เมนูไม่ซับซ้อน สามารถเลือกหาฟอนต์ตามประเภทได้ที่เมนู BROWSE บนแถบเมนู แล้วก็เลือกเอาตาม Style Font ที่มีสารพัดให้เราได้เลือก มีทั้งแบบทางการและแฟนซี เท่าที่ดูคร่าว ๆ จะหนักไปทางแฟนซีเสียมากกว่าอย่างหมวด Decorative Styles แบบ Art Deco
โลกส่วนตัวของเราไม่ได้มีอยู่แค่ในความคิดยามที่เราปิดการเชื่อมต่อตัวเองออกจากสิ่งรอบข้าง แต่พื้นที่ที่เป็นของเราอย่าง “บ้าน” หรือ “ห้องส่วนตัว” (พูดถึงในเชิงสถานที่ไม่ใช่บ้านในความหมายของครอบครัว) คืออีกพื้นที่ที่ทำให้เราได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปลดปล่อยความคิด อยู่ในอิริยาบถสบาย ๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นระเบียบ ของกระจัดกระจายตามประสาห้องของหนุ่ม ๆ หรือเป็นห้องที่เรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วก็ตาม หากมันเป็นพื้นที่ที่เราได้เลือกสรรให้เป็นไปอย่างใจ การตกแต่งตั้งแต่พื้นจรดเพดาน เฟอร์นิเจอร์ทุกมุม ของตกแต่งทุกชิ้น ถูกเลือกให้มาอยู่ในพื้นที่ของเราแล้วล่ะก็ นั่นแหละถึงจะเรียกว่าโลกส่วนตัวได้แบบเต็มปาก ไม่ว่าห้องนั้นจะเป็นห้องนั่งเล่นที่รวมทุกคนเอาไว้ด้วยกัน ห้องทำงานที่เป็นเหมือนมุมสงบให้เราได้ปลีกวิเวกอย่างเต็มที่ ห้องนอนที่เป็นสุดยอดฐานทัพลับของผู้ชายที่ไม่อาจให้ใครก้าวเข้ามาได้ง่าย ๆ อย่าปล่อยให้มันเป็นห้องที่เลือกอะไรก็ได้มาวางอยู่ในนั้น เมื่อมันเป็นพื้นที่ของเรา ต้องลงมือทำให้มันเป็นของเราโดยสมบูรณ์ หากยังไม่มีไอเดียอะไร ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ที่จะเปลี่ยนห้องของคุณให้กลายเป็นห้องในฝันด้วยเทคนิคการแต่งห้องแบบคุมโทนด้วยการจับคู่สี ฟังดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่ลองใช้วิธีของเรากันก่อน รับรองว่าง่ายจนคุณอยากจะลงมือทำมันเดี๋ยวนี้เลย คุมโทนไม่ยาก ถ้ารู้จักจับคู่สี การคุมโทนคำพูดง่าย ๆ ที่แสนจะทำยาก ไล่มาตั้งแต่ในไอจีที่พยายามคุมแล้วคุมอีกก็ยังไม่ถูกใจเราเสียที จนมาถึงห้องที่เราเคยเห็นภาพห้องแสนจะคุมโทนอย่างใน Pinterest, Tumblr แต่ไม่เคยทำแบบนั้นได้ ซื้อของให้เหมือน วางเฟอร์นิเจอร์ตามแทบจะทุกมุมแล้ว ก็ยังมีบางอย่างที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางและนั่นอาจเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปอย่างเรื่องของสีนี่แหละ ที่ไม่ได้เลือกอย่างพิถีพิถันมากพอ การจับคู่สีไม่ใช่เรื่องยาก แม้ไม่ได้มีหัวด้านศิลปะก็สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้เหมือนกัน มารู้จักการจับคู่สีกันทีละขั้นตอน อย่างแรกเราอยากให้นึกถึงวงล้อสีที่เราเคยเรียนในตอนประถมศึกษา เจ้านี่แหละที่จะทำให้เราเข้าใจเรื่องสีมากขึ้น
เรียกได้ว่าคึกคักมาก ๆ สำหรับ Paris Fashion Week Men’s 2019 อีเวนต์ใหญ่ประจำวงการแฟชั่นของผู้ชาย ที่แบรนด์ดังทั้งหลายพากันตบเท้ามาร่วมขบวนเพื่อเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ของตัวเอง รวมถึงเหล่าดีไซเนอร์และอินฟลูเอนเซอร์หลายท่านที่มาร่วมงาน ซึ่งนอกจากจะขนแรงบันดาลใจในการออกแบบมาด้วยแล้ว พวกเขายังมาพร้อมรองเท้าคู่ที่ยังไม่เคยเห็นที่ไหนหรือมีวางขายมาก่อน ดังนั้น สนีกเกอร์ปริศนาเหล่านี้อาจเป็นสนีกเกอร์รุ่นต่อไปที่กำลังจะถูกปล่อยมาสู่ตลาดในอนาคตก็เป็นไปได้ แต่คู่ไหนจะมาพร้อมกับดาวดังคนไหนบ้างมาชมกันเลย Virgil Abloh กับ Off-White x BAPE STA เริ่มกันที่ดีไซเนอร์ชื่อดังจากแบรนด์ Off-White และ Men’s Creative Art Director ของ Louis Vuitton ที่สะกดทุกสายตาด้วยการปรากฏตัวพร้อมกับสนีกเกอร์ประจำเท้าคู่ล่าสุดกับ Off-White x BAPE STA ซึ่งมาพร้อมส่วน Upper สีดำจากหนังจระเข้ โลโก้ BAPE STA สีขาวและเชือกที่มาพร้อมคำว่า “SHOELACES” เอกลักษณ์สำคัญของรองเท้าที่มาคอลแลปส์กับตระกูล Off-white ทำให้เกิดการคาดเดาว่าเป้าหมายต่อไปของดีไซเนอร์หนุ่มวัย 38 ปี คือรองเท้าในโมเดล BAPE STA อย่างไรก็ตามยังไม่มีคำยืนยันออกมาจากปากของทั้งสองฝ่าย เราคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะแม้จะบอกว่ารองเท้าคู่นี้เป็นงาน
หลังจากร้อนแรงกว่าคู่แข่งค่ายอื่น ๆ มาตลอดสำหรับตลาดรองเท้าของปี 2018 มาในปีนี้ดูเหมือน NIKE จะยังไม่ยอมหนำใจ กลับมารักษาตำแหน่งผู้นำและความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการประเดิมต้นปีกับคอลเลกชันรองเท้า ที่เตรียมถูกปล่อยออกมาต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ซึ่งบอกเลยว่า ต้องมีสักคู่ที่ถูกใจหลายคนแน่นอน เพราะพี่แกเล่นขนมาหมดเกือบครบทุกโมเดลยอดนิยม เรียกว่าเอาใจตลาด Asia และคนเชื้อสายจีนกันอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ไม่นานค่าย Swoosh ทำการเรียกน้ำย่อยจากสาวกด้วย Chinese New Year Collection คู่แรกอย่าง Air Vapormax 2019 ก่อนที่จะเปิดตัวภาพชุดเต็มของคอลเลกชันดังกล่าว ที่เรียกเสียงฮือฮาจากกลุ่มลูกค้าผู้จงรักภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างแน่นอน ด้วยการขนโมเดลยอดนิยมมาถึง 12 คู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Zoom Pegasus, Air Max 98, Air Force 1 , Air Max 270, Air Vapormax, Blazer Low รวมถึงโมเดลสุดไฮป์จากในค่ายกรุ๊ปเดียวกันอย่าง Converse Chuck Taylor และ Air Jordan 12,
จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับคอลเลกชันรองเท้าที่สั่นสะเทือนกิเลสของเหล่า Sneakerhead ไปทั่วโลกอย่าง THE TEN หลังชายผู้ร่วมออกแบบอย่าง Virgil Abloh ออกมายืนยันแล้วว่า Off-white x Nike Air Force 1 “BLACK” ที่ลือกันว่าวางขายในช่วงต้นปีหน้าจะผลงานชิ้นสุดท้ายของพวกเขา จุดเริ่มต้นความสำเร็จของ THE TEN เกิดขึ้นครั้งแรกหลังจาก Nike ประกาศว่ากำลังร่วมงานกับ Designer มือทอง พร้อมรูปตัวอย่างผลงานคอลแลปส์ที่เลือกใช้โมเดลในตำนานจากค่าย Swoosh จำนวน 10 รุ่นออกมาเรียกเสียงฮือฮาจากแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก ผู้กำลังรอคอยการมาของคอลเลกชันดังกล่าว ก่อนเปิดตัวครั้งแรกด้วย Air Jordan 1 ซึ่งในเวลานั้นบอกได้เลยว่าไม่มีอะไรร้อนแรงเทียบเท่าไอเทมของพวกเขาเลยจริง ๆ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เพราะในเวลาต่อมา Nike ก็ทยอยปล่อย THE TEN ออกมาครอบครองพื้นที่ทางการตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยโมเดลอย่าง Blazer, Presto, Air Max 97, Air Force, Air Max
เก่าไปใหม่มายังคงใช้ได้เสมอ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นกระแส ของที่เคยใหม่ในวันนั้นอาจจะกลายเป็นของสุดเชยในวันนี้ เราเลยจำเป็นต้องอัปเดต Trends ใหม่ ๆ อยู่เสมอ สำหรับปีนี้เทรนด์ดีไซน์ ต้องยกให้กับ Gradient ที่แทรกซึมเข้าไปในหลายแบรนด์ใหญ่ แล้วของปีหน้าจะเป็นอะไรบ้าง ไม่ต้องคอยเดาให้ปวดหัว เรารวบรวมมาให้แล้ว สำหรับเทรนด์ไหนที่มีแนวโน้มว่าจะมาแรงในปีหน้า ให้หนุ่มสายดีไซน์ได้เตรียมตัวกันตั้งแต่ปลายปีนี้ Asymmetry Design by Vasjen Katro การจัดวางคอมโพสจะมาในรูปแบบที่ไร้ขอบเขต ไม่มีกรอบ ไม่ต้องสมมาตร ง่าย ๆ คือ Open compositions นั่นเอง การจัดวางแบบนี้ ฟังดูอาจรู้สึกว่ามันง่าย แต่จริง ๆ มันยากกว่าการมีกรอบมากำหนดไว้เสียอีก เพราะการจัดวางแบบไร้ขอบเขต ก็ต้องคำนึงถึงน้ำหนักของแต่ละฝั่ง ของแต่ละ Elements เพราะมันจะวางตรงไหนก็ได้ แต่ใช่ว่ามันจะสวยทั้งหมด ถือว่าเป็นเทรนด์ที่ท้าทายความสร้างสรรค์และความชาญฉลาดในการออกแบบของหนุ่มนักออกแบบอยู่ไม่น้อย Floating Elements Project by Nahel Moussi, Louis Ansa, Romain Avalle ต่อยอดจากข้อที่แล้ว นอกจากการวางแบบไร้ขอบเขตแล้ว วัตถุที่ดูเหมือนลอยเคว้งคว้างอยู่ก็มาแรงไม่แพ้กัน ทั้งสองแบบดูจะมีความคล้ายคลึงกันอยู่มาก แต่ความแตกต่างคือ Floating
แม้จะถูกแซะอยู่บ่อย ๆ ว่าเป็นรองเท้ารูปทรงขัดตาขัดใจ แต่ตอนนี้กลายเป็นแรร์ไอเทมไปแล้วสำหรับ Post Malone x Crocs ล่าสุดพวกเขากำลังเตรียมตัวปล่อยรองเท้าในดรอปที่สองตามออกมา หลังจากรองเท้ารุ่นแรกได้รับความนิยมจากแฟน ๆ อย่างท่วมท้น ถึงขนาดราคา Resell ใน eBay พุ่งทะยานเกิน 10 เท่าของราคาป้ายไปแล้ว Post Malone x Crocs คู่แรกถูกปล่อยออกมาแบบเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเลือกถ่ายทอดผลงานลงบนรองเท้า Iconic ของค่ายซึ่งทุกคนคุ้นตากันดีอย่าง Classic Clog ซึ่งการทำออกมาครั้งนั้นเหมือนเป็นการโยนหินถามทางมากกว่าถ้าดูจากจำนวนที่ผลิตออกมา แต่ทว่ามันกลับสร้างปรากฏการณ์ด้านยอดขายฟ้าถล่มดินทลาย รวมไปถึงเสียงตอบรับด้านบวกเป็นวงกว้าง ทำเอาคนที่เคยด่า Crocs ต้องกลืนน้ำลายตัวเองกันหลายอึก ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดการปล่อยรองเท้ารุ่นที่สองตามออกมาในที่สุด Post Malone x Crocs ดรอปที่สองมากับรองเท้าในโมเดลเดียวกันกับคู่แรก แต่เปลี่ยนมาใช้โทนสีเหลืองสดเป็นหลัก ตัวรองเท้ามาพร้อมกราฟิกลายลวดหนามซึ่งถือเป็นลายที่ Post Malone หลงใหลเป็นพิเศษ ตกแต่งด้วยเข็มกลัดจาก Jibbitz ไม่ว่าจะเป็นรูปงู, หัวกะโหลก รวมถึงโลโก้ PM-2 ตัดด้วย In-Sole สีดำสนิทสร้างมิติที่แปลกใหม่ โดยมีแผนจะวางขายสู่ตลาดในวันที่
Patek Philippe แบรนด์นาฬิกาสุดหรูที่มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี ใครได้ยินก็ต้องรู้จักและอยากมีเก็บไว้เป็นของตัวเองซักเรือน ซึ่งการรักษาคุณภาพและชื่อเสียงของแบรนด์ให้อยู่มาอย่างยาวนานได้ขนาดนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย UNLOCKMEN พร้อมไขคำตอบว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ Patek Philippe สามารถคงความหรูหราและมูลค่ามีระดับมาได้จนถึงปัจจุบัน จุดเริ่มต้นของแบรนด์นาฬิกาชื่อก้องโลกเริ่มต้นขึ้นใน ค.ศ.1839 อังตวน นอร์เบิร์ด เดอ ปาเต็ก ดีไซน์เนอร์ยอดฝีมือกับเพื่อนของเขา ฟรองซัวส์ ซีซาเปค ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทนาฬิกาขึ้นในเมืองเจนีวา โดยใช้ชื่อว่า Patek, Czapek & Cie ผลิตนาฬิกาคุณภาพยอดเยี่ยมเป็นเวลากว่า 6 ปี จนกระทั่ง ซีซาเปค ได้แยกตัวออกมา ทำให้ปาเต็กได้คุมบังเหียนของบริษัท ต่อมาในช่วงเวลาใกล้กันใน ค.ศ. 1844 ช่างทำนาฬิกานามว่า ฌอง เอเดรียน ฟิลิป ก็ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาจากการบุกเบิกเทคโนโลยีนาฬิการะบบกลไกแบบไม่ต้องใช้กุญแจ หรือ Keyless stem-winding system ได้สำเร็จ เพราะแต่เดิมการตั้งเวลาจะต้องใช้กุญแจเพื่อแกะด้านหลังของนาฬิกา ทำให้ฝุ่นหรือไอน้ำเข้าตัวนาฬิกาอยู่บ่อยครั้ง แถมในบางทีก็ทำกุญแจหายอีก สิ่งที่ฟิลิปคิดค้นขึ้นนั้นสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา ด้วยสิ่งที่เรียกว่า เม็ดมะยม ที่ตั้งเวลาได้โดยไม่ต้องมานั่งแกะตัวเรือนให้เสี่ยงต่อความชื้นและฝุ่นละออง และในรายละเอียดเล็ก ๆ นี้เองที่ส่งผลในเรื่องของความสะดวกสบายอย่างเหลือเชื่อ ทำให้ผลงานของฟิลิปได้รับรางวัลชนะเลิศจากเวที Products
เกมคอนโซลและรองเท้าผ้าใบ นับเป็นไอเทม 2 ชนิดตลอดกาลที่สามารถสร้างความสุขให้กับผู้ชายอย่างเราได้เสมอ เพราะต่อให้เวลาผ่านไปสักแค่ไหน เราก็ยังหลงเหลือความชอบในพวกมันอยู่ไม่มากก็น้อยและดูเหมือนว่าแบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่อย่าง NIKE จะเข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี เลยจัดการการตอบสนองความต้องการของเหล่า Sneakerhead ทั่วโลกด้วยการส่งโมเดลรองเท้าล่าสุดอย่าง PlayStation x NIKE PG 2.5 ออกมาให้ต้องเก็บเงินพร้อมเคลียร์ตู้รองเท้ากันอีกแล้ว PlayStation x NIKE PG 2.5 คือรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นประจำตัวของ Paul George นักบาสเกตบอลจากทีม Oklahoma City Thunder ในลีก NBA โดยรองเท้ารุ่นแรกของเขาอย่าง NIKE PG 1 ถูกส่งออกมาเป็นครั้งแรกในปี 2017 และด้วยกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยม ทำให้ Nike เดินหน้าพัฒนาแนวทางของมันจนออกมาเป็นรองเท้ารุ่นล่าสุด ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเครื่องเกมคอนโซลในตำนานอย่าง PlayStation 1 และพื้นฐานความชื่นชอบในการเล่นเกมของ Paul George PlayStation x NIKE PG 2.5 มาในโทนสีหลักคือ Wolf Grey โดยมีการใส่รายละเอียดจากเครื่อง PlayStation Classic