เป็นธรรมเนียมของทุกปีที่นิตยสารระดับโลกอย่าง TIME จะต้องประกาศ “10 อันดับ” ในหัวข้อต่าง ๆ รวมทั้งหัวข้อเกี่ยวกับเพลงและศิลปิน แต่สำหรับการจัดอันดับในครั้งนี้คงจะมาแบบธรรมดาไม่ได้ เพราะโลกของเรากำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่อย่างเป็นทางการ ทำให้การจัดอันดับ “ที่สุดในทศวรรษ” งอกขึ้นมาเป็นดอกเห็ด หัวข้อ 10 เพลงที่ดีที่สุดในทศวรรษ (The 10 Best Songs of the 2010s) ก็เช่นกัน สำหรับหัวข้อนี้พวกเขาไม่ได้วัดจากยอดสตรีมมิงหรือยอดขายเพียงเท่านั้น แต่ TIME ระบุว่าเพลงเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลในการกำหนดทิศทางของวงการเพลงอเมริกันในทศวรรษนี้ ไม่ทางใดทางหนึ่งก็ทางหนึ่ง โดยเราจะเรียงตามช่วงเวลาจาก 2010 ไปจนถึง 2019 และขอแยกออกเป็น 2 ตอน สำหรับวันนี้เราจะขออนุญาตพูดถึง 5 เพลงแรกก่อนครับ Rolling in the Deep – Adele (2010) เขาว่ากันว่า เพลง(ไม่)รัก หรือเพลงรักที่อับปาง คือหัวใจหลักของเพลงป๊อปในปี 2010 ก็ว่าได้ อัลบั้ม 21 ของ
หลังจากที่เราทำเพลย์ลิสต์รวม 10 เพลงฮิตที่หนุ่ม ๆ คัฟเวอร์ศิลปินหญิงกันไปแล้ว (คลิก) ครั้งนี้เราจึงกลับมาทำตามสัญญาใจ จัดเพลย์ลิสต์คู่ตรงข้ามกันขึ้น ถึงเวลาที่จะมาฟัง 10 เพลงเพราะ ๆ ของศิลปินชายที่ถูกสาว ๆ เขานำมาคัฟเวอร์กันบ้างแล้ว จริงอยู่ว่าไม่มีอะไรจะคลาสสิกไปกว่าเวอร์ชันออริจินัล แต่บางครั้งการฟังเพลงเดิม ๆ ในเวอร์ชันที่ต่างออกไปก็ช่วยเติมเต็มหัวใจ สร้างบรรยากาศแห่งความรื่นรมย์ใหม่ ๆ เพื่อหนีความจำเจได้ไม่เลว Smells Like Teen Spirit – Tori Amos Original: Nirvana Tori Amos จัดว่าเป็นศิลปินหญิงที่เฟื่องฟูมาก ๆ ในยุค 90 ช่วงเวลาไล่เลี่ยกับวง Nirvana และ Kurt Cobain เวลาเปิด Smells Like Teen Spirit ฟัง แล้วโดนพ่อแม่พี่น้องหรือป้าข้างบ้านบ่นว่ารำคาญ ลองเปิดเป็นเวอร์ชันเปียโนนุ่ม ๆ ของสาวคนนี้แก้ขัดไปก่อน คุณเธอนำเพลงมาเรียบเรียงใหม่ชนิดที่ว่าไม่เหลือคราบความเกรี้ยวกราด แต่ฟังแล้วจิตใจอ่อนไหวจนน้ำตาจะไหลแทนได้ ลองเปิดใจแล้วฟังกันดู Half
ไม่บ่อยนักที่ทาง Marvel Studio จะยอมทำตามข้อเรียกร้องของเหล่าแฟนคลับ แต่ภาพยนตร์ “Black Widow” ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกรณีที่ทางเบื้องบนรับฟังเสียงเรียกร้องของแฟน ๆ จนสิ่งนี้เกิดขึ้นได้ในที่สุด สายลับรัสเซียสาว Natasha Romanoff (รับบทโดย Scarlett Johansson) คือหนึ่งในทีมอเวนเจอส์ยุคบุกเบิก ถึงแม้ที่ผ่านมาจะไม่มีหนังแยกของตัวเอง แต่บทบาทของเธอก็โดดเด่น แถมยังเป็นตัวแปรสำคัญในชัยชนะหลาย ๆ ครั้งของเหล่าอเวนเจอส์อีกด้วย ไม่แปลกที่คาแรกเตอร์นี้จะสามารถครองใจแฟน ๆ ทั่วโลกได้ทุกเพศทุกวัย และในที่สุดเทรลเลอร์แรกของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถูกปล่อยออกมาให้แฟน ๆ ทั่วโลกได้รับชมกันสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากได้ดูเทรลเลอร์แล้วก็เป็นอันเข้าใจตรงกันชัดเจนว่า Black Widow ไม่ใช่หนังเล่าจุดกำเนิดของ Natasha แต่เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนไทม์ไลน์ของ Avengers: Endgame โดยหนังเรื่องนี้มาพร้อมตัวละครใหม่ ๆ เช่น Yelena Belova (รับบทโดย Florence Pugh) และ Melina Vostokoff (รับบทโดย
เป็นธรรมเนียมของสื่อต่าง ๆ ทุกสิ้นปีกับการจัดอันดับเพื่อรวบรวมเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี นิตยสารเกี่ยวกับภาพยนตร์ของอังกฤษ Sight & Sound ก็ไม่น้อยหน้าจัดอันดับ 50 ภาพยนตร์แห่งปี 2019 ด้วยเช่นเดียวกัน และอันดับ 1 คือหนังสุดดราม่าเรื่อง The Souvenir การจัดอันดับของ Sight & Sound มาจากผลโหวตของนักวิจารณ์อังกฤษจำนวน 100 คน โดยแบ่งเป็นชาย 60 คน และหญิง 40 คน เพื่อดูว่าเหล่านักวิจารณ์หนังชื่อดังไปจนถึงกลุ่มหน้าใหม่ชื่นชอบภาพยนตร์ปี 2019 เรื่องไหนบ้าง และผลที่ออกมาก็น่าตกใจไม่น้อยเมื่อ The Souvenir ถูกเลือกให้เป็นอันดับ 1 ตีคู่สูสีมากับภาพยนตร์สายรางวัลอย่าง Parasite จากเกาหลีใต้ หรือภาพยนตร์มาเฟียจาก Netflix เรื่อง The Irishman ของผู้กำกับรุ่นตำนาน Martin Scorsese และ Once Upon a Time in
ไม่น่าเชื่อว่าอีกเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น เราทุกคนก็ต้องเตรียมโบกมือลาปี 2019 และเข้าสู่ปี 2020 กันแล้ว แต่ก่อนจะข้ามปี โลกภาพยนตร์ก็โชว์ความครึกครื้นฉลองปลายปีด้วยโปรแกรมหนังที่น่าสนใจหลายเรื่องที่รอจ่อเข้าฉายในประเทศไทย ที่สำคัญหลายเรื่องที่ลงโรง เหล่ากูรูต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าจะได้เข้าไปชิงชัยในงานออสการ์ที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2020 อีกด้วย UNLOCKMEN ได้รวบรวม 5 ภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในเดือนธันวาคมมาให้หนุ่ม ๆ เลือกดูกันว่าเรื่องไหนมีความน่าสนใจอย่างไร เรื่องไหนถูกเรียกว่าเป็นหนังสายรางวัล เรื่องไหนคือตำนาน เรื่องไหนโกยคำวิจารณ์ที่ยอดเยี่ยม และเรื่องไหนที่จะทำให้น้ำตาของผู้ชายไหลได้โดยไม่รู้ตัว Knives Out (2019) Knives Out (2019) หรือในชื่อภาษาไทยสุดกวนว่า ‘ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่’ ภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับคดีปริศนาเพื่อหาตัวคนร้ายที่แท้จริง แม้จะเป็นหนังสืบหาฆาตกรแต่กลิ่นอายของการดำเนินเรื่องกลับสอดแทรกมุกตลกเสียดสีเอาไว้ด้วย แถมคำวิจารณ์จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes จากนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วไปก็อยู่ในเกณฑ์ดีมากสูงถึง 90% การเล่าเรื่องที่ทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกและชวนฉงนตามได้ตั้งแต่เริ่มเรื่องมาถึงจุดจบเป็นผลงานกำกับของ Rian Johnson ที่เคยฝากผลงานไว้ในภาพยนตร์ตระกูลดังอย่าง Star Wars: The Last Jedi (2017) ที่ในช่วงเวลานั้นเขาทำให้เสียงวิจารณ์แตกออกเป็นสองขั้ว นอกจากเรื่องราวที่เล่าได้อย่างดีเยี่ยม รายชื่อนักแสดงก็ทำให้ทั่วทั้งโลกให้ความสนใจ เพราะหนังเรื่องเดียวแต่ขนนักแสดงระดับแนวหน้ากันมาคับคั่งไม่ว่าจะเป็น Christopher Plummer มารับบทเป็นปู่มหาเศรษฐี
เป็นธรรมเนียมของทุกปีที่ MusicRadar เว็บไซต์เพื่อคนทำเพลงจะเปิดให้ชาวเน็ตได้เข้ามาโหวตโพลต่าง ๆ ที่พวกเขาคิดหัวข้อขึ้นมา สำหรับปีนี้โพล ‘มือกลองเมทัลยอดเยี่ยมแห่งปี’ ก็ได้ผู้ชนะทั้ง 8 อันดับเป็นที่เรียบร้อย โดยความพีคของปีนี้คือผู้กลายเป็นมือวางอันดับ 1 ได้คะแนนสูงเกือบสองเท่าของผู้ถูกเสนอรายชื่อคนอื่น ๆ เลยทีเดียว! ว่าแต่เขาคนนั้นจะเป็นใคร วันนี้ UNLOCKMEN ขออนุญาตหยิบยกขึ้นมารายงานต่อให้คอเพลงได้ทราบโดยถ้วนทั่ว เราจะขออนุญาตเรียงลำดับจากอันดับ 8 ก่อนจะไปสิ้นสุดที่อันดับที่ 1 กันนะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เอ้า เริ่ม! 8. Jason Bittnet วง Overkill Jason Bittnet เพิ่งเข้าร่วมเป็นสมาชิกของวง Overkill เมื่อปี 2017 เท่านั้น แต่อัลบั้ม The Wings Of War ที่เพิ่งปล่อยออกมาปีนี้ ทำให้ความเทพของเขาเตะตาแฟนเพลงหลายคนจนเข้ามาติดโผของเว็บไซต์จนได้ ใครยังไม่เคยเห็นฝีไม้ลายมือตาคนนี้ก็ลองดูจากคลิปที่เราแนบไว้ด้านบนได้ครับ 7. Art Cruz วง Lamb of God Art
ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นเมืองที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์แทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมังงะ ศิลปะ ดนตรี แฟชั่น ชาวแก๊ง ไปจนถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เมื่อเห็นแล้วก็จะรู้ทันทีว่ามาจากญี่ปุ่น ในครั้งนี้ดินแดนเมืองเกาะที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ก็นำภาพยนตร์ชื่อดังที่คนทั่วโลกรู้จักอย่าง Star Wars มาประยุกต์เข้ากับศิลปะการแสดงที่มีชื่อว่า Kabuki STAR WARS KABUKI Kabuki (คาบูกิ) เป็นศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีจุดเริ่มต้นราวศตวรรษที่ 17 ในเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นอย่างเกียวโตที่ได้รับความนิยมจากผู้ชม ในช่วงเริ่มต้นคณะละครแสดงคาบูกิจะมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย พวกเขาจะบรรเลงบทเพลง ร่ายรำได้อย่างสวยงาม และแสดงท่วงท่าสื่ออารมณ์ชัดเจน แต่เพราะนักแสดงหญิงในคณะละครส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นโสเภณี จึงทำให้ปี ค.ศ. 1629 รัฐบาลออกกฎห้ามให้สตรีแสดงละครคาบูกิ เพื่อคงศีลธรรมอันดีงามเอาไว้ ทำให้นักแสดงในรุ่นหลัง ๆ มีเพียงแค่เพศชายเท่านั้น กว่า 400 ปีที่คาบูกิถูกสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เหตุที่การแสดงจากยุคโบราณนี้มีเรื่องเล่าได้หลายร้อยปีอาจเป็นเพราะคาบูกิเป็นการแสดงที่เน้นเล่าเรื่องของซามูไร นักรบผู้เต็มไปด้วยความสามารถ ไปจนถึงบทละครดราม่าเคล้าน้ำตาของชาวบ้าน บางครั้งบางตอนก็เอาเรื่องราวเด่น ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมาปรับเข้าสู่การแสดง เนื้อเรื่องจึงมีส่วนทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงคาบูกิได้ ล่าสุดคาบูกิในปี 2019 ก็ทำให้คนทั่วโลกให้ความสนใจเกี่ยวกับศิลปะและการแสดงนี้เป็นอย่างมาก เมื่อ Star Wars เรื่องราวของสงครามอวกาศที่เริ่มออกอากาศครั้งแรกตั้งแต่ปี 1977 ถูกนำมาถ่ายทอดให้ผู้คนได้รับชมกันในสไตล์ของญี่ปุ่นในชื่อการแสดงว่า Star Wars
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ติดตามข่าวสารรอบโลกในช่วงนี้ เชื่อว่า ‘การประท้วงในฮ่องกง’ คือหนึ่งในเหตุการณ์ที่คุณกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด (คุณสามารถอ่านข้อมูลเรื่องนี้เต็ม ๆ ได้ที่นี่ คลิก ) ในหน้าประวัติศาสตร์แห่งวงการเพลง ที่ใดมีการประท้วงที่นั่นย่อมมีบทเพลงปลุกใจ เหล่าศิลปินผู้มีจุดยืนมักจะนำเรื่องราว ความคิด หรือทัศนคติของตัวเองที่มีต่อเหตุการณ์นั้น ๆ มาถ่ายทอดผ่านผลงานของตัวเอง และเมื่อวันเวลาล่วงเลยผ่าน การแสดงจุดยืนของพวกเขาในวันนั้น ล้วนเป็นมรดกที่ส่งต่ออิทธิพลทางความคิดบางอย่างสู่คนรุ่นหลังต่อไป ‘เพลงฮิปฮอป’ เรียกได้ว่าเป็นศิลปะและวัฒนธรรมแขนงหนึ่งที่อยู่คู่กับการประท้วงบนโลกนี้มาโดยตลอด เฉกเช่นที่บ้านเราเคยมีเพลง ‘ประเทศกูมี’ อันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งบางเมื่อปีก่อน ชาวฮ่องกงก็มีศิลปินฮิปฮอปหลากหลายกลุ่มที่กำลังขับเคลื่อนสังคมในบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเช่นกัน ถึงแม้ศิลปินเมนสตรีมในฮ่องกงหลายคนจะแสดงตัวว่าอยู่ฝั่งเดียวกับรัฐบาล บ้างก็ไม่แม้แต่จะปริปากพูดเรื่องนี้ แต่ศิลปินนอกกระแสหลายคนก็กำลังเดินหน้าในการยืนหยัดจุดยืนของตน พวกเขามีความกล้าลุกขึ้นสร้างสรรค์บทเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประท้วงในครั้งนี้เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้คนในสังคม เพลงของพวกเขาถูกเผยแพร่จากใต้ดินขึ้นสู่บนดิน กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างในเวลาอันรวดเร็ว โดยที่ไม่มีองค์กรหรือหน่วยงานใดให้ความสนับสนุน Credit: Joseph Chan หนึ่งในเพลงที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้คือเพลงที่ชื่อว่า FUCKTHEPOPO ของศิลปินที่ชื่อ JB (屌狗) ซึ่งคำว่า POPO ในที่นี้ก็ไม่ใช่อะไรที่ไหนแต่คือ Police หรือตำรวจนั่นเอง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย ฮิปฮอปกับตำรวจก็ดูจะเป็นสองสิ่งที่ไม่เคยลงรอยกัน โดยเพลงนี้ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา และปัจจุบันยอดวิวใน Youtube พุ่งสูงถึง 1.8 ล้านกว่าวิวเป็นที่เรียบร้อย
Shonen Jump และอาจารย์ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ ผู้เขียนการ์ตูน SLAM DUNK เตรียมปล่อยสมุดภาพชุด “SLAM DUCK ILLUSTRATION 2” ที่มาพร้อมงานอาร์ตเวิร์กชิ้นพิเศษจำนวนมาก รวมถึงภาพวาดที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน! SLAM DUNK (แสลมดังก์) คือหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นหรือมังงะที่มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นยุค 90’s ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยแต่ทั่วทั้งโลก โดยทำให้วัยรุ่นได้รู้จักกับกีฬาบาสเกตบอลมากขึ้น รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้ชายหนุ่มหลายคนตัดสินใจเริ่มเล่นกีฬาชนิดนี้อย่างจริงจัง และตอนนี้เวลาก็ผ่านมาถึง 29 ปีแล้ว นับตั้งแต่การ์ตูนตอนแรกเผยแพร่ออกมา มังงะในตำนานเรื่องนี้เขียนโดย อาจารย์ ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ เผยแพร่ครั้งแรกทางนิตรสาร Shonen Jump ในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ปี 1990 ก่อนจะสิ้นสุดในวันที่ 17 มิถุนายนปี 1996 เป็นมังงะ 31 เล่มจบ นับเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นก็ขายไปมากกว่า 120 ล้านเล่ม โดยความนิยมในเวลานั้นทำให้ผู้สร้างแอนิเมชันชั้นนำอย่าง Toei Animation นำมาสร้างเป็นภาพเคลื่อนไหว ก่อนเผยแพร่และถูกแปลไปหลายภาษาทั่วโลก ทั้งหมดทำให้ SLAM
หลังจากโลกจดจำจุดสิ้นสุดของมหาสงครามซูเปอร์ฮีโร่ครั้งยิ่งใหญ่ของปี 2019 กับภาพยนตร์เรื่อง Avengers: End Game (2019) เราก็ห่างหายจากหนังฮีโร่กันไปพักใหญ่ ทั้งค่าย Marvel และ DC ที่มีฮีโร่อยู่ในสังกัดมากมายต่างซุ่มเตรียมปล่อยโปรเจกต์ใหญ่สำหรับปี 2020 และในตอนนี้ก็มีแววว่าโลกของเรากำลังจะมีซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่อีกครั้งในบทบาทของ Superman ที่เป็นชายผิวสี ไอเดียที่ว่าค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง Warner Bros. อยากสร้างความสดใหม่ให้กับวงการหนังซูเปอร์ฮีโร่รายงานมาจากเว็บไซต์บันเทิงชื่อดัง Varity ว่า ผู้บริหารของค่ายหนังเรียกโปรดิวเซอร์แนวหน้าของวงการฮอลลีวูดเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางใหม่ โดยรายชื่อผู้กำกับที่ว่าคือ J.J. Abrams ผู้เคยฝากผลงานไว้มากมายทั้งการกำกับทีวีซีรีส์เรื่อง Lost (2004) หนังอวกาศเรื่อง Star Trek Into Darkness (2013) รวมถึงภาพยนตร์มหากาพย์สงครามในตำนานอย่าง Star Wars: The Force Awakens (2015) และภาคล่าสุดกับ Star Wars: The Rise Of Skywalker (2019) ก่อนหน้านี้ J.J. Abrams เพิ่งจะหมดสัญญากับค่าย