เดินทางเดือนเข้าสู่เดือนที่ 3 ของปีนี้หนุ่ม ๆ ผู้รักรองเท้าหลายคนคงเพลิดเพลินกันตั้งแต่ต้นปีกับโมเดลรองเท้าจำนวนมากที่ถูกปล่อยออกมา ทั้งรุ่นใหม่ล่าสุดและรุ่นเก๋าที่หยิบเอามาทำใหม่ปะปนกันไป และคงเห็นกันว่ารองเท้าหลายคู่มาพร้อมสีสันสดใสประจำเทศกาลที่โดดเด่นเตะตา แต่เราเชื่อว่ายังมีผู้ชายหลายคนที่ชอบในการสวมใส่รองเท้าโทนสีดำหรือขาว ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นความเข้ากันกับสไตล์การแต่งตัว วิธีการดูแลรักษาหรืออาจเป็นรสนิยมส่วนตัว แต่ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จะมีรองเท้าโทนขาว-ดำจากแบรนด์ไหน รุ่นอะไรกำลังจะถูกปล่อยออกสู่ตลาดบ้าง วันนี้ SNEAKER OF THE MONTH มี 8 คู่ที่อยากแบ่งปันให้กับผู้อ่านทุกคนได้รู้จัก มาชมกันเลยว่าแต่ละคู่จะมีทีเด็ดงานยังไงบ้าง Nike Air Max 2090 “Black/White” เริ่มกันที่สมาชิกล่าสุดของรองเท้าตระกูล Air Max กับ Air Max 2090 โมเดลนี้ทำขึ้นมาเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของ Air Max 90 และใช้แรงบันดาลใจงานดีไซน์ของโมเดลเก๋ามาถ่ายทอดลงในรูปแบบรองเท้าที่เรียกว่า FlyEase ซึ่งสวมใส่ง่ายและเหมาะกับรูปทรงและขนาดเท้าที่มีความแตกต่างกัน Nike Air Max 2090 “Black/White” มาในสีหลักมีทั้งขาวและดำ โดยขึ้นรูปอัปเปอร์ด้วยวัสดุสังเคราะห์ ก่อนจะปกป้องด้วยชั้น Mudguards
พูดถึงแฟชั่นคุณนึกถึงอะไร? รันเวย์ นายแบบหน้าคม แบรนด์หรู หรือบางสิ่งบางอย่างที่ดูไกลตัวเราออกไป? แต่ถ้าเราบอกว่าแฟชั่นเกี่ยวกับโลกใบนี้ทั้งใบ ตั้งแต่ปัญหาขยะล้นโลกที่เรากำลังตื่นตัว เพราะขยะเสื้อผ้านั้นมีปริมาณมหาศาลมากกว่าที่เราคิด ไปจนถึงปัญหาสิทธิแรงงาน เพราะเบื้องหลังเสื้อผ้าที่เราใส่อยู่ทุกตัวมีใครบางคนในโรงงานที่ผลิตมันอยู่ หรือปัญหาการบริโภคแบบสุดขีดคลั่ง ที่เราอาจไม่รู้ตัวว่าการซื้อเสื้อผ้าราคาถูกมาก เพื่อเปลี่ยนบ่อยเท่าไรก็ได้ที่เราทำอยู่ก็เป็นปัญหา อุตสาหกรรมแฟชั่นสำหรับใครหลายคนจึงอาจมีภาพแบบหนึ่ง แต่กับเธอ “อุ้ง-กมลนาถ องค์วรรณดี” ผู้ประสานงานเครือข่าย Fashion Revolution Thailand พ่วงการเป็นนักออกแบบอิสระและอาจารย์พิเศษที่ภาคศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แฟชั่นไม่ใช่แค่เสื้อผ้าสวย ๆ บนรันเวย์ แต่หมายถึงเสื้อผ้า สไตล์ หมายถึงสิ่งที่เธอรัก และหมายถึงการที่เธออยากเห็นอุตสาหกรรมแฟชั่นดีขึ้นไปพร้อม ๆ กัน แล้วแฟชั่นจะไปกันได้กับสิ่งแวดล้อม สิทธิแรงงาน การบริโภคที่ช้าลงได้จริงไหม? ถ้าได้จริง มันลงมือทำได้ง่าย ๆ หรือเปล่า? เราอยากสปอยล์คำตอบตรงนี้ว่า “ทำได้จริง และง่าย ง่ายจนเริ่มลงมือทำทันทีที่อ่านจบก็ยังได้” แต่ทำอย่างไร? เราก็อยากชวนมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน ‘Fashion Revolution’ กลุ่มคนรักแฟชั่นที่อยากเห็นแฟชั่นดีขึ้น การอยากเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ไม่ได้หมายความแค่ว่าเราไม่ชอบสิ่งนั้น แต่อาจหมายความว่าเรารักสิ่งนั้นมาก ๆ จนอยากเห็นสิ่งนั้นดีขึ้น
ก่อนวัฒนธรรมต่าง ๆ จะผสมผสานรวมตัวกันได้หลายหลากเหมือนในปัจจุบัน ผู้คนบนโลกต้องลองผิดลองถูกเพื่อจับคู่หลายสิ่งเข้าด้วยกัน รวมไปถึงโลกของสนีกเกอร์ในยุคแรกที่ต่างจากปัจจุบันโดยสิ้นเชิง เพราะสมัยนั้นไม่ได้มีการตลาดควบคู่กับศิลปินหรืออินฟลูเอนเซอร์ประกาศออกมาตั้งแต่ก่อนผลิตเหมือนอย่างทุกวันนี้ อย่างไรก็ตามในอดีตมีโมเดลรองเท้าอยู่ 1 คู่ที่ได้ปฏิวัติวงการให้โลกรู้ว่าความลงตัวระหว่างสนีกเกอร์และวัฒนธรรมฮิปฮอปนั้นแสนลงตัวซึ่งกลายมาเป็นรากฐานสำคัญของตลาดรองเท้าในปัจจุบัน ชื่อของมันคือ Adidas Superstar และเราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักเส้นทางสู่การเป็นตำนานของรองเท้าคู่นี้ไปพร้อมกัน ยุคแรกเริ่มโลกไม่ได้รู้จักรองเท้าคู่นี้ในชื่อ Superstar แต่เป็น Supergrip ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1965 ดีไซน์ของทั้ง 2 รุ่นมีความเหมือนในหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการวางแถบ 3 ขีดด้านข้างตัวรองเท้า พื้นหนา แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือส่วน Toe Box ซึ่งจะพัฒนาเป็นเอกลักษณ์สำคัญในเวลาต่อมา Supergrip ถูกออกแบบให้เหมาะสมต่อการเล่นกีฬาอย่างเทนนิส และสามารถตอบโจทย์ได้ดีกับกีฬาที่เปลี่ยนการเคลื่อนไหวร่างกายแบบเฉียบพลัน แต่ในปี 1969 แบรนด์ Converse ครองตลาดรองเท้าบาสเกตบอลด้วยโมเดล All-Star ที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ระดับมัธยม มหาลัยไปจนถึงลีกอาชีพอย่าง ทำให้ที่ปรึกษาของอาดิดาสในเวลานั้นอย่าง Chris Severn เสนอให้บอร์ดสร้างรองเท้าบาสเข้ามาป้อนเข้าแข่งขันในตลาดบ้าง อาดิดาสเริ่มพัฒนาโมเดล Supergrip ให้เป็นรองเท้าบาสเกตบอลที่สมบูรณ์แบบ เพราะพวกเขาไม่ได้ต้องการวางขายรองเท้าธรรมดา ๆ แต่ตั้งใจสร้างรองเท้ากีฬาที่จะช่วยลดการบาดเจ็บของผู้เล่น เพราะมีผลสำรวจว่านักกีฬาบางส่วนที่ใส่รองเท้าผ้าใบแคนวาสมักมีปัญหาบาดเจ็บ สิ่งที่พวกเขาทำคือขึ้นรูปรองจากเท้าด้วยหนังแท้สีขาวซึ่งให้ความกระชับมากกว่าเวลาที่ผู้เล่นขยับข้อเท้าหรือหัวเข่า และเพิ่มขนาดส่วนโซลให้หนามากขึ้นเพื่อลดแรงกระแทก ก่อนตกแต่งด้วยลวดลาย Three-Stripe
หลายคนอาจมองว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องน่าเบื่อไม่ชวนฟัง เพราะฟังทีไรก็พาลให้เครียด แต่ถ้าลองมองให้ลึกลงไปจะเห็นว่าการเมืองเป็นแทบทุกเรื่องของเรา ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ภาษีที่เราจ่าย ค่าข้าวร้านป้าข้างบ้าน ทางเท้าที่เราเดิน รวมถึงเรื่องแฟชั่นล้วนเกี่ยวข้องกับการเมืองด้วยกันทั้งนั้น แม้ใครหลายคนอาจไม่ชอบติดตามเรื่องการเมือง ไม่ได้ดูวันเปิดสภา หรือตามฟังนักการเมืองฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลประชันกันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ถ้าได้ยินชื่อของคุณประยุทธ์ คุณประวิตร หรือคุณธนาธร รับรองเลยว่าถึงไม่สนใจการเมืองก็ต้องรู้จักชื่อของนักการเมืองเหล่านี้ ครั้งนี้ UNLOCKMEN ไม่ได้มาพูดเรื่อง ‘การเมืองไทย’ แต่จะมาเล่าถึง ‘แฟชั่นของนักการเมืองไทย’ ที่น่าสนใจทั้งหมด 5 คนด้วยกัน เพื่อดูว่านักการเมืองชื่อดังมีสไตล์การแต่งตัวอย่างไร พวกเขาชื่นชอบเสื้อผ้าแบบไหน และอะไรคือแฟชั่นที่โดดเด่นออกมาจนคนจำได้ SOMKID JATUSRIPITAK เริ่มสำรวจสไตล์ของนักการเมืองคนแรกไปกับคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คนไทยรุ่นพ่อแม่เห็นเขาโลดแล่นอยู่ในโลกการเมืองมายาวนาน เคยเป็นนักการเมืองพรรคไทยรักไทย จากนั้นย้ายมาอยู่พรรครวมใจชาติพัฒนา ถัดมาคือพรรคพลังประชารัฐ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ชายคนนี้เป็นนักการเมืองเจนสนาม การแต่งตัวของเขาไม่ว่าไปประชุมสภา ไปงานใด ๆ มักเนี้ยบจนแทบหาที่ติ (เรื่องการแต่งตัว) ไม่ได้ เริ่มกันตั้งแต่ทรงผมเซตเสยขึ้นไปไว้ด้านหลังให้หมด บางครั้งเซตแบ่งข้าง บางงานเสยผมข้ึนไปทางเดียวทั้งหมด จุดสังเกตน่าสนใจคือคุณสมคิดไม่ปาดเจลจนผมแข็ง เหลือวอลลุ่มไว้ให้เห็นควบคู่กับสีผมธรรมชาติที่กล้าพูดเลยว่าเราเห็นเขามาตั้งแต่ผมดำจนผมกลายเป็นสีดอกเลาก็ยังเนี้ยบเหมือนเดิม ชุดสูทของคุณสมคิดทั้งสูทสีดำ
หลังจากเฝ้ารอกันมาพักใหญ่ในที่สุด Supreme แบรนด์สตรีตแฟชั่นชื่อดังก็เปิดตัวคอลเลกชัน Spring/Summer 2020 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยนำเสนอผ่าน Lookbok พื้นหลังขาวเรียบง่ายเพื่อให้หนุ่ม ๆ สายแฟชั่นที่รอคอย ได้เห็นรายละเอียดของไอเทมแต่ละชิ้นอย่างเต็มตา เมื่อ Supreme นำเสนอไอเทมทุกชิ้นจากคอลเลกชันล่าสุด UNLOCKMEN พบว่ามีไอเทมรวมกันเป็นร้อยชิ้น เราจึงขอแนะนำไอเทมที่น่าสนใจทั้งหมด 10 ชิ้น ของ Spring/Summer 2020 เพื่อดูว่ามีชิ้นไหนเด็ดเข้าตาและชิ้นไหนกำลังกลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกโซเชียล SUPREME x NIKE AIR FORCE 1 LOW ไอเทมที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือรองเท้าผ้าใบที่ Supreme กับ Nike ร่วมมือกันอย่างสนีกเกอร์สองคู่สีขาว-ดำ ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุหนังคุณภาพพรีเมียม โดดเด่นด้วยเชือกรองเท้าที่มีกราฟิตี้ชื่อแบรนด์ชวนลายตา เชือกสีแดงสำหรับรองเท้าสีขาว ส่วนเชือกรองเท้าสีดำจะถูกจับคู่กับรองเท้าสีเดียวกัน และประทับแถบโลโก้ Supreme สีแดงสดไว้บริเวณด้านข้างของรองเท้าเพื่อเน้นย้ำว่าโมเดล Air Force 1 Low ได้แบรนด์ Supreme มาร่วมดีไซน์ด้วย SUPREME x OREO
สำหรับหนุ่ม ๆ ผู้ชื่นชอบและติดตามเกมรวมดาราเอ็นบีเอ หรือ NBA All-Star Game การแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลโดย NBA ที่จัดกันเป็นประจำทุกปีช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่แบ่งเป็นทีมฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกเพื่อกระโดดเข้าสู่สังเวียน เพื่อแข่งกันว่าใครจะสามารถยัดลูกกลม ๆ ลงในห่วงได้มากกว่ากัน การแข่งขันรวมดาวของ NBA เต็มไปด้วยความเข้มข้น มีนักกีฬาบาสเกตบอลชื่อดังหลายคนตบเท้าเข้าสู่การแข่งขันนี้ วงการพนันก็คึกคัก สื่อหลายสำนักต่างให้ความสนใจการแข่งขัน NBA All-Star Game จึงทำให้แบรนด์แฟชั่นน้อยใหญ่เล็งเห็นว่าหากสามารถร่วมคอลแลปส์กับการแข่งนี้ได้ ไอเทมของพวกเขาก็จะได้อยู่บนหน้าสื่อจำนวนมากอย่างแน่นอน Diamond Supply Co. แบรนด์สเกตบอร์ดสุดเก๋าที่มีต้นกำเนิดเมื่อปี 1998 โดย Nick Diamond ชายผู้เกิดไอเดียว่าอยากมีแบรนด์สเกตบอร์ดและสตรีตแวร์เป็นของตัวเอง เขาเริ่มสร้างทั้งหมดภายในห้องพักหนึ่งเล็ก ๆ ในอพาร์ตเมนต์เมืองซานฟรานซิสโกพร้อมกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของแบรนด์ แถมยังสามารถสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการสตรีตแฟชั่นครั้งใหญ่ในปี 2005 เมื่อการร่วมออกแบบสนีกเกอร์กับ Nike SB จนได้ออกมาเป็นรุ่น Nike SB Dunk Low “Tiffany” สี Aqua/Chrome ที่โดดเด่นยิงโดนความชอบผู้ชายสายสตรีตไปเต็ม ๆ จนทำให้ราคาของรองเท้าคู่นี้พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ สำหรับปี 2020 แบรนด์
เมื่อพูดถึงศิลปินชาวดัตช์ผู้โด่งดังจากยุค Post-impressionism (ลัทธิประทับใจยุคหลัง) ที่มีอิทธิพลและชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ก็คงหนีไม่พ้น Vincent Van Gogh (ฟินเซนต์ ฟัน โคค) แต่คนไทยชอบเรียกเขาว่า “แวนโก๊ะ” ชายมากฝีมือผู้มีอาการทางจิตพร้อมกับปริศนาหูซ้ายที่หายไปทิ้งความสงสัยไว้ให้คนรุ่นหลัง เรื่องเล่าความเจ็บปวด ความคิด และมุมมองของแวนโก๊ะถูกถ่ายทอดออกมาผ่านลายเส้นเป็นผลงานศิลปะ เมื่อตอนมีชีวิตเขาเป็นเพียงศิลปินไร้ชื่อ ไร้เงิน เป็นคนบ้าที่อยู่นอกสายตาของผู้คน แต่พอถึงคราวจากไปผลงานของเขากลับสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับโลกจนใคร ๆ ก็ต้องรู้จักแวนโก๊ะ ทำให้ช่วงเวลาหลายร้อยปีเรามักพบเห็นผลงานภาพวาดสีน้ำมันของเขาถูกผลิตออกมาเป็นสินค้าแฟชั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงปี 2020 ที่ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาจะกลับมาอีกครั้งในรูปแบบแฟชั่นทันสมัย แบรนด์แฟชั่นของชาวดัตช์ที่มีชื่อว่า Daily Paper นำผลงานสุดยิ่งใหญ่ของแวนโก๊ะมาไว้บนเครื่องแต่งกายคอลเลกชัน Spring/Summer 2020 ด้วยการร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะจากกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่สดใสต้อนรับหน้าร้อนที่มาเยือนเหมือนกับภาพดอกทานตะวันของยอดจิตรกร Daily Paper โด่งดังขึ้นจากการนำวัฒนธรรมของชาวแอฟริกามาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อผสานเข้ากับความร่วมสมัยสไตล์ยุโรป พวกเขาเล่าเรื่องราวของชาวแอฟริกาจนเป็นภาพจำของแบรนด์ไปแล้ว แต่ในครั้งนี้ Daily Paper หันมามองสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมาตลอดอย่างแวนโก๊ะ และคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะบอกเล่าเรื่องราวอันแสนเศร้าแต่งดงามของเขาเพื่อระลึกถึงมรดกทางศิลปะที่เขาได้ทิ้งไว้ให้กับโลก ธีมของสีในคอลเลกชันนี้จะเน้นสีเหลืองกับสีน้ำเงินตามแบบภาพวาด Sun Flowers (ดอกทานตะวัน) และภาพ The Stary Night (ราตรีประดับดาว) ผลงานภาพสีน้ำมันสองชิ้นอันโด่งดัง ทำให้แจกเก็ตเดนิมถูกแต่งแต้มด้วยสีเหลืองอ่อนพร้อมกับภาพของทิวทัศน์ไกลสุดลูกหูลูกตา
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าตอนนี้โลกของเราก้าวเข้าสู่ยุคที่ผู้คนรุ่นใหม่ต่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นผลมาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ส่งสารเตือนมาเป็นระยะ จนผู้คนต้องสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ประเทศไทยของเราก็เริ่มมีมาตรการงดใช้ถุงพลาสติก ส่วนบุคคลผู้มีอิทธิพลต่อโลกทั้งด้านการเมือง สังคม สิ่งแวดล้อมและแฟชั่นก็หันมามองประเด็นนี้กันมากขึ้น รวมถึงแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Nike ที่พร้อมก้าวเข้าสู่โลกแห่งการใ่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน Nike ถือเป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายที่ตอบรับกระแสสังคมได้อย่างน่าประทับใจ พวกเขาเริ่มคิดคอนเซ็ปต์แฟชั่นเป็นมิตรกับโลกโดยใช้ชื่อว่า “Move to Zero” คอลเลกชันเพื่อสิ่งแวดล้อม สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อลดความเสียหายที่วงการแฟชั่นได้ทำไว้กับธรรมชาติเพื่อลดคาร์บอนกับของเสียอื่น ๆ ให้เหลือศูนย์ ผ่านกระบวนการออกแบบ คิดค้น ผลิต เพื่อนำไปใช้และนำกลับมาใช้ซ้ำอีกครั้งได้จริง ๆ ไอเทมในคอลเลกชัน Move to Zero ประกอบไปด้วยเสื้อฮู้ด สเวตเชิ้ต เสื้อยืด จ็อกเกอร์ และกางเกงขาสั้น ทั้งหมดทำจากวัสดุโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลผสานกับผ้าฝ้ายทนทานต่อการใช้งานแบบสมบุกสมบัน บางชิ้นก็ผสมผสานระหว่างโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลกับคอตตอนออร์แกนิกเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน แถมกระบวนการผลิตยังใช้น้ำกับสารเคมีน้อยกว่าปกติ แบรนด์ยังเน้นย้ำอีกด้วยว่าถึงจะเป็นไอเทมที่สร้างสรรค์จากวัสดุรีไซเคิล แต่คุณภาพของผลงานก็ยังคงสูงตามมาตรฐานของ Nike UNLOCKMEN สนใจคอลเลกชัน Move to Zero โดยเฉพาะกางเกงขาสั้นทำจากเส้นใยอินทรีย์ (Organic Fiber) ร่วมกับวัสดุรีไซเคิล 60% ที่มองเผิน ๆ แทบไม่รู้เลยว่ากางเกงตัวนี้ทำมาจากวัสดุเหลือใช้เพราะดีไซน์ที่ทันสมัย
Y-3 แบรนด์ย่อยที่เกิดจากการร่วมมือของ Adidas ดีไซน์เนอร์มากฝีมือชาวญี่ปุ่น Yohji Yamamoto เตรียมฉลองครบรอบ 50 ปีให้กับโมเดลรองเท้าในตำนานอย่าง Adidas Superstar ด้วยโมเดลรองเท้า 2 ใหม่ YOHJI PRO และ YOHJI STAR คือ 2 โมเดลรองเท้าในแคปซูลล่าสุดของ Y-3 มีให้เลือกทั้งแบบ Low และ Hi โดยโมเดล YOHJI STAR เป็นหุ้มข้อต่ำ (Low) มาในหนังพรีเมียมสีขาวและสีดำ เป็นรองเท้าที่ใช้โครงสร้างดั้งเดิมของ Adidas Superstar มาผสมผสานกับเทคโนโลยีและสัดส่วนแบบใหม่ทั้งความสูงของพื้นรองเท้าที่บางกว่าเดิมและ Rubber Shell Toe ขนาดเล็กลง ในส่วนของ YOHJI PRO จะเป็นรุ่นหุ้มข้อสูง (Hi) มาในดีไซน์คล้ายกับ YOHJI STAR ความพิเศษของรองเท้าในคอลเลกชันนี้คือหนังพิเศษสีดำที่เรียกว่า “Ecru” ในส่วนที่ร้อยเชือกและ Heel tap รวมถึงลายเซ็นของ
ตลอดช่วงเวลาของวาเลนไทน์ถือเป็นโอกาสดีสำหรับหนุ่ม ๆ สายสนีกเกอร์เฮดแน่นอน เพราะเทศกาลนี้มีรองเท้ารุ่นเด็ดดีไซน์แจ่มถูกปล่อยออกมาหลายคู่ และสำหรับช่วงเทศกาลแห่งความรักปีนี้ เราจะพาทุกท่านไปดูกันว่าแต่ละแบรนด์นั้นมีทีเด็ดอะไรปล่อยออกมากันบ้าง THREE STRIPE in VALENTINE ค่ายสามขีดเตรียมโมเดลรองเท้าไว้สำหรับวาเลนไทน์ทั้งรุ่นสุดเก๋าและรุ่นใหม่ล่ามาแรงใน Adidas Originals Valentine 2020 Collection ซึ่งประกอบไปด้วยโมเดล Superstar 2 คู่และโมเดล Stan smith 3 คู่ ถูกปรับงานดีไซน์ให้ออกมาเหมาะกับวันแห่งความรัก เริ่มต้นกับ Adidas Superstar คอลเลกชันนี้มากับอัปเปอร์หนังสีขาวและสีดำตกแต่งด้วยลายกราฟิกรูปหัวใจและโลโก้ Adidas Original ไว้ด้านนอกตัวรองเท้า รวมถึงเชือกสีขาวที่มีดลวดลายหัวใจสีแดงแต่เพิ่มพื้นที่ว่างให้กับรองเท้าด้วยลิ้นและ Heel Tap สีขาว ต่อมาเป็นโมเดล Stan Smith คู่แรกมาในอัปเปอร์หนังสีขาวตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยกราฟิก STAN SMITH สีแดงและรูปหัวใจแทนที่ในส่วน Heel Tap เป็นโมเดลไอคอนอีกคู่ที่เรียบง่ายและหยิบมาสวมอย่างมีสไตล์ได้เสมอ 2 คู่ต่อมาเป็น Stan Smith อีก2 สีคือ White/Green และ White