ช่วงเทศกาลปีใหม่คงมีผู้ชายหลายคนตั้ง New Year’s Resolution เอาไว้ ว่าอยากทำอะไรในปีหน้า จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร และใช้ชีวิตไปในทิศทางใดเพื่อให้เป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จลุล่วง ผู้ชายบางคนอยากทำงานให้หนักขึ้น บางคนอยากมีเวลาว่างมากกว่าเดิม บ้างอยากหางานเสริมทำเพื่อให้เลิกนิสัยชักหน้าไม่ถึงหลังที่เป็นมาตลอดทั้งปี แต่ผ่านไปปีแล้วปีเล่า New Year’s Resolution ของใครหลายคนก็ยังไม่เคยสำเร็จสักที วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากแนะนำ 5 แอปพลิเคชันสุดเจ๋งที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตในปี 2020 ของคุณมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เพื่อให้เป้าหมายและความฝันที่หนุ่ม ๆ ตั้งไว้กลายเป็นความจริงขึ้นมา Microsoft To Do แอปพลิเคชันที่จะเข้ามาช่วยหนุ่ม ๆ วางแผนกิจวัตรที่ต้องทำในแต่ละวันให้เป็นระบบระเบียบยิ่งขึ้น ผู้ใช้สามารถสร้างรายการได้ทั้งในหมวด Work, Personal และหมวดอื่น ๆ พร้อมกำหนดวันที่ การแจ้งเตือน และแยกย่อยรายการใหญ่ให้เล็กลงเป็นหลาย ๆ รายการได้ นอกจากนี้ Microsoft To Do ยังมีฟีเจอร์ online groups ช่วยให้คุณแบ่งปันข้อมูลหรือตารางนัดหมายกับเพื่อนที่ทำงานหรือคนในครอบครัว และสลับไปมาระหว่างบัญชีที่ทำงานและบัญชีส่วนตัวได้อย่างสะดวกสบาย แถมคุณยังปรับแต่งเติมสีสันของรายการต่าง ๆ รวมทั้งสีพื้นหลังให้ดูไม่น่าเบื่อและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นได้อีกด้วย Microsoft
ความผิดหวังที่เป็นเหมือนหมอกหนาปกคลุมความรู้สึก ทำให้เรามองไม่เห็นทางที่จะก้าวไปข้างหน้า จนเรายังคงยืนอยู่ตรงนั้น ตรงที่หมอกร้ายนั้นยังปกคลุมหนาแน่น ไม่มีท่าทีจะจางหายไป เพราะเราไม่อาจจมอยู่กับความผิดหวังนั้นไปได้ตลอด ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อปัดเป่าความผิดหวังนั้นออกไป หากยังไม่มีแรงลองเลือกสักเรื่องจาก 5 หนังที่เราอยากแนะนำ ในวันที่อยากเริ่มต้นใหม่ หันหลังให้กับทุกความผิดหวังที่ผ่านมา Begin Again (2013) Director : John Carney เพลง Lost Star ที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองในตอนนั้น มาจากเรื่องราวแสนปวดร้าวของ Gretta (Keira Knightley) กับแฟนหนุ่มที่เป็นศิลปินชื่อดังอย่าง Dave (Adam Levine) ที่ต้องเลิกรากันไปด้วยเรื่องมือที่สาม การพบกันในบาร์ของ Gretta และ Dan (Mark Ruffalo) ผู้บริหารค่ายเพลงที่อยากดึงตัวเธอมาร่วมงานและหวังให้เธอเป็นศิลปินที่จะมาช่วยกู้วิกฤตในอาชีพของเขา เปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่ที่ต่างมีเรื่องราวเจ็บปวดที่ต้องการเยียวยา ทั้งคู่ต่างใช้บทเพลงเพื่อให้ตัวเองได้สมหวังกับเรื่องราวในชีวิต แต่ละตัวละครต่างมีปมที่ขมวดแน่น เฝ้ารอการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากปมเหล่านั้นที่รั้งเอาไว้มาตลอด ถือว่าดูง่ายกว่าเรื่อง Once เยอะอยู่เหมือนกัน เป็น Story และการถ่ายทอดที่เข้าถึงง่าย มีเพลงเพราะ ๆ ไม่แพ้กันได้ฟังตลอดทั้งเรื่อง แม้ฟังดูดราม่าจะเข้มข้น แต่พอได้ดูจริง ๆ มันจะ Flow ของมันไปเรื่อย ๆ แบบที่ไม่ชวนให้อึดอัดเลยแม้แต่น้อย (แถม
“ปี 2020 จะเป็นอีกปีที่หนักหน่วง” สำนักข่าวและผู้เชี่ยวชาญหลายแขนงพูดถึงสภาวะเศรษฐกิจของปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงไว้แบบนั้น คนทำงานอย่างเรา ๆ นอกจากหาหนทางประหยัดหัวแทบแตก เสาะค้นวิธีหาเงินให้เพิ่มพูนจนแทบคลั่ง อีกวิธีที่เหมือนจะทำได้ง่ายที่สุดคือ “การเก็บเงิน” เพราะการมีเงินเก็บสำรองไว้ในช่วงที่อะไร ๆ ฝืดเคืองก็ย่อมอุ่นใจกว่า รวมถึงสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างความป่วยไข้ อุบัติเหตุ ฯลฯ ที่ทำให้เราต้องใช้เงิน ถ้ามีเงินเก็บสักก้อนติดตัวไว้ก็ช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้สะดวกกว่าไม่มีเงินเลยแน่นอน แค่ตั้งใจยังไม่พอ ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ปัญหาคือเราทุกคนล้วนอยากมีเงินเก็บกันทั้งนั้น แต่พอถึงเวลาจริง ๆ เรามักไม่ค่อยเจียดเงินมาเก็บกันสักเท่าไร เอาแต่บอกว่าเดือนหน้าแล้วกัน ผัดผ่อนไปเรื่อย ๆ จนสิ้นปีทีไร นอกจากเงินเก็บไม่มีแล้ว อาจกระเป๋าเงินแห้งกรอบจนฉลองปีใหม่ไม่สนุกอีกด้วย Wendy De La Rosa ผู้เชี่ยวชาญด้าน Behavioural sciences บอกว่าใคร ๆ ก็ตั้งใจเก็บเงินกันทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่ก็มักล้มเหลว ไม่ใช่เพราะว่าเราตั้งใจไม่พอ แต่เป็นเพราะว่าหลาย ๆ ครั้งสภาพแวดล้อมก็พาเราไปสู่นิสัยทางการเงินที่เราเคยชิน ดังนั้นการเก็บเงินจึงไม่ใช่แค่ตั้งใจว่าจะเก็บเงินเท่านั้น แต่ต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางจิตวิทยาเพื่อล่อลวงให้ตัวเองนั้นเก็บเงินได้ด้วย “ไม่ใช่แค่ตั้งใจจะเก็บเงินเท่านั้น แต่ต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางจิตวิทยาเพื่อเก็บเงิน” งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่เธอศึกษา เธอแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม
เมื่อโบกมือลาเดือนพฤศจิกายนที่เพิ่งจากไปหมาด ๆ ลมหนาวแห่งเดือนธันวาคมก็พัดมาทักทายเป็นระลอก แม้อุณหภูมิเย็นยะเยือกจะมีให้เราสัมผัสได้เพียงไม่กี่วัน แต่ก็เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเทศกาลเฉลิมฉลองในช่วงสิ้นปีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ขณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่พาสาวคนรู้ใจไปเคานต์ดาวน์ในสถานที่โรแมนติก ในทางตรงกันข้ามกลับมีผู้ชายบางคนที่รู้สึกเหงาขึ้นมาดื้อ ๆ ราวกับช่วงสิ้นเดือนธันวาคมนี้เป็นเทศกาลสุดห่วยของคนขี้เหงาอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งบรรยากาศโดยรอบครึกครื้นและผู้คนคึกคักมากเท่าไร มวลความเหงาก็ยิ่งถาโถมมากเท่านั้น และ 7 วันอันตรายตั้งแต่คริสต์มาสไปจนถึงปีใหม่ ก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่ความเหงาในใจใครหลาย ๆ คนกำเริบ วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากมาบอกวิธีกำจัดความเหงาทิ้งไป ป้องกันไม่ให้ตัวเองรู้สึกแย่ และเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ชายคนใหม่ที่เลิกเหงา (หรือเหงาน้อยลงกว่าเดิม) กำจัดความคิดเชิงลบทิ้งไป ด้วยหน้าที่การงานที่แตกต่างกัน อาจต้องยอมรับว่าการอยู่คนเดียวในช่วงเทศกาลเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับผู้ชายบางคน แต่ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกว่าการฉลองอยู่ที่ห้องคนเดียวเป็นเรื่องผิดปกติ ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จริงอยู่ที่การอยู่คนเดียวทำให้รู้สึกเหงา แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคุณจะอยู่คนเดียวไปตลอดทั้งปี ถ้าหนุ่ม ๆ สามารถกำจัดความคิดเชิงลบที่เรียกว่า ‘ความเหงา’ ทิ้งไปได้ คุณจะรู้ว่าบางครั้งการอยู่คนเดียวก็มีข้อดีเหมือนกัน เพราะมันอาจทำให้คุณตกผลึกทางความคิดกับบางเรื่องหรือเข้าใจตัวเองมากขึ้น พาตัวเองออกไปข้างนอก ถ้าอยู่ที่ห้องคนเดียวแล้วมันยิ่งเหงาหรือจิตใจฟุ้งซ่าน เราแนะนำให้หนุ่ม ๆ ออกไปพบปะสังสรรค์เพื่อนฝูง ไปดูดอกไม้ไฟ หรือเดินชมต้นคริสต์มาสที่ถูกประดับตกแต่งตามสถานที่ต่าง ๆ การออกไปเจอผู้คนมากหน้าหลายตาอาจช่วยทุเลาความเหงาในใจผู้ชายหลายคนได้ หรือถ้าใครอยากหลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ก็พาตัวเองไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดหรือพักค้างแรมในสถานที่สงบ ๆ สักคืน เพื่อให้สมอง ร่างกาย และจิตใจได้พักผ่อน และชาร์จพลังกายพลังใจให้เต็มที่ก่อนกลับไปทำงาน (ที่เรารัก)
โซเชียลเน็ตเวิร์กกลายเป็นโลกอีกใบที่เราบรรจุตัวตน ความทรงจำ ชีวิตและความรู้สึกไว้ในนั้น ใครต่อใครอาจพากันบอกว่ามันเป็นเพียง “โลกเสมือน” หากมันเป็นเพียงความเสมือน ก็ดูจะเสมือนจริงมากขึ้นทุกที ๆ ไม่แปลกที่สเตตัสเฟซบุ๊กสุดดราม่าทำให้เราเครียดหัวแทบระเบิดมาถึงชีวิตจริงได้ รูปในอินสตาแกรมรูปเดียวที่ละเมิดกฎของบริษัทที่เราสังกัดอยู่อาจทำให้เราโดนไล่ออกได้จริง ๆ ไม่เว้นแม้แต่คอมเมนต์จากสาวสวยสักคนที่ดูสนิทสนมกับเราเป็นพิเศษก็อาจทำให้เราทะเลาะกับแฟนสาวจนบ้านแตกก็เป็นได้ เป็นแฟนกันและเป็นเฟรนด์กัน สัญญานอันตรายสำหรับบางคู่ มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่ามนุษย์เรานั้นสื่อสารกันด้วยความหมายของคำจริง ๆ น้อยกว่าภาษากายและน้ำเสียงเสียอีก ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเรายืนอยู่ตรงหน้าใครสักคนแล้วบอกเธอคนนั้นว่า “คุณสวยเหมือนนางฟ้าเลยครับ” โดยความหมายของคำในประโยคนี้คือคำชมทุกตัวอักษร แต่ถ้าเราใช้น้ำเสียงแดกดัน ประกอบกับการเบ้ปาก กลอกตาใส่เธอ ความหมายของคำดี ๆ เหล่านั้นจะพังทลายลงทันที เพราะสิ่งที่สื่อสารมากกว่าคำคือน้ำเสียงและท่าทางของเรา ที่แสดงให้เห็นว่ามันคือการประชดไม่ใช่การชมอย่างจริงใจ จึงไม่แปลกเลยที่หลายครั้งเราสื่อสารกับแฟนสาวต่อหน้าแล้วเข้าใจกันดี แต่เมื่อความสัมพันธ์ถูกย้ายลงไปบนโลกเสมือนอย่างเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ แล้วเราจะสื่อสารผิดพลาดจนกลายเป็นการทะเลาะกันครั้งใหญ่ได้เสมอ ปัจจัยที่ทำให้สื่อสารผิดพลาดคือตัวอักษรที่ปราศจากน้ำเสียงและไม่เห็นสีหน้าที่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึก ทำให้หลายครั้งเราเข้าใจกันผิดได้ง่าย ๆ ไม่เพียงเท่านั้นในโซเชียลเน็ตเวิร์กไม่ได้มีแค่เราสองคนเหมือนเวลาเราไปเดต หรือไปเที่ยวกัน แต่มีโยงไยความสัมพันธ์จากเพื่อนของเพื่อน คนรู้จักไกล ๆ เพื่อนมหาวิทยาลัย ฯลฯ โดยในบรรดาคนรู้จักเหล่านี้ของเรา แฟนก็อาจไม่ได้รู้จักทั้งหมด และในบรรดาเฟรนด์ในเฟซบุ๊กของแฟนเราเอง เราก็ไม่ได้รู้จักทั้งหมดเช่นกัน ดังนั้นอาจจะมีสาวสักคนดันมากดเลิฟให้เรามากกว่าปกติ หรือมีเพื่อนชายสมัยมัธยมของเธอที่คอมเมนต์ด้วยคำพูดที่ดูเหมือนมีแต่เธอกับเขาคนนั้นที่เข้าใจ สิ่งเหล่านี้คือภาษาที่ไม่มีการตีความตายตัว ทำให้เข้าใจผิดกันได้ง่าย ผิดใจกันได้ง่ายและจบลงด้วยการทะเลาะกัน
ผู้ชายอย่างเราต่างรู้จัก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ หากนับถ้วยรางวัลและความสำเร็จทั้งหมดของชายคนนี้ คงต้องใช้พื้นที่หลายบรรทัดในการสาธยาย เจ้าของรางวัล Ballon d’Or 5 สมัยถูกยกให้เป็นนักเตะที่มีความสามารถครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจบประตูที่ดีจากเท้าทั้ง 2 ข้าง และลูกโหม่งที่มาพร้อมพลังกระโดดมหาศาลที่แทบไม่มีกองหลังคนไหนลอยตัวขึ้นไปป้องกันเขาได้ โดยหนึ่งเคล็ดลับของพลังกระโดดของชายคนนี้มาจากมัดกล้ามเนื้อส่วนต้นขา (Quads) ที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ต้นขา (Quads) ถือเป็นกล้ามเนื้อส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง เดินหรือกระโดด เราจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วตามต้องการ หากมีกล้ามเนื้อต้นขาที่แข็งแรงสมส่วน ส่วนหนุ่ม ๆ ที่กำลังมีปัญหาต้นขาใหญ่ใส่กางเกงไม่พอดี คอร์สการฝึกต้นขาจะช่วยลดขนาดและเพิ่มความแข็งแรงไปพร้อมกัน QUICK WORKOUT วันนี้อยากชวนทุกคนมาออกกำลังต้นขา โดยดึงโปรแกรมฝึกของคริสเตียโน โรนัลโด้มาปรับใช้ ประกอบไปด้วยท่าออกกำลังต้นขาทั้งหมด 7 ท่า ให้ทุกคนได้ฝึกตาม Wall Sit เริ่มที่ท่าบอดี้เวทที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง Wall Sit หรือนั่งพิงกำแพง หลังจากยืดกล้ามเนื้อต้นขาเสร็จเรียบร้อย เริ่มอุ่นเครื่องกล้ามเนื้อด้วยท่า Wall Sit ข้อที่ควรให้ความสำคัญคือแผ่นหลังที่ควรยืดตรง และย่อขาให้ตั้งฉาก 45 องศา โดยเน้นรับน้ำหนักลงมาที่ต้นขาเป็นหลัก Walking
คุณหยุดเรียนรู้เมื่อไหร่? เมื่อเรียนจบ เมื่อสอบวัดผลเสร็จ หรือเมื่อใดกันแน่? ใครหลายคนหยุดเรียนรู้ เมื่อคิดว่าตัวเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่มีตัวตนสุขุม นิ่งลึก ผู้เชื่อว่ายิ่งเป็นผู้ใหญ่มากเท่าใด ยิ่งมีความรับผิดชอบมากเท่าไหน ยิ่งต้องเรียนรู้ เพราะสำหรับเขาการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด การเรียนรู้เป็น Eternity และทำให้เขาเป็นเขาในวันนี้ “ฌอห์ณ จินดาโชติ” ใต้ชื่อของผู้ชายคนนี้มีนิยามจำนวนมากที่ใช้บ่งบอกความเป็นเขา พิธีกรมืออาชีพ นักแสดงฝีมือโดดเด่น นักเขียนที่มีภาษาเฉพาะตัว จนกระทั่งช่างภาพที่มีมุมมองแตกต่าง แม้จุดเริ่มต้นของเขาคือการเริ่มเป็นนักแสดงตั้งแต่อายุ 18 ปี ก่อนจะรับผิดชอบบทบาทที่หลากหลาย แต่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ดูประสบความสำเร็จไปทั้งหมด อะไรคือกุญแจที่ทำให้เขาสามารถทำทุกอย่างได้ดีขนาดนี้? เบื้องหลังตัวตน วิธีคิดสุดหนักแน่นของเขาคืออะไร? เราอยากชวนทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน “ปรับตัวให้เข้ากับทุกสิ่งได้” นิยามความเป็นผู้ใหญ่ในแบบ ฌอห์ณ จินดาโชติ เพราะเขาคนนี้ทำงานที่หลากหลาย แต่ก็สามารถทำทุกอย่างออกมาได้อย่างมืออาชีพ ทำให้เราสัมผัสได้ว่าเขามีความเป็นผู้ใหญ่ มีความสุขุมนิ่งลึกไหลเวียนอยู่ภายในตัวเสมอ ไม่ใช่แค่ในปัจจุบันเท่านั้น แต่นับย้อนกลับไปถึงวันที่เขาเริ่มเล่นละครเรื่องแรกด้วยวัยเพียง 18 ปี แม้จะยังเด็กมาก แต่ฌอห์ณ จินดาโชติกลับสามารถรับผิดชอบบทบาทหน้าที่ตัวเองได้เกินอายุ “ผมว่าความเป็นผู้ใหญ่ ความสุขุมคือการที่เราเลือกใช้เหตุและผล การแก้ไข หรือปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และสิ่งรอบตัวได้อย่างสมดุล อย่างมีเสน่ห์ การเป็นผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องคีปคูลอยู่ตลอดเวลาเพื่อทำให้คุณเท่
เมื่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตมาถึง วัฒนธรรมการทำงานของมวลมนุษยชาติก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป เทคโนโลยีดี ๆ ทำให้เราทำอะไรได้สะดวกขึ้น เร็วขึ้น แต่ในทางกลับกันมันก็ทำให้เราต้องคิดเรื่องงานมากขึ้น ทำงานมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ในเวลาเลิกงาน เราคิดเรื่องงานในวันหยุกพักผ่อน ณ สถานที่แสนสงบสักแห่ง หรือแม้แต่วันป่วยไข้แต่ใจเราก็กระวนกระวายอยู่กับงานคั่งค้างจนอยากรีบกลับไปทำงานไว ๆ ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับมนุษย์แค่คนสองคน แต่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ Guy Winch นักจิตวิทยาชื่อดังที่จู่ ๆ ก็โดนงานจู่โจมไม่เลือกเวลา และทำให้เขาหมดไฟกับการทำงานได้ดื้อ ๆ “คิดเรื่องงานนอกเวลางาน” ไม่ใช่แค่เครียด แต่ทำให้หมดใจ Guy Winch ฝันอยากเป็นนักจิตวิทยามาตลอด แต่จุดหนึ่งเมื่อเขาได้ทำงานที่เขาฝันไปสักระยะ เขาดันรู้สึกหมดไฟขึ้นมาดื้อ ๆ เขาครุ่นคิดกับตัวเองอย่างหนักว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่? เขาเลือกงานผิด? การเป็นนักจิตวิทยาไม่ใช่งานที่เขารัก? และทันทีที่ได้คำตอบเขาก็พบว่าปัญหาไม่ได้เกี่ยวกับงาน แต่ปัญหาคือความคิดเกี่ยวกับงานของเขาต่างหาก แม้ Guy Winch จะเลิกงานตามเวลาอย่างเคร่งครัด ร่างกายเดินออกจากออฟฟิศ แต่เขาตระหนักได้ว่าหัวสมองเขาไม่เคยออกจากออฟฟิศเลย! เขาเอาแต่คิดเรื่องงาน Guy Winch ระบุว่าสิ่งที่น่าสนใจเรื่องความเครียดเรื่องงานคือ เรามักไม่ยอมคิดเรื่องงานให้เสร็จตอนทำงาน เพราะเรามัวแต่ทำตัวยุ่ง จนเราต้องหอบเอาเรื่องงานมาคิดในเวลาพัก หรือเวลาอยู่บ้าน ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของวงจรแสนร้ายกาจ เพราะสมองเราจะไม่ได้เครียดแค่เรื่องงานจริง ๆ
การอ่านหนังสือสักเล่ม อ่านบทความสักชิ้น คือการอ่านความคิดและทัศนคติที่เจ้าของเรื่องราวมีต่อสิ่งนั้น หลายครั้งหนังสือของคนประสบความสำเร็จและคนดังที่ตีพิมพ์ออกมาจึงขายดิบขายดี ตัวเราเองที่คลุกคลีกับวงการหนังสือก็พอรู้ว่าหนังสือบางเล่มอาจเป็นท่อน้ำเลี้ยงหลักของสำนักพิมพ์เพื่อเฉลี่ยกับเล่มอื่น ๆ ที่ยอดขายยังไม่ดีเท่ากันเพื่อพยุงรายได้ เพราะคงไม่ง่ายที่นักอ่านทั่วไปจะมีโอกาสสัมผัสความคิดของเจ้าตัวได้โดยตรง การเกษียณอายุของ “อ๋อง – วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ” บรรณาธิการบริหาร a day BULLETIN อายุน้อย (แค่ 47 ปี) บอกเราว่าขณะที่เราไม่ได้ติดตามนิตยสารทุกเล่มที่อยู่ภายใต้การบริหารของเขา ทุกตัวหนังสือบนหน้าบทบรรณาธิการก็ยังทำหน้าที่ของมันอยู่ หลายหน้ากระดาษแทรกบริบทของสถานการณ์บ้านเมืองช่วงนั้นอย่างแยบยล แต่บางแผ่นก็พูดถึงอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อถึงเวลาดอกไม้จะบานเอง” ชื่อเรื่องอ่อนโยนบนปกสีนวล ทุกประโยคกรองความคิด เล่าเรื่องอย่างละเมียด ฉุดให้เรามองเห็นหลายมุมที่ผ่านเลย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราหยิบหนังสือเรื่องนี้และจ่ายสตางค์ซื้อมันที่เคาน์เตอร์เมื่อหลายเดือนก่อน ก่อนได้รู้ว่าวันนี้เจ้าของตัวหนังสือเลือกลุกจากเก้าอี้ ลี้บทบาทที่ทำให้เขาต้องเขียนมันไปสู่บทบาทใหม่แทน แม้จะรู้สึกใจหายแต่เรารับรู้ได้ว่าเขาได้มอบคุณค่าและประสบการณ์ที่น่าสนใจผ่านหนังสือเล่มนี้ไว้ หลายประเด็นน่ารู้ น่าบอกต่อ เราจึงเลือก 3 ใจความสำคัญที่ฝังแน่นในความรู้สึกของเราในฐานะนักอ่านมาแบ่งปัน 1. “แพสชัน” อาจไม่ใช่สิ่งที่กำหนดได้จากต้นทาง ในวัยหนุ่มสาวเราต่างตั้งคำถามกับทุกอย่างทั้งการทำงานที่รัก ชีวิตที่ดี ความสุข ความสำเร็จ ถามหากันแต่คำว่าแพสชัน แต่สุดท้ายก็หามันไม่พบ โทษสิ่งรอบข้าง สารพัดสิ่งภายนอกเอามาสร้างเงื่อนไขและข้ออ้างสนับสนุนความทุกข์ที่เกิดขึ้น อ๋องในช่วงวัยนั้นกล่าวว่าเขาก็ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ที่ตามหาเจ้า “แพสชัน” และ
แม้ช่วงสิ้นปีสำหรับใครหลายคนจะหมายถึงความตื่นเต้น ความกระหายที่จะใช้ชีวิตในปีใหม่ที่จะมาถึงและแรงบันดาลใจล้นเปี่ยมที่จะปลุกปั้นสิ่งดี ๆ ให้ชีวิตตัวเอง แต่กับใครหลายคนช่วงสิ้นปีกลับกลายเป็นช่วงที่คล้ายจะสิ้นใจ ไฟใกล้มอด พลังงานที่ชาร์จไว้ตั้งแต่ต้นปีกำลังร่อยหรอ ถึงขั้นไม่มีอารมณ์จะหยิบจับสิ่งใด โดยเฉพาะเมื่อใคร ๆ ก็เอาแต่ถามว่า “ปีใหม่ตั้งใจจะทำอะไรให้ต่างจากปีเดิมบ้าง?” ก็เหมือนหัวจะระเบิดใส่หน้าคนถาม เพราะ “แรงบันดาลใจ” หมดไปนานแล้ว แต่ที่หมดยิ่งกว่าแรงบันดาลใจก็คือ “เงินในกระเป๋า” ไม่มีเงินแล้วจะออกไปตามหาแรงบันดาลใจได้ไหม? ถ้าได้ แรงบันดาลใจจากไหนที่ไม่ต้องลงทุนบ้าง? “พี่ครับ พี่ลองเปิดพอดแคสต์ฟังสิ” ถ้าตราบใดที่ไม่สิ้นไร้ไม้ตรอกถึงขั้นไม่มีสมาร์ตโฟนและสัญญาณอินเทอร์เน็ต เราอยากบอกว่า “พอดแคสต์” คือขุมแรงบันดาลใจชั้นยอดที่ไม่ต้องเปลืองเงิน ไม่ต้องออกไปไหน หรือซื้ออะไรเพิ่มเติมให้วุ่นวาย โดยเฉพาะเมื่อตลาดพอดแคสต์กำลังเติบโตไม่หยุดยั้ง บอกเลยว่าตอนนี้มีหลายชาแนล หลายแนวทางให้เราเลือกเสพแรงบันดาลใจ UNLOCKMEN อยากกระซิบบอกว่าถ้าใครชื่นชอบการหาแรงบันดาลใจผ่านพอดแคสต์ อย่าลืมติดตาม UNLOCKMEN ไว้ให้ดี เพราะอีกไม่นานเกินรอ เราจะมีชาแนลพอดแคสต์มาเสิร์ฟแรงบันดาลใจให้คุณถึงที่แน่นอน “ลองคุยกับใครสักคน” “บทสนทนา” คือแหล่งแรงบันดาลใจชั้นยอดที่คนดังระดับโลกหลายคนแนะนำ บทสนทนาที่ว่าไม่ได้หมายถึงการทักทายทั่วไปหรือสื่อสารเรื่องที่เราสื่อสารปกติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่หมายถึงการเจาะลึกลงไปในสิ่งที่อีกฝั่งคิด อีกฝั่งเลือก หรืออีกฝั่งเชื่อ โดยเฉพาะใครที่มีอาชีพ สายงาน หรือไลฟ์สไตล์แตกต่างจากเรา ยิ่งควรค่าแก่การไปคุยกับเขาในช่วงไร้แรงบันดาลใจแบบนี้ เพราะหลายครั้งที่เรารู้สึกหมดไฟไปดื้อ ๆ ก็เพราะเรารายล้อมด้วยคนที่เราเคยคุ้นอยู่แล้ว คนที่คุยเมื่อไรก็เข้าใจตั้งแต่เขายังไม่อ้าปากว่าเขาต้องการจะพูดอะไร การพาตัวเองไปสนทนากับผู้คนใหม่