เรานั่งสนทนากันในวันที่แสงแดดดี ไม่มีกลิ่นอายความเศร้า แต่เอ่ยถึง “ความตาย” กันเหมือนเรื่องปกติสามัญเรื่องหนึ่งไม่ต่างจากเรื่องเล่าข่าวเช้า หรือเรื่องเล่าพูดคุยธรรมดาช่วงบ่าย พี่ที่คุ้นเคยกันคนหน่ึงกล่าวว่าช่วง 25-35 คือวัยที่เราทยอยไปงานแต่งอย่างบ้าคลั่ง แต่หลังจาก 40 เป็นต้นไป งานศพจะเป็นงานที่เราไปบ่อยที่สุด คนที่เรารักจะทยอยจากไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การพบ พราก จาก ลา และแสดงความอาลัยต่อสิ่งที่จากคือธรรมดาของโลก สิ่งที่น่าสนใจคือในทุกงานศพมักมีวัฒนธรรมการแสดงความอาลัยต่อเจ้าของงานอย่างการมอบพวงหรีดดอกไม้ที่เรารู้สึกเคยชินกับการให้ แต่ไม่เคยมองว่าปลายทางของมันจะจบลงอย่างไร จนกระทั่งได้พบกับรูปแบบหรีดใหม่อย่าง “หรีดหนังสือ” ที่ช่วยกระตุกต่อมคิด เราจึงพบว่าแท้จริงแล้วความเศร้ามันสามารถส่งต่ออะไรให้กับคนอื่นได้มากมาย ทั้งผู้วายชนม์ คนที่ยังอยู่ และสังคม แถมหรีดนี้ยังได้รับการดีไซน์ออกมาสไตล์มินิมัลสมเกียรติ เหมาะแก่การส่งต่ออีกด้วย เพื่อติดตามเบื้องหลังความคิดสร้างสรรค์นี้ UNLOCKMEN จึงมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้คิดโครงการและผู้เกี่ยวข้องกับหรีดหนังสือเหล่านี้ ดอกไม้สด ลูปความเศร้าที่จบไม่สวย ถ้าพูดถึงหรีดงานศพ “ดอกไม้สด” จะเป็นสิ่งแรกที่เราคิดถึง ธรรมดาแล้วเรามักจะคิดว่าเป็นวัสดุธรรมชาติเดี๋ยวก็คงย่อยได้ แต่จากสถิติปลายปีที่แล้วเฉพาะเทศกาลลอยกระทงบริเวณลุ่มน้ำปิงพบว่ามีขยะกระทงจำนวนถึง 120 ตันภายในวันเดียว แล้วสำหรับงานศพที่เกิดขึ้นทุกวัน เฉลี่ยทั่วประเทศวันละ 1,200 งาน คงไม่ต้องบอกว่าเราจะพบกองหรีดเป็นพะเนินขนาดไหน บวกการสร้างคาร์บอนฟุตปริ้นท์ปริมาณสูงถึง 359 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ ยังไม่นับรวมฟอร์มาลีนที่นำมาฉีดเพื่อคงความสดให้พวกเราต้องสูดเข้าไปซึ่งจะสร้างอันตรายอีกมากมาย ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้คุณสุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ริเริ่มดำเนินการโครงการอย่างจริงจัง
ความเศร้า ความปวดเจ็บและหยาดน้ำตาคือสิ่งที่อยู่เคียงข้างมวลมนุษยชาติมานานจนแยกไม่ออก วินาทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกเราต่างก็ต้องเปล่งเสียงร่ำไห้เพื่อหายใจ เพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งการมีชีวิตเสียแล้ว แต่ยิ่งผู้ชายอย่างเราเติบโตขึ้นมาเท่าไร เรามักถูกมาตรฐานทางสังคมกดดันว่า ห้ามเศร้า! ห้ามมีน้ำตา! อย่าแสดงอารมณ์อ่อนไหวออกมาถ้าไม่อยากดูเป็นคนอ่อนแอ! น้ำตาลูกผู้ชายจึงเป็นสิ่งท้าย ๆ ที่เราจะแสดงให้ใครเห็นไม่ว่าเราจะเศร้ามากเพียงไหน แต่น่าแปลกที่ความเศร้าบางรูปแบบ น้ำตาบางหยดเราไม่อาจควบคุมมันได้ หลายครั้งเราจึงร้องไห้ออกมาหลังกิจกรรมสุดซาบซ่านเสียวสยิวเสียอย่างนั้น ก่อนอื่น…อย่าตื่นตระหนกไป เพราะความเศร้านี้มีที่มา น้ำตานี้มีชื่อเรียก คุณไม่ได้ร้องไห้หลังมีเซ็กซ์เพียงลำพัง ขณะที่เกมวาบหวิว กิจกรรมสวาทดำเนินไป ความสุขของเราทะยานขึ้นเหมือนรถไฟเหาะตีลังกาที่ผ่านการตลบซ้ำ ๆ จนวูบไหวในท้องน้อยอย่างหยุดไม่อยู่ แต่เมื่อเซ็กซ์จบลงก็คล้ายกับว่ารถไฟเหาะตีลังกาขบวนนั้นค่อย ๆ ดิ่งตัวลงสู่สภาวะปกติ และเด็กน้อยอย่างเราต้องกลับบ้านไปอย่างเหงา ๆ จู่ ๆ เราก็ทำนบน้ำตาแตก ร้องไห้ออกมาต่อหน้าสาวที่เพิ่งเสียวไปด้วยกันหยก ๆ ผู้ชายคนไหนที่เคยเผชิญสถานการณ์แบบนี้ UNLOCKMEN อยากกระซิบบอกคุณ (และอยากให้คุณกระซิบบอกเพื่อน ๆ ต่อไป) ว่ามันเป็นเรื่องปกติมาก ๆ แถมเป็นภาวะอาการที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ เราไม่ได้สติแตกไปคนเดียวแน่นอน Post-coital Dysphoria หรือ PCD คือชื่อเรียกของภาวะนี้ซึ่ง Ian Kerner ผู้เป็น Sex Therapist อธิบายว่า
ปัญหายิ่งใหญ่ของผู้ชายที่ทำงานดุเดือดเลือดพล่านอย่างเรา ๆ นอกจากเรื่องงานกองมหาศาลที่ทำเท่าไหร่ก็เหมือนว่าไม่เคยจะน้อยลงเลย คงหนีไม่พ้นปัญหาเรื่องเวลานอนที่มีน้อยจนต้องหอบสารร่างคล้ายซอมบี้ไปทำงานบ่อย ๆ จนปัญหาการนอนน้อยส่งผลกระทบกับเรื่องอื่น ๆ เป็นทอด ๆ ไม่รู้จบ แต่สิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็คือการนอนน้อยมันส่งผลให้เราตายไว! แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าทุ่มเททำงานหาเงินมาแทบตาย แต่ยังไม่ทันได้ใช้เงิน ไม่ทันได้หาความสุขแต่ต้องมาหมดลมหายใจไปซะก่อนอย่างนี้ ? (เฮ้อ) ก่อนอื่นต้องอย่าคิดว่าการนอนน้อยเป็นเรื่องเล่น ๆ แค่เหนื่อย ๆ เพลีย ๆ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่หว่า ? นักวิจัยพบว่ามนุษย์ที่อายุต่ำกว่า 65 ปีลงมาที่ได้นอนวันละ 5 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นติดต่อกันตลอด 7 วันมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเร็วกว่าคนที่ได้นอน 6-7 ชั่วโมงขึ้นไป ดังนั้นการนอนน้อยจึงไม่ใช่แค่ส่งผลต่อสภาพความเป็นซอมบี้ไปทำงานเท่านั้น แต่มันส่งผลต่อระยะความยืนยาวที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ด้วย อย่างไรก็ตามทุกปัญหาย่อมมีทางออก เพราะหัวใจผู้ชายรักงานมันร่ำร้องว่า เฮ้ย กูนอนไม่ได้จริง ๆ ว่ะ กูต้องโหมทำงานหนักเพราะมันโคตรสะใจกับผลงานที่ออกมาได้ โดยทางออกนี้เสนอโดย Torbjorn Akerstedt นักวิจัยของสถาบันวิจัยความเครียด มหาวิทยาลัยสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน บอกว่าการอดนอนในช่วงวันทำงาน แล้วลองมานอนยาว ๆ ในช่วงวันหยุดเป็นการทดแทน ช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตก่อนวัยได้จริง และเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างมาก! ดังนั้นใครที่เคยเจอพ่อแม่บ่น
บางครั้งการมีตัวเลือกมากเกินไปก็นำไปสู่ความหนักใจ เพราะแต่ละตัวเลือกก็มีข้อดีแตกต่างกันไปจนไม่รู้ว่าจะเลือกอันไหนดี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเสมอเมื่อเราเข้า Netflix ถ้ามีตัวเลือกอยู่แล้วก็ดีไป แต่ถ้าแค่คิดว่าอยากหาซีรีส์ดี ๆ ดูสักเรื่อง เราเชื่อว่าทุกคนย่อมต้องเคยประสบปัญหาเดียวกับเราแน่นอน เพราะใน Online Streaming ชื่อดังนี้มีซีรีส์มากมายนับร้อยนับพันเรื่อง แต่ละเรื่องก็น่าสนุกทั้งนั้น จนบางครั้งใช้เวลานับชั่วโมงในการตัดสินใจเลยทีเดียว วันนี้เราจึงอาสาเป็นตัวช่วยให้ผู้ชาย UNLOCKMEN ทุกคน เพราะทั้ง 5 เรื่องที่เราจะแนะนำต่อไปนี้รับรองว่าสนุกโดนใจหนุ่ม ๆ แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคือทุกเรื่องแฝงไปด้วยข้อคิดและบทเรียนที่สามารถนำมาปรับใช้ได้กับชีวิตจริง หรืออาจจะถึงขั้นถือเป็นคติประจำใจได้เลยทีเดียว Narcos Series ถึงจะต่างชื่อเรื่อง ต่างสถานที่ แต่ทั้ง Narcos ภาคแรกทั้ง 3 ซีซั่นที่เล่าเรื่องสงครามการค้าโคเคนแห่งโคลอมเบียของ Medellin Cartel ของ Pablo Escobar และ Cali Cartel หรือ Narcos: Mexico ที่เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Miguel Angel Felix Gallardo ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นราชายาเสพติดแห่งเม็กซิโก ต่างก็ถ่ายทอดบทเรียนชีวิตของกลุ่มคนที่ถูกความโลภกลืนกินออกมาได้ดีทั้งคู่ ส่วนในเรื่องความสนุกนั้นไม่ต้องพูดถึง เราแนะนำให้เคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนเริ่มดู EP.1 ไม่อย่างนั้นอาจถึงขั้นเสียการเสียงานได้ การเล่าเรื่องจักรวาล
คอเพลงคงคุ้นหน้าตาของหนุ่ม Alex Turner กันดี ในฐานะฟรอนต์แมนแห่งคณะ Arctic Monkeys ที่ยิ่งนับวันจะยิ่งฉายแววความติสต์แบบฉุดไม่อยู่ ที่ผ่านมาตั้งแต่อัลบั้มแรกจนถึงตอนนี้ คงไม่มีใครกังขากับความสำเร็จของเขาในฐานะศิลปิน หลายคนคงคุ้นเคยกับเขาและผลงานกันดีอยู่แล้ว จะมาพูดถึงประวัติของเขาอย่างกับเป็นหนังสือชีวประวัติก็คงน่าเบื่อเกินไป UNLOCKMEN เลยพาทุกคนมาแกะรอยเบื้องหลังผู้จรดปากกาออกมาเป็นผลงานเจ๋ง ๆ ว่าจีเนียสอย่างเขามี Inspiration จากอะไรกันบ้าง Like Father Like Son ในเรื่องราวนี้ เราสามารถเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นได้แบบเต็มปาก เพราะพรสวรรค์ทางด้านดนตรีของหนุ่ม Alex ได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อของเขา David Turner ที่เป็นนักดนตรีเหมือนกัน และยังเป็นผู้ที่หลงใหลในเพลง Jazz เขาเองสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลาย อย่าง Saxophone, Clarinet และ Piano แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า David จะยัดเยียด Jazz ให้ลูกชายของเขาเพียงอย่างเดียว เขาเลือกที่จะเปิดกว้างให้กับลูกชายด้วยแนวดนตรีที่หลากหลายจากศิลปินมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็น Frank Sinatra, The Beatles, Led Zeppelin, David Bowie และ The Beach
การทำงานหามรุ่งหามค่ำหรือทำงานแล้วต้องนอนน้อยจนแทบไม่ได้นอนสำหรับผู้ชายอย่างเราดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว บางครั้งยิ่งนอนน้อยเพราะทำงานหนักมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดูเป็นคนที่น่าชื่นชมจากคนในองค์กรมากเท่านั้น ค่านิยม “ผมนอนน้อย เพราะทำงานหนักมากเพื่อองค์กร” จึงเป็นค่านิยมที่ผู้ชายแข่งกันคว้ามาครอบครอง แต่ยิ่งนอนน้อยแปลว่าเราทำงานหนักหรือทำงานมีประสิทธิภาพเสมอไปจริง ๆ หรือเปล่า ? นั่นเป็นคำถามที่องค์กรต้องทบทวนให้ดี ในขณะที่บริษัทจากญี่ปุ่นแห่งหนึ่งคิดไม่เหมือนชาวบ้านเขา ใครทำงานหนักเลยนอนน้อยอะไร ไม่สน! เราขอประกาศนโยบายว่าเป็นพนักงานบริษัทนี้การนอนเต็มอิ่มต้องมาก่อนโว้ย! ความจริงจังของนโยบายนี้ไม่ใช่แค่การประกาศลอย ๆ ว่าพวกคุณจงไปนอนให้เต็มอิ่มแล้วบริษัทจะรักคุณเป็นการตอบแทน แต่นโยบายนี้ให้ผลตอบแทนจริงจังโดยกติกาก็คือพนักงานคนใดที่นอนหลับอย่างน้อยคืนละ 6 ชั่วโมง อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์จะได้รับคะแนนพิเศษจากบริษัทซึ่งคะแนนพิเศษนี้ใช้แลกค่าตอบแทนอีกที บริษัทที่ใจป้ำผู้ออกนโยบายเพื่อคนนอนเยอะแห่งนี้คือ Crazy Inc. บริษัทออแกไนเซอร์งานแต่งงานซึ่งให้ค่าตอบแทนสูงสุดถึง 64,000 เยน หรือราว ๆ 187,000 บาทต่อปี โดยค่าตอบแทนไม่ได้มาในรูปแบบเงินสดแต่เป็นคูปองที่สามารถใช้จับจ่ายซื้ออาหารในโรงอาหารของบริษัทได้ ในสายตาเราอาจจะมีเสียดายตาละห้อยเล็กน้อยที่ค่าตอบแทนไม่ใช่เงินสด แต่ถ้าพิจารณาดูดี ๆ การได้นอนเต็มอิ่ม แถมยังประหยัดค่าอาหารทุกมื้อที่มากินที่ทำงานได้ เงินเหลือไปทำอย่างอื่น แถมสุขภาพกายสุขภาพจิตดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน ส่วนใครที่คิดจะโกงเวลานอน พี่อาจจะต้องผิดหวังไปตามระเบียบเพราะ Crazy Inc. เขาใช้แอปพลิเคชันติดตามการนอนโดยเฉพาะ เพื่อตรวจจับว่าเรานอนจริง ๆ ไหม หลับลึกจริง ๆ หรือเปล่า คุณภาพการนอนเป็นอย่างไร ซึ่งแอปพลิเคชันนี้พัฒนาขึ้นโดย
ถ้าพูดถึงซามูไร และฮาราคีรี หลายคนคงรู้ความหมายอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึงชื่อของ มิชิมะ ยูกิโอะ อาจจะยังไม่รู้ว่าเค้าคือใคร UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักกับวิถีนักรบญี่ปุ่น และลูกผู้ชายที่เรียกตัวเองว่า The Last Samurai ได้เต็มปาก แรกเริ่มเดิมทีซามูไรเป็นเพียงกลุ่มนักรบรับจ้างแก่จักรพรรดิและชนชั้นสูง แต่ต่อมาเหล่าซามูไรเกิดความคิดอยากรวมบรรดานักรบบ้าระห่ำให้อยู่เป็นกลุ่มก้อนเพื่อความเป็นปึกแผ่น จึงเกิดการจัดการกลุ่มนักสู้ที่เป็นระบบมากขึ้น ด้วยความเก่งกาจเรื่องการต่อสู้ที่ไม่กลัวตาย กฎระเบียบที่เคร่งครัด และความใจถึงพึ่งได้ ซามูไรจึงขึ้นมาเป็นกลุ่มชนชั้นที่มีบทบาททางการเมืองในฐานะนักรบชั้นนำที่ใครเห็นเป็นต้องก้มหน้า เด็กร้องไห้เดินเจอยังต้องหยุดร้อง ซามูไรมีบทบาทในสังคมญี่ปุ่นยาวนานกว่าร้อยปี ก่อนจะสิ้นสุดลงในยุคเมจิช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จากการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัย สร้างรูปแบบกองทัพตามแบบประเทศตะวันตก ลดอำนาจของระบบศักดินารวมถึงเลิกสถานะซามูไร ยกเลิกสิทธิในการพกดาบ Katana ในที่สาธารณะ และสิทธิในการฆ่าใครก็ได้ที่ไม่ให้ความเคารพต่อซามูไร ด้วยเหตุผลต่าง ๆ จึงทำให้ซามูไรส่วนมากหันไปเป็นนักเขียนและทำงานในรัฐบาลแทน สิ่งที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งเมื่อพูดถึงซามูไรคือ บูชิโด และ ฮาราคีรี ซึ่งฮาราคีรีนั้นมีความหมายเดียวกับเซ็มปุกุ เป็นการสำเร็จโทษด้วยเกียรติของเหล่าลูกผู้ชายซามูไร อาทิ การไม่สามารถรักษาชีวิตของผู้เป็นนายได้ หรือเมื่อมีการเปลี่ยนฐานอำนาจ ซามูไรที่จงรักภักดีไม่ยอมสวามิภักดิ์กับกลุ่มอำนาจใหม่ก็จะทำการคว้านท้องตัวเอง ซึ่งฮาราคีรีไม่ใช่แค่ความกล้าในการคว้านท้องปลิดชีวิตตัวเองเท่านั้น แต่มันคือสัญลักษณ์ของอุดมการณ์ที่แน่วแน่ จึงทำให้ฮาราคีรีเป็นสิ่งที่มีค่าน่านับถือในสังคมญี่ปุ่นสมัยโบราณ แม้จะหมดสิ้นยุคสมัยซามูไรไปแล้ว ก็ยังมีชายญี่ปุ่นรักชาติเลือดซามูไรที่ยึดถือเกียรติยศนี้อยู่ นั่นคือชายที่มีชื่อว่า Mishima Yukio (มิชิมะ ยูกิโอะ)
หากพูดถึง Herschel Supply co หลายคนอาจติดภาพของแบรนด์ผู้ผลิตกระเป๋าแบ็คแพ็คและกระเป๋าเดินทางขวัญใจวัยรุ่นไปจนถึงคนทำงาน ซึ่งกำลังเติบโตและได้รับความนิยมไปทั่วทุกมุมโลก แต่ที่จริงแล้วตลอดช่วงระยะเวลา 9 ปี นับตั้งแต่ Herschel ถูกก่อตั้งขึ้นพวกเขาก็ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับแค่เรื่องกระเป๋า แต่ยังพัฒนาตัวเองและกำลังขยาย Categories สินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น พร้อมกับตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มลูกค้าอยู่เสมอ ถ้าสงสัยว่าอะไรที่เป็นพื้นฐานของการเติบโตอันรวดเร็วและแข็งแกร่งของพวกเขา วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ UNLOCKMEN ได้มาพูดคุยกับคุณ Lyndon Cormack (ลินดอน คอร์แม็ก) หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Herschel Supply co. ที่ได้แบ่งปันประสบการณ์เจ๋ง ๆ แบบ Exclusive รวมไปถึงบอกเล่าแนวทางและเบื้องหลังความสำเร็จของ Herschel ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงแผนอนาคต ใครเป็นแฟนกระเป๋าแบรนด์นี้ และอยากรู้ว่าชายผู้กุมบังเหียนแบรนด์ระดับโลกคนนี้ มีขั้นตอนการทำงานและพัฒนาตัวเองยังไงบ้าง บอกเลยว่าใครอยากสร้างแบรนด์แฟชั่นให้ไปไกลระดับโลกควรอ่านให้จบ รับรองเกิดประโยชน์แน่นอน ย้อนกลับไปในวันที่ก่อตั้ง Herschel อะไรคือแรงบันดาลใจการสร้างแบรนด์ขึ้นมา ? “ในทุกธุรกิจมักเริ่มจากปัญหาอยู่เสมอ แต่ก็โชคดีที่ปัญหาของเรานั้นง่าย เรื่องของเรื่องคือเราพบว่ารูปแบบของกระเป๋าสะพายมันดูธรรมดาและน่าเบื่อจนเกินไป เลยอยากสร้างกระเป๋าที่ถูกขับเคลื่อนด้วยสไตล์และความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงใส่ใจในรายละเอียดการผลิต และนับตั้งแต่วันที่ก่อตั้งมาจนถึงปัจจุบัน Herschel ก็ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน” อะไรคืออุปสรรคสำคัญในเวลานั้น
ในจำนวนประชากรหลายร้อยล้านคน ทำไมมีบางคนเป็นกลุ่มผู้นำ ในจำนวนหลายร้อยคนในบริษัท ทำไมมีผู้บริหารแค่ไม่กี่คน หลายคนน่าจะสงสัยว่าพวกเขาทำอย่างไรถึงได้ก้าวไปอยู่บนจุดที่ยิ่งใหญ่ได้ วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปสัมผัสถึงมุมมองและชีวิตของผู้นำโลกทั้ง 5 คนที่เลือกมาแล้ว ว่าพวกเขาเหล่านั้นคิดอะไร ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเองมากแค่ไหน และทำอย่างไรถึงได้มี passion ที่ผลักดันชีวิตจนประสบความสำเร็จ 1.นโปเลียน โบนาปาร์ต จากทหารปลายแถวสู่จักรพรรดิฝรั่งเศสผู้โด่งดัง เด็กหนุ่มร่างเล็กสุดธรรมดาที่ไร้เสน่ห์ พูดสำเนียงแปร่ง ๆ จนถูกเพื่อนล้อเลียนอยู่บ่อยครั้ง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นตัวผลักดันให้นโปเลียนเป็นคนมีความอดทนสูงและมุ่งมั่น นโปเลียนเป็นชายผู้ยึดมั่นในหน้าที่ของตัวเอง เมื่อเป็นทหารเขาก็ทุ่มสุดตัวในทุกสมรภูมิรบ พกความห้าวหาญติดตัวไม่กลัวใครหน้าไหน ทำให้กลายเป็นวีรบุรุษของฝรั่งเศสในหน้าประวัติศาสตร์ และเป็นผู้กล่าวประโยคดังที่ถูกพูดถึงมาจนปัจจุบันว่า “เป็นไปไม่ได้ คือคำศัพท์ที่พบในพจนานุกรมของคนโง่เท่านั้น” เพราะจากเด็กชายที่เกิดในครอบครัวสามัญชนและก้าวสู่การเป็นจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศสที่เมื่อพูดชื่อแล้วก็ต้องรู้จัก ถ้าโง่คงทำไม่ได้แน่ ๆ บางคนอาจบอกว่าจุดจบของนโปเลียนนั้นช่างน่าเศร้าและแสนอับอาย แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาได้ทำมา ความพยายามที่น่านับถือ และความสำเร็จที่เกิดขึ้นจริงกับการสร้างชื่อให้ฝรั่งเศสที่ไม่สามารถทำตามกันได้ง่าย ๆ ก็พิสูจน์ได้ว่านโปเลียนคือผู้นำที่มีความสามารถไม่น้อยกว่าใคร 2.วินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดี ผู้ซึ่งถูกนำไปสร้างหนังนับครั้งไม่ถ้วน ภาพยนตร์กว่า 70 เรื่อง ที่นำเสนอเกี่ยวกับวินสตัน เชอร์ชิล เด็กหนุ่มที่ผู้คนกล้าเรียกได้ว่าค่อนข้าง “ฉลาดน้อย” เพราะนอกจากวิชาภาษาอังกฤษกับประวัติศาสตร์ เขาก็ไม่เก่งอะไรเลย พอเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารก็ได้เป็นทหารม้าที่ยศต่ำเตี้ย
เปิดหมวดหนังโรแมนติกขึ้นมาทีไร มีแต่หนังรักหวาน ๆ น้ำตาลขึ้นตา จนรู้สึกว่าการมีคู่นี่มันช่างจรรโลงโลกใบนี้ให้จนเหมือนถูกย้อมสีด้วยสีสันแห่งความรัก ดูตอนแรก ๆ แค่หมั่นไส้ ดูไปดูมารู้สึกจะอ้วกแล้วโว้ย หนุ่มโสดอย่างเราไม่มีที่ยืนสำหรับหนังรักกันเลยหรือยังไง ถ้าคุณเป็นหนุ่มโสดที่อยากจะดูหนังรักกับเขาบ้าง แต่ก็ไม่อยากถูกซ้ำเติมด้วยความรักที่ลอยฟุ้งในอากาศ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 หนังรักขาด ๆ เกิน ๆ จนรู้สึกว่าเป็นโสดนี่โชคดีแล้วหนุ่ม Gone Girl (2014) Director : David Fincher Nick และ Amy คู่รักที่มีชีวิตเข้ากันตั้งแต่บทสนทนาแรกที่เจอกัน จนทำให้ทั้งคู่ลงเอยด้วยการลั่นระฆังวิวาห์แบบไม่มีลังเล แต่แล้วความรักหลังการแต่งงานมันก็ไม่ได้สวยงามเหมือนตอนที่ยังอยู่ในฐานะคนรัก พอขยับความสัมพันธ์มาเป็นสามี-ภรรยาแล้ว ทุกอย่างรอบตัวบีบบังคับให้ทั้งคู่ต้องกลายเป็นคู่รักที่ชีวิตสมบูรณ์แบบ ทั้งคู่พยายามแสดงออกไปแบบนั้น แต่ความสัมพันธ์ภายในของทั้งคู่กลับสั่นคลอนอย่างน่ากลัว Amy สาวน้อยมหัศจรรย์ ที่ชีวิตของเธอเหมือนกับถูกลดทอนความก้าวหน้าลงเพราะสามีจอมขี้เกียจ Nick หมดไฟกับการเป็นหนุ่มผู้แสนดี และตอนนี้เบื่อหน่าย Amy สาวคนเดิมที่เขาเคยหลงรัก กลายเป็นผู้หญิงที่คอยตามจิกชีวิตเขาจนอยากจะหนีไปไกล ๆ ชีวิตคู่ที่เหี่ยวแห้งว่าแย่แล้ว มันทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อวันดีคืนดี Amy หายตัวไป แถมยังทิ้งร่อยรอยหลายอย่างไว้ จนหลักฐานเหล่านั้นตีกรอบเข้ามาแล้วชี้ว่า Nick เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งแบบไร้คู่แข่งเลยก็ว่าได้ แม้จะชิงชังชีวิตคู่ขนาดไหน Nick ก็ยืนยันหนักแน่นว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเธอ มาดูกันว่าใครกันแน่ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้