ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนมีบทบาทกับทุกคนและผู้ชายอย่างเรา ๆ มากมายราวกับเป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกายหรือปัจจัยที่ 5 ของการดำรงค์ชีวิต ทั้งใช้เพื่อเลื่อนดู feed บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก แชทติดต่อทั้งเรื่องการและหยอดคำหวานให้สาว ๆ รวมถึงใช้แอปฯ หลากหลายทั้งที่มีประโยชน์และเพื่อความบันเทิง โดยหลายอย่างที่เราทำในยุคดิจิทัลนี้แทบจะจบครบทั้งหมดบนหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือเรา และมันทำให้ทุกคนติดหนึบจนแทบไม่อยากวาง แต่ก็อย่างว่า ทุกอย่างในโลกนี้ถ้ามันไม่พอดีก็อาจเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ การใช้โทรศัพท์มือถือก็เช่นกัน ถ้าเราหลงใหลมันจนถึงขั้นเสพติดก็จะส่งผลกระทบมากมาย ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องพฤติกรรม และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างโดยเฉพาะสาวที่อยู่เคียงข้างคุณ โดยจากการสำรวจดูความเห็นตามกระทู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดมือถือของผู้ชายพบว่า ร้อยทั้งร้อยรู้สึกเซ็งถึงเซ็งสุด ๆ เวลาที่เธอเห็นผู้ชายของเธอสนใจไอ้มือถือถือในมือมากกว่าคนที่เดินจูงมือด้วย เช่นเดียวกับสาว ๆ ทีมงาน UNLOCKMEN ที่ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา “เวลาที่ออกไปเดทกันจะเช็กเฟซบุ๊ก ไอจีบ้างก็ไม่ว่ากัน แต่ช่วงเวลาที่คุยกันก็ควรจะโฟกัสกับเรา แต่ถ้าไม่สนใจเราเลย มัวแต่ติดมือถือก็จะรำคาญ เรามีคนที่พร้อมจะสนใจเราอีกเยอะ ทำไมต้องรอ” – PSYCAT “ไม่ค่อยชอบ ถ้าอยู่ด้วยกันควรจะใช้เวลาด้วยกันเต็มที่ ถ้าเขามัวแต่ติดมือถือเวลาอยู่กับเรา เราก็คงจะไม่สนใจเขาบ้าง” – APRIL “ถ้าเกิดคนที่เราเดทด้วยทำตัวติดมือถือมาก ๆ ก็คงไม่ต้องมาเจอกันดีกว่ามั้ง กลับบ้านไปเลยดีกว่า” – ANONYMK
“ตั้งคำถามกับทุกสิ่ง” นั่นคือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญระดับโลกอย่าง Albert Einstein พูดไว้ และ UNLOCKMEN ว่าก็ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย เพราะในชีวิตลูกผู้ชายคนหนึ่ง คำถามจะนำไปสู่โอกาสใหม่ ๆ อีกมากมายแบบที่เราไม่คาดคิดมาก่อน อย่างน้อยที่สุดเราก็ถามเพื่อการเรียนรู้ และถามเพื่อเข้าใจผู้คน แต่คำถามแบบไหนถึงจะมีพลังกันแน่ ? มา! มาเรียนรู้ไปด้วยกัน ขั้นตอนแรกในการที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นนักตั้งคำถามที่ดีกว่าเดิมคือ “ถามให้มากกว่าเดิม” ใช่ ง่าย ๆ แค่นั้นเอง จากเดิมที่นั่งฟังเฉย ๆ ไม่หือ ไม่อืออะไรกับใครเขาเลย ก็ลองถามสักหนึ่งคำถาม ใครที่เคยถามหนึ่งคำถามก็เพิ่มไปเป็นสองคำถาม เพิ่มไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ อย่างไรก็ตามการเพิ่มจำนวนคำถามก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้เราเป็นนักถามที่มีอิทธิพลกว่าเดิมแต่ยังรวมไปถึงประเภทคำถาม โทนของคำถาม ลำดับการถาม และกรอบของคำถามที่มีความสำคัญเช่นกัน แต่ไม่ต้องตกใจไปอะไร ๆ ก็ฝึกกันได้ทั้งนั้น ถ้ายังรู้สึกว่ามันยาก ๆ งง ๆ อยู่ ลองทำตามเทคนิคต่อไปนี้ รับรองเลยว่าเราจะเป็นผู้ชายที่ตั้งคำถามได้ดีมากกว่าที่เคยแน่นอน Favor follow-up questions ที่ต้องจำให้ขึ้นใจเลยคือว่าไม่ใช่ทุก ๆ คำถามจะมีค่าเท่ากันไปหมด คำถามบางรูปแบบก็สำคัญกว่าบางรูปแบบ โดยคำถามมี
เข้าหน้าร้อนยังไม่ทันไรฝนมาอีกแล้ว แฟชั่นหนุ่ม ๆ ที่อาจจะเหมาะกับช่วงเวลานี้ที่ต้องตากแดดตากฝนปนอากาศอบอ้าวก็น่าจะเป็น T-Shirt หรือเสื้อยืดดี ๆ นี่แหละครับที่น่าจะได้ใช้แทบทุกงาน ทั้งงานเที่ยวยันชุดทำงานที่ดูเท่แบบภูมิฐานได้ เพียงแค่สวมแจ๊คเก็ตสูท, แจ๊คเก็ตเบลเซอร์ หรือสปอร์ตสูททับ แต่การที่จะใส่เสื้อยืดแล้วออกมาดูเท่ก็ต้องอาศัยไม้แขวนที่ดูดี ในฐานะที่เราคือไม้แขวนเสื้อที่มีชีวิตก็ต้องฟิตร่างกายกันหน่อย เวลาใส่ T-Shirt จะได้รู้สึกมั่นใจ ทีมงาน UNLOCKMEN มีท่าออกกำลังกายที่เน้นเฉพาะช่วงบนของร่างกายที่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้ออก, บ่า, ไหล่ และแขนของเราให้ดูแข็งแรงสวยงาม และทำให้เราคนพบว่า เฮ้ย ที่จริงก็ไม่ต้องซื้อเสื้อแพงนี่หว่า แค่ตัวเรากับเสื้อยืดผ้าดี ๆ ราคาย่อมเยาก็โคตรคูลได้เหมือนกัน ดึงข้อซะ ถ้าอยากได้ร่างแบบ V-Shape “ดึงข้อ” คือท่าออกกำลังกายที่ผู้ชายทุกคนควรเซ็ตไว้ในโปรแกรม เพราะว่ามันเป็นการฝึกที่ครอบคลุมกล้ามเนื้อช่วงบนของร่างกายแทบทั้งหมด ได้ออกแรงดึงตัวเองที่น้ำหนักไม่เบาเลยต้านแรงโน้มถ่วงโลก พุ่งเป้าไปที่กล้ามเนื้อหลังและ Biceps (หน้าแขน) และเหตุผลที่เราอยากให้ฝึกกันก็เพราะว่าการฝึกท่านี้เป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายของเรามีลักษณะ V-Shape ดั่งที่ชายหลายคนอยากได้ และมันจะดูดีมากเวลาสวมใส่เสื้อยืด ส่วนวิธีการนั้นไม่ยากแต่ก็หนักหน่อยนะสำหรับผู้เริ่มต้น ถ้าเป็นท่าดึงข้อมาตรฐานมือทั้ง 2 ข้างต้องค่อนข้างห่างกัน ดึงตัวขึ้นให้คางพ้นบาร์ พยายามควบคุมตัวให้ตรง แล้วค่อย ๆ ปล่อยตัวลงจนแขนเกือบตึง ก่อนดึงตัวขึ้นไปอีกครั้ง ฝึก
วันเงินเดือนออกทีไรก็ให้ความรู้สึกเหมือนผู้ชายอย่างเราได้เป็นเศรษฐีกันทั่วหน้า แต่ร่ำรวยกันได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมงดี เดี๋ยวก็ต้องชำระหนี้สินจนแทบจะหมดตัว ไหนจะค่ารถ ค่าคอนโด ค่าบัตรเครดิต แถมวันต่อ ๆ มายังมือหนักซื้อนั่นซื้อนี่อย่างเมามัน กว่าจะรู้ตัวยังไม่ทันหมดอาทิตย์แรกของเดือน ก็ต้องมานั่งใช้เงินเดือนที่มีอย่างกระเบียดกระเสียน อดมื้อกินมื้อไปยันสิ้นเดือนหน้า ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ถ้าเราจัดการเงินเดือนอย่างถูกวิธี ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน ลองดูวิธีของคนอื่น ๆ ดูก่อนได้ว่าเขามวิธีการจัดการเงินเดือนที่ได้มาแต่ละเดือนยังไงไม่ให้ต้องหมดตั้งแต่อาทิตย์แรกแถมสร้างมูลค่าเพิ่มได้ “ถ้าเรารู้ว่าเราทำรั่วตรงไหน เราก็จะอุดตรงนั้นได้” – พี Content Creator หนึ่งในวิธีการจัดการเงินเดือนของหนุ่ม Content Creator คนนี้น่าสนใจ เพราะหลักการสำคัญอยู่ที่เรารู้จักการใช้จ่ายของตัวเองแค่ไหน ? คำตอบก็คือผู้ชายอย่างเราแทบไม่ได้สนใจเลยว่าวัน ๆ หนึ่งเราใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง ซึ่งนี่ถือเป็นจุดบอดที่ต้องรีบแก้ไขถ้าอยากจะจัดการเงินเดือนให้เป็นระบบมากขึ้น โดยเขาแนะนำว่าควรทำบัญชีรายจ่ายว่าเราใช้จ่ายเงินไปกับอะไรบ้าง และอะไรที่เราใช้มือเติบเกินเหตุในเดือนที่ผ่านมา เดือนนี้เราก็ควรรู้ตัวและลดค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นลง จะทำให้เราจัดการเงินเดือนที่ได้มาได้ดีขึ้น เขายังแนะนำเพิ่มอีกว่าให้ลองโหลดแอปพลิเคชันบันทึกรายรับรายจ่ายดี ๆ มาติดสมาร์ตโฟนไว้ เพราะสามารถช่วยในการบันทึกให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ถ้ายังไม่รู้จะใช้แอปไหน ลอง Wally ดู ไม่มีผิดหวังแน่นอน “แลกแบงค์ 100 มาเก็บไว้ให้ใช้ครบทั้งเดือนเลย” – ครีม Content Creator ปัญหาการชักหน้าไม่ถึงหลังจะหมดไป
ค่ำคืนสุดสัปดาห์สำหรับผู้ชายโสด คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่าการนัดรวมตัวกลุ่มเพื่อนสุดแสบเพื่อออกไปย่ำราตรี โดยจุดมุ่งหมายของการออกไปเที่ยวสังสรรค์ก็มีหลายสาเหตุ แต่ร้อยทั้งร้อยจุดหมายปลายทางที่บรรดาหนุ่มวัยว้าวุ่นอย่างพวกเราเลือกที่จะไปสร้างแลนด์มาร์คคงจะหนีไม่พ้นร้านที่เต็มไปด้วยสาว ๆ เพราะมีความเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่าคงน่ามีโอกาสในเรื่อง Lucky in love สานความสัมพันธ์กับใครสักคนไม่ว่าจะระยะสั้นหรือยาวในค่ำคืนนี้ ทว่าความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เพราะบางคนจู่ทำตัวโจมรุกหนักเกินไปพาลทำให้สาว ๆ เตลิดหนีไป หรือบางทีก็ไม่ดูตาม้าตาเรือเดินดุ่ม ๆ เข้า ๆ ไปไม่รู้ว่ามีก้างขวางคอมากับแฟนหรือเปล่ากลายเป็นมีเรื่องกันไปเสียอีก ดังนั้นวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงมีทริคเด็ดให้คุณใช้สังเกตเหล่าสุภาพสตรีในร้านเหล้าทั้งหลายว่าพวกเธอพร้อมจะสานสัมพันธ์กับเรามากแค่ไหนมาฝากกัน 1 สังเกตพฤติกรรมการดื่ม ลำดับแรกลองดูลักษณะการดื่มของพวกเธอ แน่นอนว่าการออกมาเที่ยวกลางคืนสิ่งที่ขาดไม่ได้คือเครื่องดื่มมึนเมาต่าง ๆ การดื่มของผู้หญิงแต่ละคนก็สามารถบ่งบอกได้ว่าคืนนี้พร้อมจะสร้างความสัมพันธ์กับใครมากแค่ไหน เช่น ถ้าหากเธอสั่งค็อกเทล หรือเครื่องดื่มเบา ๆ และดื่มโดยไม่เร่งรีบ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า หล่อนค่อนข้างจะระมัดระวังตัวหรืออาจไม่สนใจการหาคู่เท่าใดนัก แต่ถ้าเป็นพวกชนแก้วอย่างต่อเนื่อง หรือ เฮฮากับการยกเพียวช็อต สายตาสอดส่องไปรอบข้างนั่นบ่งบอกได้ว่าพวกเธอค่อนข้างเปิดกว้างสำหรับการสานความสัมพันธ์อยู่พอตัวแบบนี้เปอร์เซ็นต์เข้าไปบวกได้มีสูง 2 การสัมผัสตัว ถ้าคุณตัดสินใจเข้าไปชนแก้วพูดคุยกับใครสักคน สิ่งหนึ่งที่สามารถสังเกตได้คือภาษากาย อย่าสนใจแต่การใช้คำพูดหรือคิดมุกจีบทีเตรียมมาจาก google มากเกินไป เพราะการวางตัวของพวกเธอนั้น สามารถบ่งบอกได้ว่ามีความสนใจในตัวเรามากแค่ไหน ระหว่างสนทนา ถ้าหล่อนส่งรอยยิ้มให้หรือมีการยื่นมือออกมาสัมผัสคุณบ้างเล็กน้อยนั่นเป็นสัญญาณดีทีเดียว ยิ่งถ้าหากมีการโน้มเอียงเข้ามาและชวนคุยแล้วด้วยแล้วยิ่งเยี่ยมไปใหญ่ กลับกันถ้าพบเจอกับกิริยาเงียบเฉย ถามคำตอบคำ แถมไม่มีทีท่าว่าอยากจะรักษาบทสนทนาต่อไปละก็ควรรีบเดินกลับโต๊ะอย่างสุภาพแล้วยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
อากาศหนาวที่สุดเท่าที่คุณเคยเจอคือกี่องศา? ถ้าเป็นประเทศท่องเที่ยวช่วงหน้าหนาว ช่วงพีคสุดก็น่าจะหล่นไปอยู่แถว -3 หรือ -5 celsius ในบางเวลา เมื่อรู้สึกว่าทนไม่ได้ แค่กระโดดขึ้นรถ วิ่งหนีเข้าโรงแรมหรือร้านค้าไม่กี่ก้าว ก็จะเจอ Heater ที่สร้างความอบอุ่นให้ร่างกายกลับมาอยู่ในอุณหภูมิปกติได้สบาย ๆ แต่ลองจินตนาการถึงความโหดร้ายของหน้าหนาวในทวีป Antarctica ดินแดนน้ำแข็งแห่ง South Pole ที่ได้ชื่อว่าหนาวที่สุด ร้างแร้งที่สุด ลมแรงโหดร้ายที่สุดของโลก ได้ฉายาว่าเป็น “ทวีปสีขาว” (White Continent) ด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยช่วงหน้าหนาวที่ต่ำถึง -49 celsius (เคยหนาวที่สุดถึง -90 celsius ในหน้าหนาวปี 1983) มีแสงแดดวันละ 3 ชั่วโมง ด้วยอากาศที่โหดร้ายขนาดนี้ จึงไม่มีผู้คนตั้งรกรากอาศัยอยู่ที่นั่น นอกจากสถานีวิจัยราว 40 แห่ง กับเพนกวิน แมวน้ำ และสาหร่าย ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นกว้างใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก แต่ในสภาพอากาศที่โหดร้าย ห่างไกลจากผู้คน Antarctica จึงมีความสมบูรณ์ที่สวยงามมาก กลายเป็นเสน่ห์ที่นักผจญภัยหลายคนต่างหลงใหลอยากไปพิชิตทวีปนี้ให้โลกได้จารึกไว้สักครั้งในชีวิต มีชื่อของนักผจญภัยมากมายที่อยากเคยย่างเท้าเข้าไปลุยทวีป Antarctica ในช่วงฤดูหนาวที่ทวีความรุนแรงมาแล้วบ้าง เช่น Dr.
จั่วหัวมาขนาดนี้ก็คงไม่ต้องอ้อมค้อมกันแล้ว เชื่อว่าคุณผู้อ่าน(แทบ)ทุกคนน่าจะเคยดูภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ หรือ “หนังโป๊” มาแล้วไม่มากก็น้อย ยิ่งปัจจุบันยิ่งหาดูได้ง่ายตามเว็บ หรือสอยเอาตามกรุ๊ป LINE ชายล้วนที่มักจะมี “ของ” ส่งกันให้ดูวันละหลาย ๆ คลิป ส่วนใครจะดูมากดูน้อยอันนี้ก็แล้วแต่คน ที่จริงแล้วการชอบดูหนังโป๊ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ และคนเราก็มีอารมณ์ทางเพศ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อมีความต้องการสืบพันธุ์หรือขยายพันธุ์ โดยอารมณ์เหล่านี้เป็นปกติของสัญชาติญาณของมนุษย์ที่เกิดจากตัวเองเมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศตามธรรมชาติ และเกิดจากสิ่งเร้าภายนอก (มักจะเกิดได้บ่อยกว่า) ไม่ว่าจะเป็นสื่อลามกต่าง ๆ การจินตนาการ การคิดถึงเพศตรงข้าม รวมถึงสิ่งยั่วยุทางเพศอื่น ๆ ก็ล้วนแต่สามารถปลุกให้น้องชายตื่นตัวจากการหลับใหลได้ทั้งนั้น แต่ถ้ารู้สึกว่ามันชักจะหมกมุ่นมากไปแล้ว ว่างเป็นดู ติดยิ่งกว่าซีรีส์ดัง ใช้งานหนังเอ็กซ์เพื่อปลดปล่อยอารมณ์ตลอด จนรู้สึกหายใจเข้าออกเป็นเรื่องเพศแล้วหละก็ คงต้องดึงสติกลับมากันหน่อย ทีมงาน UNLOCKMEN มีวิธีลด-ละ-เลิกการเสพติดหนังโป๊มาฝากกัน จะได้ไม่ฟุ้งซ่านทั้งวันจนไม่เป็นอันสงบใจ โดยวิธีการจะแบ่งเป็น 2 ข้อใหญ่ ๆ คือ ปรับที่ mindset (กระบวนการทางความคิด) และ ปรับที่ action (การกระทำ) MINDSET อย่ายอมให้หนังโป๊มีอิทธิพลมากเกินไป สำหรับชายที่พยายามย่อยสลายอาการติดหนังโป๊ออกจากใจมันค่อนข้างจะยากสักหน่อย เพราะมันเหมือนการถูกสิงสู่จากปีศาจแห่งตัณหา
การเป็นคน cool มันต้องเป็นแบบไหน ? ต้องเท่ ดูดี มีสไตล์เหนือกว่าใคร ๆ ? หรือว่าจริง ๆ แล้วมันควรมาจากข้างในมากกว่า ? นานาจิตตังครับเรื่องนี้ คำตอบในใจของเราจะเป็นอย่างไรคงไม่มีผิดมีถูก และการเป็นคนคูล ๆ ก็ไม่ได้มีความตายตัวในเรื่องรูปแบบ แต่อย่าปฏิเสธเลยครับว่าเราไม่ต้องการการยอมรับจากสังคมเลยสักนิด มาสโลว์ (Maslow) นักจิตวิทยาชั้นครูที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของทฤษฎีในวงกว้าง จัดลำดับขั้นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ไว้ดังนี้ ความต้องการทางด้านร่างกาย ความต้องการความปลอดภัย ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ ความต้องการการยอมรับนับถือ ความต้องการบรรลุศักยภาพสูงสุดแห่งตน ที่เราเน้นตัวหนาที่ข้อ 4 ก็เพื่อจะย้ำว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมและต้องการการยอมรับอยู่ในใจ และถ้าเราต้องการที่จะให้ผู้อื่นยอมรับในตัวเราแบบยั่งยืนก็ต้องเป็นสิ่งที่มาจากข้างในมากกว่าเปลือกนอกที่ไม่จีรัง ทีมงาน UNLOCKMEN มีวิธีที่จะทำให้พวกเรากลายเป็นผู้ชายแบบคูล ๆ ด้วยจิตใจที่จะสะท้อนออกมาเป็นการกระทำในสถานการณ์ต่าง ๆ มาให้ลองอ่านเป็นแนวทางในการพัฒนาตัวเอง แล้วจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเราก็เท่ได้แบบไม่ต้องพยายาม เท่ในที่ทำงาน น้ำใจน้อยนิดมหาศาล: แน่นอนว่าคนเราย่อมนึกถึงตัวเองก่อน แต่การมีน้ำใจก็ทำให้เรารู้สึกเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ จะให้ดีต้องจริงใจและไม่ยัดเยียด ลองสังเกตดู เชื่อว่าในออฟฟิศคุณน่าจะมีเพื่อนร่วมงานอยู่คนหนึ่งที่มักจะมีลูกอมหรือขนมวางไว้ที่โต๊ะทำงานเสมอ บางคนก็เขียนโน้ตแปะไว้ว่า “หยิบกินได้เลย” แหม่ อย่าบอกว่าคุณไม่เคยเดินไปหยิบซักเม็ดสองเม็ด ไอ้น้ำใจเล็กน้อยนี่แหละคือการสร้างมิตรภาพที่ดีแบบไม่ยัดเยียด
หลังจากสัปดาห์อันวุ่นวายจากวันหยุดยาว ทุกคนคงพบเจอกับปัญหาหัวหน้าสั่งให้เคลียร์โปรเจกต์ที่ค้างจนงานล้นมือและยากจะควบคุมจัดระเบียบให้ทันเวลา เพราะทุกอย่างต่างทับเส้นกันวุ่นวายเต็มไปหมด ปัญหาเหล่านี้ชวนปวดหัว หันไปพึ่งยาลดไมเกรนก็คงไม่ช่วยอะไร เพราะมีทางเดียวคือต้องสะสางงานให้เสร็จถึงจะกลับบ้านได้ แต่ใครที่กำลังประสบปัญหาดังกล่าวอยู่ไม่ต้องห่วง เพราะวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN มีเคล็ดลับวิธีวางแผนความคิดที่เรียกว่า การจัดระเบียบแบบตาชั่ง ( the Scales Method ) ซึ่งจะช่วยคุณกำหนดชีวิตในช่วงยุ่งยากภายใน 10 นาทีได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1 . วางแผน 10 นาที หากงานเยอะ และยังทำงานอย่างไร้แบบแผน ไม่มีลำดับขั้นตอนแน่นอน ผลที่ตามมาคือความยุ่งเหยิง จนทำให้คุณขยับตัวไปไหนไม่ได้นอกจากโต๊ะทำงานและจอคอม ข้อแนะนำของเราคือหาเวลา 10 – 15 นาที เพื่อวางแผนการจัดการก่อนวันเสมอ โดยใช้เวลาเหล่านี้ในการ มองภาพใหญ่ของวัน วางเป้าหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จ ลิสต์งานทั้งหมดที่ต้องทำไว้ 2. วางตัวงานให้ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้ ขั้นตอนนี้คือสิ่งสำคัญซึ่งจะทำให้การจัดระเบียบแบบตาชั่งเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มจากลองไตร่ตรองดูงานทั้งหมดที่คุณมีอยู่ในมือตอนนี้ ลำดับความสำคัญของแต่ละงาน โดยมองเจาะจงลงไปในน้ำหนักของความคุ้มค่า ว่างานตัวไหนต้องใช้ต้นทุน ( Cost ) เท่าไหร่ และจะต้องเสียเวลาในการทำนานแค่ไหน ใช้พลังรวมถึงทรัพยากรมากเพียงใด และอีกด้านหนึ่งคือได้ผลตอบแทน ( Benefit
ความฉลาดทางอารมณ์ Emotional Intelligence (EQ) เป็นความฉลาดอีกแบบที่ผู้ชายอย่างเรามักได้ยินคนพูดถึงกัน และ UNLOCKMEN บอกได้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ความฉลาดรูปแบบอื่น ๆ ความฉลาดทางอารมณ์นี้ส่งผลให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เข้ากับผู้คนได้ รวมถึงรักและเข้าใจตัวเองได้อย่างมีพลัง อ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจจะแอบเกาหัวแกรก ๆ พลางสงสัยว่าอย่างเรานี่ถือว่ามีความฉลาดทางอารมณ์กับเขาบ้างไหมนะ ? อย่าปล่อยให้ตัวเองงงนาน เราไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเถอะ ว่าคนที่โคตรฉลาดทางอารมณ์เขามีลักษณะนิสัยแบบไหนกันบ้าง ? แล้วเรามีนิสัยแบบนั้นบ้างหรือไม่ ? ไม่พยายามทำให้คนอื่นมาชอบ มันเป็นเรื่องโคตรปกติที่จะมีคนรักและมีคนเกลียด คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์รู้ดีว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือสิ่งที่พวกเขาเป็นนั่นแหละ การมีคนรักและไม่รักจึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องพยายามทำอะไรให้คนมาชอบ ต่อให้คนไม่ชอบแต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าถูกต้อง พวกเขาก็จะทำมัน และการไม่พยายามทำให้ใครต้องมาชอบก็จะยิ่งทำให้เขาเป็นตัวเอง แสดงความคิดเห็นที่เป็นตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ไม่ตัดสินคนอื่น คนมีความฉลาดทางอารมณ์จะมีทัศนคติที่เปิดกว้าง และความเปิดกว้างนี้เองก็จะยิ่งทำให้เขาได้รับไอเดียใหม่ ๆ จากผู้คน ที่สำคัญพวกเขาจะพยายามเข้าใจคนอื่นโดยเอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่างไรก็ตามการพยายามเข้าใจคนอื่นไม่ได้แปลว่าเราต้องเชื่ออย่างที่คนอื่นเชื่อไปทั้งหมด แค่รับฟัง พยายามทำความเข้าใจ แต่ไม่ตัดสินเขา นั่นแหละคนที่ EQ สูง ๆ เขาทำกัน มีหนทางเป็นของตัวเอง คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์คือคนที่เชื่อในการกำหนดทิศทางของตัวเอง คำสบประมาท ดูถูก ถากถางจากคนอื่นไม่สามารถล้มความตั้งใจของพวกเขาได้ ถ้าเขามั่นใจว่าทางที่กำลังเดินไปมันถูกต้อง เขาก็จะเดินไปตามทางนั้นอย่างไม่หวั่นกลัว