กลายเป็นชีวิตประจำวันและความเคยชินของทุกคนไปแล้วสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อการทำงานและความบันเทิง แค่คลิกเดียวก็สามารถพาเราเข้าไปส่องรูปสาวบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก แชทดีลทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ดูคลิปเป็นล้านใน YouTube หรือเพลินกับซีรี่ส์จนถึงเช้า แหม่ อะไรมันจะสะดวกและฆ่าเวลาได้ดีขนาดนี้ ผลการสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA (เอ็ตด้า) เมื่อปี 2560 บอกเราว่า คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยในวันทำงานหรือวันเรียนหนังสือ 6 ชั่วโมง 30 นาทีต่อวัน วันหยุด 6 ชั่วโมง 48 นาทีต่อวัน หรือประมาณ 1 ใน 4 ของวัน โดยชาว Gen Y หรือกลุ่มคนที่เติบโตมากับคอมพิวเตอร์ในยุคที่อินเทอร์เน็ตแพร่หลายแล้ว (เกิดระหว่าง พ.ศ. 2523 – 2543) เป็นกลุ่มที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน ตัวเลขที่ออกมาบอกอะไร ? ง่าย ๆ เลย เราไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่าเราวาร์ปเข้าไปอยู่บนโลกออนไลน์นานแค่ไหนต่อวัน เพราะมันโคตรจะเพลิน มองอีกมุมมันก็อาจจะฆ่าเวลาดี ๆ ของหนุ่ม ๆ อย่างเราได้เช่นกัน แถมถ้าติดโลกโซเชียลมากเกินไปอาจทำให้เราขาดแรงจูงใจในการทำกิจกรรมบนโลกความจริง ทั้งการเข้าสังคม, ฟิตร่างกาย,
Don Vito Corleone จาก The Godfather เคยพูดไว้ในภาพยนตร์ภาคแรกว่า “Friendship is everything. Friendship is more than talent. It is more than the government. It is almost the equal of family.” แม้แต่คนระดับเจ้าพ่อยังให้ความสำคัญกับเรื่องเพื่อนไม่น้อยไปกว่าครอบครัว นั่นเพราะมิตรภาพมีความสำคัญมากจริง ๆ ผลวิจัยตีพิมพ์บน webMD ระบุว่า “มีเพื่อนดีช่วยให้ชีวิตยืน” โดยการวิจัยผ่านการติดตามกลุ่มตัวอย่างสูงอายุจำนวนมากถึง 1,500 คนเป็นเวลา 10 ปี พบว่าคนที่มีเพื่อนฝูงมาก พบปะกันบ่อย อายุยืนกว่าคนที่ไม่ได้สังสรรค์กับเพื่อนถึง 22% ซึ่งสาเหตุหลักเป็นเพราะการได้เจอหน้าพูดคุยกับเพื่อน เป็นการลดความเครียดที่ดีที่สุด ดียิ่งกว่าการใช้เวลากับญาติ ๆ ซึ่ง Lynne C. Giles พบว่า Family Relationship เป็นสิ่งสำคัญ
เรามักจะตั้งข้อสงสัยกับตัวเองว่าการทำงานสไตล์ไหนถึงเหมาะสมกับตัวเรา บ้างก็อยากออกมาทำฟรีแลนซ์เพื่อความอิสระ หรือบางคนอาจจะชอบอยู่ในกรอบ safe zone ทำงานเป็นทีมในบริษัท แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหนทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีข้อคิดมานำเสนอให้คุณลองมองในมุมที่ต่างออกไป เนื่องจากการทำงานทุกรูปแบบย่อมมีข้อดี และข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน มาดูกันว่าสถานการณ์ไหนการทำงานแบบ Teamwork หรือ Individual ถึงเหมาะจะนำมาใช้และให้ได้ผลลัพธ์การทำงานในแบบที่ต้องการ #INDIVIDUAL เชื่อว่าทุกคนต้องอยากให้ผลลัพธ์ของงานออกมาดีที่สุด แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำงานคนเดียวเพื่อให้ไอเดียออกมาตามความคิดเรา หรือว่าจะทำเป็นทีมเวิร์คดีเพื่อจะได้มีคนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ถ้าอย่างนั้นเราอยากแนะนำให้ดูที่สไตล์งานและความสามารถของคุณดู เพราะข้อดีของการทำงาน Individual หรือ การทำงานคนเดียวนั้นก็คือ 1. งานที่ได้รับมอบหมายจะเสร็จอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคุณไม่ต้องคอยการตัดสินใจจากใครอำนาจสิทธิ์ขาดต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับคุณโดยตรง อีกทั้ง 2. คุณจะได้ใช้ไอเดียของคุณอย่างเต็มที่ ไม่ต้องมีความคิดคนอื่นเข้ามาผสม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็จำเป็นจะต้องมีความสามารถด้านนั้นให้เพียงพอที่จะสามารถฉายเดี่ยวได้ 3. คุณจะได้เครดิตเป็นของคุณคนเดียวเต็ม ๆ เพราะว่างานที่เสร็จสมบูรณ์นั้นผ่านจากฝืมือของคุณเท่านั้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความกดดันอันมหาศาลหากชิ้นงานนั้นล้มเหลว ดังนั้นการทำงานแบบฉายเดี่ยวที่ไม่ต้องพึ่งใครอาจจะเหมาะกับสายงานประเภทศิลปิน นักแต่งเพลง โปรแกรมเมอร์ กราฟิกดีไซน์ ที่ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์อะไรมาบีบคั้นมากนัก พอรับบรีฟแล้วก็มานั่งขลุกอยู่กับตัวเองเพื่อสร้างสรรค์งานออกมา แต่ที่สำคัญคือการทำงานคนเดียวคุณต้องคอยกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่มีงานป้อนเข้ามาอย่างแน่นอน #Teamwork Teamwork ถือเป็นการทำงานที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นทำงานและอยากจะได้รับความรู้ความก้าวหน้าทางอาชีพการงานอย่างมั่นคง เนื่องจากคุณจะได้เรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้คนมากมายที่มีความสามารถจนนำมาปรับปรุงเป็นสกิลของตนเอง โดยข้อดีของการทำงานเป็นทีมคือ 1. คุณจะรู้จักรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง เนื่องจากการทำงานเป็นทีมจำเป็นจะต้องแยกตำแหน่งดูแลกันอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนของงาน ดังนั้นคุณจะได้โฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่เพื่อไม่ให้ชิ้นงานทั้งหมดมาเกิดปัญหาที่คุณเพียงคนเดียว 2.ถ้าได้ทีมงานดี
เข้าใจอยู่ว่าเวลาที่หนุ่ม ๆ อย่างเราตัดสินใจเลือกเข้าคลาส “โยคะ” คงจะเป็นกิจกรรมท้าย ๆ ที่เรานึกถึง อาจเป็นเพราะเราคิดว่าไม่หนักพอ หรือดูเป็นคลาสที่เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า แต่ที่จริงแล้วการฝึกโยคะมีประโยชน์กับผู้ชายมากกว่าที่คิด Brendon Rooney ครูสอนโยคะชื่อดังประจำ YogaWorks ในเมือง New York เคยกล่าวว่า “ปกติแล้วผมจะออกกำลังกายอย่างหนักถึงขีดสุดของร่างกายและจิตใจจนบางทีผมก็บาดเจ็บ หมดแรง และรู้สึกเบื่อ ผมต้องการสิ่งที่ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ช่วยบาลานซ์พลังที่เราได้โหมหนักไปกับการวิ่งและยกเวท” ทีมงาน UNLOCKMEN อยากให้ผู้ชายอย่างเราทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพให้หลากหลายขึ้น และนี่คือประโยชน์ 5 อย่างของศาสตร์เพื่อสุขภาพดีอย่างโยคะที่เราควรลอง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ สำหรับท่านที่ประสบปัญหาถึงจุดสุดยอดรวดเร็วเกินไปตั้งใจอ่านให้ดีครับ นักวิจัยจากอินเดียได้ทำการทดลองแบ่งชายที่มีปัญหาเรื่องการหลั่งเร็วออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ฝึกโยคะ อีกกลุ่มใช้วิธีการรักษาทางการแพทย์ ผลปรากฏว่า ทุกคนในกลุ่มที่ใช้โยคะช่วยบำบัดมีการพัฒนาเรื่องเวลาการถึงจุดสุดยอดได้ดีขึ้น ขณะที่กลุ่มที่ใช้การรักษาตามปกติมีผู้ที่อึดทนนานขึ้น 82 เปอร์เซ็นต์ เจอชายตัวอ่อนขิงกันเห็น ๆ อีกหนึ่งงานวิจัยเมื่อปี 2011 ที่ตีพิมพ์ใน Journal of Sexual Medicine ยังระบุด้วยว่า การฝึกโยคะ 12 สัปดาห์ทำให้ความสมรรถภาพทางเพศโดยรวมดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกทั้งร่างกายและจิตใจของโยคะนั่นเอง ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น
ขึ้นชื่อว่าเป็นความรักความชอบ มันก็คงจะไม่เกี่ยวกับอายุ ถ้าผู้ชายแมน ๆ อย่างเราจะไปหลงรักหรืออยากจีบ(พี่)สาวที่อายุเยอะกว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แม้หลายคนคงพอจะทราบข้อดีของการคบหากับสุภาพสตรีที่ผ่านโลกมาก่อนแล้ว แต่บางครั้งก็อาจจะคลำทางไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเอาชนะในสาวรุ่นพี่ได้อย่างไร อย่ากังวลครับ ทีมงาน UNLOCKMEN มีวิธีแมน ๆ มาแนะนำ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะ ว่าเรื่องแบบนี้ต้องอาศัยความเข้าใจสูง บวกกับความจริงใจสุด ถ้าแน่ใจในตัวเองแล้ว มีเป้าหมายไว้พุ่งชนแล้ว ก็ลุยตามนี้เลย ! จริงจัง ตรงไปตรงมา สาวที่อายุเยอะกว่าเรามักจะรู้ตัวเองดีว่าต้องการอะไร เธอมีเป้าหมายในชีวิต รู้ว่าชอบให้ใครดูแลอย่างไรทั้งตอนจีบกันและตอนคบกัน ที่แน่ ๆ สาวที่มีอายุหน่อยจะไม่ชอบเล่นเกม หนุ่ม ๆ ต้องเป็นตัวของตัวเอง จริงใจ และตรงไปตรงมา อย่าปวกเปียก กล้า ๆ หน่อย บอกความต้องการของเราไปเลยแบบเด็ดเดี่ยว ชีวิตนี้มันสั้นนัก ถ้าอยากเข้าเรื่องก็พูดกันตรง ๆ ไปเลย แต่ต้องให้เกียรติเธอด้วยนะครับ อันนี้สำคัญมาก เป็นผู้ฟังที่ดี ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงที่อายุมากกว่าเราจะมาพร้อมกับประสบการณ์ชีวิต ทั้งเรื่องชีวิตคู่ที่รัก ๆ เลิก ๆ ลุยงานมาก็เยอะ ทำธุรกิจมาไม่น้อย รวมถึงประสบการณ์เรื่องอย่างว่าด้วย นั่นหมายถึงเราจะได้เรียนรู้อะไรดี ๆ จากเธอทั้งเรื่องชีวิต ความรัก
การที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้องค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ คุณต้องมีเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองและคนรอบข้างในที่ทำงานที่เรียกกันว่า ความฉลาดทางอารมณ์ มันคือสิ่งสิ่งที่จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ในระบบการทำงานของตัวคุณเองกับเพื่อนร่วมงานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เคยได้ยินไหมว่าผู้นำที่น่านับถือมักจะมีลักษณะการดึดดูงพนักงานที่ยอดเยี่ยม สามารถสร้างแรงบัลดาลใจในการทำงานให้ลูกน้องได้ คนเหล่านี้มักถูกพูดถึงในทางบวกว่าเป็นคนที่อบอุ่นและเข้าถึงง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยว สิ่งที่ผู้นำที่ดีทุกคนมีคล้ายกัน คือ พวกเขามีความฉลาดทางอารมณ์ สามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้เมื่อต้องพบเจอกับปัญหา อีกทั้งสามารถสั่งงานให้ทีมพร้อมกับจัดการความสัมพันธ์รอบตัวได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่ยังคิดว่าตัวเองยังขาดทักษะในด้านนี้อยู่ วันนี้ UNLOCKMEN มี 5 ลักษณะทางอารมณ์ที่ผู้นำทุกคนต้องมี พร้อมแนวทางการฝึกฝนเรียนรู้และเพื่อนำไปพัฒนาตัวเองให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต มีความเห็นอกเห็นใจ ความเห็นอกเห็นใจ คือความสามารถที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่าคนอื่นนั้นรู้สึกอย่างไร ผู้นำที่ดีมักมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความแตกต่าง พร้อมกับพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคนอื่นด้วย พวกเขามักนำตัวเองเข้าไปในจุดที่ผู้ตามกำลังเผชิญอยู่ และพิจารณาปัญหาจากมุมมองของทั้งสองฝ่าย ซึ่งการกระทำให้ลักษณะนี้ มักมีทางออกที่ดีให้ทุกฝ่ายเสมอ How to practice : พยายามสร้างภาพตัวเองเมื่ออยู่ในตำแหน่งของคนอื่น ลองคิดว่าจะต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง ต้องมีทัศนคติในการทำงานอย่างไร มีจุดยืนที่แตกต่างกับเราแค่ไหน ควรตรวจสอบความถูกต้อง สร้างความเข้าใจในงานร่วมกันกับพวกเขาเสมอ ไม่ใช่แค่ต้องการให้มีผลงานออกมาให้ดีที่สุดเพียงอย่างเดียว การเข้าใจถึงมุมมองและจุดยืนของคนอื่น จะทำเรามีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกับทุกฝ่ายเสมอ อีกทั้งยังช่วยให้ลูกทีมของเราไม่รู้สึกว่าต้องเผชิญหน้าปัญหาเพียงลำพังอีกด้วย รู้จักตัวเอง เคยรู้รึเปล่าว่าสถานการณ์แบบไหนจะนำเรื่องดีมาให้และแบบไหนเป็นสัญญาณบอกว่าปัญหากำลังจะเกิดขึ้น ความเข้าใจในตัวเองมักเกิดจากการนำประสบการณ์ที่เราเคยพบเจอ กลับมาพิจารณาถึงจุดแข็งจุดอ่อนที่มีอยู่ของตัวเรา เพื่อพัฒนาสัญชาตญาณการรับรู้ที่แม่นยำ มันจะสามารถทำให้คุณเป็นผู้นำที่ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและแม่นยำมากขึ้น How to practice : เมื่อต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่คับขันหรือปัญหาเฉพาะหน้า
คิดนอกกรอบมันดียังไง มีอะไรนอกสถานที่มันก็ดีอย่างนั้นแหละ! sex เป็นเรื่องธรรมชาติที่บ่อยครั้งถ้าปล่อยไปตามธรรมชาติ ธรรมดามากเกินไปก็น่าเบื่อเอาได้ การเปลี่ยนสถานที่จึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะพาเราไปสู่ความเมามัน แต่แค่เมามันอย่างเดียวจะพอไหม? อะไรที่เราต้องคำนึงถึงกันบ้าง? แล้วสาว ๆ ล่ะเขาโอเคกับสถานที่แบบไหนกันบ้าง? วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปหาคำตอบพร้อม ๆ กัน ระเบียง ถือเป็นเอาท์ดอร์ 101 สำหรับผู้เริ่มต้น เพราะระเบียงคือสถานที่กึ่ง ๆ เอาท์ดอร์แบบลุ้น ๆ ว่าจะได้อวดสายตาคนอื่นเขาไหม แต่ก็กึ่ง ๆ อยู่ในตัวบ้านที่เรารู็สึกอบอุ่นปลอดภัยไม่ฮาร์ดคอเกินไปสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้ความแปลกใหม่นอกจากบนเตียง สาว ๆ เทใจไปให้ที่ระเบียงพอสมควรเพราะนี่คือความรู้สึกทั้งปลอดภัย ทั้งได้ตื่นเต้นแบบที่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาจับได้ (ก็แน่ล่ะ ขึ้นชื่อว่าระเบียงก็ต้องอยู่สูงเป็นธรรมดา) จึงเป็นความรู้สึกกึ่งจริงกึ่งฝันสำหรับสาว ๆ ที่ได้ลองอะไรแปลกใหม่แต่ไม่หวือหวาเกินไปจนรับไม่ได้ ระเบียงจึงเป็นสถานที่ที่ใช่! ที่เรารับรองเลยว่าถ้าอยากเริ่มเอาท์ดอร์กับสาว ๆ สักคนให้เริ่มที่ระเบียงก่อนได้เลย รถยนต์ เพราะมันขึ้นชื่อว่ารถยนต์ที่มีกระจกรอบด้าน การได้ร่วมสมรภูมิรักสุดคลั่งกับใครสักคนในสถานที่สุดคับแคบแถมรายรอบไปด้วยกระจกจึงกลายเป็นความตื่นเต้นชนิดที่หาจากที่อื่นได้ยากเหลือเกิน รถยนต์จึงกลายเป็นสถานที่มี sex ยอดฮิตอันดับต้น ๆ สำหรับคนที่เบื่อการทำอะไรบนเตียงเต็มทนแล้ว สาว ๆ ลงความเห็นว่ารถยนต์ก็ไม่ใช่สถานที่ที่เลวร้ายนัก เพราะมันสามารถเคลื่อนไปจอดที่ไหนก็ได้ ชอบแบบตื่นเต้นมากก็เชิญไปจอดในสถานที่คนพลุกพล่าน ชอบความปลอดภัยมากก็เลือกจอดในสถานที่ที่มั่นใจเลยว่าจะไม่มีคนผ่านมา
ต่อให้ผู้ชายอย่างเรา ๆ จะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็สามารถพ่ายแพ้ให้กับ “ท้องเสีย” ข้าศึกตัวฉกาจที่มักจะบุกโจมตีเราอย่างหนักแบบไม่ทันตั้งตัว แถมเวลาท้องไส้ปั่นป่วนทีไร แมน ๆ อย่างเราต้องมีอันแรงลดจากการสูญเสียเกลือแร่ไปกับการขับถ่ายเหลวแบบรัว ๆ บ้างก็ขยาดการทานอาหารเดิม ๆ ไปพักนึง กลัวว่าอาการจะยิ่งเลวร้ายขึ้นอีก ด้วยความที่ทีมงาน UNLOCKMEN บางท่านกำลังเจอปัญหานี้อยู่ เลยอยากจะนำเอาคำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานในช่วงท้องเสียจาก Beth Warren ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารและการกิน, ผู้ก่อตั้ง Beth Warren Nutrition และผู้เขียนหนังสือ Living A Real Life With Real Food มาเป็นแนวทางให้ลองทำตาม หลัก ๆ ก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ดื่มน้ำเยอะ ๆ แต่ถ้าจะให้หายจู๊ด ๆ ไวยิ่งขึ้น ลองเลือกทานอาหารเหล่านี้ดู กล้วยนี่แหละดี กล้วยที่เรากินกันอยู่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่ายสบายหนุ่มสุด ๆ มีโพแทสเซียม และช่วยปรับสมดุลของอิเล็คโตรไลต์ในร่างกาย แถมมีเพคซีนที่ช่วยดูดซับของเหลวในลำไส้ใหญ่ช่วยให้เกิดสภาพคล่องทางการปล่อยของลงสุขภัณฑ์ ข้าวสวยช่วยได้ ข้าวสวยถือเป็นอาหารที่ยึดเหนี่ยวกับคนไทยอย่างเรามานาน แถมยังช่วยยึดเหนี่ยวของเสียก่อนออกจากร่างกาย การทานข้าวสวยตามปกติจะช่วยให้อุจจาระของคุณเกาะตัวกันได้ดีขึ้น ไข่ไก่ง่าย
ในวันที่โลกออนไลน์มีอยู่คู่ขนานกันไปกับโลกความเป็นจริง ความโสดที่อยู่ในโลกความเป็นจริงก็ดูไม่เลวร้ายเกินไปนัก เพราะนอกจากแอปพลิเคชันหาคู่ที่เป็นสุดยอดนวัตกรรมช่วยเหล่าชายโฉด เอ้ย ชายโสดอย่างเรา ๆ ไม่ต้องยืนกุมไข่หงอยเหงาแล้ว เรายังมีนวัตกรรมใหม่อย่างเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีไว้เพื่อประกาศหาคู่แบบกล้าหาญอีกด้วย! ถ้าใครยังใหม่ในสมรภูมิเฟซบุ๊กแฟนเพจแห่งการประกาศหาคู่ ก็ไม่ต้องกลัวดูเป็นไก่อ่อนอีกต่อไป เพราะวันนี้ UNLOCKMEN อาสามาแนะนำเพจประกาศหาคู่ 3 เพจป๊อป ๆ ที่คนทั่วไปสนใจ เอาไว้ให้ชายโสด (หรือไม่โสด) ทั้งหลาย ไว้หาความสำราญให้ชุ่มฉ่ำใจ วิธีการใช้เพจหาคู่เหล่านี้ก็ไม่ยาก ขั้นแรกเชิญผู้ชายอย่างเราเลือกก่อนเลยว่าจะเป็นผู้ล่าหรือผู้ถูกล่า ถ้าเป็นผู้ล่าก็อยู่เฉย ๆ ไถจอมือถือยาวไป ๆ รอเจอสาวคนที่ถูกใจแล้วค่อยลุย! แต่ถ้าใจกล้าอยากลองถูกล่าดูบ้างก็แค่ส่งรูปและโปรไฟล์คร่าว ๆ ของตัวเองไปให้ตามเพจต่าง ๆ ที่รับลงประกาศหาคู่กันดูได้เลย! แม่สื่อแม่ชัก: เพจหาคู่ที่เต็มไปด้วยสาวสวยหรู ดูสมบูรณ์แบบ เพจ: แม่สื่อแม่ชัก ยอดไลก์ 87,xxx คนคงการันตีได้ว่าเพจหาคู่เจ้าแรก ๆ ที่โด่งดังขึ้นมาอย่างแม่สื่อแม่ชักนี้นั้นฮอตปรอทแตกจนผู้ชายอย่างเราต้องทึ่งขนาดไหน ถ้าอยากส่งโปรไฟล์เข้าไปสู่สมรภูมิการหาคู่ก็อาจต้องใช้ความอดทนเอาเรื่องเพราะตอนนี้คิวลงโปร์ไฟล์ที่หน้าเพจยาวถึงระดับที่ต้องรอเป็นเดือน ๆ แต่ความดีงามของเพจแม่สื่อแม่ชักคือต่อให้เราไม่ต้องลงโปร์ไฟล์เราก็สามารถมาตามดูรูปสาว ๆ มาตามอ่านโปร์ไฟล์ของสาว ๆ ที่นี่ได้ เพราะเข้าจะบรรยายตัวตน ความชอบ ลักษณะนิสัย สเป็คที่ชอบไว้แบบละเอียดยิบ ๆ
การออกไปพบเจอผู้คนในกรณีต่าง ๆ ไม่ว่าจะออกไปงานเลี้ยงสังสรรค์, ทานข้าวกับลูกค้า พบเจอญาติผู้ใหญ่ของแฟนสาว รวมถึงสถานการณ์อื่น ๆ อีกร้อยแปดพันประการ ที่บางครั้งบางคราวฟ้าก็ไม่ได้เป็นใจให้กับเรานัก และมักจะส่งเรื่องไม่คาดคิดออกมาให้ได้เซอร์ไพรส์ แม้จะเตรียมตัวมาดี หรือรักษาฟอร์มอย่างไร ก็ยังไม่วายมีเหตุให้ต้องโชว์เด๋อกันอยู่เสมอ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้คือสิ่งตอกย้ำว่าการรักษาสถานการณ์ใน First Impression เป็นเรื่องที่สำคัญ คงไม่มีใครอยากพลาดตั้งแต่เจอกันครั้งแรก แต่ในเมื่อบางเหตุการณ์มันคือสิ่งที่เหนือการควบคุม หากทำอะไรผิดพลาดหน้าแตกออกไป ก็ขอให้ตั้งสติให้มั่น สูดหายใจลึก ๆ แล้วบอกกับตัวเองถ้าหากพลาดไปแล้วก็ใช่ว่าจะจบเห่ตั้งแต่แรกเริ่ม และเตรียมพร้อมปฏิบัติตัวตามเทคนิคเจ๋ง ๆ ที่เราเอามาแนะนำในวันนี้ เพื่อให้คุณเอาตัวรอดจากสถานการณ์หน้าแตกได้แบบมือโปร นิ่งไว้ก่อน ขอโทษทีหลัง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าเพิ่งเอ่ยปากอะไรออกไป ให้นิ่งไว้ก่อน อาจมีรีแอคชั่นเป็นท่าทางภาษากายเล็กน้อยก็พอ ไม่ใช่ว่าเราอยากจะทำไม่รู้ไม่ชี้ไปซะเฉย ๆ แต่ถ้าเราเกิดพูดขึ้นมาตอนนั้น มันยิ่งเหมือนตอกย้ำความพลาดของตัวเอง จริง ๆ แล้วพอเกิดเรื่องขายหน้าขึ้น ยิ่งคนที่เพิ่งเจอกัน ก็พร้อมใจที่จะทำเงียบไปกับเราอยู่แล้ว ลองนิ่งไว้ก่อน แล้วค่อยมาขอโทษในตอนหลังที่ได้ทำความรู้จัก พูดคุยไปสักพักหรือจะลาจากกันแล้วจะดีกว่า Offer The Drinks หากอยู่ในงานสังคมที่มีเครื่องดื่ม ลองหยิบแก้วไหนสักแก้วยื่นให้เจ้าตัว เพื่อเริ่มความสัมพันธ์ ดีกว่าเริ่มจากความเก้ ๆ กัง