วันนี้เราจะมาส่องรองเท้านำโชคของ MICHAEL JORDAN ที่เขาสวมใส่ในการแข่งขัน NBA Championship และได้รับรางวัลชนะเลิศ ทั้ง 6 สมัยกัน MICHAEL JORDAN เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะอดีตนักบาสเกตบอล สังกัดทีม ‘ชิคาโก บูลส์ (Chicago Bulls)’ ที่เป็นตำนานตลอดกาล ได้รับฉายาว่าเป็นที่สุดของที่สุด G.O.A.T (Greatest Of All Time) แล้วตำนานหนึ่งเดียวคนนี้เขาใส่รองเท้ารุ่นไหนบ้าง เราจะขอไล่ลำดับรองเท้าตามการแข่งขันชนะเลิศในแต่ละสมัย มาดูพร้อมกันเลย Nike Air Jordan 6 — First Championship (1991) MICHAEL JORDAN คว้าแชมป์ NBA เป็นครั้งแรก โดยสวม Nike Air Jordan 6 “Black Infrared” ที่เปิดตัวในปี 1991 ออกแบบโดย Tinker Hatfield ในส่วนของ heel
เมื่อวันเวลาเปลี่ยนผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับรองเท้าสนีกเกอร์สุดคลาสสิคอย่าง The Chuck Taylor All Star ของแบรนด์ Converse ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาสู่เจเนอร์เรชั่นใหม่แล้วในชื่อ The all-new Chuck Taylor All Star CX ภายใต้คอนเซปต์ “Step In And Go” การเปลี่ยนแปลงของ Chuck Taylor ถือเป็นเรื่องฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะทาง Converse ได้หยิบเอาเทคโนโลยี FlyEase ของรองเท้า Nike มาเบลนด์เข้ากับสนีกเกอร์รุ่นใหม่ของพวกเขา พร้อมมีการปรับรูปทรงใหม่ที่มองผ่าน ๆ คงไม่มีใครคาดคิดว่านี่คือรองเท้าของแบรนด์สัญลักษณ์รูปดาวอย่างแน่นอน FLYEASE คืออะไร? สำหรับคนที่เล่นรองเท้าสนีกเกอร์ของ Nike อยู่แล้ว อาจจะพอคุ้นหูคุ้นตากันอยู่บ้าง แต่สำหรับคนทั่ว ๆ ไป อาจจะยังไม่ทราบข้อมูลดังกล่าวมาก่อนว่าเทคโนโลยีของ FlyEase มันถูกออกแบบมาให้คนสามารถสวมใส่รองเท้าได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาลงไปนั่งผูกเชือกแต่อย่างใด เทคโนโลยี FlyEase ถูกเปิดตัวเมื่อปี 2015 มันเริ่มมาจากทาง Matthew Walze
นับเป็นข่าวที่ทำให้นักสะสมรองเท้าตื่นเต้นกันไปพร้อม ๆ กัน เมื่อ Sotheby’s บริษัทจัดการประมูลในยุโรปกำลังจะเปิดประมูลสนีกเกอร์ Air Force 1 สีใหม่ที่ออกแบบโดย Virgil Abloh ตำนานดีไซน์เนอร์ผู้ล่วงลับ เมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่รองเท้าคู่นี้ปรากฎตัวครั้งแรกในงาน Louis Vuitton SS22 “Amen Break” ที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2021 พร้อมกับรองเท้าคู่อื่นอีก 40 กว่าคู่ มันก็สร้างความ hype ให้กับชาวอินเทอร์เน็ตที่ติดตามข่าวอย่างมาก เพราะมันเป็นรองเท้าคู่หนึ่งที่ผสานความเป็นโอตกูตูร์ของ Louis Vuitton และความเป็นสตรีทแวร์ของ Nike ให้ออกมาเท่ลงตัวมาก สำหรับงานประมูลครั้งนี้ทาง Louis Vuitton ได้ร่วมมือกับทาง Nike และ Sotheby’s นำรองเท้าสีพิเศษมาปล่อยให้คนทั่วไปได้เสนอราคา ซึ่งมีการนำรองเท้า 200 คู่ที่ผลิตใน Fiesso d’Artico ประเทศอิตาลีมาเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ด้วย รองเท้าแต่ละคู่จะมีความโดดเด่นในเรื่องของ Upper ที่มีลวดลายซิกเนเจอร์ของ LV และทำจากผ้าคุณภาพระดับพรีเมียม และมีขนาดให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 5
อย่างที่รู้กันดีว่าในปี 2020 นี้ประเทศญี่ปุ่นได้รับเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 หรือ Tokyo 2020 Olympics แต่ในระหว่างที่รอลุ้นให้วิกฤตโคโรนาไวรัสผ่านพ้นไป แบรนด์เครื่องกีฬาอย่าง Nike ก็ปล่อยคอลเลกชันเสื้อผ้ากีฬาสุดไฮป์ออกมา รอต้อนรับเทศกาลการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในกรุงโตเกียวที่จะจัดขึ้นในช่วงกลางปี 2020 นี้ Nike เปิดตัวเสื้อผ้าฟุตบอล เสื้อผ้าบาสเกตบอล และรองเท้ากีฬาที่ดีไซน์มาสำหรับหลาย ๆ ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 โดย Nike เคลมมาว่าคอลเลกชันนี้รวมชุดที่ยั่งยืนที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงสุดเข้าไว้ด้วยกัน มีทั้งเสื้อผ้าบาสเกตบอลของอเมริกาที่แฝงกลิ่นอาย 1996 USA sets ระดับตำนาน รองเท้าผ้าใบสุดเท่จากวัสดุเหลือทิ้ง เครื่องแต่งกายสำหรับวันอบรมและรับรางวัล รวมทั้งเสื้อผ้าฟุตบอลของแต่ละชาติที่ดีไซน์เป็นสองแบบคือชุดทีมเหย้าและชุดทีมเยือน เริ่มที่ทีมเกาหลีมาในชุดขาวลายเสือสำหรับทีมเยือนและชุดแดงลายตารางขวางสำหรับทีมเหย้า เสื้อผ้าฟุตบอลทีมอเมริกาดีไซน์เป็นกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินพร้อมเสื้อสีขาวของทีมเหย้า ส่วนเสื้อลายพรางสีน้ำเงินเข้มเป็นของทีมเยือน ฝั่งเสื้อผ้าฟุตบอลของทีมไนจีเรียนำเครื่องหมายและรอยหยักสามเหลี่ยมมาใช้ออกแบบ เพื่อให้เกียรติแก่วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งชุดสีเขียวขาวเป็นของทีมเหย้า ส่วนสีเทาล้วนขอบเขียวเป็นของทีมเยือน คอลเลกชันนี้ Nike ตั้งใจออกแบบเสื้อผ้าทั้งหมดให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเลือกใช้วัสดุอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นโพลีเอสเตอร์ที่สร้างขึ้นจากขวดพลาสติกรีไซเคิล ไนลอนรีไซเคิล รวมทั้งหนังยางและเส้นด้ายเหลือทิ้งจากโรงงานของบริษัท John Hoke หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Nike กล่าวว่าไม่ว่าจะอยู่บนสนามแข่งหรือบนเวทีรับรางวัล คอลเลกชันชุดกีฬานี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าตอนนี้โลกของเราก้าวเข้าสู่ยุคที่ผู้คนรุ่นใหม่ต่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นผลมาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ส่งสารเตือนมาเป็นระยะ จนผู้คนต้องสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ประเทศไทยของเราก็เริ่มมีมาตรการงดใช้ถุงพลาสติก ส่วนบุคคลผู้มีอิทธิพลต่อโลกทั้งด้านการเมือง สังคม สิ่งแวดล้อมและแฟชั่นก็หันมามองประเด็นนี้กันมากขึ้น รวมถึงแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Nike ที่พร้อมก้าวเข้าสู่โลกแห่งการใ่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน Nike ถือเป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายที่ตอบรับกระแสสังคมได้อย่างน่าประทับใจ พวกเขาเริ่มคิดคอนเซ็ปต์แฟชั่นเป็นมิตรกับโลกโดยใช้ชื่อว่า “Move to Zero” คอลเลกชันเพื่อสิ่งแวดล้อม สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อลดความเสียหายที่วงการแฟชั่นได้ทำไว้กับธรรมชาติเพื่อลดคาร์บอนกับของเสียอื่น ๆ ให้เหลือศูนย์ ผ่านกระบวนการออกแบบ คิดค้น ผลิต เพื่อนำไปใช้และนำกลับมาใช้ซ้ำอีกครั้งได้จริง ๆ ไอเทมในคอลเลกชัน Move to Zero ประกอบไปด้วยเสื้อฮู้ด สเวตเชิ้ต เสื้อยืด จ็อกเกอร์ และกางเกงขาสั้น ทั้งหมดทำจากวัสดุโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลผสานกับผ้าฝ้ายทนทานต่อการใช้งานแบบสมบุกสมบัน บางชิ้นก็ผสมผสานระหว่างโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลกับคอตตอนออร์แกนิกเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน แถมกระบวนการผลิตยังใช้น้ำกับสารเคมีน้อยกว่าปกติ แบรนด์ยังเน้นย้ำอีกด้วยว่าถึงจะเป็นไอเทมที่สร้างสรรค์จากวัสดุรีไซเคิล แต่คุณภาพของผลงานก็ยังคงสูงตามมาตรฐานของ Nike UNLOCKMEN สนใจคอลเลกชัน Move to Zero โดยเฉพาะกางเกงขาสั้นทำจากเส้นใยอินทรีย์ (Organic Fiber) ร่วมกับวัสดุรีไซเคิล 60% ที่มองเผิน ๆ แทบไม่รู้เลยว่ากางเกงตัวนี้ทำมาจากวัสดุเหลือใช้เพราะดีไซน์ที่ทันสมัย
สำหรับเหล่าชาวสเก็ตต่างต้องรู้จัก NIKE SB กันเป็นอย่างอยู่แล้ว เพราะนี่คือชื่อย่อของ NIKE Skateboarding เปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงเดือนมีนาคม 2002 เพื่อตีตลาดกลุ่มรองเท้าและเครื่องแต่งกายสำหรับชาวสเกตบอร์ดโดยเฉพาะ และได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ NIKE SB พร้อมจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นของตัวเองอีกครั้งด้วยการกระโจนเข้าสู่มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างโอลิมปิก ซึ่งปีนี้ไปจัดกัน ณ เกาะญี่ปุ่นใจกลางกรุงโตเกียวด้วยการออกแบบเครื่องแต่งกายของนักกีฬาสเกตบอร์ดจากทีมชาติสหรัฐอเมริกา ทีมชาติบราซิล และทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยสีสันอันเป็นเอกลักษณ์จากธงชาติของแต่ละประเทศ ย้อนกลับไปเมื่อก่อนตั้งแต่ราวทศวรรษที่ 50 เราจะพบเหล่าวัยรุ่นเอาดีไซน์จากกระดานโต้คลื่นที่ใช้กลางทะเลมาดัดแปลงและติดล้อเล่นกันตามสวนสาธารณะ เมื่อเวลาผ่านไปการเล่น ‘สเกตบอร์ด’ ก็เข้าไปอยู่ในใจของเหล่าวัยรุ่นชายหญิงจนถึงปัจจุบันเสียแล้ว แต่ถ้าจะให้มองว่าสเกตบอร์ดเป็นกีฬาก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก (ความคิดส่วนใหญ่ของผู้คนก่อนปี 2020) หรือถ้าจะมองว่าเป็นกีฬาก็คงเป็นกีฬานอกสายตาจากชาวโลก เพราะหลายคนมองว่าเป็นแค่การเล่นกันของพวกเด็กวัยรุ่น แถมมันยังอันตรายและเกิดอุบัติเหตุจากการเล่นได้ง่าย จากกีฬาเฉพาะกลุ่มเติบโตขึ้นกลายเป็นกีฬาของมหาชน ในที่สุดสเกตบอร์ดก็ได้รับการบรรจุเข้าสู่โอลิมปิกอย่างเป็นทางการในปี 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ เหตุผลนี้หนักแน่นพอให้ NIKE SB ไม่รอช้าดีไซน์เครื่องแบบทีมสเกตบอร์ดออกสู่สายตาชาวโลก ยูนิฟอร์มของนักกีฬาทีมชาติสหรัฐฯ บราซิล และฝรั่งเศส เกิดขึ้นจากความสร้างสรรค์ของ Piet Parra ศิลปินนักออกแบบที่ร่วมงานกับ Nike มาเป็นเวลานาน ออกแบบชุดสำหรับการแข่งขันโดยเลือกใช้วัสดุคุณภาพเพื่อความสะดวกต่อนักกีฬา เนื้อผ้าทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเสื้อของทีมชาติสหรัฐฯ
ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าวงการรองเท้าคือตลาดเครื่องแต่งกายที่มีขนาดและมีมูลค่าสูงมากเมื่อเทียบกับตลาดเครื่องแต่งกายชนิดอื่น ๆ ด้วยความเป็นตลาดร่วมที่มีส่วนผสมระหว่างวงการแฟชั่นและกีฬาก็ยิ่งให้รองเท้ามีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และมีผู้คนจำนวนมากผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาสร้างสีสันและความเปลี่ยนแปลงให้วงการมาตลอดหลายสิบปี หนึ่งในนั้นคือ Christian Tresser (คริสเตียน เทลสเซอร์) หากจะกล่าวว่าผลงานของคริสเตียน เทลสเซอร์ นั้นเป็นที่รู้จักมากกว่าชื่อเสียง และตัวตนของเขาคงไม่ผิดนัก เพราะต้องบอกเลยว่านักออกแบบรองเท้าคนนี้มีผลงานและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้วงการรองเท้าจากแนวคิดที่หาตัวจับได้ยาก งานออกแบบของเขาบางรุ่นกลายเป็นไอคอนิกของยุคสมัย บางรุ่นยังคงได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน และอะไรคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาสนใจและหลงใหลในการดีไซน์รองเท้าจนก้าวมาเป็นนักออกแบบซึ่งมีผลงานสนีกเกอร์หลายรุ่นที่ยังคงทรงอิทธิพลอยู่อย่างยาวนาน เรามาหาคำตอบไปพร้อมกัน Form Soccer To Designer คริสเตียนเกิดในรัฐแคลิฟอร์เนีย วัยเด็กเขาเป็นคนที่ชอบวาดภาพ แต่อีกหนึ่งกิจกรรมโปรดในวัยเด็กคือการเล่นฟุตบอล หรือซ็อกเกอร์ แต่อย่างที่รู้กันดีว่าเมืองลุงแซมไม่ได้เป็นดินแดนของฟุตบอลเพราะพวกเขามีอเมริกันเกมส์ที่นิยมอยู่แล้วทั้งเบสบอล บาสเกตบอล และอเมริกันฟุตบอล อย่างไรก็ตามกีฬายอดฮิตของชาวอเมริกันเหล่านั้นไม่อาจเบนความสนใจของคริสเตียนไปจากสิ่งที่เขาหลงใหลได้เลย คริสเตียนแค่หลงใหลในกีฬาฟุตบอล และเล่นมันอย่างต่อนเนื่องจนกระทั่งเข้าศึกษาต่อในระดับมหาลัยเขาก็ยังชอบฟุตบอลอยู่เสมอโดยลงเล่นให้ Foothill College Soccer Team แต่แล้วเวลาแห่งการตัดสินใจก็มาถึง เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพในเวลานั้นโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้ ส่งผลให้คริสเตียนดเล่นฟุตบอลในระดับมหาวิทยาลัยได้เพียงปีเดียวก็ตัดสินใจย้ายไปเรียนการออกแบบที่วิทยาลัยศิลปะและการออกแบบในซานฟรานซิสโก เพราะการออกแบบคืออีกเรื่องที่เขาหลงใหลไม่แพ้กัน และรู้ว่าเส้นทางสายออกแบบนั้นยังพอเหลือที่ว่างให้ตัวเองมีโอกาสถ่ายทอดความรักในเกมกีฬาลงในสิ่งเขาออกแบบขึ้น คริสเตียนเป็นคนที่มีฝีมือในการวาดและสเก็ตช์ภาพสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะรองเท้าที่ตัวเขาสนใจเป็นพิเศษ หลังจบการศึกษาได้มีโอกาสรับจ็อบดีไซน์เนอร์ให้กับบริษัทออกแบบรองเท้าอิสระที่กำลังรับงานแบรนด์ย่อย BOKS ให้กับ Reebok ในยุครุ่งเรือง ก่อนที่ไอเดียของคริสเตียนจะไปเข้าตาคนในบริษัทและได้รับการว่าจ้างเต็มเวลาให้ Reebok ในที่สุด REEBOK
หลังจากที่วงการสนีกเกอร์ก็จัดหนักจัดเต็มใส่เรากันแบบไม่ยั้ง ย่างเข้าสู่เดือนที่สองของปี 2020 ก็ยังลดความร้อนแรงลงแต่ดูเหมือนจะดุเดือดกว่าเก่ากับข่าวที่เผยว่าศิลปินหนุ่มสัญชาติโคลอมเบียอย่าง J Balvin จะจับมือกับ Nike ปล่อยสนีกเกอร์สุดพิเศษออกมาให้เหล่าผู้รอคอยได้รับชมกัน ต้องเกริ่นกันก่อนสำหรับหนุ่ม ๆ บางคนที่อาจจะยังไม่ค่อยรู้จักชื่อเสียงของ J Balvin กันเท่าไรนัก ชายคนนี้คือศิลปินที่ร้องเพลงภาษาสเปน เขาทำให้โลกเห็นว่าภาษาที่แตกต่างของคนบนโลกไม่อาจเป็นพรมแดนกั้นการเสพดนตรีได้ จน Billboard กล่าวยกย่องผลงานเพลงของเขาว่าเป็น “ผลงานที่เปรียบเสมือนใบเบิกทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยปรากฏให้เห็นในวงการเพลงละติน” ด้วยผลงานเพลงที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร การจับสไตล์ดนตรีฮิปฮอปในกระแสมาร่วมกับดนตรีสไตล์โคลอมเบียน รวมทั้งแฟชั่นอันแสนจัดจ้านของเขา ทำให้ชื่อของ J Balvin เข้าไปอยู่ในลิสต์ศิลปินโปรดของใครหลายคน ทั้งแนวเพลง สไตล์การแต่งตัวที่เท่โดนใจ และความสนใจกระแสของแฟชั่นที่ไม่น้อยหน้าใคร ทำให้ในที่สุดเขาได้ร่วมงานกับแบรนด์สนีกเกอร์ระดับโลกอย่าง Nike และกลายเป็นศิลปินลาตินคนแรกที่ได้ร่วมงานกับ Air Jordan สร้างสรรค์สนีกเกอร์สุดฮิตอย่าง Nike Air Jordan 1 ให้มีสไตล์ตามแบบของ J Balvin คาแรกเตอร์ของ J Balvin เป็นชายที่สนุกสนาน ร่าเริง เป็นไอ้หนุ่มแสบที่รักเสียงเพลง แถมผลงานทั้งเพลงและมิวสิกวิดีโอก็ยังเต็มไปด้วยสีสันและแฟชั่นที่แหวกแนว ทั้งหมดที่เป็น J Balvin หลอมรวมสู่สนีกเกอร์ที่เขาออกแบบเต็มขั้น
ยังไม่ทันผ่านเดือนแรกของปี ค่ายรองเท้าทั้งหลายก็เปิดตัวรองเท้าจำนวนมากจนตามซื้อไม่ทัน โดยเฉพาะเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ถือเป็นเดือนของโมเดล Air Force 1 ก็ว่าได้ Air Force 1 คือรองเท้าคู่แรกของ Nike ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีรองรับแรงกระแทกแบบ AIR เปิดตัวครั้งแรกในปี 1982 ในฐานะรองเท้าบาสเกตบอล ก่อนวัฒนธรรมต่าง ๆ ทำให้มันกลายเป็นรองเท้าโมเดลคลาสสิกที่ผู้คนหลงใหลแม้เวลาจะผ่านมาถึง 38 ปีแล้วก็ตาม และสำหรับหนุ่มที่ชอบโมเดลนี้เป็นพิเศษ SNEAKERS OF THE MOUNT วันนี้จะมาแนะนำ AIR FORCE 1 หลากหลายรุ่นย่อยที่กำลังจะวางขายเร็ว ๆ นี้ มาดูกันมามีคู่ไหนเข้าตากันบ้าง AIR FORCE 1 React D/MS/X AF-1 คู่แรกถือเป็นคู่ที่มีคนรอคอยไม่น้อยทีเดียวสำหรับ AIR FORCE 1 React D/MS/X เป็นการผสมรวมระหว่างความเก๋าด้านงานดีไซน์กับเทคโนโลยีรองรับแรงกระแทกยอดนิยมตัวล่าสุดของ Nike อย่าง React ออกมาเป็น AF-1 สีดำ
กีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 หรือรู้จักกันในชื่อ Olympic Tokyo 2020 กำลังจะเริ่มขึ้นในช่วงกลางปี 2020 นี้ ขณะที่กระแสความนิยมต่อการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกส่งผลให้มีไอเทมจำนวนมากผลิตออกมาสู่ตลาด สำหรับตลาดรองเท้าในตอนนี้ คงไม่มีแคปซูลไหนโดดเด่นไปกว่าคอลเลกชัน Air Max 97 “Olympic Rings” Air Max 97 “Olympic Rings” แคปซูลรองเท้าที่ Nike ปล่อยออกมาต้อนรับกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม – 9 สิงหาคมปีนี้ ประกอบไปด้วย Air Max 97 ทั้งหมด 5 สีที่ได้แรงบันดาลใจจากสัญลักษณ์ของกีฬาโอลิมปิกที่ทุกคนรู้จัก หรือ Olympic Ring โดยประกอบไปด้วยห่วงสีฟ้า สีดำและสีแดง ด้านบนห่วงสีเหลืองและสีเขียว ดีไซน์ของ Air Max 97 “Olympic Rings” ทั้ง 5 คู่จะเหมือนกันคืออัปเปอร์จะเป็นสีจาก