ผู้ชายไทยส่วนใหญ่มักไม่ค่อยจะให้ความสนใจในเรื่องของทรงผมกันมากนัก หรือไม่ก็จะทำตัวตามกันไปหมดจนแทบจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร เห็นเค้าว่าทรงนี้ดี ทรงนี้กำลังฮิต ก็ทำตามกันโดยไม่ได้รู้ที่มาที่ไป หรือดูความเหมาะสมกับสไตล์ของตัวเอง ซึ่งอย่างที่เราเคยบอกไปหลายครั้งว่าเรื่องของทรงผมนั้น “ไม่มีกฎตายตัว” ไม่มีใครฟันธงได้ว่าแบบไหนถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเข้ากันระหว่างสไตล์ที่เลือกใช้ กับคาแรคเตอร์ บุคลิก และตัวตนของคุณมากกว่า ขอแค่คุณหาตัวเองจนพบว่าจริง ๆ ชอบอะไร ทำอะไรแล้วรู้สึกมั่นใจ เพราะบางครั้งการทำผมแบบดาราในดวงใจ ผมที่ได้ชื่อฮิตอันดับหนึ่งของโลก ก็ไม่ได้ช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่มีสไตล์ดีขึ้นได้ถ้ามันไม่ใช่ตัวตนของคุณ เพื่อเป็นการแนะนำสำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร สไตล์ทรงผมแบบไหนที่เหมาะสมกับตัวเอง เพราะการพัฒนาสไตล์ถือเป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยเสริมสร้างความเป็นตัวเองได้ง่ายที่สุด วันนี้เรามีแนวทางมาช่วยแนะนำผู้ชายทุกคนที่ต้องการจะพัฒนาบุคลิกตัวเองให้ดีที่สุดด้วยการ “Find the right hairstyle for you” PICK THE BEST HAIRSTYLE เติมเต็มสไตล์ของตัวเอง นอกจากเสื้อผ้า เรื่องทรงผมก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มสไตล์และคาแรคเตอร์ของเราให้สุดทาง สามารถเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ภายนอกได้อย่างสิ้นเชิง ต่อให้แต่งตัวดีแค่ไหน แต่ถ้าเลือกทรงผมไม่เข้ากับสไตล์และรูปหน้า หรือเซ็ทผมออกมาได้ไม่ดี ก็ทำให้ภาพรวมดูขัดใจได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ทรงผมผู้ชายมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะเหมาะกับผมทุกทรง ซึ่งเราแนะนำให้เลือกทรงผมที่ใช่ โดยใช้รูปหน้าเป็นจุดหลักในการช่วยตัดสินใจ จะทำให้ได้ไอเดียช่วยเลือกและจัดแต่งทรงผมได้ง่ายขึ้น รูปทรงไข่ (Oval Face) คือทรงหน้าที่น่าอิจฉา เพราะมีอัตราส่วนค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
Audemars Piguet แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้นำเสนอนาฬิการอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ 3 โมเดลใหม่ที่พัฒนาจากรุ่นดั้งเดิมในปี 1993 รังสรรค์ด้วยวัสดุที่แตกต่างกัน ได้แก่ สเตนเลส สตีล (Stainless steel) ไทเทเนียม(Titanium) และพิ้งค์โกลด์ 18 กะรัต ถึงแม้จะคงไว้ซึ่งรายละเอียดสำคัญของนาฬิการุ่นดั้งเดิม ทว่าเรือนเวลาขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตรทั้ง 3 เรือนนี้มาพร้อมกลไกเซลฟ์ไวนด์ดิ้ง ฟลายแบ็ก โครโนกราฟ (Selfwinding Flyback Chronograph) คาลิเบอร์ล่าสุดจากโอเดอมาร์ ปิเกต์ รวมถึงระบบถอดเปลี่ยนสายด้วยตนเองแบบใหม่ อีกทั้งยังมีการปรับดีไซน์หน้าปัดเล็กน้อย พร้อมยังนำฝาหลังแซฟไฟร์กลับมาใช้อีกครั้งเพื่อนำเสนอกลไกโครโนกราฟซึ่งรังสรรค์อย่างประณีต แม้รังสรรค์ขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากนาฬิการอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ รุ่นดั้งเดิมจากปี 1993 ทว่านาฬิกา 3 เรือนใหม่ในขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตร มาพร้อมกลไกเซลฟ์ไวนด์ดิ้ง ฟลายแบ็ก โครโนกราฟใหม่ล่าสุด และระบบถอดเปลี่ยนสายด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีการปรับดีไซน์บนหน้าปัดเล็กน้อย การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย นาฬิการุ่นรอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ใหม่ทั้ง
Audemars Piguet เปิดตัวนาฬิการอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ไดเวอร์ ขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตรรุ่นใหม่ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 300 เรือน เช่นเดียวกับนาฬิการอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ไดเวอร์ 3 โมเดลที่เปิดตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นาฬิการุ่นลิมิเต็ดเรือนนี้ขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ 4308 ซึ่งเป็นกลไกเซลฟ์ไวนด์ดิ้ง (Selfwinding) ล่าสุดของโอเดอมาร์ ปิเกต์ อีกทั้งยังใช้ระบบถอดเปลี่ยนสายนาฬิกาด้วยตนเอง พร้อมดีไซน์หน้าปัดที่ตอบโจทย์ทุกการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะบนบกหรือใต้น้ำ กลไกที่พร้อมสำหรับทุกการผจญภัย นาฬิการอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ไดเวอร์ รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น มาพร้อมกลไกอัตโนมัติแบบล่าสุดของโอเดอมาร์ ปิเกต์ พร้อมการแสดงวินาทีและการแสดงวันที่แบบ Instant-Jump คาลิเบอร์ 4308 ถูกติดตั้งพร้อมกลไกที่ช่วยมอบเสถียรภาพและความแม่นยำเมื่อปรับฟังก์ชันของนาฬิกา สเกลเวลาการดำน้ำที่แสดงอยู่บนวงแหวนด้านในที่สามารถหมุนได้ของหน้าปัดสามารถเปิดใช้งานด้วยกลไกการคลิกแบบทิศทางเดียวที่ถูกติดตั้งให้เชื่อมกับเม็ดมะยมตรงที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ฝาหลังแซฟไฟร์เผยให้เห็นเทคนิคการตกแต่งสุดประณีตของคาลิเบอร์ 4308 ไม่ว่าจะเป็นลาย โกตส์ เดอ เฌอแนฟ (Côtes de Genève) เทคนิคเทรตส์ ทิเรส์
เชื่อว่าสาวกเรือนเวลาทั้งหลายที่ชอบแสวงหาความแปลกใหม่ไม่จำเจ คงคุ้นเคยกับชื่อของ ALBA แบรนด์นาฬิกาดีไซน์สวย ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องราคาที่สามารถจับต้องได้ภายใต้คุณภาพการผลิตที่การันตีโดย SEIKO แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง ALBA นั้นถือเป็นแบรนด์น้อง ที่รวมพลังร่วมบุกตลาดในไทย ยืนหยัดเคียงข้างแบรนด์พี่ใหญ่อย่าง SEIKO มายาวนาน ล่าสุดในปี 2021 นี้ ทาง ALBA ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมคอนเซ็ปต์ “The Reflection Of Japan” ด้วยงานดีไซน์ที่สะท้อนถึงคุณภาพความเป็น Japan Product โดยเน้นไปที่รูปลักษณ์ของเรือนเวลา Sport Style ที่หนุ่ม ๆ อย่างเราสามารถหยิบมาสวมใส่ได้ในทุกโอกาส และในวันนี้เราได้คัดเลือกเรือนเวลา 5 โมเดลใหม่ที่น่าสนใจจาก ALBA มาอวดโฉมความเท่ ให้ชาว UNLOCKMEN ได้สัมผัส และทำความรู้จักกับจุดเด่นของทั้ง 5 เรือนนี้ ที่พร้อมประทับลงบนข้อมือในฐานะไอเทมบอกเวลาคู่ใจซึ่งช่วยอัพความเท่ให้กับคุณได้ในทุกสถานการณ์ เริ่มต้นที่เรือนแรกซึ่งต้องบอกเลยว่าใครเห็นเป็นต้องสะดุดตา กับความหรูหราที่ผสานความสปอร์ตได้อย่างลงตัวกับ ALBA Automatic รุ่น AL4185X ตัวท็อปแห่งเรือนเวลาดีไซน์สปอร์ตขับเคลื่อนด้วยระบบออโตเมติก มาพร้อมหน้าปัดซันเรย์สีน้ำเงิน มีหลักชั่วโมงแบบพรายน้ำเหลือบทอง
ช่วงนี้เรากำลังนิยมนาฬิกาดีไซน์ย้อนยุคที่ถูกปลุกขึ้นมาใหม่พร้อมใส่เทคโนโลยีทันสมัยเข้าไป มันให้ฟีลลิ่งความสนุกสนานที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร หลังจากเปิดตัว Pac-man x A100WEPC ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด Casio ก็ตอกย้ำกระแสความ Vintage อีกครั้งด้วยการนำ “F-100” ที่โด่งดังในปี 1978 มานำเสนอใน collection ล่าสุด “A100” หน้าปัดทรงเหลี่ยมจอดิจิทัลที่หลายคนคุ้นตาตั้งแต่วัยเด็ก หากใครเกิดไม่ทันยุค ’70s นาฬิกา Casio F-100 ในยุคนั้นเปิดตัวมาอย่างอลังการ ได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยความแตกต่างของ resin case น้ำหนักเบา เป็นนาฬิกา digital ที่ล้ำสุด ๆ ในยุคนั้นก็ว่าได้ มันเข้าถึงภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่อย่าง Alien (1979) ที่ Ridley Scott นำ F-100 2 เรือนมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ดูล้ำหน้าเหมาะกับยุคอวกาศในบทภาพยนตร์ ก็ยิ่งดันให้มันดังเปรี้ยงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว Casio Vintage A100 Series นำความคลาสสิคของ F-100 นาฬิกาหน้าจอดิจิทัลระดับ Iconic ให้กลับมาใหม่อีกครั้งในรูปแบบ
บาสเกตบอลถือเป็นส่วนสําคัญในการขับเคลื่อนวงการสตรีทแฟชั่นมาเนิ่นนาน ไม่ว่าจะเป็นการก่อกําเนิดรองเท้า Iconic มากมาย เช่น Converse All Star Chuck Taylor, ซีรีส์ Air Jordan, Air Force 1 หรือ สงครามเกมการตลาดของแบรนด์ใหญ่ที่ฟาดฟันพัดเปลี่ยนกันมาอย่างต่อเนื่องทั้งฝั่งยุโรป Reebok, Adidas หรือแบรนด์ในอเมริกาอย่าง Nike, Under Armor แม้กระทั่งจีนเองก็ส่งแบรนด์อย่าง Anta หรือ Li-Ning เพื่อมากอบโกยส่วนแบ่งจากตลาดนี้ นอกเหนือจากวัฒนธรรมรองเท้าที่เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับกีฬาบาสเกตบอล ตัวนักกีฬาเองก็กลายมาเป็นสปอร์ตไลท์และมีสถานะไม่ต่างจากดาราซุปเปอร์สตาร์ เพราะนักกีฬา NBA ส่วนใหญ่นั้นมีไลฟ์สไตล์ที่หรูหราหวือหวา และถูกบรรดาสื่อมวลชนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา แต่จากบรรดาผู้เล่นมากมายกว่าหลายพันคนจากอดีตถึงปัจจุบัน มีนักบาสเกตบอลอยู่คนหนึ่งที่โดดเด่นทั้งในเรื่องฝืมือ สไตล์ พฤติกรรมสุดโต่ง ความติสท์อินดี้ที่แม้แต่ในยุคปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหาผู้เล่นคนไหนมาทาบรัศมีได้ ชายคนนั้นก็คือ Dennis Rodman หรือที่แฟน ๆ บาสเกตบอลจดจําเขาในฉายา “The Worm” Dennis Rodman ถือเป็นนักกีฬาระดับออลสตาร์ที่มีสไตล์การเล่นเกมรับอันดุดันโดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่งของยุค 90s และได้รับเครดิตอย่างมากในช่วงเวลาที่จับมือรวมพลังกับ
มหกรรมกีฬาโอลิมปิก คือการแข่งขันกีฬาที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก ถ้านับตั้งแต่การแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกที่จัดขึ้นใน Los Angeles ปี 1932 จนถึงปัจจุบัน จะมีการจัดไปแล้วทั้งหมด 28 ครั้ง และในวันที่ 23 กรกฎาคม ที่กำลังจะถึงนี้ ก็จะถึงช่วงเวลาสำคัญที่คนทั้งโลกเฝ้ารอคอย การแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 29 “Olympic Games Tokyo 2020 “ ตลอด 90 ปีที่ผ่านมาของกีฬาโอลิมปิก มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมากมาย โดยเฉพาะสถิติโลกที่นักกีฬาทั่วโลกต่างพยายามจะทำลายมันลงในทุกการแข่งขัน กีฬาประเภทใหม่ ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้าไปในแต่ละปี และเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาเพื่อใช้ในการตัดสินที่แม่นยำมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่และไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือการเป็น Olympic Games Official Timekeeper ของ OMEGA ผู้จับเวลาตัดสินอย่างเป็นทางการของการแข่งขันระดับโลก ที่ต้องใช้ความแม่นยำระดับ Microsecond เพราะในโลกของการแข่งขันสำหรับนักกีฬาที่ทุ่มเทฝึกซ้อมมาหลายปีเพื่อเวทีแห่งนี้ ความเที่ยงตรงแม้ 1 ใน 1,000,000 วินาที ก็มีความสำคัญอย่างมากเพื่อการตัดสินที่เป็นเอกฉันท์ และเพื่อเป็นสักขีพยานยืนยันการทำลายสถิติที่คนทั้งโลกต้องจดจำ ไม่ใช่แค่ความแม่นยำ OMEGA ยังแนะนำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ ๆ
ถือเป็นก้าวใหม่ของการสั่งตัดสูท วันนี้เราสามารถวัดตัวได้ผ่านทางออนไลน์ โดยไม่ต้องใช้คน และไม่ใช่แค่สูท แต่รวมถึงเสื้อเชิ้ต กางเกง ไม่จำเป็นต้องมีสายวัดก็วัดตัวได้อย่างแม่นยำด้วยเทคโนโลยีการตัดสูทออนไลน์ครั้งแรกของ “SUITCUBE AI” “SUITCUBE AI” ใช่แล้วครับ คุณอ่านไม่ผิด นี่คือครั้งแรกกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก SUITCUBE ที่คิดค้นนวัตกรรมตัดสูทออนไลน์ได้เลยผ่านหน้าจอ Smartphone โดยที่เราไม่ต้องเดินทางไปวัดตัวที่ร้านให้เสียเวลา ช่วยแก้ปัญหาคนที่ต้องใช้สูท แต่ก็อยากจะ Social Distancing จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยใช้เวลาในการวัดตัวผ่าน SUITCUBE AI เพียงไม่ถึง 5 นาที (ระยะเวลาจากที่เราลองใช้งาน) ที่เหลือก็นั่งรอชุดสูทส่งมาภายใน 7 – 10 วันทำการ ในราคาที่ไม่แพง ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการเดินทางไปตัดที่ร้าน ตัดสูทออนไลน์ทาง SUITCUBE AI มีครอบคลุมครบทุกความต้องการโดยผสมผสานรายละเอียดที่เข้ากันมากที่สุด ตั้งแต่สูท Single Breasted สูทกระดุมแถวเดียว เลือกได้ทั้งแบบ 1, 2 หรือ 3 กระดุม) และสูท Double Breasted สูทกระดุมสองแถวแบบ
เริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับมหกรรมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2021” ที่ได้ฤกษ์หวดแข้งกันหลังจากเลื่อนมา 1 ปีเต็มเนื่องจากการระบาดของโควิด 19 ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมาก เพราะจริง ๆ แล้วความพิเศษในฟุตบอลยูโรครั้งนี้คือการฉลองครบรอบ 60 ปีรายการลูกหนังยุโรป ซึ่งเป็นครั้งแรกที่แข่งแบบไร้เจ้าภาพ ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องเวียนสนามไปทั่วยุโรปในแต่ละประเทศที่แตกต่างกันตามคอนเซ็ปต์ Romantic of Europe นอกเหนือจากเรื่องราวในสนามที่กำลังดุเด็ดเผ็ดมันส์แล้ว ยูโรครั้งนี้ก็ยังมีเกร็ดความน่าสนใจนอกสนามที่พวกเราไม่ควรพลาด เพราะสายตาของสื่อทั่วโลกต่างล้วนจับจ้องไปที่ยูโร 2021 ทำให้เราได้เห็นอิริยาบถต่าง ๆ ทำให้เห็นว่านักฟุตบอลต่างประเทศวันนี้มีสไตล์การแต่งกายที่เฉียบคม ไม่ต่างจากกูรูแฟชั่นดีไซน์เนอร์ วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปดูไอเดียการแต่งตัวของยอดดาวเตะจากมหกรรมฟุตบอลระดับโลกนี้กัน รับรองว่าจะต้องมีสไตล์ที่เราสามารถยืมไปปรับใช้ให้การแต่งตัวไม่น่าเบื่อได้อย่างแน่นอน สำหรับคนที่แต่ง Dresswear ได้เท่ที่สุดในสายตาเรา ต้องยกให้กับ Gareth Southgate โค้ชทีมชาติ England ที่พกสไตล์การแต่งตัวแบบผู้ดีอังกฤษในลุคสูทสุดเนี้ยบ ที่แม้ว่ารอบนี้อาจจะไม่โดดเด่นเท่าฟุตบอลโลกที่ Russia ปี 2018 ไม่ได้ ตอนนั้น Southgate มาในชุด 3-piece suit tailored Waistcoat ที่เนี้ยบยันรองเท้า ภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความคลาสสิคแบบ English
มองผ่าน ๆ อาจจะเห็นแค่ตู้ที่ปิดทึบ ไม่มีฟังก์ชันอะไร แต่เมื่อเปิดออกมา จะกลายเป็น workstation ที่สามารถปรับประโยชน์ใช้สอยได้ตามต้องการ ‘Des Vorstand‘ หรือ Slender Wall Cabinet ออกแบบโดย Nils Holger Moormann ตู้ที่ซ่อนพื้นที่ทำงานไวด้านใน ออกแบบให้ฝั่งนึงพิงติดกำแพง ส่วนบานด้านนอกมีล้อที่สามารถเปิดออก เผยให้เห็นทุก facilities ที่คนทำงานต้องการ ไม่ว่าจะเป็นไฟส่องสว่างด้านบน ชั้นวางของ โต๊ะวาง laptop เป็นโปรเจคที่ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย พร้อมคำนึงถึงการสร้างสมาธิสำหรับคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกรายละเอียดการออกแบบของ Moormann เรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริง เช่นดีไซน์ panel ด้านบนที่นอกจากจะมีช่องไฟที่เหมาะกับการทำงาน ยังช่วยลดแสงสว่างส่วนเกินในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวันได้ด้วย การเปิดปิดยึดติดแน่นอย่างง่ายดายด้วยระบบแม่เหล็กและล้อช่วยอำนวยความสะดวก ที่วางปากกา ชั้นวางของ รูสำหรับชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ซ่อนไว้อย่างมิดชิด และในช่วงที่ต้องการความเป็นส่วนตัว สามารถเพิ่มม่านด้านข้างได้ตามที่ต้องการ เหมาะสำหรับเทรนด์การ Work From Home ที่ช่วยให้เราโฟกัสกับงานโดยตัดขาดจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ได้ Dimensions folded in: 37.5