เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคนดังที่ร่วมออกแบบรองเท้ากับ Adidas และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องสำหรับนักร้องคนดังอย่าง Pharrell Williams ล่าสุดตัวเขากับค่ายสามขีดปล่อยผลงานชิ้นล่าสุดที่ออกแบบร่วมกับออกมาเป็นโมเดล SolarHu Glide 4 โทนสีที่ต้องโดนใจหนุ่ม ๆ ผู้ชื่นชอบการใส่รองเท้าโทนสีล้วนอย่างแน่นอน ปล่อยภาพเต็ม ๆ มาให้เห็นกันแล้วสำหรับ Pharrell x Adidas SolarHu “ Greyscale Pack” ที่มาในโทนสี White ( ขาว), Off White (ขาวครีม), Grey (เทา) และ Core Black (ดำ) ที่ต้องถูกใจคนที่รอให้รองเท้าในโมเดลนี้ถูกทำออกมาในโทนสีล้วน เพราะก่อนหน้านี้หลายคนน่าจะคุ้นตากันเป็นอย่างดีกับ SolarHu Glide ที่มาในหลากหลายสีสันในคู่เดียว แต่คราวนี้มาในสีเรียบง่ายที่เหมาะกับการหยิบมาสวมใส่ในทุกวาระโอกาส SolarHu “ Greyscale Pack” มาพร้อมดีไซน์และรายละเอียดคล้ายเดิมไม่ว่าจะเป็นอัปเปอร์ที่ผ้าทอซึ่งปักคำว่า HU ไว้ที่ด้านหน้า พร้อมโลโก้ของรุ่นวางไว้ในสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมตรงขอบด้านนอกของรองเท้า ในส่วนของโซลยังใช้เป็นแบบ BOOST และพื้นรองเท้าที่ใช้เป็นเทคโนโลยี Continental ที่รองรับความนุ่มสบายและยึดเกาะดี คาดว่า Pharrell
ถือเป็นอีกไฮไลท์สำคัญของ SWATCH ในปีนี้เลยทีเดียว กับการเปิดตัวนาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชั่น สวอท์ช ฟลายแมจิก (SWATCH FLYMAGIC) ปรากฏการณ์ความอัศจรรย์แห่งวงการเรือนเวลาเรือนแรกของโลกที่มาพร้อมกลไกอัตโนมัติกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุด แฮร์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) ที่มีคุณสมบัติไม่มีผลต่อแรงจากสนามแม่เหล็ก SWATCH FLYMAGIC เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย กับ 3 รุ่นได้แก่ BLACK SUSPENSE, RED SURPRISE และ BLUE HAWK โดยทั่วโลกมีวางจำหน่ายรุ่นละ 500 เรือน รวมทั้งสิ้นเพียง 1,500 เรือน และในประเทศไทยมีเพียง 60 เรือน โดยแบ่งเป็นรุ่นละ 20 เรือนเท่านั้น SWATCH FLYMAGIC ถือเป็นผลงานชิ้นเอกแห่งโลกนาฬิกาที่น่าอัศจรรย์ ด้วยการพลิกกลไกอัตโนมัติแบบกลับด้าน รวมไปถึงเข็มวินาทีเดินถอยหลัง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่เช่นนี้ เป็นนาฬิกา SWISS MADE 100% ทุกเรือนได้รับการประกอบในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาตรฐานการผลิตเดียวกับแบรนด์ชั้นนำ ด้วยวัสดุที่คัดสรรจากแหล่งที่ดีที่สุด นับเป็นเรือนแรกที่มีการติดตั้งกลไกโดยใช้แฮร์สปริง Nivachron™ ซึ่งคือนวัตกรรมวัสดุผลิตจากอัลลอยที่มีพื้นฐานมาจากไทเทเนียม Nivachron™ถูกจัดอยู่ในวัสดุประเภทโลหะ ที่มีคุณสมบัติไม่ตอบสนองต่อผลกระทบของสนามแม่เหล็กที่มีต่อกลไกนาฬิกา
หลังจากผ่านอากาศสุดร้อนแดดจ้ากันมาได้สักพัก ตอนนี้ฤดูฝนก็มาเยือนประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าฝนเจ้าปัญหากับอากาศชื้นต้องสร้างอุปสรรคชวนปวดหัวตอนเลือกเสื้อผ้าของใครหลายคนแน่นอน เพราะไม่มีใครมีสภาพเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ ดังนั้น UNLOCKMEN จึงอยากแนะนำไอเทมเท่ ๆ รับหน้าฝนที่หนุ่ม ๆ ควรมีติดตัวไว้ รวมถึงไอเทมที่ไม่ควรหยิบมาใส่ช่วงนี้ว่ามีอะไรกันบ้าง WATERPROOF JACKET สำหรับใครที่ยังไม่มี Waterproof Jacket หรือเสื้อกันฝนดี ๆ สักตัวก็ควรเริ่มมองหากันไว้ได้แล้ว ถึงหนุ่มมีสไตล์ส่วนใหญ่มักจะไม่ชายตาแลเสื้อกันฝนที่ขายตามร้านสะดวกซื้อ เพราะมันเป็นเสื้อกันฝนที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งและติดภาพความคิดเดิมของสไตล์เสื้อกันฝนด้านบน แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินเพราะเดี๋ยวนี้เสื้อกันฝนแฟชั่นมีเยอะหลายประเภทมาก ทั้งเสื้อกันฝนที่เหมาะกับวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน เสื้อเทรนซ์ (Trench) หรือที่เสื้อโค้ทน้ำหนักเบาที่สามารถกันน้ำได้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะเนื้อผ้าที่ไม่หนาเกินไปเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น วันที่ฝนตกเพียงหยิบเสื้อเทรนซ์มาคลุมทับชุดทำงานก็ช่วยให้เราสามารถตะลุยฝ่าฝนไปทุกที่ ส่วนสีก็สามารถเลือกตามที่ชอบได้เลย นำมาสวมทับเสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ตก็ดูดีมีสไตล์มากกว่าเสื้อกันฝนตามร้านสะดวกซื้อเป็นไหน ๆ กางเกงที่พร้อมฝ่าฝนไปด้วยกัน หนึ่งในปัญหาที่หนุ่ม ๆ ทุกคนจะต้องพบเจอเหมือนกันช่วงหน้าฝนคงหนีไม่พ้นขากางเกงที่เปียกแฉะ ดังนั้นหากใครที่ใส่กางเกงขายาวไปทำงานหรือออกไปข้างนอกเป็นประจำก็ขอให้ลองอะไรใหม่ ๆ อย่างกางเกงขาสั้นดูบ้าง โดยเลือกเนื้อผ้า ลาย และสีที่เหมาะสม กรณีที่กลัวว่าไม่สุภาพก็สามารถใส่คู่กับเสื้อสูทเพื่อสร้างลุคกึ่งทางการได้ แต่ถ้าที่ทำงานไม่อนุญาตให้ใส่กางเกงขาสั้นจริง ๆ เราก็มีตัวเลือกที่สองให้กับผู้อ่านเสมอ กางเกงห้าส่วนหรือกางเกงขายาวตัวเก่งตัวเดิมเปลี่ยนสไตล์การสวมใส่โดยพับขาขึ้นก็จะทำให้เราเลิกกังวลเกี่ยวกับความเปียกได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน “เนื้อผ้า” สิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม ความชื้นจากฝนเป็นตัวอันตรายสำหรับกลิ่นกายโดยเฉพาะกับผู้ชายที่มีเหงื่อง่าย ดังนั้นการเลือกเสื้อที่มีเนื้อผ้าน้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดีเป็นสิ่งสำคัญ ผ้าที่เหมาะจะสวมใส่ช่วงหน้าฝนมีหลายประเภทด้วยกัน เช่น
วงการโฆษณาเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง ทำงานบนข้อจำกัดด้านเวลา พื้นที่เล่าเรื่อง และงบประมาณ แต่สิ่งที่ห้ามมีจำกัดคือจินตนาการ ดังนั้น ไม่ว่าโจทย์ที่ได้จะเป็นลูกค้าเจ้าเดิมที่พรุนสายตาผู้บริโภค อยู่มานาน หรือมีบรีฟที่จำเจขนาดไหน สิ่งที่คนทำงานต้องทำคือหยุดผู้บริโภคให้ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ฝังความทรงจำของผู้บริโภคให้นาน วันนี้เราจึงรวม Print Ads ซึ่งเป็นหนึ่งในแขนงงานโฆษณาที่เราชื่นชอบมากที่สุด เพราะมันมีโอกาสเล่าเรื่องด้วยภาพเพียงภาพเดียวเท่านั้นจากหลายแบรนด์ดัง หลายภาพในนี้ทำให้เราไต่ไปถึงคอนเซ็ปต์แบรนด์จนเกิดความประทับใจ ลองมาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง แล้วภาพพวกนี้ Kill คุณได้เหมือนที่เรารู้สึกหรือเปล่า McDonalds 24/7 ผลงานจาก Cream Electric Art สตูดิโอครีเอทีฟโปรดักชันที่ออกแบบโปสเตอร์โฆษณาให้กับ Fast Food เจ้าของตัวอักษร M ที่เราคุ้นเคยซึ่งจำหน่ายตลอด 24 ชั่วโมง โผล่มาอยู่ทุกช่วงเวลาสำหรับคนทุกอาชีพ ไม่ว่าค่ำคืนดึกดื่นแค่ไหน คุณจะได้เห็นอักษรสีเหลืองอยู่เป็นเพื่อนเสมอในทุก ๆ กิจกรรม อาทิ การลาดตระเวนของหน่วยรักษาความปลอดภัย การเล่นเกม คนที่ติดไฟแดงระหว่างขับรถยามค่ำ คู่เพื่อนที่ติวหนังสือกัน KFC ชิ้นนี้หลายคนเคยเห็นเวอร์ชันแรกกันไปแล้ว สำหรับเวอร์ชัน 2 เอเจนซี่ดังอย่าง Ogilvy & Mather
เคยมีงานวิจัยของ Massachusetts Institute of Technology (MIT) อ้างว่ากว่าจะออกมาเป็นสนีกเกอร์หนึ่งคู่ มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากถึง 13.6 กิโลกรัม ยิ่งถ้าการผลิตใช้วัสดุจากหนัง ตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าตัว แต่ต้องบอกว่าตอนนี้แฟชั่นสนีกเกอร์ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว หลายแบรนด์รองเท้าเริ่มหันมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่เพียงเน้นหนักแง่งานดีไซน์และประโยชน์ใช้สอย หากให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตโดยเลี่ยงการทำลายสิ่งแวดล้อมหรือน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในช่วงหลายปีมานี้เราเลยได้เห็นรองเท้าดีไซน์รักษ์โลกคลอดออกมาให้หนุ่ม ๆ หัวใจสีเขียวเลือกสอยกันไม่หยุดหย่อน UNLOCKMEN เลยอยากพาคุณสุภาพบุรุษไปชมสนีกเกอร์สุดเจ๋งจาก 5 แบรนด์ที่ทำจากสับปะรด ข้าวโพด พลาสติกชีวภาพ จวบจนขยะรีไซเคิล จะเท่และคลีนขนาดไหน ไปดูกัน! PLANT SHOE BY NATIVE SHOES สนีกเกอร์มินิมัลที่สร้างสรรค์โดยฝีมือของแบรนด์รองเท้าสัญชาติแคนาดา NATIVE SHOES คู่นี้ผลิตจากพืช 100% ได้ยูคาลิปตัส เปลือกสับปะรด ใยปอแก้วออร์แกนิก และยางพาราเป็นส่วนประกอบหลัก PLANT SHOE ดีไซน์มาให้เป็นแบบ unisex จึงสวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ด้านบนของรองเท้าทำจากเปลือกสับปะรดและใยปอแก้วออร์แกนิก ก่อนจะใช้น้ำมันมะกอกและกาวจากยางพาราเชื่อมวัสดุทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตัวพื้นรองเท้าด้านนอกทำจากน้ำยางพาราธรรมชาติ แต่ไม่ใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาทางปิโตรเคมีเหมือนกับยางชนิดอื่น ๆ ทำให้มันสามารถย่อยสลายจุลินทรีย์ได้เองตามธรรมชาติและเร็วกว่าปกติหลายเท่า รวมถึงกลายเป็นปุ๋ยหมักคุณภาพเยี่ยมได้อีกด้วย TREAD
ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์เก่าแก่ระดับโลกที่เหล่าบรรดาผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งเรือนเวลารู้จักกันดี กับแบรนด์ Longines (ลองจินส์)อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของนวัตกรรมเวลาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ยืนหยัดมายาวนานกว่า 187 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ริเริ่มผลิตนาฬิกาในปี 1832 ที่เมือง Saint-Imier ก่อนที่จะใช้ชื่อ Longines ซึ่งเป็นการนำเอาชื่อบริเวณที่ตั้งโรงงานมาใช้เป็นชื่อแบรนด์อย่างเป็นทางการ จากวันนั้นถึงวันนี้ชื่อเสียงของ Longines และโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกกลายเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก ในเรื่องของความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาที่มีดีไซน์เรียบหรู ผสานเข้ากับเทคโนโลยีการบอกเวลาทรงประสิทธิภาพ จนได้รับเลือกให้เป็นผู้จับเวลาการแข่งขันกีฬาระดับโลกมากมาย รวมถึงเป็นพันธมิตรกับสมาพันธ์กีฬานานาชาติ ทำให้ชื่อของ Longines เป็นส่วนหนึ่งของโลกกีฬามาโดยตลอด และคุณสมบัติเด่นเหล่านั้นได้รับการถ่ายทอดมาสู่เรือนเวลาคอลเลคชัน Longines Sport ซึ่งมี Longines HydroConquest ยืนหนึ่งเป็นรุ่นยอดนิยม ด้วยรูปลักษณ์ และฟังก์ชั่นตอบโจทย์โดนใจผู้ที่หลงใหลการออกผจญภัยในกีฬาทางน้ำ แต่ขณะเดียวกันภายใต้ดีไซน์สปอร์ตนั้นก็ยังคงความเรียบหรูสง่างามอันเป็นหัวใจของแบรนด์ไว้ได้เป็นอย่างดี THE NEW HYDROCONQUEST หลังจากที่ Longines เปิดตัวนาฬิกาขอบตัวเรือนเซรามิกสีต่าง ๆ ในคอลเลกชัน HydroConquest ไปเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดยังได้มีการเติมความสมบูรณ์แบบให้กับคอลเลกชัน HydroConquest อีกครั้ง ด้วยเรือนเวลาโฉมใหม่ขยี้ใจคนชอบของดำด้วย All-black ceramic version ผลิตจากเซรามิกสีดำทั้งตัวเรือน ที่ยังคงสะท้อนถึงแรงบันดาลใจจากโลกกีฬาทางน้ำ ผสมผสานเข้ากับความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีการผลิต และความเท่แบบหรู ๆ ดูมีระดับตามสไตล์ Longines เอาไว้อย่างชัดเจน สำหรับวัสดุที่ใช้นั้นขอบอกว่าไม่ใช่เซรามิกแบบไก่กา แต่ Longines HydroConquest โฉม All-black มาพร้อมตัวเรือนที่ผลิตขึ้นจาก
เพราะการแต่งกายไม่ได้เป็นเพียงเครื่องนุ่งห่ม แต่การแต่งกายบ่งบอกไลฟ์สไตล์ สะท้อนตัวตน ไปจนถึงแสดงวิธีคิดเบื้องลึกของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนาฬิกาซึ่งถือเป็นไอเทมคู่ใจ ใคร ๆ ก็มองเห็นได้ง่ายจึงสามารถบอกเล่าเรื่องราวของผู้สวมใส่ได้ไม่น้อย การจะเลือกนาฬิกาสักเรือนที่ตอบโจทย์สไตล์การแต่งตัว แต่ขณะเดียวกันก็มีแก่นและคอนเซปต์ชวนค้นหาจึงเป็นเรื่องสุดท้าทายสำหรับผู้ชายอย่างเรา ๆ โดยเฉพาะผู้ชายที่นิยมชมชอบวิถีมินิมัลและต้องการไอเทมที่มีดีไซน์เรียบง่าย แต่ก็ยังต้องการนำเสนอแก่นแท้และวิธีคิดสุดลึกล้ำเพื่อแสดงให้เห็นว่าภายใต้ความเรียบเท่ ตัวตนของเรามีเรื่องราวมากมายรอให้ค้นเจอ วันนี้เราจึงมีไอเทมสำหรับผู้ชายผู้หลงใหลความมินิมัลมาแนะนำ “ISSEY MIYAKE 1/6” นาฬิกาดีไซน์เรียบเท่ แต่อัดแน่นด้วยคอนเซปต์และไอเดียเบื้องหลังการดีไซน์สุดลึกล้ำที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Tradition Scale หรือ เครื่องมือวัดรุ่นเก่า อีกทั้งยังเป็นการร่วมงานครั้งสำคัญระหว่างแบรนด์ ISSEY MIYAKE WATCH Project และ Nao Tamura ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก แม้ปกติ Nao Tamura จะออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ไลต์ติ้งและอื่น ๆ มาไม่น้อย แต่ความพิเศษสำหรับงานดีไซน์ชิ้นนี้คือการออกแบบนาฬิกาทั้งเรือนครั้งแรกของเธอ จึงยิ่งทำให้มุมมองการดีไซน์นั้นเต็มไปด้วยความสดใหม่ ดึงดูดใจ และไร้กรอบแห่งความจำเจมาจำกัด “วินาทีที่นาฬิกาพาดอยู่บนข้อมือ มันเสริมสร้างตัวตนและเอกลักษณ์ให้กับผู้สวมใส่ด้วย อาจพูดได้ว่านาฬิกาคือที่ซึ่งอารมณ์และฟังก์ชันรวมอยู่ด้วยกัน” – Nao Tamura สำหรับ Nao Tamura นาฬิกาจึงเป็นพื้นที่แห่งฟังก์ชัน แต่ในขณะเดียวก็มีอารมณ์อันซับซ้อนซ่อนอยู่ เธอต้องการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นมากกว่านาฬิกาทั่วไป
ย้อนไปเมื่อ 40 ปีก่อน สมัยที่อินเทอร์เน็ตกับสมาร์ตโฟนยังไม่ค่อยคุ้นหู และเชื่อว่าระบบสตรีมมิ่งเพลงก็คงยังไม่เกิด ในตอนนั้นผู้คนที่หลงรักเสียงดนตรีต้องฟังเพลงผ่านวิทยุทรานซิสเตอร์ แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักของมัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพกเพลงไปฟังได้ทุกหนแห่ง แถมผู้ใช้ยังไม่อาจเลือกเพลย์ลิสต์ที่ตนอยากฟังได้ตามใจนึก Masaru Ibuka และ Akio Morita สองผู้ก่อตั้ง SONY พร้อมกับทีมวิศวกรแผนกเทปจึงร่วมกันคิดค้นเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา โดยมีโจทย์ในการออกแบบคือขนาดที่กะทัดรัดและสามารถให้ผู้ใช้เลือกเพลงฟังได้ตามต้องการ พวกเขาจึงนำเครื่องบันทึกเทปของนักข่าวมาดัดแปลง ตัดฟังก์ชันการอัดเสียงออกไปและเพิ่มวงจรสเตอริโอกับชุดหูฟังเข้าไปแทน ในยุคที่โลกยังไม่รู้จักเครื่องเล่นเพลงมากนัก ทำให้กระแสความนิยมของ SONY WALKMAN ก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ใช่ผู้ผลิตรายแรกที่เข้ามาในตลาด แต่ต้องยอมรับว่าเครื่องเล่นเพลงชิ้นนี้มีวิวัฒนาการที่น่าทึ่ง และไม่นานนักชื่อของ WALKMAN ก็กลายเป็นที่นิยมของคนทั่วโลกอย่างง่ายดาย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ SONY ได้จัดนิทรรศการเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ครบรอบ 40 ปี ของ WALKMAN ใจกลาง Ginza ย่านชอปปิงที่คึกคักที่สุดของโตเกียว งานนี้มีการแสดงอุปกรณ์ SONY WALKMAN กว่า 230 เครื่อง ตั้งแต่ TPS-L2 รุ่นแรกของปี 1979 ยันรุ่นล่าสุดของปี 2019 ตัวงานแบ่งเป็นสองส่วนคือโซน
Michael Fassbender ถือเป็นนักแสดงชายแถวหน้าของฮอลลีวูด ด้วยผลงานแสดงมากมากมายไม่ว่าจะเป็นบท Bobby Sands จากเรื่อง Hunger ไปจนถึงบทสุดท้าทายเกี่ยวกับชายหนุ่มติดเซ็กซ์ในเรื่อง Shame หรือบทเจ้าของฟาร์มโรคจิต 12 Years A Slave หรือบทที่ทุกคนจำเขาได้แม่นกับ Magneto ในแฟรนไชส์ X-Men และก็เคยมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสองครั้งจากบทบาทการแสดงที่หลากหลายของเขา หลังจากที่เห็นผลงานด้านการแสดงมามากแล้ว ทำให้ UNLOCKMEN ต้องการสำรวจแฟชั่นของหนุ่มมาดเท่คนนี้ว่าแต่ละสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป Michael Fassbender จะเป็นชายที่มีสไตล์การแต่งตัวแบบไหน แฟชั่นเสื้อโปโลในวันสบาย ๆ Michael Fassbender คือชายหนุ่มที่อยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่วัยรุ่น ทำให้เราเห็นสไตล์การแต่งตัวที่หลากหลายจากเขา อย่างเช่นปี 2011 หรือประมาณ 8 ปีก่อนในงาน International Film Festival ก็จะเห็น Michael หนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวเซอร์ ๆ ด้วยเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนสีน้ำเงิน กับแหวนเงินเท่ ๆ และแว่นกันแดด แต่เมื่อเวลาผ่านไปสไตล์การแต่งตัวของเขาก็เปลี่ยนไปตามวัย Michael Fassbender มักแต่งตัวสบาย
เชื่อว่าหลายคนคงพอรู้จัก STRANGER THINGS ซีรีส์ย้อนยุคที่ฉายในเน็ตฟลิกซ์มาแล้วสองภาค ว่าด้วยเรื่องเด็กชายที่หายตัวไปอย่างลึกลับและมีเหตุประหลาดเกิดขึ้นในเมือง ถือเป็นซีรีส์ที่ผนวกความลี้ลับและการทดลองทางวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างไร้ที่ติ แน่นอนว่าระดับความมันส์อยู่ในขั้นสุดและได้ใจผู้ชายหลายคนไปเต็ม ๆ หลังจากปล่อยให้แฟนซีรีส์ทนคิดถึงอยู่นาน STRANGER THINGS ภาค 3 ก็เตรียมลงจอเน็ตฟลิกซ์ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ต้องบอกว่าจุดเด่นของซีรีส์ที่เท่ไม่แพ้พล็อตเรื่อง คือสไตล์การแต่งตัวและกลิ่นอายของยุค 80s ที่ทำเอาหลากแบรนด์แฟชั่นต้องจับมาคอลแลปส์กับไอเทมต่าง ๆ ของตน แม้แต่โพลารอยด์เองก็ทนไม่ไหวต้องหยิบความไอคอนิกและดีเอ็นเอสุดเข้มข้นของซีรีส์เรื่องดัง มารังสรรค์เป็นกล้องโพลารอยด์รุ่นพิเศษ ‘ONESTEP 2: STRANGER THINGS EDITION’ ที่ดีไซน์ตัวกล้องให้กลับหัวล้อกันกับโลก upside down แถมออกแบบบอดี้ให้ดูเรียบง่าย ย้อนยุค และสื่อถึงความเป็น STRANGER THINGS ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ตัวบอดี้ดีไซน์ด้วยสีน้ำเงินและสอดแทรกความดุดันด้วยสีแดงดำ เสริมความคลาสสิกอีกทีด้วยฟิล์มโพลารอยด์ 600 แบบดั้งเดิม ทั้งยังผลิตฟิล์ม i-Type รุ่นพิเศษและออกแบบลวดลายบนขอบฟิล์มทั้ง 16 แบบตามสไตล์ยุค 80s บันทึกภาพแบบร่วมสมัยด้วยเลนส์ high-quality 2ft พร้อมจับภาพที่คมชัดและถ่ายภาพได้ดีในสภาพแสงที่น้อยสุดท้าทาย เปิดมุมมอง 41 องศาในแนวตั้งและมุมมองแบบ