หากยังจำกันได้ ‘TAG Heuer’ แบรนด์นาฬิกาหรูหราสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์เคยเปิดตัวสมาร์ตวอตช์เรือนแรกในปี 2015 แล้วในปี 2020 นี้ ‘TAG Heuer Connected Smartwatch’ รุ่นที่สามของแบรนด์กำลังจะกลับมาโลดแล่นในแวดวงเครื่องบอกเวลาอีกครั้ง TAG Heuer Connected Smartwatch มาพร้อมเคสแบบใหม่ ระบบซอฟต์แวร์ที่อัปเกรดใหม่ และใช้ชิ้นส่วนประกอบ Modular Design ที่ง่ายต่อการปรับเปลี่ยน แถมหนุ่ม ๆ ยังสามารถจับคู่หน้าปัดกับสายรัดหลากรูปแบบ ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานทั่วไป การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การเล่นกีฬาก็ตาม Frédéric Arnault หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และเจ้าหน้าที่ดิจิทัลของ TAG Heuer กล่าวว่า TAG Heuer Connected Smartwatch ออกแบบจากความหลงใหลและใส่ใจทุกรายละเอียดยิบย่อยเช่นเดียวกับนาฬิกาเชิงกลของแบรนด์ นี่จึงไม่ได้เป็นแค่นาฬิกาหรูหรางดงาม หากเป็นนาฬิกาในยุคดิจิทัลที่สอดรับกับหลากหลายความต้องการของกลุ่มลูกค้า นาฬิกาแต่ละเรือนในคอลเลกชันนี้ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิการะบบกลไกจับเวลาโครโนกราฟรุ่นในตำนานของ TAG Heuer เรียกได้ว่าน่าเชื่อถือทั้งด้านการจับเวลาและความเป็นเลิศของงานดีไซน์เลย ตัวเรือนมีขนาด 45 มิลลิเมตร ใช้แบตเตอรี่ความจุ 430 mAh แถมใต้หน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์ที่แข็งแรงทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี ยังซ่อนหน้าจอสัมผัส OLED
สำหรับผู้ชายอย่างเรา ‘นาฬิกา’ ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบอกเวลาเคลื่อนที่เท่านั้น หากเป็นไอเทมติดข้อมือที่สะท้อนรสนิยมและถ่ายทอดตัวตนของผู้สวมใส่ออกมาได้อย่างลึกซึ้งแทบทุกกระเบียดนิ้ว บริบทของนาฬิกาในปัจจุบันจึงเปลี่ยนแปลงไปและต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง นาฬิกากลายเป็นไอเทมแฟชั่น เป็นของสะสมที่เหล่าคอลเลกเตอร์หลงใหล หรือแม้แต่เป็นสิ่งของที่บอกความภาคภูมิใจและเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ใครอาจยังไม่รู้ แล้วถ้าจะพูดถึงเรือนเวลาที่เดินเข็มบนหน้าปัดประวัติศาสตร์มาหลายช่วงอายุคน คงจะลืมชื่อของ ‘Hamilton (แฮมิลตัน)’ ไปไม่ได้เลย นอกจากได้สมญานามว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำผู้สร้างสรรค์นาฬิกานักบิน (Aviator Watch) แล้ว Hamilton ยังเป็นแบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาให้กองทัพสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปี 1914 และได้รับเลือกจากกรมไปรษณีย์กลางสหรัฐฯ ให้ใช้บนเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ไปยังนครนิวยอร์กในปี 1919 เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ผู้คร่ำหวอดในแวดวงเรือนเวลาอย่างแท้จริง Hamilton เรือนเวลาสุดแกร่งแห่งห้วงประวัติศาสตร์ หากย้อนไปสมัยสงครามโลกที่เทคโนโลยีการทหารยังไม่ได้ก้าวหน้าล้ำสมัยเฉกเช่นปัจจุบัน บวกกับการสื่อสารผ่านวิทยุอาจสุ่มเสี่ยงเกินไป ถูกดักฟัง หรือทำให้แผนการรบรั่วไหลได้ เหล่านักบินในยุคนั้นจึงต้องการนาฬิกาข้อมือที่สามารถบอกเวลาได้อย่างละเอียดแม่นยำ ตั้งแต่เข็มชั่วโมง เข็มนาที และเล็กลงไปถึงหน่วยเข็มวินาที นาฬิกานักบิน หรือ Aviator Watch จึงถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางสมรภูมิรบอันดุเดือด นับเป็นเรือนเวลาที่โดดเด่นด้วยกลไกการเดินเข็มเที่ยงตรงแม่นยำ และเข้ามาตอบสนองทุกความต้องการของกองทัพในตอนนั้น ไม่เพียงช่วยให้ตำแหน่งเป้าหมายชัดเจน การสื่อสารไม่คลาดเคลื่อน และทำให้กลยุทธ์ต่าง ๆ สัมฤทธิ์ผล นาฬิกานักบินยังเป็นตัวแปรสำคัญของสงครามและเปรียบได้กับวินาทีชี้ตายของนักบิน เพราะการบอกเวลาผิดพลาดเพียงวินาทีเดียวสามารถตัดสินได้เลยว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะหรือปราชัยในสงครามครั้งนี้ ‘Hamilton Khaki Pilot Pioneer
ถ้าจะพูดถึงแบรนด์นาฬิกาคุณภาพที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์งานดีไซน์เฉพาะตัว กลไกการเดินเข็มที่ได้มาตรฐาน และมีชื่อเสียงระดับตำนานในแวดวงนาฬิกาโลก คงจะลืมชื่อของ ‘Seiko’ แบรนด์นาฬิกาจากแดนอาทิตย์อุทัยไปไม่ได้เลย แม้ Seiko จะมีประวัติศาสตร์ยาวนานและโลดแล่นเดินเข็มอยู่ในวงการนาฬิกามาเกือบ 140 ปี แต่แบรนด์นาฬิการายนี้ก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเรือนเวลาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่เริ่มต้นปี 2020 ด้วยการเปิดตัวคอลเลกชันนาฬิกาดำน้ำในตระกูล ‘Black Series’ ของไลน์อัป Seiko Prospex ก็ทำเอาหนุ่ม ๆ ทั่วโลกอยู่ไม่ติดเก้าอี้และกาปฏิทินรอวันวางจำหน่ายที่จะมาในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมปี 2020 นี้ แล้วตอนนี้ Seiko ก็ทำเราเซอร์ไพรส์อีกครั้ง เพราะบริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกา Seiko เตรียมขยายฐานการผลิตและประกาศเปิด Pop-up Store แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ Pop-up Store แห่งนี้จะตั้งอยู่ที่สยามเซ็นเตอร์ ชั้น M แหล่งรวมไลฟ์สไตล์และสินค้าแฟชั่นยอดนิยมของคนกรุงเทพฯ ภายในร้าน Seiko Pop-up Store มาพร้อมงานดีไซน์สุดเท่ ประดับตกแต่งร้านด้วย LED Track Light และโครงเหล็กสีดำเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือนเวลาจาก
ตั้งแต่ปลายปี 2019 มาจนถึงต้นปี 2020 อย่างตอนนี้ นอกจากหลากแบรนด์นาฬิกาจะนิยมนำโมเดลรุ่นไอคอนิกมาต่อยอดและสร้างงานดีไซน์แบบร่วมสมัยแล้ว หลายแบรนด์ยังเริ่มหันมาสนใจการผลิตนาฬิกาทหารมากขึ้นด้วย ล่าสุดแบรนด์นาฬิกายอดนิยมตลอดกาล Casio จับมือกับกองทัพอังกฤษ หรือ กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร (The United Kingdom’s Ministry of Defence) เปิดตัว ‘G-SHOCK x The British Army Mudmaster’ นาฬิกาลายพรางที่มีรูปลักษณ์เท่ดุดันแบบทหาร และใช้วัสดุแข็งแรงทนทานเพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายหรือท้าทาย นาฬิกาเรือนนี้ถือเป็นนาฬิกาหนึ่งในสามรุ่นพิเศษของ Casio ที่เปิดตัวในปี 2020 ใช้เคสเรซินเสริมคาร์บอนสามชั้นและ Carbon Core Guard โครงสร้างต้านแรงสั่นสะเทือนที่พัฒนาขึ้นใหม่ นำวัสดุคาร์บอนที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทานมาใช้ ช่วยให้นาฬิกาเรือนนี้ทนต่อแทบทุกสภาพอากาศได้ ขณะเดียวกันผู้สวมใส่ก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องตัว เพราะตัวเรือนมีขนาด 53 มิลลิเมตรและน้ำหนักอยู่ที่ 92 กรัมเท่านั้น เหตุที่หน้าปัดของ G-SHOCK x The British Army Mudmaster ดีไซน์มาเป็นสีดำ เนื่องจากกองทัพอังกฤษต้องการให้ผลิตนาฬิกาที่ไม่ดึงดูดความสนใจขณะสวมใส่มากเกินไป แถมสีดำยังช่วยพรางและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมมากกว่า ตัวหน้าปัดใช้กระจก
ในแวดวงแฟชั่นและผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่น คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่มีชื่อว่า Issey Miyake ซึ่งใช้ชื่อเดียวกันกับดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เด็กหนุ่มจากฮิโรชิมาที่สร้างสรรค์งานออกแบบทั้งเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายได้อย่างน่าประทับใจเสมอมา Issey Miyake มักสร้างปรากฏการณ์น่าทึ่งให้กับโลกของแฟชั่นอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการเปิดศักราชใหม่อย่างงดงามด้วยนาฬิกาคอลเลกชันล่าสุดที่ดึงดีไซเนอร์ระดับตำนานอย่าง Satoshi Wada (ซาโตชิ วาดะ) ชายผู้เคยสร้างฝีมือให้โลกประจักษ์ด้วยการดีไซน์รถยนต์ Audi A5 ทำให้รถยนต์รุ่นนี้ถูกกล่าวขานว่าเป็น “The most beautiful coupé in the world” หรือ “รถคูเป้ที่สวยที่สุดในโลก” การเจอกันระหว่าง Issey Miyake กับ Satoshi Wada ในครั้งนี้ไม่ใช่การเจอกันครั้งแรก แต่ทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาแล้วเพื่อสร้างสรรค์นาฬิกาคอลเลกชัน “W” ที่โดดเด่นด้วยสไตล์มินิมัลและได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบรถยนต์ของ Satoshi Wada และมาในปี 2020 พวกเขาก็ได้ดีไซน์เรือนเวลาสุดพิเศษขึ้นอีกครั้งกับคอลเลกชัน “U” Series ชื่อของคอลเลกชัน “U” Series มีที่มาจากคำว่า ‘Unidentified’ รวบรวมจุดเด่นของความหลากหลายแตกต่างนำมาไว้บนเรือนเวลา เพราะ Satoshi Wada ขึ้นชื่อเรื่องงานดีไซน์ที่เน้นความมินิมัลผสมผสานกับความร่วมสมัย ส่งให้นาฬิกาเต็มไปด้วยความคลาสสิกผสมผสานความสากลในสไตล์ของ
‘Panerai’ หนึ่งในแบรนด์นาฬิกาไฮเอนด์จากเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ที่โดดเด่นด้วยงานดีไซน์นาฬิการ่วมสมัย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แถมยังได้รับความไว้วางใจจากกองทัพเรืออิตาลีให้ผลิตนาฬิกา ทั้งรุ่น Marina Militare นาฬิกาดำน้ำสุดแข็งแกร่งอย่าง Radiomir หรือแม้แต่รุ่น PAM 232 ที่ตอกย้ำว่าแบรนด์นี้คือผู้ผลิตเรือนเวลาให้กับกองทัพเรืออิตาลีอย่างเป็นทางการและเพียงผู้เดียว เมื่อ Panerai ย้ายฐานการผลิตจากอิตาลีไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บวกกับการที่บริษัท Richemont เข้ามาบริหารกิจการต่อในปี 1997 และนำการตลาดแบบใหม่มาใช้ ทำให้แบรนด์นาฬิกาสัญชาติอิตาเลียนรายนี้ประสบความสำเร็จและโด่งดังไปทั่วโลก แม้จะมีบางช่วงที่ Panerai ปล่อยนาฬิการุ่น limited-edition ออกมาล้นตลาด จนทำให้เหล่านักสะสมชั่งใจที่จะซื้อและคิดทบทวนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้อีกครั้ง แต่เมื่อผ่านช่วงวิกฤตมาได้ Panerai ก็เป็นที่พูดถึงและชื่อเสียงของ “นาฬิกาที่ยิ่งซื้อแพง ยิ่งขายต่อได้แพง” ก็เริ่มหวนคืนสู่แวดวงเครื่องบอกเวลาอย่างน่าภูมิใจ เมื่อไม่กี่วันมานี้ Panerai ก็เพิ่งประกาศเปิดตัวนาฬิกาในคอลเลกชัน Luminor Marina รุ่นล่าสุดอย่าง ‘PAM1661 Luminor Marina Carbotech’ เป็นนาฬิกาดำน้ำกึ่งสปอร์ตสุดเท่ที่ชวนให้คิดถึงรุ่น Lab-ID อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และเป็นรุ่นที่หนุ่ม ๆ สาวก Panerai ทุกคนหลงรัก PAM1661
ต้องยอมรับว่า G-SHOCK ของ Casio เป็นอีกแบรนด์นาฬิกาที่โด่งดังไปทั่วโลก และเชื่อว่าหนุ่ม ๆ สายสตรีตหรือผู้ที่ชอบแต่งตัวแบบ casual style คงหลงรักนาฬิกาจากแดนอาทิตย์อุทัยแบรนด์นี้แน่นอน เพราะนอกจากคุณภาพตัวเรือนที่ได้มาตรฐาน ยังมาพร้อมงานดีไซน์เอกลักษณ์และมิกซ์แอนด์แมตช์เข้าได้กับแทบทุกชุดของผู้ชายเรา ในปี 1995 Casio เคยเปิดตัวนาฬิกา ‘G-SHOCK DW-6900’ ที่นิยมอย่างรวดเร็วและกลายเป็นรุ่นไอคอนิกของแบรนด์ไปโดยปริยาย แถมรุ่นนี้ยังได้รับฉายาว่า “Third Eye” บ่งบอกถึงประสิทธิภาพสามด้านพื้นฐานของการออกแบบนาฬิกา ปี 2020 นี้ Casio G-SHOCK จึงฉลองครบรอบ 25 ปีของนาฬิการุ่น G-SHOCK DW-6900 พร้อมนำโมเดลดังกล่าวมาปรับโฉมและเพิ่มกรอบโลหะสุดเท่แบบใหม่เข้า ภายใต้ชื่อ ‘G-SHOCK GM-6900 Metal Bezel’ ขณะที่แบรนด์นาฬิกาคลาสสิกจำนวนมากนำเสนอกลไกแอนะล็อก แต่ G-SHOCK GM-6900 Metal Bezel รุ่นนี้กลับใช้กลไกแบบดิจิทัล ที่ไม่เพียงช่วยให้อ่านเวลาได้ง่าย หากยังใช้งานหน้าปัดในรูปแบบอื่น ๆ ได้ ที่ไม่ใช่แค่แสดงวันที่หรือเวลาปัจจุบันเท่านั้น นอกจากนาฬิการุ่นนี้จะใช้หน้าปัดที่ทำจากกระจกเงาสุดแกร่ง ตัวกรอบโลหะยังดีไซน์พื้นผิวแบบด้านมาให้เลือกสามสี ทั้งรุ่น
Seiko เริ่มต้นปี 2020 ด้วยการประกาศเปิดตัวนาฬิกาสามรุ่นล่าสุดในตระกูล ‘Black Series’ ของไลน์อัป Seiko Prospex ประกอบไปด้วยรุ่น SLA035J1, SPB125J1 และ SSC761J1 ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความมืดมิดและระดับความลึกใต้มหาสมุทร นาฬิกาทั้งสามรุ่นถูกห่อหุ้มด้วยเคสสเตนเลสสีดำไอออน สะท้อนความงดงามใต้ท้องทะเลลึก พร้อมสอดแทรกรายละเอียดงานดีไซน์บนหน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และใช้เทคโนโลยีส่องสว่าง LumiBrite ช่วยให้มองเห็นใต้น้ำได้แจ่มชัดยิ่งขึ้น SEIKO PROSPEX BLACK SERIES SLA035J1 นาฬิการุ่นนี้ใช้โมเดล SLA021 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นาน เป็นพื้นฐานการออกแบบ แถมยังได้สมญานามว่าเป็นทายาทของ MarineMaster 300 หนึ่งในนาฬิกาดำน้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Seiko ‘SLA035J1’ มาพร้อมตัวเรือนแบบชิ้นเดียว (Monobloc) และสายซิลิโคนสีดำกับหัวเข็มขัดแบบหมุด นอกจากงานดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยว เรือนนี้ยังใช้กลไก Calibre 8L35 ที่แม่นยำและน่าเชื่อถืออีกด้วย บนหน้าปัดขนาด 44.3 มิลลิเมตร ตกแต่งด้วยเข็มวินาทีสีแดงเด่น มีฝาเซรามิกแบบทิศทางเดียวที่แข็งแรงทนทาน ช่วยให้นาฬิกากันน้ำได้ลึกถึง 300 เมตร หน้าปัดยังใช้เทคโนโลยีส่องสว่าง Lumibrite ที่ให้ความสว่างมากกว่าและนานกว่าสารเรืองแสงทั่วไป
หากจะพูดถึงการผลิตนาฬิกาคุณภาพ เชื่อว่าคงมีไม่กี่ประเทศที่ผู้ชายนึกถึง หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ ‘สวิตเซอร์แลนด์’ ปรากฏขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ ย้อนไปในปี 1983 แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิสฯ อย่าง ‘Swatch’ ได้ถือกำเนิดขึ้น นับแต่นั้นประเทศดินแดนแห่งขุนเขาก็กลายเป็นประเทศผู้ผลิตนาฬิกาทำมือที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกไปโดยปริยาย และปฏิเสธไม่ได้ว่า Swatch เป็นอีกแรงขับเคลื่อนที่ช่วยให้นาฬิกาขึ้นเป็นอันดับหนึ่งจากอุตสาหกรรมการส่งออกทั้งหมดของประเทศนี้ หลังจาก Swatch สร้างแบรนด์ได้ประมาณ 2 ปี Marlyse Schmid ก็ออกแบบ ‘Swatch Jellyfish’ นาฬิกาโปร่งใสเรือนแรกของแบรนด์ที่ได้แรงบันดาลใจจากแมงกะพรุน และเป็นนาฬิการุ่น limited-edition ที่วางขายเพียง 200 เรือนทั่วโลก ตอนนี้ Swatch นำนาฬิกาไอคอนิกแห่งปี 1985 เรือนนั้นมาต่อยอดและสร้างขึ้นใหม่ในตระกูล Big Bold โดยออกแบบตัวเรือนให้ใหญ่กว่าเดิม คงระบบการเดินเข็มแบบควอตซ์ (Quartz) และวางจำหน่ายด้วยราคาย่อมเยาที่ผู้ชายเราจับต้องได้ ‘Swatch Big Bold Jellyfish (SO27E100)’ ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ตัวเรือนเป็นพลาสติกโปร่งใสที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 47 มิลลิเมตร ซึ่งกว้างกว่ารุ่นก่อนถึง 13 มิลลิเมตร
นาฬิกาถือเป็นไอเทมที่อยู่คู่กับเหล่าสุภาพบุรุษมาอย่างยาวนาน บางคนมองว่านาฬิกาคือสิ่งที่ต้องพกติดตัวไปทุกที่เพื่อบอกเวลา บางคนมองว่านาฬิกาเป็นแฟชั่น และหลายคนชื่นชอบสไตล์รวมถึงดีไซน์ที่เฉพาะตัวของแต่ละแบรนด์ ด้วยมุมมองที่แตกต่างทั้งหมดทำให้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับนาฬิกาแบรนด์ Hublot ที่หยิบวัสดุสุดล้ำค่าอย่างแซฟไฟร์มาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นเรือนเวลาร่วมสมัยที่ตอบโจทย์ใครหลายคน Hublot (อูโบลท์) แบรนด์นาฬิกาสวิตฯ ก่อตั้งโดย Carlo Crocco เมื่อปี 1980 ถือเป็นนาฬิกาแบรนด์แรกที่ริเริ่มเอาแผ่นยางธรรมชาติมาทำเป็นสายนาฬิกาเพื่อใช้กับตัวเรือนทำจากทองคำ ซึ่งการนำยางมาเป็นส่วนประกอบของนาฬิกาเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตแบรนด์อื่นในช่วงเวลานั้นมองว่าไม่น่าจะมีใครชอบและต้องขายไม่ออกอย่างแน่นอน ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม ผู้คนชื่นชอบไอเดียสายนาฬิกาแบบยางของ Hublot แต่แบรนด์ก็ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างเท่าไหร่นักจนปี 2004 เมื่อ Jean-Clsude Biver ขึ้นมารับตำแหน่ง CEO พร้อมกับสร้างคอลเลกชันเรือนเวลาชื่อว่า Big Bang นาฬิกาสปอร์ตโครโนกราฟบอกเวลาอย่างแม่นยำ โดยมักใช้วัสดุหลายอย่างมาผลิตทั้ง ทองคำ เหล็ก และอัญมณี พร้อมกับการกระโดดเข้าสู่วงการกีฬาด้วยการเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลชื่อดังจากเกาะอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2008 ด้วยการริเริ่มอะไรหลาย ๆ อย่างและยังไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ทำให้ในที่สุดจากแบรนด์นาฬิกาน้องใหม่นอกสายตากลายเป็นนาฬิกาแบรนด์ดังที่คนเล่นจะต้องรู้จัก แถมตอนนี้ Hublot ก็เตรียมสร้างสรรค์สิ่งใหม่อีกครั้งด้วยเรือนเวลาจากวัสดุราคาสูงอย่างแซฟไฟร์ในคอลเลกชัน ‘Spirit of Big Bang Sapphire’ เรือนเวลาคอลเลกชัน