ถือเป็นสามีตัวอย่างที่เราต้องยอมยกนิ้วโป้งให้เลยจริง ๆ ชายหนุ่มนัก Surf ผู้กล้ากระโดดต่อยปลาฉลามที่กำลังกัดโจมตีภรรยาของเค้าจนมันยอมปล่อยและเอาชีวิตรอดมาได้ Chantelle Doyle สาวนัก Surf สัญชาติ Australia อายุ 35 ผู้กำลังโต้คลื่นอยู่ริมหาด Shelly Beach เมือง New South Wales จู่ ๆ ก็มีปลาฉลามขาวยาวประมาณ 3 เมตร พุ่งเข้าโจมตีขาขวาของเธออย่างรุนแรง เมื่อเห็นภรรยาตกอยู่ในอันตราย Mr. Doyle จึง paddle บนบอร์ดก่อนจะกระโดดพุ่งเข้าไปปลาฉลามและประเคนหมัดใส่ไม่ยั้ง กระทั่งปลาฉลามขาวยาว 3 เมตรต้องยอมแพ้ ถอยหนีหายไปในทะเล เจ้าหน้าที่บอกว่า ผู้คนบนชายหาดช่วยกันปฐมพยาบาล Ms Doyle ได้อย่างยอดเยี่ยมระหว่างที่รอคอปเตอร์มาขนย้ายเธอไปทำการรักษาต่อในโรงพยาบาล และอาการพ้นขีดอันตรายเรียบร้อยแล้ว Surf Life Saving NSW chief executive Steven Pearce พูดถึง Mr Doyle สามีแห่งชาติด้วยความยกย่องว่า “This
“การนอนหลับ” ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาเพื่อให้ร่างกายและสมองของมนุษย์ได้ชาร์จพลังเพื่อกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้งได้อย่างมีคุณภาพ พอ ๆ กับที่การนอนหลับก็ยังมีหลากหลายแง่มุมที่มนุษย์ยังพยายามหาคำตอบ รวมถึงคำถามที่ว่าทำไมบางคนถึงได้นอนหลับง่ายดายและแสนสุข ในขณะที่หลายคนกลับทนทุกข์ทรมาน เพราะไม่สามารถนอนหลับให้เพียงพอได้เลย สารพัดปัจจัยที่ถูกนำมาศึกษาหาคำตอบ ทั้งเรื่องการดื่มกาแฟมากไป พฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม การเข้านอนและตื่นนอนไม่เป็นเวลา ไปจนถึงการใช้สมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน ฯลฯ หรือแม้กระทั่ง “รายได้” ก็กลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อคุณภาพการนอนได้เหมือนกัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคประเทศสหรัฐอเมริกาทำแบบสำรวจสอบถามกลุ่มตัวอย่างในสหรัฐอเมริกา 140,000 คน ระหว่าง ค.ศ. 2011-2014 พบว่ารายได้ส่งผลต่อคุณภาพการนอนของผู้คน โดยรายได้ที่สูงขึ้นมีแนวโน้มจะทำให้คนนั้นสามารถพักผ่อนอย่างเต็มที่ตลอดคืนมากขึ้นตามไปด้วย ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคประเทศสหรัฐอเมริกานิยามการ “พักผ่อนเต็มที่ตลอดคืน” ไว้ที่ 6 ชั่วโมงขึ้นไป โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้ต่ำกว่า “เส้นแบ่งความยากจน” ของประเทศ มีเพียง 64.8% ที่นอนหลับอย่างมีคุณภาพ นั่นหมายความว่า 1 ใน 3 ของคนที่มีรายได้น้อย (ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจน) มีคุณภาพการนอนที่ไม่ดี ไม่สามารถเข้าถึงการพักผ่อนที่เพียงพอได้ ในขณะที่ผู้มีรายได้สูงกว่าเส้นแบ่งความยากจนนั้น มีคุณภาพการนอนที่ดีกว่า แล้วใช้อะไรกำหนดว่าใครรวยกว่า ใครจนกว่า? คำตอบก็คือ “เส้นแบ่งความยากจน” ที่ถือเป็นระดับรายได้อันเพียงพอจะใช้ชีวิตในประเทศหนึ่ง โดยแต่ละประเทศก็มีเส้นแบ่งที่แตกต่างกัน ประเทศพัฒนาแล้วจึงอาจมีเส้นแบ่งความยกจนสูงกว่าประเทศกำลังพัฒนา เส้นแบ่งความยากจนของสหรัฐฯ ณ
เชื่อว่าหนุ่ม ๆ ที่สนใจในรถยนต์หลายคนคงคุ้นเคยดีกับโมเดลเปิดประทุนคันเล็กจากยุค 90’s อย่าง Mazda MX-5 หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ Mazda Miata และ MX-5 Miata หนึ่งในโมเดลรถยนต์ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนมาสด้าให้เป็นที่รู้จัก และกลายเป็นรากฐานสำคัญให้แบรนด์ให้เวลาต่อ แต่อะไรคือเหตุผลที่ทำให้รถยนต์คันนี้ สามารถรักษาความเชื่อมั่นจากคนรักความเร็วทั่วโลกมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ทั้งที่รถก็ไม่ได้แรงอะไรมาก ไม่ได้หรูหรา ไม่ได้ทันสมัย แต่มันมีเสน่ห์ในความเป็น Roadster ที่แตกต่าง วันนี้มาทำความรู้จักจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ รวมถึงแนวคิดที่ทำให้รถคันนี้กลายมาเป็น 1 ในไอคอนสำคัญของรถสปอร์ตขนาดเล็กไปพร้อมกัน บ็อบ ฮอลล์ ชายผู้จุดประกายให้กับ MX-5 Miata อย่างที่ทราบกันดีว่ามาสด้าคือแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่กำเนิดขึ้นในเมืองฮิโรชิมา แต่จุดกำเนิดของโรดสเตอร์ตัวกลั่นของค่ายคันนี้กลับมีจุดเริ่มต้นจากชายที่เติบโตขึ้นมาในเมืองแคลิฟอร์เนีย ชื่อของเขาคือ บ็อบ ฮอลล์ บ็อบ ฮอลล์ เกิดและเติบโตขึ้นท่ามกลางแสงแดดและชายหาดของแคลิฟอร์เนียฝั่งใต้ โดยได้รับการส่งต่อความหลงใหลเรื่องรถยนต์มาจากคุณพ่อที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนารถสปอร์ตที่เคยทำงานให้ทั้ง MG, Triumphs, Austin Haeleys และ Alfa Romeo ทำให้เขาเติบโตขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศของโรงรถและคราบน้ำมัน รับหน้าที่ตั้งแต่ซ่อมจักรยานของตัวเองไปจนถึงช่วยพ่อประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใช้ในบ้าน ปลายยุค 70’s บ็อบ
ไมค์ ไทสันอดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทวัย 54 ปี ประกาศเตรียมหวนคืนสังเวียนชกมวยอีกครั้งพร้อมจับคู่ชกกับยอดนักมวยอย่าง Roy Jones JR Iron Mike อดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกเตรียมกลับมาลงนวมชกมวยสากลอีกครั้งใน Exhibition Fight กำหนดการชก 8 ยกโดยคู่ต่อคู่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก Roy Jones JR อดีตแชมป์โลกสถาบันหลัก 4 รุ่นที่ปัจจุบันอายุ 51 ปี แมตซ์การชกครั้งนี้ถือเป็นการโคจรมาพบกันของ 2 ตำนานนักมวยที่แม้จะมีอายุมากแล้วแต่ถือเป็นการจับคู่ในฝันของใครหลายคน เพราะฝีไม้ลายมือของทั้ง 2 คนต่างถูกยกให้เป็นสุดยอดของยุคสมัยในสไตล์ที่แตกต่างกันสิ้นเชิง โดยหากย้อนกลับไปมองผลในอดีต Mike Tyson เป็นเจ้าของสถิติการชก 58 ครั้งชนะ 50 และน็อกถึง 44 ครั้งผู้ ส่วน Roy Jones JR ก็ถูกรู้จักดีในฐานะหนึ่งในนักมวยที่มีทักษะการต่อยดีที่สุดของยุคสมัย การันตีด้วยสถิติการชก 75 ครั้ง ชนะ 66 ครั้งและสามารถน็อกคู่ต่อสู้ถึง 47 ครั้ง ปัจจุบันทั้ง 2
ทุกคนที่เคยดู Nirvana เล่นคอนเสิร์ตใน MTV Unplugged วันที่ 18 พฤศจิกายน ปี 1993 ต้องจำภาพ Kurt Cobain กับกีตาร์ 1959 Martin D-18E ได้ติดตา ล่าสุดได้มีการนำกีตาร์ตัวนั้นออกประมูลเพื่อการกุศลผ่าน Julien’s Auctions website และมันถูกขายไปด้วยราคาสถิติถึง $6 ล้านเหรียญหรือราว 180 ล้านบาท กีตาร์ 1959 Martin D-18E Serial Number: 166854 กีตาร์ทรง Dreadnought ที่มีจุดเด่นเรื่องความ Balance ของโทนเสียง ซึ่งเป็นตัวที่ 7 จากจำนวนทั้งหมด 302 ตัวในโลก ถูกนำมาโมดิฟายสะพานและสลับสายใหม่สำหรับคนถนัดซ้าย บอดี้ทำจากไม้มะฮอกกานี เปิดประมูลราคาแรกที่ $1 ล้านเหรียญ และมีจำนวนผู้ร่วม bid 7 ราคา ซึ่งราคาที่สูงที่สุดอยู่ที่ $6,010,000
ความทุกข์ทรมานของมนุษย์คือการสูญเสียประสาทสัมผัสสำคัญ เหนือสิ่งอื่นใดคือการมองสิ่งรอบตัวหรือหน้าคนที่รักไม่เห็น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ไม่ได้ตาบอดโดยกำเนิด แต่เกิดจากอุบัติเหตุรุนแรง ซึ่งเทคโนโลยีวันนี้ช่วยสร้างความหวังที่แสนยิ่งใหญ่ให้กับคนกลุ่มนี้มีโอกาสกลับมามองเห็นอีกครั้ง ด้วยการส่งทำการผ่าตัดระบบประสาท ส่งภาพผ่านกล้องเข้าไปสู่เปลือกสมองส่วนการเห็น (visual cortex) ตามหลักการแล้ว คนที่ไม่ได้ตาบอดโดยกำเนิด สมองส่วนการมองเห็นจะยังคงใช้งานได้ เพราะไม่ได้รับความเสียหาย เพียงแต่ไม่มีข้อมูลภาพถูกส่งเข้าไปให้ประมวลผลนั่นเอง ภายใต้แนวคิดนึ้ จึงเกิดเป็นแนวทางการรักษาด้วยเครื่องมือที่ชื่อ Orion ผลงานการร่วมพัฒนาของ Baylor Medical College และ University of California, Los Angeles ซึ่งใช้กล้องวีดีโอขนาดเล็กติดเข้ากับแว่นตา ส่งข้อมูลภาพที่แปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าเข้าสู่ตัวรับสัญญาณไฟฟ้าจำนวน 60 ตัว ที่ถูกผ่าตัดติดตั้งเข้าไปในส่วน Visual Cortex ด้านหลังของกระโหลกผู้ป่วย เป็นการ bypass ประสาทตาส่วนหน้าที่พังเสียหาย โดยไม่ต้องเสียเวลารักษาส่วนรับภาพด้านหน้าซึ่งยากจะแก้ไขได้ ที่ผ่านมามีการทดลองใช้ Orion กับอาสาสมัครผู้พิการทางสายตาจำนวน 6 ราย โดยให้จ้องมองไปที่ฉากสีดำ จากนั้นจึงฉายสี่เหลี่ยมสีขาวบนฉากแบบสุ่มตำแหน่ง และให้อาสาสมัครชี้ไปที่ตำแหน่งสี่เหลี่ยมสีขาวนั้น พบว่าทุกคนสามารถชี้ตำแหน่งได้ถูกต้องอย่างมีนัยสำคัญ พิสูจน์ว่าการกระตุ้น Visual Cortex ให้เปิดรับแสงสว่างนั้นสามารถทำได้จริง “ผลที่ได้รับอาจจะฟังดูเล็กน้อยสำหรับคนทั่วไป แต่การมองเห็นแสงสีขาวในโลกที่มืดมิดสนิท ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
อเมริกา ประเทศที่ชูความอิสรภาพของประชาชนเป็นสำคัญ แต่มันอาจจะเป็นเพียงแค่คำพูดที่ต้องการจะสื่อสารกับคนบางกลุ่ม เพราะถ้าดูในหน้าประวัติศาสตร์ของอเมริกันชน การเหยียดเผ่าพันธุ์สีผิว ได้ถูกฝังรากลึกแน่นอย่างเรื้อรังเกินกว่าที่พวกเราจะจินตนาการได้ และผู้มีอำนาจที่ยึดติดกับอุดมการณ์ขาวนำ ก็ถูกฝังรากลึกอยู่ในระดับบริหารของหลายหน่วยงาน รวมไปถึงในรัฐบาล ภาพที่สะท้อนการแบ่งแยกสีผิวอย่างเปิดเผยของอเมริกา เกิดขึ้นในปี 1925 เมื่อสมาชิก Ku Klux Klan (KKK) กลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ American white supremacist ขวาจัด ที่เชื่อในความเหนือกว่าของผิวขาว รวมตัวกันในช่วงยุคปลาย 1860’s เพื่อต่อต้านความเท่าเทียมกันของคนผิวดำด้วยความรุนแรงและการฆาตกรรม และแพร่กระจายถึงจุดสูงสุดครอบคลุมไปทั่วประเทศในยุคที่สองของ KKK ช่วงกลางปี 1920’s ว่ากันว่ายุคนี้มีสมาชิกมากถึงหลักล้านคน โดยสื่อในยุคนั้นขนานนามระดับองค์กรที่ยิ่งใหญ่ของ KKK ว่า “invisible empire” ยุคนั้น Ku Klux Klan มีอิทธิพลมาถึงขนาดที่สามารถแทรกซึมกฎหมาย 1924 Immigration Act โดยบังคับไม่ให้ชาวยิว รวมถึงชาวเอเซียเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมายได้ รวมถึงบังคับใช้กฎหมาย Sterilization laws หรือการสั่งให้ผู้หญิงผิวดำต้องทำหมัน และห้ามหนังสือเรียนลงข้อมูลเสีย ๆ หาย ๆ เกี่ยวกับผู้นำ KKK
หลังจากเฝ้ารอมานาน ในที่สุด Black Mirror Season 6 ก็ออกฉายแล้ว ไม่ใช่บน Netflix หรือจอทีวี แต่เป็นโลกที่พวกเราอาศัยอยู่นี่แหละ Black Mirror ซีรีส์ดังบน Netflix เกี่ยวกับอนาคตของสังคมสมัยใหม่ที่จะเปลี่ยนไปอย่างเลวร้ายเนื่องจากเทคโนโลยี ซึ่งค่อนข้างจะดาร์คปวดหัวชวนเครียดเกือบทุกตอน และหลายครั้งมันก็เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงภายในเวลาไม่นาน ก่อนหน้านี้ Charlie Brooker ผู้สร้างเคยให้สัมภาษณ์ในช่วง Coronavirus เกี่ยวกับ Season 6 ว่า ยังไม่มีแพลนจะสร้างเร็ว ๆ นี้ เพราะสถานการณ์ในโลกก็โหดร้ายมากพอแล้ว จนไม่คิดว่าจะเป็นเวลาที่ผู้คนจะมีอารมณ์ดูอะไรดาร์ค ๆ เพิ่มอีก แน่นอนว่าหลายคนต่างบอกว่า ตอนนี้พวกเราก็เหมือนอยู่ในโลกของ Dark Mirror เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดที่ทำให้ทุกคนต้องอยู่แต่ในบ้านดูจอต่าง ๆ แบบ Virtual, การตรวจจับหน้าและให้ Social Score ในประเทศจีน, ตำรวจทหารใช้ drone และหุ่นยนต์ในการลาดตะเวน, แรงงานเถื่อนที่ต้องดูโฆษณาออนไลน์จำนวนมากแลกเงิน หรือการประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงที่ปลุกระดมไปทั่วประเทศผ่าน Social media Advertising
ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ Smartphone ที่มีรุ่นย่อยออกมาเยอะจนจำไม่ไหว แต่สำหรับ Samsung Galaxy S20 เวอร์ชั่นล่าสุดนี้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะมันเป็น Galaxy S20 ที่ถูกสร้างขึ้นมาแบบ mission-ready military smartphone มาพร้อมความทนทานระดับปฏิบัติการ และ Application ที่ถูกพัฒนามาเป็นพิเศษสำหรับทหารโดยเฉพาะ Samsung Galaxy S20 Tactical Edition smartphone สำหรับใช้ในทางทหารโดยเฉพาะ ที่จริงแล้วมันคือ Samsung Galaxy S20 หน้าจอ 6.2 นิ้ว OLED display Snapdragon 865 processor Ram 12 GB storage 128 GB ที่เรา ๆ ใช้กันอยู่นี่แหละ แต่ผ่านการติดตั้ง Software ใหม่ ที่มีฟังก์ชันและระบบความปลอดภัยทั้งการส่งและรับข้อมูลที่ปลอดภัยแน่นหนา ใส่มาในเคสพิเศษ Juggernaut case ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเคสสำหรับอุปกรณ์
หนวดเคราผู้ชายไม่ได้เป็นเพียงสิ่งใช้เพิ่มความเท่ หรือความพึงพอใจส่วนบุคคลเท่านั้น แต่คล้ายกับว่าหนวดเคราผู้ชายได้กลายเป็นพื้นที่พิศวงที่นักวิจัยจำนวนมากเข้ามาศึกษาวิจัย จนหลายครั้งพบข้อเท็จจริงใหม่ ๆ ชวนหลงใหล และบางครั้งก็พบผลสรุปใหม่ ๆ ที่ชวนให้ขนพองสยองขวัญ ทั้งงานวิจัยที่ออกมาบอกว่าหนุ่ม ๆ ที่ไว้หนวดเครานั้นดึงดูดสาว ๆ มากกว่า หรืองานวิจัยที่บอกว่าหนวดเคราผู้ชายนั้นอาจมีแบคทีเรียกจากอุจจาระปนเปื้อน! สารพัดงานวิจัยที่ชวนให้ทั้งไว้หนวด และไม่ไว้หนวด อย่างไรก็ตามในแง่ความสะอาดเราว่าขึ้นอยู่กับการดูแลสุขอนามัยส่วนตัวว่าเคร่งครัดมากน้อยแค่ไหน ถ้าดูแลดีเป็นพิเศษก็หายห่วง หนวดเครายังเป็นภาพตัวแทนความเท่ของผู้ชายได้เป็นอย่างดี หนวดเครายังมีประโยชน์อีกมาก แต่งานวิจัยที่เราอยากชวนหนุ่ม ๆ มารับรู้ในวันนี้ยิ่งส่งผลให้หนวดเคราดูน่าทึ่ง (และชวนพิศวง) ขึ้นไปอีกระดับ เมื่อนักวิจัยออกมาบอกว่าหนวดเครานั้นอาจวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อลดแรงกระแทกที่อาจจะตีแสกเข้ามาที่หัวของเราเมื่อไรก็ได้ งานวิจัยชิ้นนี้มีชื่อว่า “Impact Protection Potential of Mammalian Hair: Testing the Pugilism Hypothesis for the Evolution of Human Facial Hair” ศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของขนที่ขึ้นบนใบหน้ามนุษย์และทดสอบสมมติฐานที่ตั้งขึ้นมาว่าจริง ๆ แล้วหนวดเคราที่ขึ้นมาพวกนี้มันสามารถลดแรงกระแทกให้กับใบหน้าเราได้หรือไม่ สมมติฐานนี้เริ่มมาจากจุดตั้งต้นของวิวิฒนาการมนุษย์ โดยมนุษย์เราก็ไม่ต่างจากลิงขนาดใหญ่ (great apes) ทั้งหลายที่เพศชายหรือเพศผู้นั้นมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงอย่างมหาศาล ซึ่งความรุนแรงนี้ก็มุ่งตรงไปที่เพศชายด้วยกัน เมื่อมนุษย์เพศชายใช้ความรุนแรงเข้าต่อสู้เพื่อเอาชนะกันแบบมือเปล่า