เมื่อคุณหลงใหลและชื่นชอบอะไรบางอย่างมาก ๆ มันจะมีพลังที่จะทำให้คุณยอมทุ่มสุดตัวเพื่อแลกกับสิ่งเหล่านั้นให้ได้มาครอบครอง ประโยคนี้สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งกับกลุ่ม Bosozoku Bike Siam กลุ่มผู้นำวัฒนธรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ของประเทศญี่ปุ่นข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่ท้องถนนในประเทศไทย พวกเขามาพร้อมสไตล์การแต่งรถที่ถอดแบบจากแดนปลาดิบมาทุกตารางนิ้ว ทุกเอกลักษณ์ถูกถ่ายทอดมาจากความรักและแพชชั่นที่มีต่อ Bozosoku Bosozoku Bike Siam ได้ส่ง นนท์ (Kawasaki zephyr 400), โน (Kawasaki zephyr 750), จักร (Honda cb650 Custom) และแพท (Kawasaki zephyr 400) 4 ตัวแทนมาร่วมถ่ายทอดความสุดให้ชาว UNLOCKMEN ได้ทำความรู้จักพวกเขากับบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ครับ จุดเริ่มต้นความชื่นชอบ BOSOZOKU นนท์ : เริ่มแรกมาจากการอ่านการ์ตูน แล้วแบบเฮ้ยมันมีหรอวะ มันมีจริง ๆ หรือเปล่า พอโตขึ้นมาก็เลยศึกษาดู และเห็นรุ่นพี่ที่สุพรรณทำก็เลยติดต่อเขาไป เริ่มคุยกัน จนสุดท้ายได้ไปซื้อจากทางที่ญี่ปุ่นกลับมาทำที่ไทย โน: จุดเริ่มต้นแรกมาจากการบ้ามอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น เมื่อก่อนจะบ้ารถโกดัง รถสี่สูบเรียง, Superfour พอมาวันหนึ่งเราอ่านการ์ตูนมาก ๆ
เข้าสู่ช่วง Festive แบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงได้รับหน้าที่ทั้งการเป็นผู้ให้ และเป็นผู้รับของขวัญส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันภายใต้บรรยากาศส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่อบอวลไปด้วยมวลแห่งความสุข และล่าสุดเราได้รับของขวัญที่น่าสนใจอย่าง CHANG ESPRESSO CELEBRATION SET ซึ่งมัดรวมไอเทมมาให้แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น Tote Bag, หมวก, เสื้อยืด ซึ่งมาพร้อมลวดลายสุดคลาสสิกจาก CHANG ESPRESSO เอาไว้ไปใส่เที่ยวปีใหม่ได้แบบโก้เก๋ เท่ไม่เหมือนใคร ใน CHANG ESPRESSO CELEBRATION SET นี้ไม่เพียงแค่เป็นสิ่งแทนใจในการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ แต่ยังเป็น CELEBRATION SET สำหรับการเฉลิมฉลองความสำเร็จส่งท้ายปีที่น่าภาคภูมิใจของสินค้าสัญชาติไทย Chang Espresso Lager กับการคว้ารางวัลการันตีความคราฟต์เพิ่มเติม ทั้งทางด้านรสชาติและดีไซน์มาประดับตู้โชว์เพิ่มเติมอีกถึง 3 รางวัล จาก 2 เวทีด้วยกัน ซึ่งตลอดปีนี้ Chang Espresso Lager เครื่องดื่มของไทยที่ได้เดินสายกวาดรางวัลระดับโลกมามากมายหลายสถาบัน เพราะก่อนหน้านี้ก็สามารถคว้าเหรียญเงินทางด้านรสชาติจากเวที AIBA 2021 และยังเดินหน้าคว้ารางวัลจากการประกวด World Beer Awards
เรื่องเทคโนโลยีของ Tesla เป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับ แต่เรื่องคุณภาพการผลิตที่มีปัญหา ก็เป็นสิ่งที่หลายคนรับรู้ ซึ่ง Tesla มักจะกระซิบเจ้าของให้นำรถเข้าไปรับการแก้ไข แต่ในกรณีนี้เกี่ยวข้องกับการเรียกรถมากถึงเกือบ 500,000 คัน ซึ่งครั้งนี้ Tesla ต้องร่วมมือกับ National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รถยนต์ทั้งหมดที่ Tesla ทำการ recall ในครั้งนี้เกิดจากปัญหาการผลิตที่เสี่ยงให้เกิดอันตรายรุนแรงบนทางหลวงได้ ประกอบไปด้วย Model 3 ที่ผลิตในช่วงปี 2017 – 2020 จำนวน 356,309 คัน เนื่องจากการวางตำแหน่งสายเชื่อมต่อ rearview camera อาจเกิดความเสียหายจากการเปิดปิดฝาท้าย จนไม่สามารถแสดงผลได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าคือ Model S จำนวน 119,000 คัน เนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวล็อกฝากระโปรงหน้า ซึ่งหากปล่อยเอาไว้ไม่แก้ไข อาจจะทำให้ฝากระโปรงหน้ารถหลุดเปิดขึ้นมาบังทัศนวิสัยของผู้ขับจนเกิดอุบัติเหตุได้ อย่างไรก็ตาม Tesla ออกมารายงานว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากสองปัญหานี้ ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง
แม้ว่าทีม Barcelona จะอยู่ในสภาพทีมที่ไม่สามารถลุ้นแชมป์ได้สนุกเหมือนอย่างในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากสภาวะทางการเงินที่มีปัญหาอย่างหนัก จนทำให้ทีมต้องยอมขาย Lionel Messi ออกจากทีมไป แถมนักเตะใหม่ที่เข้ามาก็ยังทำผลงานได้ไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ที่เห็นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้น Luuk De Jong กองหน้าชาวดัตช์ที่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเอาซะเลย รวมไปถึงนักเตะซีเนียร์ในทีมอีกหลาย ๆ คนก็เริ่มโรยรา ไม่ว่าจะเป็น Gerard Pique, Jordi Alba และ Sergio Busquets เป็นต้น แต่ถ้าจะให้มองอีกหนึ่งมุมสโมสรแห่งนี้กำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผันจากยุคเก่าไปสู่ยุคใหม่ ผลผลิตนักตะจากแคมป์ลา มาเซีย กำลังค่อย ๆ ออกดอกออกผลมาให้ได้ยมโชมกัน ซึ่งแต่ละคนก็เริ่มฉายแววกับทีมชุดใหญ่ทั้ง ๆ ที่อายุอานามยังไม่ถึง 20 ปีกันเลยด้วยซ้ำ หนึ่งในดาวจรัสแสงเหล่านั้นคือ Pablo Martín Páez Gavira หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Gavi” มิดฟิลด์วัย 17 ปี สัญชาติสเปนที่ก้าวข้ามกับทีมชุดบีขึ้นมาเป็นตัวหลักของชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงถูกเรียกไปติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่แล้วเช่นเดียวกัน Gavi เริ่มเตะฟุตบอลตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบกับสโมสรในท้องถิ่นที่ชื่อว่า Liara Balompie และสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจนถูกแมวมองของทีม Real
สถานการณ์วันนี้ คนส่วนใหญ่กลับใช้ชีวิตหนาแน่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่รอแค่เมื่อไหร่จะมีการตรวจพบ cluster ใหม่จนกลับสู่การ lockdown อีกครั้งนึง อย่างเช่นในประเทศอังกฤษที่อัตราผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงเกือบแสนรายต่อวัน นับเป็นสถิติสูงสุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และหลายประเทศในยุโรปเริ่มออกมาแบนไม่ให้นักท่องเที่ยวจากอังกฤษเข้าประเทศแล้ว ความสบายใจของผู้คนที่ออกมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ฉีดวัคซีน ไม่หวั่นแม้จะมีการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่อย่าง Omicron variant ซึ่งสามารถแพร่เชื้อติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว ขาดแค่เพียงหลักฐานว่ามันมีความรุนแรงแค่ไหน แต่วันนี้มีผลงานวิจัยล่าสุดจาก UK Health Security Agency and National Health Service ออกมาเผยข้อมูลที่น่าเป็นห่วง จากผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 ในอังกฤษช่วงวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ผลการตรวจสอบสรุปได้ว่า แม้แต่ผู้ที่หายป่วยจาก COVID-19 มาแล้ว หรือได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ก็มีโอกาสติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron ได้อีกมากกว่า Delta ถึง 5.4 เท่า ในทุกตัวอย่างทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยจาก Imperial College London เกี่ยวกับ effectiveness ของวัคซีนในการทดลองคือ
ตอกย้ำการเป็นนักเตะอันดับ 1 ของโลกอีกครั้ง สำหรับ Lionel Messi นักเตะชาวอาร์เจนติน่าของสโมสรเปแอสเชที่สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้อย่างยิ่งใหญ่เป็นสมัยที่ 7 เบียดเอาชนะ Robert Lewandowski กองหน้าชาวโปแลนด์ของสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ตัวเต็งที่ใครหลายคนคาดว่าจะต้องได้รับรางวัลในปีนี้ รวมไปถึง Messi ยังเอาชนะคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Cristiano Ronaldo ไปได้ด้วยเช่นกัน สิ่งที่ทำให้ Messi ได้รับคะแนนโหวตจนเข้าวินมาจากการพาทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โคปา อเมริกาได้นั่นเอง อีกทั้ง Messi ยังได้ตำแหน่งดาวซัลโว 4 ประตู และทำได้อีก 5 แอสซิสต์ ในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว และยังพาสโมสรเก่าบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์โคปา เดล เรย์ มาครองได้ในฤดูกาลที่แล้ว รวมไปถึงยังสามารถยิงได้ 38 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ จากการลงสนามในทุก ๆ รายการ ในส่วนของ Robert Lewandowski นับว่าโชคร้ายสุด ๆ เพราะในฤดูกาล 2019/2020 เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 6 รายการ
กระแสข่าวแรงมาก สำหรับ ราล์ฟ รังนิก ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกีฬาและพัฒนาของ โลโคโมทีฟ มอสโคว ทีมดังจากประเทศรัสเซีย ที่ ณ ตอนนี้มีหลายแหล่งข่าวฟันธงว่าเจ้าตัวตกลงเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชั่วคราวให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงสิ้นฤดูกาล พร้อมกับรับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของสโมสรหลังจบฤดูกาล รังนิก สร้างชื่อของตัวเองมากที่สุดในตอนที่คุมทีมแอร์เบ ไลป์ซิก ถึงแม้ว่าตัวผู้เล่นจะไม่ได้มีชื่อเสียงระดับเวิร์ลคลาส แต่ด้วยแทคติกอันเฉียบคมทำให้ไลป์ซิกก้าวขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำของบุนเดสลีกา แถมยังวางรากฐานที่สำคัญไว้ให้กับทีมอีกด้วย นอกจากนั้นรังนิกยังเคยพาชาลเก้ 04 คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพลคา เมื่อฤดูกาล 2010-2011 มาแล้วด้วยเช่นกัน รังนิกเองก็ได้รับการยอมรับและยกย่องฝีมือการคุมทีมและบริหารทีมจากวงการฟุตบอลเป็นอย่างมาก แล้วอะไรคือจุดเด่นแทคติกของรังนิกที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวการเล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แม้แต่ Jurgen Klopp ยังต้องเอ่ยปากว่า การมาของ Ralf Rangnick เป็นข่าวร้ายสำหรับทีมคู่แข่ง เรามาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กันครับ เจ้าพ่อแห่งการเพรสซิ่งหนักมาก จุดเด่นของรังนิกคือการ Counter Pressing ที่เต็มไปด้วยคุณภาพและหวังผลได้ ทันทีที่เสียบอลในแดนของคู่ต่อสู้ ลูกทีมของเขาตั้งแต่แนวรุกจนถึงแนวรับจะขยับไล่บีบให้คู่ต่อสู้เข้ามาอยู่ในนวงล้อมสี่เหลี่ยมโดยไม่ทันตั้งตัว แนวรับจะดันสูงขึ้นมาจนเกือบถึงบริเวณครึ่งสนาม หลังจากนั้นก็จะหาจังหวะดักแย่งบอลกลับคืนมาให้ไวที่สุด แทคติกที่ใช้นี้เป็นที่นิยมของฟุตบอลเยอรมันสมัยใหม่ที่รู้จักกันในชื่อ “Gegenpressing” ซึ่ง เยอร์เกน คลอปป์,
“และแล้วก็ถึงเวลา และแล้วเธอก็ต้องไป” ท่อนร้องจากเพลง “เกิดมาแค่รักกัน” ของวง Big Ass ดังขึ้นมาในหัวทันทีหลังจากที่ทราบข่าวการถูกปลดออกจากตำแหน่งกุนซือทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เป็นการเซ่นผลงานอันย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา 12 นัด แพ้ไปถึง 5 นัด ซึ่งฟางเส้นสุดท้ายของบอร์ดบริหารเกิดขึ้นในนัดที่แพ้วัตฟอร์ดไป 4-1 จริงอยู่ที่บรรดาแฟนบอลปีศาจแดงต่างต้องการให้โซลชาร์ลงจากตำแหน่งมาซักพักแล้ว แต่พอจากไปจริง ๆ กลับรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งมันอาจจะมาจากทั้งความรักและความผูกพันตั้งแต่สมัยที่โซลชาร์ยังเป็นนักเตะในฐานะตำนานของสโมสรกับบทบาทซุปเปอร์ซับฉายา “เพชรฆาตหน้าทารก” เป็นนักเตะที่ไม่เคยปริปากบ่นแม้จะลงเล่นในตำแหน่งตัวสำรองเป็นประจำก็ตาม แต่ลงมาทีไรก็สามารถสร้างสถานการณ์ที่ช่วยให้ปีศาจแดงกลับมาได้เปรียบอยู่เสมอ ในเมื่อโซลชาร์จากไปแล้ว ความขุ่นเคืองในใจของแฟนบอลก็ค่อย ๆ ลดลงตามไปด้วย และเพื่อเป็นการให้เกียรติความจงรักภักดีและความทุ่มเทของโซลชาร์ เราขอพาย้อนความทรงจำอันสวยงามกับ 5 แมตช์ยอดเยี่ยมของแมนยูไนเต็ดในยุคโซลชาร์ คาร์ดิฟ ซิตี้ 1-5 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018/2019 : วันที่ 23 ธันวาคม 2018) หลังจากที่โชเซ่ มูริญโญ่ ถูกปลดจากตำแหน่ง โซลชาร์ก็เข้ามารับหน้าที่ต่อในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราว และสามารถสร้างความประทับใจให้แฟนบอลได้ทันทีด้วยการบุกไปประเทศเวลส์ถล่มคาร์ดิฟ ซิตี้
ช่วงเวลานี้คงไม่มีข่าวไหนสะเทือนใจและช็อคใจเท่ากับเหตุการณ์การเหยียบกันตายในงานเทศกาลดนตรี Astroworld Festival ในช่วงเวลาที่ Travis Scott กำลังโชว์อย่างเมามันส์ จนนำไปสู่การเสียชีวิตถึง 10 ราย และบาดเจ็บไปอีกเป็นจำนวนมาก สังเวยความหละหลวมของทีมงานและนำไปสู่การสอบสวน และทำให้ Travis Scott ตกเป็นจำเลยของสังคมในทันที แต่เหตุการณ์นี้ ไม่ใช่คอนเสิร์ตครั้งแรกที่เกิดโศกนาฏกรรมอันแสนโหดร้าย เรามาย้อนดูกันว่า เกิดเหตุสลดอะไรบ้างที่ทำให้งานคอนเสิร์ตกลายเป็นฝันร้ายเพียงชั่วข้ามคืน เรามาไล่ระดับจากการเสียชีวิตหลักสิบสู่หลักร้อยว่าสาเหตุสำคัญของโศกนาฏกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นจากอะไร 10. Roskilde Festival June 30, 2000 — Roskilde, Denmark ผู้เสียชีวิต: 9 ราย สาเหตุ: เหยียบกันตาย ความเมามันในเทศกาลดนตรีชื่อดังของประเทศเดนมาร์ค Roskilde Festival กลับกลายเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของผู้ชมทั้ง 9 คน หลังจากที่วงเฮดไลน์อย่าง Lou Reed, Iron Maiden และ Oasis ได้เล่นเสร็จสิ้นไปแล้ว ก็ถึงเวลาของราชากรันจ์ในตำนานอย่าง Pearl Jam ขึ้นวาดลวดลายบนเวที Orange Stage
ในช่วงเวลานี้ วงการหนังคงไม่มีอะไรคึกคักเท่ากับหนังไทย “ร่างทรง” ที่สร้างความหลอนจนทำรายได้และสร้างกระแสทั้งในจอและนอกจอ แม้กระทั่งมีหนังที่หลุดในโลกออนไลน์ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนกระแสของหนังเรื่องนี้ให้จืดจางลงได้เลย ซ้ำยังมีผู้ที่พร้อมไปพิสูจน์ความหลอนด้วยตาตัวเองในโรงอย่างแน่นขนัด แต่ท่ามกลางความสำเร็จระดับโลกนั้น ก็แลกด้วยข้อถกเถียงกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะรูปแบบที่หนังพยายามนำเสนอในรูปแบบหนังสารคดี จนส่งผลให้ผลลัพธ์ออกมาเป็น “หนังเสียงแตก” อย่างชัดเจน คือถ้าชอบจะชอบมาก แต่ถ้าไม่ชอบก็พาลเกลียดไปเลย โดยเฉพาะการถ่ายทำในรูปแบบของสารคดีนั้น แม้จะไม่ใช่สิ่งใหม่ในโลกภาพยนตร์ แต่ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับหนังไทย เราจึงชวนคุณมาทำความรู้จักกับหนังแนวนี้ มาดูกันว่าทำไมนักสร้างหนังหลายคนถึงเลือกที่จะทำในแนวทาง Mockumentary และคำ ๆ นี้แปลว่าอะไรกันแน่ Mockumentary ความไม่จริง สะท้อนความจริงอย่างชัดแจ้ง หนังสารคดี หรือ Documentary นั้น มักถูกใช้สะท้อนภาพความจริง เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์หรือบุคคลนั้น ๆ เพื่อใช้โน้มน้าวหรือสร้างความน่าเชื่อถือ ผ่านหลักฐานไม่ว่าจะเป็นภาพเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกได้ หรือการบอกเล่าจากปากผู้ประสบเหตุนั้นมา สารคดีส่วนใหญ่จึงทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนที่มุ่งหวังหรือตั้งคำถามต่อสิ่ง ๆ นั้นโดยใช้ “ความจริง” เพื่อเป็นสิ่งประจักษ์แก่ผู้รับสาสน์ ในขณะเดียวกัน ยาขมของ Documentary ก็ทำให้คนบางคนรู้สึกเบื่อ เมื่อภาพจริงในบางครั้งก็ไม่อาจนำพาอารมณ์ให้ตื่นเต้นจนคนคล้อยตามได้ หนังสารคดีบางส่วนจึงจำต้องสร้างฉากบางฉาก ซีนบางซีน เพื่อสอดรับกับสิ่งที่นำเสนอ เช่นการสัมภาษณ์ของผู้ให้สัมภาษณ์อาจจะน่าเบื่อจนเกินไป หรือบางเหตุการณ์ที่กล้องจับภาพไม่ทัน การใส่สีสันไม่ว่าจะเป็นภาพที่ถ่ายใหม่เพื่อจำลองเหตุการณ์จริงที่กล้องไม่ทันได้ถ่าย เพื่อทำให้เหตุการณ์นั้น ๆ