ก่อนหน้านี้มีข่าวการกลับมาของการ์ตูนระดับตำนานอย่าง Slam Dunk ในรูปแบบ Anime Movie ภายใต้การสร้างโดย Toei Animation ล่าสุดมีการปล่อย Teaser แรกออกมาแล้ว พร้อมระบุช่วงเวลาเข้าฉายภายในปี 2022 Slam Dunk Anime Movie เวอร์ชั่นล่าสุดนั้นผ่านการเขียนบทและกำกับเนื้อหาโดยอาจารย์ Takehiko Inoue ผู้สร้างดั้งเดิมที่เขียนลง Weekly Shonen Jump ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ปี 1990 ก่อนจะสิ้นสุดในวันที่ 17 มิถุนายนปี 1996 เป็นมังงะ 31 เล่มจบ เป็นตำนานการ์ตูนบาสเกตบอลที่ยาวนานถึง 6 ปี ทำยอดขาย manga เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นได้มากถึง 120 ล้านเล่ม และผ่านการปรับเป็นเวอร์ชั่น anime ในช่วงปี 1993 – 1996 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างสูงไม่แพ้กัน ผลงานของอาจารย์ Inoue นั้นก้าวผ่านไปไกลกว่าการเป็นแค่การ์ตูนสำหรับความบันเทิง
ลงทุนในรถถูกคัน กำไรเป็นกอบเป็นกำยิ่งกว่าทอง เรามาตอกย้ำความน่าลงทุนในรถยนต์หายากด้วยสถิติสูงสุดในปีนี้ของ 1995 McLaren F1 Chassis 029 ที่สภาพระดับนางฟ้ายังต้องยกมือไหว้ เพราะใหม่สุด ๆ ด้วยเลขไมล์เพียง 390 กิโลเมตรบนหน้าปัด กับราคาที่ประมูลแข่งกันอย่างดุเดือดจนไปจบที่ $20 million USD หรือราว 683 ล้านบาท มีหลายปัจจัยที่จะทำให้การลงทุนในรถยนต์ได้กำไรสูงสุด หลัก ๆ คือเป็นรถหายากที่มีตำนานเป็นที่ต้องการของนักสะสม ซึ่ง McLaren F1 จากนักสะสมชาวญี่ปุ่นคันนี้คือ Road-legal version ของรถแข่งในอดีต มีจำนวนผลิตทั้งหมดเพียงแค่ 106 คันในโลก โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็น 5 prototypes (XP1 – 5), เป็น road versions เพียง 64 คัน, เป็นรถแข่ง GTR racecars 28 คัน ที่เหลือคือ LM version,
ขึ้นชื่อว่า “ตัวร้าย” ก็คงไม่ต้องขยายความมากมายถึงวีรกรรมความโหดเหี้ยม ที่ทำให้คนดูพาลกันจงเกลียดจงชัง และเอาใจช่วยให้เหล่าร้ายนั้นได้รับผลกรรมหรือจุดจบที่สาแก่ใจ จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ ที่ตัวร้ายมักจะถูกเสนอเพียงด้านมืดเพื่อขับความสว่างของตัวฮีโร่ให้ขาวสะอาดยิ่งขึ้น หากแต่เมื่อโลกค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เราจะได้เห็นการสลับขั้วจากฮีโร่กลายเป็นผู้ร้าย และไม่แปลกใจเช่นกัน ที่เห็นเหล่าวายร้ายกลายร่างมาอยู่ข้างความยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นในหนังหรือเรื่องจริง และเพื่อต้อนรับหนัง The Suicide Squad หนังรวมมหาวายร้ายที่กลายมาเป็นฮีโร่ในโรงภาพยนตร์ เรามาย้อนดูการย้ายข้างจากฟากฝั่งสุดร้าย แต่กลายมาเป็นฮีโร่คนดีบ้างว่ามีใครบ้าง และดีกรีความโฉดของพวกเขานั้นอยู่ในระดับไหน Loki Laufeyson หนึ่งในวายร้ายที่คุ้มดีคุ้มร้ายแห่งจักรวาลมาร์เวลที่เต็มไปด้วยความกะล่อน ปลิ้นปล้อน และมีความชั่วร้ายร้ายกระหายในอำนาจอย่างไม่มีวันสิ้นสุด จากจุดเริ่มต้นในฐานะบุตรบุญธรรมที่เทพ Odin นำมาเลี้ยงดูยังดาวแอสการ์ด แม้จะเติบโตพร้อมกันกับพี่ชายต่างสายเลือดอย่าง Thor แต่เพราะความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า และรู้สึกว่า Thor พี่ชายของตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในหนัง Thor (2011) ที่เปิดตัวคาแรคเตอร์นี้จึงระเบิดพลังแห่งความโหดร้าย จนทำให้อาณาจักรแอสการ์ดต้องปั่นป่วน หลังจากนั้น Loki ก็ไปสร้างความวิบัติต่อบนโลกจนเหล่าฮีโร่ต้องมารวมพลกันใน The Avengers (2012) ก่อนจะค่อย ๆ คลี่คลายและเผยให้เห็นด้านดีขึ้นเรื่อย ๆ ในภาคต่อไป Loki นับเป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้กับจักรวาลมาร์เวล
เป็นสัปดาห์ที่เดือดจัดปลัดบอกในวงการรถยนต์ที่หลายค่ายต่างปลุกตำนานของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง และข่าวดีที่เบียดสูสีกับ Lamborghini Countach LPI 800-4 ก็คือข่าวการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า Honda (Acura ในตลาดต่างประเทศ) จะนำ Integra กลับมาอีกครั้งในปี 2023 และมีข้อมูลอะไรบ้าง เราจะสรุปให้ฟัง ข่าวการกลับมาของ all-new Integra รถยนต์ตัวถัง 2 ประตูคูเป้จาก Honda ถูกยืนยันและประกาศภายในงานเปิดตัว Honda NSX Type S โดยมีการเปิดเผยรายละเอียดเพียงเล็กน้อยจาก Jon Ikeda, Vice President, ที่พอจะทำให้เห็นแนวทางการ setting รถให้คงความสนุกและ engaging ในการขับขี่ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Integra ทุกรุ่นที่ผ่านมา ภายในงานมีการใช้ drone บินเรียงโชว์ side profile ให้เราอุ่นใจในการเป็นรถ 2-door sports coupe หักล้างข่าวลือก่อนหน้านี้ที่สะพัดว่า Integra ใหม่จะมาในตัวถัง sedan 4 ประตู
ชั่วโมงนี้ทั้งโลกต่างให้ความสนใจกับภาพหลุดการเกิดใหม่ของ Lamborghini Countach ไม่กี่วันก่อนงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และตอนนี้เราก็มีข้อมูลรายละเอียดที่น่าสนใจของ Reborn Iconic Supercar คันนี้แบบครบ ๆ มาสรุปให้ฟัง Lamborghini Countach คือ Iconic Supercar ในช่วง 1974-1990 ชื่อโมเดลที่มาจากภาษา Piedmontese ทางตอนเหนือของ Italy อ่านว่า ‘coon-tahshe—is’ แปลเป็นไทยง่าย ๆ ได้ว่า “เหยด!” หรือคำอุทานที่บ่งบอกว่า “สิ่งนี้โคตรเท่” โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ฉูดฉาด เส้นสาย ช่องดักอากาศ NACA Duct บริเวณข้างประตูสำหรับระบายความร้อนให้เครื่องยนต์ V12 ที่วางอยู่ด้านหลัง Lamborghini Countach LPI 800-4 การเกิดใหม่ของ Supercar ระดับ Icon ที่ยังคงได้รับความนิยมตั้งแต่ยุค 80s ถึงปัจจุบัน เรียกว่ายิ่งเก่ายิ่งเก๋า มูลค่าปัจจุบันไม่มีต่ำกว่า 10 ล้านบาท ดูจากมิติและเส้นสายภายนอกจะรู้สึกเหมือน Lamborghini
นับเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นสำหรับ 2 อัลบั้มในตำนานที่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่มีวาระในการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่คล้าย ๆ กัน นั่นคือการเชิญชวนศิลปินมากหน้าหลายตา ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ มาช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานด้วยการตีความบทเพลงอมตะให้เป็นเพลงเวอร์ชั่นใหม่ ที่ทั้งแปลกและเต็มเปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์ เรามาดูกันว่า 2 อัลบั้มนี้ ในสมัยที่วางจำหน่ายใหม่ ๆ ได้สร้างคุณูปการอะไรให้กับวงการเพลงบ้าง และจวบจนปัจจุบัน เมื่อกาลเวลาผ่านไป อัลบั้มทั้ง 2 ชุดนี้ ได้มอบอะไรให้กับประวัติศาสตร์ทางดนตรีกันบ้าง Metallica – The Black Album หนึ่งในทัพหน้าของวงการเมตัล ที่ปัจจุบันยังคงเป็นวงดนตรีผู้ทรงอิทธิพลที่คว้าทั้งเงินทั้งกล่อง และยืนหยัดอยู่แถวหน้าโดยไม่มีใครสามารถโค่นลงได้มาตลอดระยะเวลา 40 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งวงในปี 1981 โดยอัลบั้ม Metallica หรือที่สาวกหูเหล็กขนานนามอัลบั้มนี้ตามอัตลักษณ์ของปกที่ดำสนิทว่า The Black Album เป็นอัลบั้มชุดที่ 5 วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 12 สิงหาคม ปี 1991 ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของซาวด์ที่แตกต่างจาก 4 อัลบั้มแรก ที่หนักหน่วงระดับ Trash Metal แต่ The
ที่เห็นอยู่นี้ไม่ใช่ Spot หุ่นยนต์ทรงสุนัขจาก Boston Dynamics แต่เป็นผลงาน made in China ของ Xiaomi กับการกระโดดสู่วงการ Robotic companion ด้วยนวัตกรรมที่เรียกว่า CyberDog เป็นเครื่องยืนยันว่าไม่มีอะไรในโลกที่ Xiaomi ทำไม่ได้ แม้จะไม่ใช่คนแรกที่คิดค้น แต่น่าจะเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดัน Robot ให้ไปเข้าถึงผู้คนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น CyberDog ของ Xiaomi ถูกออกแบบให้รองรับการพัฒนาต่อยอดด้วย open-source platform สามารถเขียนคำสั่งใหม่ ๆ สอนให้ CyberDog เรียนรู้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด รอบตัวมีการติดตั้ง sensors ถึง 11 จุดในตำแหน่งสำคัญเพื่อการตอบสนองที่ละเอียดอ่อน ภายในขับเคลื่อนด้วย servo motors ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคงและรวดเร็ว สมอง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Xiaomi CyberDog ขับเคลื่อนด้วย NVIDIA AI supercomputer สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลรอบตัวมันได้อย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาทีแบบ real-time พร้อมการรวมเทคโนโลยีจับภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัวด้วยความคมชัดทำหน้าที่เหมือนลูกตามนุษย์ ซึ่งจะช่วยให้
เพราะโลกใบนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันตรายแต่ก็มีเสน่ห์น่าค้นหา ที่เย้ายวนใจให้ผู้ชื่นชอบความเสี่ยงได้ลองไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต แต่ “ความท้าทาย” อาจจะเป็น “ความท้าตาย” แทนที่จะได้ประสบการณ์อันตื่นเต้น กลับได้เป็น “ประสบการณ์เฉียดตาย” โดยที่คุณไม่รู้ตัว มีภาพยนตร์มากมายนำความตื่นเต้นของสถานที่ หรือสถานการณ์สุดดิบเถื่อนนี้มาทำเป็นภาพยนตร์เพื่อเติมเต็มทุกความสะใจ หรือไม่ก็เป็นการส่งสัญญาณบอกคนดูกลาย ๆ ว่า มันคือสถานที่อันตราย…ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว เรามาดูกันว่ามีที่ไหนกันบ้างที่คุณไม่ควรจะไป Chernobyl Diaries (2012) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน คืออนุสรณ์สถานที่สะท้อนความหละหลวมของรัฐในการจัดการรับมือเหตุร้าย เมื่อเกิดเหตุระเบิดโรงไฟฟ้า นำมาซึ่งการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี กลายเป็นหายนะที่กลืนกินชีวิตของผู้อาศัยในย่านนั้นที่ต่างพากันบาดเจ็บล้มตาย จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมประวัติศาสตร์คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 4,000 ราย และเป็นสถานที่รกร้างที่ห้ามทุกคนเข้าไป แม้เหตุการณ์จะผ่านไปกว่า 35 ปีแล้วก็ตาม แต่มันกลับเป็นสถานที่ยอดฮิตที่กลุ่มวัยรุ่นท้าตายชอบพาตัวเองไปสัมผัสความอันตรายนี้โดยไม่สนใจข้อห้ามใด ๆ และ Chernobyl Diaries คือหนังที่เล่าถึงแก๊งวัยรุ่นทั้ง 6 ที่ชอบออกเดินทางไปรอบโลก โดยมีเชอร์โนบิล เป็นหนึ่งใน The Bucket List ที่อยากไปสัมผัสความเสียวสยองด้วยตาตนเอง พวกเขาและเธอจ้างไกด์เถื่อนให้พาไปยังเมืองร้างที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง กะจะแค่ถ่ายรูปอัพลงโซเชี่ยลแล้วกลับ แต่ความซวยก็เกิดเมื่อรถของไกด์เถื่อนเกิดเสีย และค่ำคืนนั้น สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญมันยากจะอธิบายว่ามันเป็นผีหรืออะไร ปัจจุบัน
ยานพาหนะรูปทรงคุ้นตาที่พวกเราเคยเห็นในการ์ตูนและภาพยนตร์ Sci-Fi หลายเรื่อง ถูกนำมาดีไซน์ให้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว นี่คือ “Honda BAIKU” concept ใหม่ของการเดินทางแห่งโลกอนาคต Honda BAIKU ยานพาหนะแบบ One-wheeled พลังงานไฟฟ้า ออกแบบโดย Nacho Alfonso ได้แรงบันดาลใจมาจากความนิยม Scooter ไฟฟ้าและ Monowheel ของคนเมืองที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ถูกพัฒนาให้สามารถเดินทางได้อย่างจริงจังและปลอดภัยมากขึ้นด้วยรูปแบบของ Self-balancing electric scooter ควบคุมด้วยการนั่งบนตัวถังที่สร้างบนล้อขนาดเท่ารถมอเตอร์ไซค์ มีแฮนด์ควบคุม พักเท้าช่วยบังคับทิศทางเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน การเคลื่อนที่ทำได้อย่างง่ายดายด้วยเทคโนโลยี Gyroscope เซนเซอร์ตรวจจับการองศาการเคลื่อนไหวของตัวรถ ทำงานคู่กับ Accelerometers sensors สำหรับเร่งหรือลดความเร็วตามการเอียงของทิศทางนั้น สามารถทรงตัวปรับบาลานซ์ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ล้ม เบาะนั่งสามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งานเพื่อความกะทัดรัด Honda BAIKU มีรูปทรงเป็นกล่อง ด้านหน้ามีไฟ LED daytime running light ทรงสี่เหลี่ยมเพื่อส่องสว่างในเวลากลางคืน ส่วนด้านหลังมีแผงจอแสดงผล digital พาดยาวถึงด้านบน สำหรับดูค่าความเร็ว อุณหภูมิ แผนที่ และมีช่องสำหรับ connect
แค่พูดคำว่า Honda NSX ในบ้านเรา ในหัวจะรู้สึกถึงจำนวนเงินหลายล้านบาทบวกกับความหายากสุดแรร์โผล่ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ สำหรับคนทั่วไปอาจจะรู้สึกว่ามันไม่คุ้ม แต่สำหรับคนที่หัวใจเต็มไปด้วย JDM จากยุค 90s มันคือแพชชั่นที่ประมวลเป็นตัวเงินไม่ได้ ซึ่งไม่ว่าสำหรับคนกลุ่มไหน Honda NSX ก็ถือเป็นรถทรงคุณค่าที่มักจะจอดอยู่ใต้ผ้าคลุมมากกว่าเอาออกมาขับบนท้องถนน แต่ไม่ใช่สำหรับ Chris Cut ชายผู้บ้าคลั่ง Honda NSX อย่างหนักจนหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตสาย Camping โดยการนำ Supercar ค่าย Honda มาดัดแปลงเป็น Targa Top Cross Country และติดตั้ง Tent เข้าไปบนหลังคามาแล้วในปีก่อน ใจมันรัก ก็ต้องไปให้สุด ต้องยอมรับว่าการใช้ Honda NSX ติด Tent เอาไปลุยป่า ย่อมมีปัญหาเรื่องพื้นที่ใช้สอยอันน้อยนิด ทางออกของ Chris Cut คือ เพิ่มรถพ่วง Trailer เข้าไปอีกคัน และมันก็จะเป็นรถรุ่นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก Honda NSX ที่ผ่านการตัดเหลือแค่ส่วนหลังและดัดแปลงเป็น