เหมือนเป็นช่วงกรุแตกที่นักสะสมต่างขุดเอางาน Collaboration ระหว่างยานพาหนะกับแบรนด์เครื่องหนังหรู Berluti ในเครือ LVMH ออกมาประมูลขายทำกำไรกันใหญ่ ล่าสุดเราพึ่งจะแนะนำทุกคนให้ได้รู้จักกับ 1973 Porsche Berluti 911S Targa รถยนต์เปิดหลังคาสุดคลาสสิคที่ได้รับการ Custom ชุดหนังในห้องโดยสารเป็นหนังสุดหรูจาก Berluti กันไปแล้ว ล่าสุดก็ถึงคราวของ Triumph Motorcycle สัญชาติอังกฤษกันบ้าง กับการถูกหยิบออกมาประมูลผลงานสุดคลาสสิคเช่นเดียวกัน ซึ่งผลงานชิ้นนี้ก็ไม่ใช่ Triumph Bonneville T120 ธรรมดา ๆ เพราะมันคือ T120 ที่ผ่านการอัพเกรดและ Custom มาแล้วอย่างเต็มที่จาก Mecatwin สำนัก Custom มอเตอร์ไซค์ชื่อดังในฝรั่งเศส มันจึงเป็นการร่วมมือที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีของสองบริษัทสุด Craft ที่เป็นคนบ้านเดียวกัน ก่อนจะมาร่วมงานกับ Berluti เจ้า Triumph คันนี้ก็ไม่เหลือสภาพเดิม ๆ ของ T120 อยู่แล้ว Mecatwin workshop ได้จัดการถอดทุกอย่างทิ้งหมดเหลือเพียงเครื่องยนต์และโครงเหล็กเท่านั้น จากนั้นก็ออกแบบและผลิตชิ้นส่วนขึ้นมาใหม่หมดเพื่อแปลงโฉม Triumph Bonneville T120
ร้อยทั้งร้อยคนทำงาน ต้องผ่านการฟังเพลงขณะทำงานกันมาแล้ว แต่บางคนอาจจะสงสัยว่าเหตุใดบางครั้งฟังเพลงไป ทำงานไป แล้วได้งานดีเหลือเกิน แต่ในบางทีฟังเพลงไป ทำงานไปเหมือนเดิม แต่งานไม่เกิด ไอเดียไม่มีวี่แววว่าจะมาสักที ทำให้หลายคนโต้เถียงกันว่าสรุปแล้วฟังเพลงทำงานเป็นผลดีหรือแย่ลงกว่าเดิม แน่นอนว่าทุกการโต้เถียงย่อมมีวิทยาศาสตร์เป็นกรรมการคอยตัดสิน เรื่องดนตรีกับการทำงานก็เช่นกัน วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า ฟังเพลงในสถานการณ์ไหน มีผลกับสมองตอนทำงานอย่างไร และเราควรจะฟังเพลงยังไงให้งานวิ่งฉิว นึกภาพว่าเรากำลังนั่งอยู่ในออฟฟิศตามปกติ นึกภาพสิ่งแวดล้อมที่อาจจะมีทั้งวันที่มีเสียงรบกวนจากเพื่อนร่วมงาน นึกภาพโจทย์งานที่ได้รับในแต่ละวัน แล้วดูไปด้วยกันทีละสถานการณ์ว่าก่อนจะกด Play ฟังเพลงให้ได้ประโยชน์สูงสุดในแต่ละสถานการณ์นั้นต้องทำอย่างไร ต้องใช้สมองคิดไอเดีย วิเคราะห์ แยกแยะ -> ปิดเพลง ในการทำงานที่ต้องใช้สมองหนัก ๆ สำหรับคิดงาน ต้องจดจำรายละเอียดต่าง ๆ หรือต้องเรียนรู้ Instruction สำคัญ ๆ ซึ่งสมองต้องตั้งใจและใช้พลังงานในการทำงานมากอยู่แล้ว การฟังเพลงไปด้วยจะยิ่งทำให้สมองต้องแบ่งพลังงานมาใช้ในการประมวลผลดนตรีอีก ซึ่งการทำงานที่ Multitasking มากเกินไปของสมองจะทำให้มันจดจำได้ไม่ดีอย่างที่ควร หรือคิดงานได้ไม่เฉียบขาดเพราะมีรายละเอียดบางอย่างหลุดหายไป แบบที่เราต้องอ่านโจทย์วนไปวนมานั่นแหละ เมื่อมี Instruction เข้ามาที่สมองมากไป ทำให้มันจดจำรายละเอียดที่ไม่สำคัญมาแทนบ้าง หรือจำสลับกันบ้าง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดเมื่อเราต้องทำงานที่ใช้สมองหนัก ๆ คือใส่หูฟังได้ แต่อย่าเพิ่งกด Play เลยจะดีกว่า ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาแทนที่
สำหรับคนช่างเลือกและมีสไตล์ที่แตกต่าง การเลือกแฟชั่นไอเท็มอย่าง ‘นาฬิกา’ เรือนโปรดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสิ่งที่เลือกไม่ใช่เพียงแค่เครื่องบอกเวลา แต่ต้องแสดงตัวตนของผู้สวมใส่ Maurice Lacroix (มอริส ลาครัวซ์) เข้าใจไลฟ์สไตล์ผู้ชายยุคนี้ที่ช่างเลือกแถมยังมีกิจกรรมเยอะ ทั้งทำงาน นัดประชุม เข้ายิม ออกกำลังกาย รวมไปถึงแต่งตัวเสริมหล่อต่อที่เที่ยวกับก๊วนเพื่อนซี้ Maurice Lacroix เลยขอส่งตรงเรือนเวลาข้อมือคุณภาพ คอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด 4 รุ่น ได้แก่ AIKON Venturer, AIKON All Black, AIKON Automatic Chronograph และ AIKON Automatic MercuryAIKON อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ ในยุค 1990 นำกลับมาพัฒนาตีความหมายใหม่ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งล้วนออกแบบมาให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ สามารถถอดเปลี่ยนสายได้สะดวกเพื่อลุคที่คุณต้องการทั้งทางการและลำลอง เพื่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็น ชาวมิลเลนเนียลซึ่งมีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเองและชื่นชอบงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ แต่ขณะเดียวกันการพัฒนากลไกของนาฬิกาก็ยังเน้นนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งลูกเล่นที่บ่งบอกถึงศาสตร์ของการทำนาฬิกาแบบสวิสที่ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งเสมอ เราขอแนะนำสำหรับหนุ่มนักกีฬาและรักการผจญภัย เลือกสวมนาฬิกา Maurice Lacroix รุ่น AIKON Venturer (ไอคอน
คำว่า MILF (Mom I Love to F___) หรือคุณแม่ที่ยัง Sexy เป็นที่หมายปองของผู้ชาย ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง American Pie เป็นผู้ทำให้คำนี้ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับวัยรุ่นกับคุณแม่ มันเป็นหมวดหมู่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ผู้ชายมาทุกยุคทุกสมัย แต่ในยุคที่เพศมีความเสมอภาคเท่าเทียม วันนี้ผลวิจัยจากสอง Online Porn ยักษ์ใหญ่ผู้มี Database ขนาดใหญ่ของผู้ใช้งานหนังโป๊จากทั่วโลกพบว่า วันนี้ผู้หญิงให้ความนิยมกับผู้ชายมีอายุมากขึ้น จุดความหวังให้กับผู้ชายวัย 30 ปลายให้สดใสทันที ในรายงานจาก 2 Online Porn ยักษ์ใหญ่ ‘xHamster Trend Report 2018’ และ Pornhub report ต่างพบว่า ‘Daddy Porn’ กลายเป็นหมวดหมู่ที่ popular พุ่งสูงพีคแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งในรายงานจาก Pornhub ได้ระบุว่า DILF (Dad I love to F___) เป็นเทรนด์ที่มาแรงแซงทุกโค้ง ในกลุ่ม
ถ้าพูดถึง 1973 Porsche 911 F-series Targa เราจะนึกถึงรถที่มีความคลาสสิค เครื่องยนต์ 2.4-liter 190 แรงม้า 0-100 km/h ใน 7.8 วินาที กับโมเดล 911S ในรูปร่างหน้าตาที่มีความหล่อ สุขุม อยู่เหนือกาลเวลาและมีคุณค่าสำหรับนักสะสมรถยนต์มาโดยตลอด แต่ในความหายากนั้น ก็ยังมีรุ่นพิเศษที่หายากยิ่งกว่า และน้อยคนที่จะได้รู้จักกับ Berluti Porsche 911S Targa ที่ถูกอัพเกรดวัสดุหนังภายในทั้งคันให้มีความหรูหรา เพิ่มความเป็นสุภาพบุรุษยิ่งกว่าเดิม 1973 Berluti Porsche 911 Targa คันนี้เป็นรุ่นปีท้ายสุดของโมเดล (long-bonnet/narrow bumper F-series,) ได้รับการอัพเกรดเป็นวัสดุหนังสั่งตัดพิเศษจากแบรนด์เครื่องหนังแฟชั่น Berluti จาก Paris ที่ดีที่สุดในโลกภายใต้เครือ LVMH ซึ่งยืนหนึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความ Craftsmanship มาตั้งแต่ปี 1895 เคยผ่านการร่วมงานกับ Celebrity และแบรนด์ระดับ Top of the
ในวงการแฟชั่นที่เราได้เห็นสูตรสำเร็จของการ collaboration ในฐานะ Creative Parter ที่ผสมผสาน Music and Street Fashion culture เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Kanye x Adidas, Rihanna x Puma, Kendrick Lamar x Reebok ก็คงไม่แปลกที่่วันนึงจะถึงตาของยานแม่รุ่นใหญ่อย่าง Beyonce’ ที่จะได้สวมหมวกแสดงฝีมือด้าน Creative บนเวทีแฟชั่นบ้างแล้ว Beyonce’ ได้ประกาศเซ็นสัญญาร่วมงานกับ Adidas ในฐานะครีเอทีฟพาร์ทเนอร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะสร้างแรงบันดาลใจและเสริมพลังให้กับครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ไปจนถึงผลักดันการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้โลกใบนี้ผ่านทางกีฬา และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ Beyonce’ กล่าวถึงการตัดสินใจร่วมงานกับ Adidas ในครั้งนี้ว่า “อาดิดาสประสบความสำเร็จอย่างมากในการขยายขอบเขตด้านความคิดสร้างสรรค์ เราต่างมีแนวความคิดที่เหมือน ๆ กัน ทั้งในเรื่องของการใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ และความรับผิดชอบต่อสังคม เราคาดหวังที่จะทำให้ Ivy Park และแบรนด์ Adidas ก้าวไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง” Beyonce’ และ Adidas ถือเป็นหุ้นส่วนที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
จากเหตุการณ์โศกนาฎกรรมใน Sri Lanka ซึ่งคาดว่าจะเป็นการระเบิดพลีชีพในโบสถ์ 3 แห่ง และโรงแรม 3 แห่ง (the Cinnamon Grand, the Shangri-La, the Kingsbury) ทำให้มีจำนวนยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้มากถึงราว 320 คนแล้วนั้น ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสังคมนิยม ประชาธิปไตยศรีลังกา “Ruwan Wijewardene” ได้ออกมาแถลงถึงแรงจูงใจในการก่อการร้ายครั้งนี้ว่า “เป็นการล้างแค้นเหตุยิงมัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ช” เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ดูเหมือนการพยายามสร้างความแตกแยกโดยการจุดไฟแค้นระหว่างศาสนาของ Brenton Tarrant มือปืนขวาจัดหัวรุนแรงที่กราดยิงมัสยิด 2 แห่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น 50 คน เป็นต้นเหตุที่ทำให้กลุ่ม Islamist หัวรุนแรงที่ชื่อ National Thowheeth Jama’ath (NTJ) ซึ่งก่อนตั้งมาได้เพียง 3 ปีก่อนก่อเหตุน่าเศร้าครั้งนี้ และมีเหตุผลน่าเชื่อว่ายังมีกลุ่มหัวรุนแรง Jamaat-ul-Mujahideen India (JMI) จาก India เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย “The preliminary investigations
ถือเป็นความอัฉริยะของทีมนักออกแบบ Nike ในการออกแบบและตั้งชื่อรองเท้าดีไซน์แปลกตา ที่ตั้งใจสร้างมาเพื่อฉลองให้กับวันกัญชาโลก 4/20 หรือวันที่ 20 เดือน 4 ด้วยการตั้งชื่อและออกแบบที่ twist ความหมายให้หลายคนงง แต่เป็นการส่งสัญญาณที่คนสายเขียวหัวใจกัญชาโลกรู้กันดี เพราะคำว่า ‘Walk The Dog’ ในที่นี้หมายถึงสายพันธุ์กัญชายอดฮิตในอเมริกา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังออกแบบมาให้ใส่เพื่อฉลองวันพาหมาไปเดินเล่นได้อีกด้วย ‘Walk The Dog’ เป็นกัญชาที่มีลักษณะเฉพาะคือช่อสีเขียว Olive มีขนสีส้มรอบ ๆ เป็นกัญชาที่เพาะขึ้นแบบ Indica-dominant (การผสมพันธุ์ระหว่างสายพันธุ์ Afghani Indica และ Mexican + Columbian Sativa) เป็นสายพันธุ์ที่ผสมได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวสบายใจกำลังดี ดูดแล้วสามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เต็มที่ไม่ว่าจะเป็นนั่งคุยกับพ่อแม่หรือพาหมาไปเดินเล่น ขายในต่างประเทศที่กรัมละ $10 – $11 จึงเป็นที่มาของชื่อสายพันธุ์นี้นั่นเอง อย่าพึ่งสับสนว่ากดเข้ามาอ่านผิดบทความหรือไม่ เราเพียงอธิบายเรื่องที่มาของชื่อรุ่นรองเท้าเพลินไปหน่อย กลับมาที่ Nike SB Dunk High ‘Walk The Dog’ ซึ่งไม่ได้บังเอิญชื่อตรงกัน
นับว่าเป็น 2 of the best ในวงการแฟชั่น ที่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งระหว่าง Uniqlo และ Alexander Wang ที่ช่วยกันสร้างสรรค์ collection ใหม่ล่าสุดใน Airism collection Spring/Summer 2019 โดยการ Collaboration กับดีไซน์เนอร์ชื่อดังระดับโลกจากนิวยอร์กในครั้งที่สองนี้ เป็นการต่อยอดความมุ่งมั่นของไลฟ์แวร์ (LifeWear) ในการยกระดับการใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการผสานคุณสมบัติการใช้งานที่ดีเยี่ยมของนวัตกรรมเนื้อผ้าแอริซึ่ม (AIRism) ของยูนิโคล่ เข้ากับสไตล์การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของอเล็กแซนเดอร์แวง ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเราเช่นกัน ไม่ใช่แค่ในเรื่องของ Collection ที่น่าสนใจนี้เท่านั้น แต่มันคือโอกาสพิเศษที่เราจะได้บินไปสัมภาษณ์ Alexander Wang แบบสุด Exlcusive ถึงงานปาร์ตี้เปิดตัวในประเทศไต้หวัน ซึ่งโอกาสแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้พูดคุยกับ Designer ระดับโลกเบอร์นี้ แม้เวลาเราจะมีจำกัด แต่มันก็มากพอที่จะได้พูดคุยถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลังการกลับมา Collaboration ครั้งนี้ และมันทำให้เราได้เห็นถึงความท้าทายในการออกแบบ LifeWear ที่ต้องบาลานซ์ทั้ง Design และ Technology ของเสื้อผ้าที่เรียบง่ายให้มีความน่าสนใจ ในขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึง Signature ความเป็น
ตอนเด็กเราร้องไห้ได้ง่าย ทำให้เราไม่ต้องแบกความเครียดติดตัวเอาไว้ แต่เมื่อเราโตขึ้นกลับกลายเป็นว่าการร้องไห้มันคือเรื่องยากที่จะทำ เพราะวัฒนธรรมบอกเราว่าการร้องไห้คือความอ่อนแอของคนแพ้เท่านั้น? “If you cry once a week, you can live a stress-free life.” นี่คือ Quote คำสอนของ Mr. Hidefumi Yoshida หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า “namida sensei (Tears Sensei)” หรือกูรูด้านการร้องไห้ ผู้บุกเบิกให้คนญี่ปุ่นได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเสียน้ำตา ซึ่งเป็นการระบายความเครียดที่ดียิ่งกว่าการหัวเราะหรือพักผ่อนทุกรูปแบบ ซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่าวัฒนธรรมการทำงานหรือแม้แต่การเรียนในประเทศญี่ปุ่นนั้นทั้งหนัก การแข่งขันสูง และการต้องเอาใจผู้ใหญ่ ส่งผลให้คนทำงานมีอัตราประสบปัญหาสุขภาพจากความเครียดสูงมาก ตัวเลขสถิติการฆ่าตัวตายจากปัญหาจากความเครียดเกี่ยวกับการทำงานในปี 2018 พุ่งสูงเกิน 2,000 ราย ทำให้คำว่า Karoshi “death by overwork” กลายเป็นประเด็นที่หลายบริษัทในญี่ปุ่นต่างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก ด้วยปัญหานี้เอง การระบายความเครียดที่อัดอั้นใจยากจะหาวิธีระบายของคนทำงานในญี่ปุ่นด้วยการร้องไห้จึงเป็น Solution ที่กำลังได้รับความนิยมมาก ด้วยคุณสมบัติของการหลั่งน้ำตา ที่ไม่ใช่แค่ปกป้องดวงตาจากอาการระคายเคือง แต่มันยังช่วยละลายความเครียดจากระบบประสาทซิมพาเทติกในสมอง (Parasympathetic nerve activity) ซึ่งเป็นระบบประสาทอัตโนมัติที่เราไม่สามารถสั่งการได้ เปรียบเสมือนระบบ