จากกระแสที่ Milli แร็ปเปอร์สาวตัวจี๊ดแห่งวงการเพลงฮิปฮอปไทยได้ไปแสดงฝีมือในเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Coachella 2022 โดยเฉพาะจังหวะประทับใจกับการนำข้าวเหนียวมะม่วงมารับประทานยั่วยวนน้ำลายคนดูทั่วโลกให้ไหลหยดติ๋ง ๆ เล่นเอากลายเป็นกระแสไวรัลทั่วโลกออนไลน์ราวกับน้ำมันติดไฟ จากเหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้เราได้นึกย้อนไปถึงโชว์ที่มีการเอาอะไรแปลก ๆ มาเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่าบรรดาคนดู โดยทาง Unlockmen ขอคัด 5 ศิลปินที่ทำให้โลกต้องอ้าปากค้างกันมาแล้ว จะมีใครบ้าง ตามมาเลยครับ! นักร้องวง BRASS AGAINST ฉี่ใส่คนดู เหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 เมื่อ Sophia Urista นักร้องนำสาวเกิดอาการปวดฉี่กระทันหันระหว่างโชว์ และน่าจะมีอาการมึนเมาผสมอยู่ด้วย เธอได้กระทำการที่ไม่มีใครคาดคิด ด้วยการขออาสาสมัครคนดูขึ้นมาบนเวทีเพื่อกินฉี่ของเธอ ใช่แล้วคุณคงคิดว่าใครจะกล้า แต่มันก็ดันมีคนบ้าใจถึงพึ่งได้ขึ้นไปบนเวทีตามคำท้า ก่อนจะนอนลงให้เธอปลดกางเกงลงและปล่อยสายน้ำยิงตรงพุ่งสู่หน้าและปากแบบชุ่มช่ำ (ตรงไหน) เรียกได้ว่าคนฉี่ก็โล่ง คนโดนก็ฟิน วินวินกันทั้งสองฝ่าย แต่หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวทางวง Brass Against ก็ออกมาโพสต์ขอโทษและยืนยันว่าจะไม่ให้นักร้องนำของพวกเขากระทำอะไรแบบนี้อีก ไม่รู้ตอนนี้คนดูคนนั้นจะโดนเพื่อนล้อยับเยินว่าเป็น “คนกินฉี่” ไปแล้วหรือยัง RAMMSTEIN วงผู้ท้าทายเปลวเพลิง เป็นกิจวัตรประจำวัน Rammstein สุดยอดวงอินดรัสเตียลเมทัลจากประเทศเยอรมนี ขึ้นชื่อเรื่องการแสดงสดสุดอลังการงานสร้างเป็นอย่างมาก
เชื่อว่าช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์น่าจะมีใครหลาย ๆ คนออกเดินทางไกลไปต่างจังหวัดกัน ไม่ว่าจะเป็นการกลับบ้านหรือไปเที่ยวพักผ่อนตามอัธยาศัย ซึ่งอุปสรรคระหว่างขับรถไกล ๆ แถมรถยังติดมักจะตามมาด้วยความง่วง เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องหาตัวช่วยมาสู้กับมันซักหน่อย Unlockmen จึงขอจัดเพลย์ลิสต์ 12 เพลงร็อกสุดมันส์ปลุกความง่วงขับรถช่วงสงกรานต์ มาฝากทุกคนกันครับ เสแสร้ง – PAPER PLANES FEAT.MOON ผลงานเพลงสุดร้อนแรงของวง Paper Planes ที่กลายเป็นกระแสฮิตไปทั่วโลกออนไลน์ ณ เวลานี้ โดดเด่นด้วยซาวด์ที่มีการผสมผสานอันหลากหลาย ทั้งป๊อปพังก์, อีโม และแทร็ป แม้ว่าเพลงจะไม่ได้หนักหน่วง มาในแบบจังหวะกลาง ๆ แต่มันก็น่าจะเป็นเพลงที่เหมาะกับการค่อย ๆ ปรับโสตประสาทของคุณก่อนที่จะไปลุยกับเพลงต่อไป ที่เดิม – POTATO ผลงานจากอัลบั้ม “Life” ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2005 เป็นเพลงที่ทำให้แฟนเพลงรู้สึกเซอร์ไพรส์ เพราะ Potato เลือกเอาสัดส่วนของกลองสองกระเดื่องมาขับเคลื่อน ส่งผลให้สามารถส่งพลังงานออกมาได้แบบไม่มีกั๊ก ใครที่ได้ฟังก็จะรู้สึกตื่นตัวไปกับความหนักแน่นและเมโลดี้เพราะ ๆ ที่ถูกเบลนด์เข้ากันได้อย่างลงตัว ยังไม่ตาย – ZEAL หนึ่งในผลงานเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Little Rock
ใครกำลังหาภาพยนตร์ทาง Netflix ดูเพลิน ๆ ในช่วงวันหยุด โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่หลงใหลในบทเพลงร็อกและเมทัล เราขอแนะนำให้คุณรับชมเรื่อง Metal Lords ที่เพิ่งออนแอร์ไปสด ๆ ร้อน ๆ และกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกของโซเชียลมีเดียด้วยเช่นกัน Metal Lords เนื้อหาถูกเขียนขึ้นโดย D.B. Weiss ผู้ฝากผลงานไว้กับซีรีส์โคตรมหากาพย์อย่าง Game of Thrones นอกจากนั้นยังได้ Peter Sollett มารับหน้าที่ผู้กับกำกับ พร้อมทั้ง Tom Morello มือกีตาร์วง Rage Against The Machine มาทำหน้าที่ Executive Music Producer เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและความถูกต้องของดนตรีเมทัลให้กับภาพยนตร์ ในส่วนของพาร์ตการแสดงได้ Adrian Greensmith รับบทเป็น “Hunter” เด็กหนุ่มผู้คลั่งไคล้เพลงเมทัลแบบเข้าเส้น, Jaeden Martell มารับบทเป็นเด็กเนิร์ดสุดติ๋มนามว่า “Kevin Schlieb” และ Isis Hainsworth รับบทเป็น
ดนตรีมักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันเสมอ เช่นการออกกำลังกาย ที่เรามักจะเซตเพลย์ลิสต์กับบีตดนตรีให้เหมาะสมกับจังหวะการเคลื่อนที่ รวมไปถึงเวลาเข้าร้านสปาเรามักจะได้ยินเพลงที่เต็มไปด้วยเสียงธรรมชาติเมื่อไหร่ที่ได้ฟังก็มักจะรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย ล่าสุดมีผลวิจัยใหม่เกี่ยวกับเสียงและอารมณ์ครั้งใหม่ออกมา นั่นคือ “Binaural Beats” หรือคลื่นเสียงบำบัดสมอง มีผลทำให้สมองออกฤทธิ์ get high ได้คล้ายตอนเสพยาเสพติด ซึ่งกลายเป็นข้อมูลใหม่เนื่องจากเมื่อปี 2020 มีการระบุว่า Binaural Beats ไม่มีผลต่ออารมณ์แต่อย่างใด ผลการวิจัยล่าสุดเกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2022 โดยทาง RMIT University มหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลียได้จัดทำหัวข้อ “Who Uses Digital Drugs? An International Survey of ‘Binaural Beat’ Consumers” ที่ได้โชว์ให้เห็นถึงข้อมูลผู้ทำแบบสอบถาม Global Drug Survey ของปี 2021 พบว่า ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ Binaural Beats ในการผ่อนคลายเพื่อนอนหลับทั้งหมด 72%, ใช้เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ 35% และใช้เพื่อให้เกิดอาการคล้ายยาหลอนประสาทอีก 12% โดยจังหวะและคลื่นความถี่ของเสียงมักจะมีชื่อของตัวยากำกับเอาไว้เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกฟังตามความพึงพอใจของตัวเอง
อกหักเรื่องใหญ่ แต่การมูฟออนจากมันได้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า หลาย ๆ คนมักจะจมอยู่กับความเศร้าจนลืมไปว่าชีวิตที่เคยสดใสเป็นอย่างไร ซึ่งเราเข้าใจความรู้สึกของคุณดี และเราก็อยากให้คุณกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งกับ “7 ข้อที่ควรรู้สู่การมูฟออนได้ดีกว่าที่เคยเป็นมา” 1. มีสติอยู่กับปัจจุบัน ใคร ๆ ก็ต่างพูดว่าทำอะไรต้องมีสติ ใช่แล้วเพราะมันคือวิธีที่ถูกต้อง ทำให้เรารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ในเวลานี้ เช่นเดียวกับตอนที่คุณอกหัก เศร้า จมปลักอยู่กับน้ำตา ไม่แปลกที่คุณจะต้องอยู่กับห้วงอารมณ์แบบนั้น แต่คุณต้องเปิดปุ่มสติให้แล่นอยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นให้ลองกำหนดลมหายใจหรือนั่งสมาธิดู เพราะมันอาจจะช่วยให้คุณควบคุมความฟุ้งซ่านที่กำลังเกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย 2. โฟกัสกับสิ่งที่ต้องรับผิดชอบให้มากกว่าเดิม โหมดความโสดไม่ได้แย่เสมอไป อย่าลืมว่าก่อนที่คุณจะมีความรักคุณก็เคยใช้ชีวิตคนเดียวอย่างมีความสุขได้ สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่เพียงกลับไปโฟกัสกับหน้าที่และความรับผิดชอบให้เต็มที่เหมือนที่เคยทำมา ไม่ว่าจะเป็นงานหลักหรืองานบ้านก็ตาม เพราะเมื่อคุณทุ่มเทและใช้เวลาอย่างเต็มที่กับสิ่งเหล่านี้ มันก็จะช่วยให้โฟกัสของคุณไม่ไปอยู่กับความเศร้ามากจนเกินไป 3. โฟกัสกับการทานอาหารที่มีประโยชน์ มีคนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อถึงเวลาอกหัก มักจะมีอาการเบื่ออาหาร ทานข้าวไม่ลง จนร่างกายผอมซูบลงอย่างน่าตกใจ บางคนบอกว่ามันคือสูตรลดน้ำหนักแบบเร่งรัด แต่ได้โปรดอย่าคิดแบบนั้น เพราะถึงแม้คุณจะได้มีหุ่นผอมเพรียวบาง แต่ร่างกายของคุณจะมีสุขภาพที่ย่ำแย่ตามมา รวมถึงความหิวจะทำให้สมองเกิดความเครียด ซึ่งส่งผลต่อสีหน้าและสุขภาพผิดโดยรวม เพราะฉะนั้นคุณควรโฟกัสกับการทานอาหารให้มากขึ้น โดยเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมันจะช่วยให้คุณแข็งแรง หน้าตาดูสดชื่น และมีแรงเพื่อก้าวข้ามผ่านพ้นไปวันหมอง ๆ ไปได้ 4. คิดถึงคนรอบข้าง เวลาที่คุณเศร้า รู้สึกว่าโลกนี้มันเลวร้ายไปหมดทุกอย่าง อย่าลืมว่าไม่ได้มีแต่คุณที่คิดแบบนั้น
Dangerous Minds คือภาพยนตร์แนวดราม่าที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในยุค 90’s ออกฉายครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 1995 นำแสดงโดย Michelle Pfeiffer มารับบทเป็นคุณครู LouAnne Johnson และกำกับการแสดงโดย John N. Smith ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือ “My Posse Don’t Do Homework” ที่เขียนโดย LouAnne Johnson ตัวจริง Dangerous Minds นำเสนอเรื่องราวของคุณครูคนหนึ่งที่ตกลงปลงใจเข้าสอนกลุ่มนักเรียนพิเศษในระดับไฮส์สคูล หรือจะให้บอกตรง ๆ ก็คือกลุ่มนักเรียนเกเรที่ไม่มีใครอยากสนใจ มีครูมากมายที่ต้องลาออกไปเพราะไม่สามารถที่จะรับมือกับความแสบของเด็ก ๆ กลุ่มนี้ได้ แต่ครู LouAnne Johnson กลับสามารถพิชิตใจนักเรียนกลุ่มนี้ได้ แม้กว่าจะทำสำเร็จก็ต้องผ่านเรื่องราวอะไรต่าง ๆ มากมาย ซึ่งพอมาเปรียบเทียบกับชีวิตของเราแล้ว มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมาะกับการนำไปปรับใช้เวลาทำงานด้วยเช่นกัน และเราสามารถแบ่งประเด็นที่น่าสนใจออกมาได้เป็นจำนวน 5 ข้อหลัก ๆ ดังนี้ แผนบางอย่างใช้ไมได้กับทุกสถานการณ์
หากพูดถึงเพลง “Do I Wanna Know?” ของวง Arctic Monkeys คุณจะนึกถึงอะไรบ้าง แน่นอนว่าคงจะต้องนึกถึงริฟฟ์กีตาร์เท่ ๆ เสียงยาน ๆ สไตล์สโตนเนอร์ที่มีกลิ่นอายของดนตรีบลูส์ จะให้บอกว่าเป็นตัวชูโรงของเพลงนี้ก็คงไม่ผิดแต่อย่างใด หรือจะเป็นจังหวะดนตรีที่ชวนดีดนิ้วตามก็ถือว่าเป็นสเน่ห์อีกอย่างที่ถูกสอดแทรกเข้าไป หรือจะเป็นเสียงร้องที่สะกดคนฟังได้อยู่หมัด ทั้งหมดทั้งมวลคือส่วนผสมอันลงตัวจนทำให้เพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีซของ Arctic Monkeys ในที่สุด แต่กว่าเพลงนี้จะถูกออกมาสมบูรณ์แบบ มันก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจซ่อนอยู่เช่นกัน ต้นขั้วมาจากเพลง “R U MINE?” “Do I Wanna Know?” ถูกปล่อยออกมาสู่โลกภายนอกเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2013 เป็นเพลงที่ 2 ที่ถูกนำมาโปรโมตจากอัลบั้ม “AM” ความน่าสนใจของเพลงนี้นอกจากดนตรี มันคือที่มาที่ไปที่มาจากเพลง “R U Mine?” ซึ่งก็เป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม AM เช่นกัน เป็นแทร็กที่ 2 ต่อจาก “Do I Wanna Know?” แล้วทั้ง
หากให้พูดถึงศิลปินฮิปฮอปที่มีสกิลการแร็ปอันจัดจ้าน แน่นอนว่าชื่อของ Eminem ต้องปรากฎขึ้นมาชื่อแรกอย่างแน่นอน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มันไม่ได้มาจากตัวศิลปินที่มาบอกประกาศเอง แต่คำตอบมันมาจากการตอบรับของแฟนเพลงนั่นเอง และนี่คือ 5 เพลงท็อปฮิตของ Eminem ที่ทำยอดวิวทะลุ 1 พันล้าน จะมีเพลงอะไรบ้าง เรามีคำตอบมาให้ทุกคนแล้ว 1.LOVE THE WAY YOU LIE (FEAT.RIHANNA) TOTAL : 2,375,481,170 VIEWS เข้ามาเป็นท็อปฮิตอันดับแรกแบบไม่ต้องคาดเดาให้ยาก ผลงานเพลงจากอัลบั้ม “Recovery” ที่ถูกนำมาโปรโมตเป็นซิงเกิ้ลที่ 2 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ปี 2010 ความพิเศษของเพลงนี้คือการได้ Rihanna ศิลปินตัวแม่สาย R&B มาถ่ายทอดพลังเสียงที่สุดยอดลงตัวเข้ากับการแร็ปของ Eminem ได้เป็นอย่างดี ทั้งคู่มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของคู่รักที่ไม่ยอมแยกจากกันแม้จะอยู่ในความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดก็ตาม (love–hate relationship) ทาง Eminem เคยให้เหตุผลที่ต้องดึง Rihanna มาร้องเพลงนี้ไว้ว่า “มันเป็นหนึ่งในเพลงที่ผมรู้สึกว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถดึงอารมณ์ของเพลงออกมาได้ดีที่สุด” เท่านั้นยังไม่พอ MV
หลังจากที่เคยผลิตรุ่น “Defender V8 Bond Edition” ฉลองการเปิดตัวภาค “No Time To Die” ล่าสุด Land Rover ก็กลับมาเอาใจสาวกพยัคฆ์ร้าย 007 อีกครั้งกับ “Land Rover Defender 90 James Bond” เพื่อฉลองแซยิดของภาพยนตร์สายลับสุดมหากาพย์ แต่การกลับมาครั้งนี้มันคือความพิเศษเพราะรถยนต์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลุยศึก “2022 Bowler Defender Challenge” โดยเฉพาะ Bowler Challenge เป็นซีรีย์แข่งแรลลี่แบบวันเมค ถูกจัดขึ้นมาเพื่อเป็นการปูทางเข้าสู่การแข่งขันแรลลี่ระดับโลก เช่น ดาการ์ โดยจะจัดขึ้นที่สหราชอาณาจักร มีทั้งหมด 12 ทีมด้วยกัน แต่ละทีมจะต้องขับรถ Land Rover Defenders ที่ถูกเซตไว้สำหรับแข่งขันโดยเฉพาะ และต้องขับรถลุยในสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นทางดินลูกรัง ป่าลึก หรือแม้กระทั่งเทือกเขา และทุกทีมจะต้องใช้รถยนต์ Land Rover Defender 90 ขุมพลัง 2.0
ใครที่ชื่นชอบรองเท้าสนีกเกอร์ ชอบแฟชั่นสไตล์สตรีทที่เน้นความคล่องตัว และเพิ่มความรู้สึกเท่ในทุก ๆ ย่างก้าว เชื่อว่าแบรนด์ที่อยู่ในลิสต์ของใครหลายคนทั่วโลกจะต้องมี “Onitsuka Tiger” รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน Onitsuka Tiger สุดยอดแบรนด์รองเท้าสนีกเกอร์สุดคลาสสิกจากประเทศญี่ปุ่นที่อยู่คู่ชาวสตรีทแฟชั่นทั่วโลกมาอย่างยาวนาน มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1949 โดยคุณ Kihachiro Onitsuka โดดเด่นด้วย Onitsuka Tiger Stripes สีน้ำเงิน/ขาว/แดง ที่กลายเป็นภาพจำของแบรนด์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงดงามของคลื่นทะเลในเมืองโกเบ เรียกได้ว่าเป็นการฟิวชั่นให้เข้ากันระหว่างสเน่ห์ของธรรมชาติ และแฟชั่นได้อย่างน่าสนใจ นอกจากคุณภาพของรองเท้า ความสะดวกสบายในการสวมใส่ สไตล์ที่เท่แบบอยู่เหนือการเวลาก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ Onitsuka Tiger ตอบโจทย์ให้เข้ากับทุก Lifestyle และทุกเพศทุกวัย ด้วยความสุดยอดของสนีกเกอร์เลือดซามูไร เราเลยอดใจไม่ไหวที่จะแนะนำ 7 รุ่นเดือดของ Onitsuka Tiger มาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกัน GIGATIA ตัวทีเด็ดแห่ง Onitsuka Tiger แค่เห็นรูปทรงก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดที่ยากเกินห้ามใจ สร้างความรู้สึกอยากสวมใส่ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ โดย GIGATIA เกิดจากการมิกซ์ให้เข้ากันระหว่างตัว Upper ที่ทำจากวัสดุหลายประเภทและพื้นรองเท้าที่มีความทนทานเอกลักษณ์ของ Onitsuka