ในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะวงการดนตรีจะมีการสูญเสียศิลปินที่มากความสามารถมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดก็กลายเป็นข่าวช็อกแฟนเพลงอีกครั้งกับการจากไปของ Taylor Hawkins มือกลองมากความสามารถจากวง Foo Fighters Taylor Hawkins ถูกพบว่าเสียชีวิตในห้องพักของโรงแรม The Casa Medina ณ เมืองโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผานมา สร้างความเสียใจให้กับแฟนเพลงไปทั่วโลก รวมถึงบรรดาเหล่าศิลปินร่วมวงการที่ออกมาร่วมกันไว้อาลัยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของ Taylor Hawkins ได้เป็นอย่างดี ภายหลังจากประกาศยืนยันการเสียชีวิต ในวันที่ 26 มีนาคม ทางสำนักงานอัยการสูงสุดของโคลอมเบียได้เผยแพร่ข้อความถึงการตรวจสอบสารพิษต่าง ๆ เบื้องต้นในร่างกายของ Taylor Hawkins ซึ่งปรากฎว่ามีความเกี่ยวข้องกับยา โดยมีข้อมูลแยกย่อยได้ 3 ข้อดังนี้ 1.การทดสอบสารพิษภายในร่างกายของ Taylor Hawkins ด้วยปัสสาวะ พบว่ามีสารของ กัญชา, ยากล่อมประสาท, เบนโซไดอะซีพีน (กลุ่มยานอนหลับหรือยาคลายเครียด) และโอปิออยด์ (กลุ่มยาที่ใช้ระงับอาการปวดระดับปานกลางไปถึงรุนแรง) 2.สถาบันนิติเวชแห่งชาติกำลังทำการศึกษาทางการแพทย์ต่อไป เพื่อที่จะสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของ Taylor Hawkins ได้อย่างสมบูรณ์แบบ 3.ศูนย์การดำเนินคดีแห่งชาติของโคลอมเบียจะทำการตรวจสอบต่อไป
“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน” ประโยคสั้น ๆ แต่บ่งบอกความหมายได้ชัดเจน เพราะชีวิตเราในแต่ละวันล้วนแต่ต้องเผชิญปัญหาต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว, ปัญหาภายในครอบครัว, ปัญหาเรื่องหน้าที่การงาน ซึ่งมันอาจจะลามกลายมาเป็นปัญหาสุขภาพได้ในภายหลังเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราจึงควรต้องมีวิธีรับมือและจัดการกับสิ่งเหล่านั้น เพื่อช่วยให้ชีวิตของเราสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ ที่มักแวะเข้ามาทักทายไปได้ มาทำความรู้จัก 5 วิธีงัดกับปัญหาที่จะทำให้ชีวิตของเราแข็งแกร่งมากกว่าเดิมกันครับ 1.สร้างพื้นที่ลดความเครียด การที่คนเราทำงานใด ๆ ก็ตามอยู่เพียงอย่างเดียว มักจะทำให้เราไม่เห็นทางออกการปลดปล่อยความเครียดออกมาได้ เพราะมันเปรียบเสมือนโลกใบเดียวที่คุณมีอยู่ ทั้งที่จริง ๆ แล้วตัวคุณเองสามารถสร้างโลกใบใหม่ได้อีกหลายใบตามใจต้องการ โลกที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องราวเหนือจินตนาการ แต่มันคือการหางานอดิเรกที่คุณชอบทำมันให้จริงจังเพิ่มเติมซะ ไม่ว่าจะเป็นการแคสต์เกมส์, การเล่นดนตรี หรือแม้กระทั่งการปลูกต้นไม้ เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้คุณมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาอยู่กับมันนั่นเอง เมื่อศูนย์กลางของคุณไม่ได้มีเพียงที่เดียว คุณก็สามารถบรรเทาความทุกข์ ความเครียดต่าง ๆ ด้วยงานอดิเรกเหล่านี้ได้ ซึ่งไม่แน่ว่าในสถานการณ์เลวร้ายสุด ๆ อย่างเช่นต้องตกงาน สิ่งเหล่านี้อาจจะช่วยสร้างรายได้ให้กับคุณได้เช่นกัน 2.ควบคุมอารมณ์ไม่ใช่ให้อารมณ์ควบคุม บ่อยครั้งที่ความเครียดเกิดจากการพาตัวเองเข้าไปสู่อารมณ์ที่ย่ำแย่จนเราไม่สามารถรับมือกับมันได้ กลายเป็นการสร้างปัญหาที่มีผลกระทบกับตัวเราเองรวมไปถึงคนรอบข้าง เพราะฉะนั้นการควบคุมอารมณ์จึงจำเป็นอย่างมากที่คุณจะต้องเรียนรู้ วิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณรู้ว่าสภาวะอารมณ์ของคุณรุนแรงหรือบอบช้ำขนาดไหน เราอยากให้คุณลองหยิบสมุดขึ้นมาจดความรู้สึกเหล่านั้นลงไปในขณะที่มีอารมณ์กำลังปะทุขึ้น เพราะเมื่อเวลาผ่านไปมันจะทำให้คุณรู้ว่าอารมณ์มันได้ควบคุมคุณจนไปถึงจุดไหน และตัวคุณในตอนนั้นเป็นอย่างไร สิ่งต่าง
ณ Mid-Den Haus Studio สตูดิโอบ้านสไตล์วินเทจย่านซอยพหลโยธิน 44 เมื่อสัปดาห์ก่อน เรามีนัดพูดคุยกับศิลปินและนักแสดงชื่อดังที่อยู่ในวงการบันเทิงมานานเกิน 20 ปี แต่ไม่น่าเชื่อว่ากาลเวลาจะทำอะไรผู้ชายที่ชื่อว่า “โดม ปกรณ์ ลัม” ไม่ได้เลย โดมจะมาพาทุกคนไปไล่ย้อนไทม์ไลน์นับตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงมุมมองของสังคมและประเทศไทยในปัจจุบันที่ถูกแช่แข็งอยู่กับที่มาอย่างยาวนาน ซึ่งคงไม่บ่อยมากนักที่เราจะได้ฟังทัศนคติของโดมที่จะพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมแล้วไปลุยกันเลยครับ! เข้าสู่วงการตั้งแต่วัยเด็ก โดม เป็นคนที่มีชีวิตวัยเด็กไม่ต่างจากเด็กทั่ว ๆ ไป ตื่นเช้าไปเข้าเรียน ตกเย็นเตะบอลกับเพื่อนแล้วค่อยแยกย้ายกลับบ้านนอนตามปกติ แต่สิ่งที่แตกต่างกว่าคนอื่น ๆ ซักเล็กน้อยก็คงเป็นการทำงานถ่ายโฆษณาตั้งแต่วัย 2-3 ขวบ ซึ่งโดมเล่าให้ฟังว่ามีงานเข้ามาบ่อยมาก เนื่องจากตนเองเป็นเด็กที่อึดมาก ไม่ค่อยงอแง ทำให้ได้งานตลอด มีรายได้พิเศษมาช่วยคุณแม่จนกระทั่งเข้าสู่วัย 6 ขวบ “ถ่ายโฆษณาไปมา จนไปเตะตาพี่คนหนึ่ง เขาทำละครอยู่ช่อง 3 ตอนนั้นประมาณ 6 ขวบ ผมเล่นละครช่อง 3 เป็นตัวละครเด็กนี่แหละครับ ได้เล่นอยู่หลายเรื่อง จากนั้นก็เริ่มมีงานตามมาเรื่อย ๆ ลักษณะกึ่งดาราเด็กแต่ก็ไม่เชิง เพราะว่าสมัยนั้นไม่ค่อยมีดาราเด็กที่โด่งดัง จะเป็นพระนางเสียส่วนใหญ่ เด็กก็จะเป็นตัวประกอบในละคร”
ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง ชื่อของกองหน้าทีมชาติกาบองกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งหลังจากระเบิดฟอร์มซัดเบิ้ลช่วยให้ Barcelona บุกไปถล่ม Real Madrid ยับเยินคาบ้านถึง 4-0 สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นภาพแห่งความสุขอันล้นปรี่ของนักเตะรวมไปถึงแฟนบอลด้วยเช่นกัน แต่หากย้อนไปไม่กี่เดือนก่อนชื่อเราคงคิดไม่ออกแน่ ๆ ว่าภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ก่อนที่โอบาเมย็องจะยกเลิกสัญญากับทีม Arsenal ช่วงนั้นสถานการณ์ของเขาดูไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไหร่ สืบเนื่องมาจากปัญหาเรื่องระเบียบวินัยส่งผลให้เกิดความไม่ลงรอยกับ มิเกล อาร์เตตา ผู้จัดการทีมชาวสแปนิช หากมองจากสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้นรวมไปถึงอายุอานามที่ใกล้ 33 ปีเข้าไปทุกที คงไม่มีใครกล้าฟันธงว่าโอบาเมย็องจะสามารถงัดฟอร์มอันสุดยอดออกมาได้อีกครั้ง แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นการค้าแข้ง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด ฟุตบอลอยู่ใน D.N.A. โอบาเมย็อง ถูกถ่ายทอดความชื่นชอบกีฬาฟุตบอลที่น่าจะฝังลงลึกถึงชั้น DNA นั่นก็เพราะคุณพ่อของเขาก็เป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน เคยติดทีมชาติกาบองและมีผลงานกับอีกหลาย ๆ สโมสร เท่านั้นยังไม่พอ พี่น้องของเขาทั้งคาติลินาและวิลลี่ ต่างก็เป็นนักฟุตบอลกันทั้งหมด โอบาเมย็อง ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 1989 ณ เมืองลาวาล ประเทศฝรั่งเศส การใช้ชิวตของเขากลับไม่ได้ปักหลักอยู่ที่ฝรั่งเศสหรือกาบอง แต่กลายเป็นเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เนื่องจากคุณพ่อของเขาได้ประกอบอาชีพเป็นแมวมองให้กับทีม A.C. Milan หลังจากแขวนสตั๊ด ส่วนคุณแม่ของเขาคือ มาร์การิตา
ครั้งก่อนที่ทางเราได้มีการทำคอนเทนต์เพลงร็อกยุค 90’s จากฝั่งอเมริกาไป ก็มีคอนเมนต์บางส่วนที่เรียกร้องอยากให้ทำฝั่งอังกฤษบ้าง วันนี้เราเลยขอจัด 10 เพลงร็อกระดับ Iconic แห่งยุค 90’s จากฝั่งสหราชอาณาจักรแบบเน้น ๆ เอาไว้ให้ทุกคนได้เพิ่มเข้าไปในเพลย์ลิสต์ส่วนตัวกันครับ OASIS “WONDERWALL” (1995) เอาจริง ๆ เพลงของ Oasis นี่เป็นอะไรที่เลือกยากมากเพราะเพลงดี ๆ มีอยู่หลายเพลง แต่ถ้าจะให้พูดถึงเพลงระดับ Iconic ก็มีอยู่ 2 ตัวเลือกคือ “Don’t Look Back In Anger” และ “Wonderwall” แต่สุดท้ายขออนุญาตเลือกเพลงหลัง เพราะความชื่นชอบเสียงร้องของ Liam Gallagher ในสมัยที่เสียงยังสดเอามาก ๆ “Wonderwall” เป็นผลงานจาก “(What’s The Story) Morning Glory” สตูดิโออัลบั้มที่ 2 ของ Oasis ซึ่งกลายเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่มาจวบจนทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ก็ต้องยอมรับว่าเพลง
ท่ามกลางความวุ่นวายย่านถนนแจ้งวัฒนะ-ดอนเมือง ที่เต็มไปด้วยรถยนต์ที่วิ่งพลุกพล่านสะท้อนชีวิตที่เร่งรีบของมนุษย์เงินเดือนในเมืองหลวง แต่ใครจะไปคาดคิดว่าจะมีชีวิตสุดแสนเรียบง่าย ประกอบอาชีพที่ตัวเองรักแบบไม่ต้องปะทะกับใครให้รำคาญใจซ่อนอยู่ใจกลางสังคมอันโกลาหล ซึ่งที่นี่มีชื่อว่า “นครสังข์ สตูดิโอ” สถานที่เล็ก ๆ สำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้ ฝังตัวอยู่ภายในบ้านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแสนอบอุ่น แอ็ค-ชานนท์ นครสังข์ ชายหนุ่มวัยกลางคน อดีตพนักงานประจำสายกราฟฟิกดีไซน์ คือเจ้าของสตูดิโอแห่งนี้ เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ตั้งคำถามให้กับชีวิตว่า ‘เราจะใช้ชีวิตที่เหลือแบบนี้ไปตลอดจริง ๆ ใช่ไหม?’ จนสุดท้ายก็ได้คำตอบกับการเลือกประกอบอาชีพที่มาจากธุรกิจส่วนตัว ทั้ง ๆ ที่เริ่มแรกแอ็คแทบไม่ได้สนใจงานไม้เลยด้วยซ้ำ มีเพียงความรู้สึกชื่นชอบในงานตกแต่งบ้านเป็นพิเศษ FINE WOOD WORKING “Fine Wood Working” 3 คำง่าย ๆ สั้น ๆ แต่เปลี่ยนวิถีชีวิตของแอ็คไปโดยปริยาย มันคือจุดเริ่มต้นที่เขาได้เริ่มศึกษางานไม้อย่างจริงจังจาก 2 ศิลปิน ได้แก่ George Nakashima ศิลปินช่างไม้ชาวอเมริกัน เชื้อสายญี่ปุ่น และ James Kreno ศิลปินช่างไม้ชาวรัสเซีย “งานของทั้ง 2 ท่าน ไม่ได้วิจิตรชดช้อย เป็นงานที่เรียบง่ายมาก แต่เขาดึงความงามของไม้หรือวัสดุที่เขาใช้ออกมาได้พิเศษมาก
การจะฟังเพลงให้เข้าถึงอารมณ์ หากมีหูฟังดี ๆ ที่ตอบโจทย์แนวดนตรีที่เราชื่นชอบมันคงจะดีไม่ใช่น้อย ซึ่งหูฟังหรือเฮดโฟนส์ที่วางขายตามท้องตลาดในปัจจุบันก็สามารถเติมเต็มผู้ที่หลงใหลในดนตรีป๊อปเบา ๆ สายชิลล์ซะเป็นส่วนมาก ส่วนสาวกเฮฟวี่เมทัลเป็นกลุ่มแฟนเพลงที่สนใจฟังรายละเอียดดนตรีแบบจริงจัง กลับไม่ได้มีผลิตภัณฑ์เฉพาะแนวออกมาให้เลือกซื้อมากนัก อาจจะเพราะมีคนฟังแบบเฉพาะกลุ่ม ไม่กว้างขวางเท่า ทำให้บริษัทที่ผลิตหูฟังอาจจะไม่เน้นลงทุนผลิตมันขึ้นมาวางจำหน่าย แต่ตอนนี้เหล่าเมทัลเฮดไม่ต้องน้อยใจอีกต่อไปแล้ว เพราะแบรนด์ Heavys ได้ผลิตเฮดโฟนส์สำหรับแฟนเพลงเมทัลโดยเฉพาะออกมาเป็นที่เรียบร้อย มันพร้อมจะตอบสนองทุกแนวในสายเมทัล ไม่ว่าจะเป็นเดธ เมทัล, เพาเวอร์ เมทัล, นู เมทัล หรือแม้กระทั่งพังก์และฮาร์ดคอร์ รับรองเลยว่าจะได้ฟังซาวด์ที่สะใจอย่างเต็มอัตรา Heavys มาพร้อมกับดีไซน์สุดเท่ เคร่งขรึม ดุดัน เคลือบด้วยสีดำสวยงาม มันพร้อมส่งมอบประสบการณ์เสพดนตรีเมทัลอันเหนือชั้นด้วยการบรรจุไดรว์เวอร์ไว้ถึง 4 ตัวในแต่ละข้าง โดยแบ่งออกเป็นวูฟเฟอร์ 2 ตัว และทวีตเตอร์ 2 ตัว (ในขณะที่หูฟังทั่วไปที่มีเพียง 1 ไดรเวอร์เท่านั้น) ไดรเวอร์แต่ละตัวจะให้ความถี่ที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นคุณจะได้ฟังรายละเอียดของเครื่องดนตรีแบบครบถ้วน เสียงเล็ก เสียงน้อย ที่ศิลปินซ่อนเอาไว้มันก็มิอาจจะเล็ดลอดหูคุณออกไปได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้มันตอบโจทย์การฟังเพลงเมทัลที่มีรายเอียดดนตรีที่ซับซ้อนได้ดีมาก ยิ่งไปกว่านั้นทาง Heavys ยังได้ใส่ใจในรายละเอียดเรื่องซาวด์สำหรับชาวหูทองคำ พวกเขาได้สร้างให้มันปล่อยพลังเสียงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งอาจจะให้ความรู้สึกราวกับว่าคุณกำลังยืนอยู่กลางฝูงมอชพิตในคอนเสิร์ตวงเมทัลเลยทีเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากเจ้าทวีตเตอร์ที่วางตำแหน่งกับหูของเราได้อย่างลงตัว เท่านั้นยังไม่พอ
เคยตั้งคำถามกับตัวเองหรือไม่ว่า เราเกิดมาเพื่อจะเป็นแบบคนอื่นหรืออยากจะเป็นตัวของตัวเอง ถ้าคำตอบของคุณคือการเป็นตัวเอง สิ่งเหล่านั้นมันก็จะสะท้อนออกมาจากแนวคิด, การใช้ชีวิต แฟชั่น รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ ไม่เว้นแม้แต่วงการรถจักรยานยนต์ มีอยู่หลาย ๆ คนเลือกที่จะนำรถคันโปรดไปผ่านการคอสตอมจนได้ดีไซน์ออกมาแตกต่างจากใคร ๆ บนท้องถนน และอาจจะมีแค่คนเดียวในโลกด้วยซ้ำ ซึ่งร้านที่ได้รับการยอมรับและได้รับความไว้วางใจในการปรุงแต่งเปลี่ยนโฉมในบ้านเราคงต้องยกให้กับ K-Speed คุณเอก หรือคุณธนดิษ สาระเวก คือเจ้าสำนัก K-Speed ที่ซึมซับความชื่นชอบรถจักรยานยนต์มาตั้งแต่วัยเด็ก คุณเอกได้เล่าให้ฟังถึงจุดกำเนิดแพชชั่นไว้ดังนี้ “ผมคลุกคลีกับรถบิ๊กไบค์มาตั้งแต่ช่วงเรียนมัธยม ตัวเองก็ขี่มอเตอร์ไซด์มาตั้งแต่ช่วง 14-15 แล้ว มีคุณพ่อทำธุรกิจนำเข้ารถเก่าของญี่ปุ่นเข้ามาขายในบ้านเราด้วย ทำให้เราได้ซึมซับความชื่นชอบมาเรื่อย ๆ คอยศึกษาดูการแต่งรถจากพวกหนังสือ จนได้มาเริ่มลองแต่งรถด้วยตัวเองตามหนังสือจากประเทศญี่ปุ่น แต่สุดท้ายเราก็ต้องมานั่งหาลายเซ็นของตัวเองจนทำมันออกมาได้สำเร็จครับ” K-SPEED สถานที่สำหรับชาว 2 ล้อ แต่กว่าที่คุณเอกจะกลายเป็นมือวางอันดับ 1 ในการ Custom รถจักรยายนต์ เริ่มแรกเลยร้าน K-Speed เปิดเป็นร้านจำหน่ายอะไหล่สำหรับตกแต่งมาก่อน ซึ่งดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Diablo มาตั้งแต่ปี 2002 จนมาถึงปัจจุบัน และมีวางจำหน่ายกระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งเมื่อช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาจึงมาเริ่มงาน Custom
Avril Lavigne ศิลปินสาวสายป๊อปพังก์จากแคนาดา ที่คอเพลงสากลยุค 2000’s ต่างรู้จักเธอกันเป็นอย่างดี ฝากเพลงดังเอาไว้บนโลกใบนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลง “Complicated”, “Sk8er Boi”, “My Happy Ending”, “Girlfriend” และอีกมากมาย นอกจากนั้น Avril ยังมีหน้าตาที่น่ารัก โดดเด่นด้วยการกรีดอายไลเนอร์สีดำเข้ม, สีผมที่แสบตา, มีแฟชั่นการแต่งตัวที่ผสมแนวพังก์อันจัดจ้าน แถมเธอมีความทะเล้นแบบน่ารักอยู่ในตัว แค่นี้ก็เป็นเสน่ห์ดึงดูดแฟนเพลงได้ทุกเพศทุกวัย ความสำเร็จใน 3 อัลบั้มแรก Let Go (2002), Under My Skin (2004) และ The Best Damn Thing (2007) ทำให้เธอถูกยกย่องให้เป็นราชินีแห่งวงการเพลงป๊อปพังก์ แต่หลังจากที่กระแสเพลงร็อกซบเซาลงไปทำให้แนวเพลงที่เราคุ้นเคยจากเธอได้เปลี่ยนตามไปด้วย ใน 3 อัลบั้มถัดมา ได้แก่ Goodbye Lullaby (2011), Avril Lavigne (2013) และ Head Above
“ดนตรี” คือสิ่งที่อยู่คู่กับเราในทุกจังหวะชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพลงช้า, เพลงเร็ว, เพลงเศร้า, เพลงอกหัก, เพลงโลกสดใส หรืออะไรก็ตาม มันเปรียบเสมือนซาวด์แทร็กประจำตัวที่คอยบันทึกความทรงจำและความรู้สึกของช่วงเวลาต่าง ๆ ในชีวิตเอาไว้ และแน่นอนมันยังเป็นสิ่งที่มอบความบันเทิงให้กับเราได้อยู่เสมอ แต่นอกเหนือจากสิ่งที่ได้เกริ่นมา ดนตรียังสามารถใช้ในการจัดการอารมณ์และสภาวะจิตใจต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตัวเราได้อีกด้วย มาลองทำความเข้าใจและใช้ดนตรีให้เกิดประโยชน์ในรูปแบบใหม่ ๆ กันดีกว่าครับ ใช้ดนตรีปรับสภาวะอารมณ์ หากไม่ใช่แนวเพลงที่ชอบคุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจในการฝืนฟังมันต่อไปเรื่อย ๆ นอกจากนั้นแล้วมันยังส่งผลให้มีอารมณ์ด้านลบและความเครียดเกิดขึ้นมาได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งต่อไปกระทบต่อสภาพจิตใจโดยตรง แต่ในทางกลับกันถ้าเมื่อไหร่ที่ได้ฟังเพลงที่กระตุ้นให้คุณรู้สึกอารมณ์ดี นั่นหมายความว่าคุณกำลังเจอแนวเพลงที่ใช่และเหมาะกับคุณแล้ว ตัวอย่างเช่น หากคุณชื่นชอบเพลงเมทัลและเข้าใจบริบทของมันเป็นอย่างดี มันก็จะช่วยให้คุณสามารถฟังเพลงไปแบบชิล ๆ พร้อมกับสร้างบรรยากาศที่เราเอนจอยกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ได้ ณ ขณะนั้น ทั้งนี้องค์ประกอบของแนวเพลงที่แตกต่างกันออกไปก็มีผลต่อสมองในรูปแบบที่แตกต่างออกไปเช่นกัน คุณก็ควรเลือกแนวเพลงให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่คุณต้องการจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ใช้ดนตรีสร้างความผ่อนคลาย ดนตรีถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการพาตัวเองเข้าสู่โหมดความผ่อนคลายสลายความเครียดที่ต้องเผชิญมา เรื่องดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่เรารู้สึกไปเอง เพราะมีนักวิจัยได้ทดลองและพบว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลายได้ในระยะเวลาอันสั้น พวกเขาได้ทดลองใช้การมิกซ์เสียงที่หลากหลาย, ทดลองใช้คลื่นความถี่ และทดลองใช้แอมพลิจูด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ว่าดนตรีประเภทไหนสามารถทำให้ผู้ทดสอบรู้สึกสงบลงและผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกัน และก็เป็นแนวเพลงคลาสสิคเช่นผลงานของโชแปง ที่ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนน่าจะพอคาดเดากันได้ ใช้ดนตรีสร้างสมาธิ หลาย ๆ คนอาจจะเคยเผชิญอาการหลุดสมาธิในระหว่างการทำงาน สิ่งเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการฟังเพลงเช่นกัน นักวิจัยได้ค้นพบว่าบทเพลงของโมสาร์ทหรือแนวดนตรีที่ใกล้เคียงกันสามารถช่วยเพิ่มสมาธิให้กับเราได้ เนื่องจากดนตรีเหล่านี้จะส่งอิทธิพลไปยังพื้นที่สมองที่รับผิดชอบในเรื่องของการจดจำได้โดยตรง