“สติ” คำง่าย ๆ สั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความหมายของการใช้ชีวิต มันสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตของเราได้ และมันยังสามารถพลิกชีวิตของคน ๆ หนึ่งให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เพียงเสี้ยวนาที ซึ่งเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นให้เห็นอยู่เป็นประจำ และเคสตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ณ เวลานี้ คงต้องยกให้ “เมสัน กรีนวู้ด” กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กรีนวู้ดคือกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากคนหนึ่งของวงการฟุตบอล ด้วยวัยเพียง 20 ปี แต่ทักษะและฟอร์มการเล่นกลับโดดเด่นเกินวัย เขาเป็นนักเตะที่มีทั้งความเร็ว, เทคนิคการเลี้ยงหลบคู่แข่ง รวมไปถึงมีการจบสกอร์ที่เฉียบคม โดยเฉพาะการยิงด้วยเท้าซ้ายที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนนึกถึงโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อดีตศูนย์หน้าชาวดัตช์ของทีมปีศาจแดง กรีนวู้ดคือผลผลิตจากอะคาเดมี่ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโดยตรง เขาเข้ามาสู่ทีมตั้งแต่อายุ 6 ขวบเท่านั้น ก่อนจะเริ่มไล่ติดทีมเยาวชนของทีมจนถึงชุด U-18 และในที่สุดก็ได้กลายเป็นนักเตะของทีมชุดใหญ่สำเร็จด้วยอายุเพียง 17 ปี จนสามารถ ขึ้นมายึดตำแหน่งตัวหลักของทีม และมีผลงานการทำประตูที่น่าประทับใจ รวมไปถึงยังได้รับโอกาสติดทีมชาติอังกฤษไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อนาคตกำลังสดใส, ความฝันกำลังผลิบาน, ชีวิตกำลังดีและมีทรัพย์สินเงินทอง จนใคร ๆ ก็ต้องอิจฉา แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 ในช่วงเบรกหนีหนาวในฤดูกาลนี้ถือว่าคึกคักเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะทีมใหญ่, ทีมกลาง หรือแม้กระทั่งทีมเล็ก ต่างลงทุนเสริมนักเตะเพื่อเพิ่มอาวุธในการต่อสู้กับครึ่งฤดูกาลที่เหลือ เพื่อเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ ซึ่งในบางครั้งก็ต้องมีการแข่งขันกันนอกสนามกันอย่างดุเดือดเพื่อที่จะแย่งชิงคว้าตัวนักเตะที่หมายปองไว้ และนักเตะที่ถูกเล็งไว้จากสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปมีนามว่า “หลุยส์ ดิอาซ” ดิอาซตกเป็นข่าวโยงกับทั้งบาเยิร์น มิวนิค, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ แต่สุดท้ายเป็นลิเวอร์พูลที่กระชากตัวดิอาซมาจากปอร์โต้ได้สำเร็จด้วยค่าตัว 37.5 ล้านปอนด์ และมีแอดออนอีก 12.5 ล้านปอนด์ พร้อมกับเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปี แล้วเหตุผลอะไร? ทำไมทีมหงส์แดงถึงต้องคว้าปีกซ้ายชาวโคลอมเบียวัย 25 ปี มาร่วมทีม เรามีคำตอบให้หลัก ๆ 5 ข้อดังนี้ 1.ความเร็วราวกับรถซุปเปอร์คาร์ หากใครเคยได้ชมดิอาซวาดลวดลายในสนามจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘นักเตะคนนี้มันไปกับบอลได้เร็วจริง ๆ” ถ้าเปรียบกับเกมวินนิ่ง อีเลฟเว่น ก็คงต้องมอบค่าพลังสปีด 9 ให้ไปได้เลย และความเร็วของดิอาซนี่แหละที่ตอบโจทย์เกมรุกตามสไตล์ของลิเวอร์พูลที่สุด สังเกตได้จากตัวหลักในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโมฮ้มเมด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และดิโอโก โชต้า จากก็เป็นนักเตะที่มีสปีดจัดจ้านด้วยกันทั้งนั้น แถมยังเป็นหัวใจสำคัญในการคุมทีมของเจอร์เกน
เมื่อคุณหลงใหลและชื่นชอบอะไรบางอย่างมาก ๆ มันจะมีพลังที่จะทำให้คุณยอมทุ่มสุดตัวเพื่อแลกกับสิ่งเหล่านั้นให้ได้มาครอบครอง ประโยคนี้สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งกับกลุ่ม Bosozoku Bike Siam กลุ่มผู้นำวัฒนธรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ของประเทศญี่ปุ่นข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่ท้องถนนในประเทศไทย พวกเขามาพร้อมสไตล์การแต่งรถที่ถอดแบบจากแดนปลาดิบมาทุกตารางนิ้ว ทุกเอกลักษณ์ถูกถ่ายทอดมาจากความรักและแพชชั่นที่มีต่อ Bozosoku Bosozoku Bike Siam ได้ส่ง นนท์ (Kawasaki zephyr 400), โน (Kawasaki zephyr 750), จักร (Honda cb650 Custom) และแพท (Kawasaki zephyr 400) 4 ตัวแทนมาร่วมถ่ายทอดความสุดให้ชาว UNLOCKMEN ได้ทำความรู้จักพวกเขากับบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ครับ จุดเริ่มต้นความชื่นชอบ BOSOZOKU นนท์ : เริ่มแรกมาจากการอ่านการ์ตูน แล้วแบบเฮ้ยมันมีหรอวะ มันมีจริง ๆ หรือเปล่า พอโตขึ้นมาก็เลยศึกษาดู และเห็นรุ่นพี่ที่สุพรรณทำก็เลยติดต่อเขาไป เริ่มคุยกัน จนสุดท้ายได้ไปซื้อจากทางที่ญี่ปุ่นกลับมาทำที่ไทย โน: จุดเริ่มต้นแรกมาจากการบ้ามอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น เมื่อก่อนจะบ้ารถโกดัง รถสี่สูบเรียง, Superfour พอมาวันหนึ่งเราอ่านการ์ตูนมาก ๆ
หากจะพูดถึงวงการเอนเตอร์เทนเมนต์ในยุคปัจจุบัน คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าประเทศเกาหลีใต้คือผู้ครองอันดับ 1 บนทวีปเอเชีย สามารถขึ้นไปทัดเทียมระดับโลกได้แบบไร้ข้อกังขา แต่หากมองย้อนไปในช่วง 20 ปีก่อน เราคงต้องยกให้กับ “ฮ่องกง” โดยเฉพาะในพาร์ตของภาพยนตร์ที่สร้างความยิ่งใหญ่ไว้ได้อย่างสง่าผ่าเผย มีนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากมายไม่ว่าจะเป็นโจว เหวินฟะ, หลิว เต๋อหัว, โจว ซิงฉือ เป็นต้น ส่วนแนวภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากฝั่งฮ่องกง เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงนึกถึงแนว “แกงค์มาเฟีย” อย่างแน่นอน ซึ่งภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากคงหนีไม่พ้น “กู๋หว่าไจ๋ (Young & Dangerous)” หรือชื่อไทย “มังกรฟัดโลก” ออกฉายเมื่อวันที่ 26 มกราคม 1996 เพิ่งจะครบรอบอายุ 26 ปีสด ๆ ร้อน ๆ [เนื้อหาไม่มีสปอยล์] กู๋หว่าไจ๋ เป็นภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือการ์ตูนเรื่อง Teddy Boy กำกับการแสดงโดย “หลิว เหว่ยเฉียง” นำแสดงโดย “เจิ้ง อี้เจี้ยน” รับบทเป็น “เฉิน เฮ่าหนาน” ตัวเอกของเรื่อง,
อดีตมักจะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่มักจะทำให้เราได้นึกถึงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีและไม่ดี สังเกตในระยะหลังมานี้มีการพูดถึงวัฒนธรรมยุค 90’s กันสนั่นโซเชียล มีการถกเถียงกันหลาย ๆ ประเด็นเนื่องจากมีข้อมูลบางอย่างที่ผิดพลาด บางอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุค 90’s แต่กลับกลายเป็นในช่วงยุค 2000’s แทน ทาง Unlockmen จึงขอนำเสนอ 10 สิ่งที่บ่งบอกว่าคุณคือเด็กยุค 90’s อย่างเต็มตัว มาให้ทุกคนได้ลองทบทวนว่าตนเองคือเด็ก 90’s ของจริงหรือไม่ 1.ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ปัจจุบันโทรศัพท์สาธารณะแทบจะหมดความหมายไปแล้ว นับตั้งแต่การเข้ามาของโทรศัพท์มือถือจนพัฒนามาเป็นสมาร์ตโฟน กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมีพกติดตัวและเป็นปัจจัยจำเป็นแบบที่ขาดไปชีวิตคงรู้สึกแปลก ๆ แต่สำหรับคนที่เติบโตมาในช่วงยุค 90’s ตู้โทรศัพท์สาธารณะเป็นสิ่งที่มีความหมายมาก ๆ ตู้กระจกทรงยาวสูงกับพื้นที่ความกว้างที่ไม่น่าจะถึงเมตร ความสูงราว ๆ 2 เมตรนิด ๆ มันได้กลายเป็นห้องที่ใครหลายคนใช้เวลาไปกับมันแทบไม่ต่างจากห้องนั่งเล่นภายในบ้านเพื่อโทรคนรู้ใจ, ติดต่อธุระ, คุยเล่นกับเพื่อน หรือมีเหตุเร่งด่วนที่ต้องติดต่อกลับบ้านเมื่ออยู่นอกสถานที่ แต่ก่อนจะเข้ามาใช้บริการคุณจะต้องทำการแลกเหรียญซะก่อน ไม่ว่าจะเป็นเหรียญบาท, เหรียญห้าบาท หรือเหรียญสิบบาท สามารถใช้ได้ทั้งหมด ถ้าเอาล้ำขึ้นมาหน่อยก็ใช้เป็นบัตรโทรศัพท์เสียบแทน เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เหลือแค่ลุ้นว่าคิวการใช้บริการจะยาวขนาดไหน บางพื้นที่ที่เป็นแหล่งคนพุกพล่านเราอาจจะเจอคนต่อแถวยาวเป็น 10 คน ซึ่งก็ต้องมานั่งลุ้นอีกว่าแต่ละคนจะโทรนานขนาดไหน 2.โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์บ้านคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
Dr.Dre หรือ Andre Romelle Young แฟนเพลงสายฮิปฮอปคงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ ชายผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตกับเส้นทางที่หลากหลาย ทั้งในฐานะการเป็นโปรดิวซ์เซอร์,การทำค่ายเพลง Aftermath Entertainment และ Death Row Records, เจ้าของบริษัทหูฟัง Beats, นักแสดงภาพยนตร์ และในฐานะศิลปินโดยเฉพาะกับอัลบั้ม “2001” (แต่วางจำหน่ายปี 1999) ที่ทำยอดขายรวมกันทั่วโลกเกิน 10 ล้านก็อปปี้ สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างมองเห็นในตัว Dr.Dre กันเป็นอย่างดี แต่ความสำเร็จมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากความทุ่มเท, ความเข้าใจในดนตรีฮิปฮอปอย่างถ่องแท้ และที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือสายตาอันเฉียบแหลมของ Dr.Dre ทำให้เขาสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ของวงการเพลงฮิปฮอป จนประวัติศาสตร์ต้องจารึกกับการค้นพบเพชรเม็ดงามที่มีนามว่า “Snoop Dogg” และ “Eminem” เพชรเม็ดแรก : SNOOP DOGG แร็ปเปอร์สายเขียว Snoop Dogg หรือชื่อจริง Calvin Cordozar Broadus Jr. ส่วนชื่อฉายาได้มาจากตัว Snoopy ตัวการ์ตูนเรื่องโปรดในวัยเด็ก ซึ่งคุณแม่ของเขาเป็นตั้งให้
บางครั้งโลกภายนอกมันก็ช่างวุ่นวาย จนบางครั้งก็อยากจะย้ายตัวเองเข้าไปสู่โลกส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่าเราสามารถเดินทางไปยังโลกใบนั้นได้ง่าย ๆ ได้โดยการใช้ “หูฟัง” ใช่แล้วครับเรื่องง่าย ๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีกับการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนหรือ iPod แค่นี้เราก็สามารถมูฟเข้าไปอยู่ในโซนส่วนตัวของเราได้แล้ว เราสามารถดำดิ่งไปกับเพลงที่ชอบ, พอดคาสต์ที่โปรดปราน, ดูซีรีส์หรือภาพยนตร์เรื่องเด็ด สุดแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน และหากคุณตรงกับสิ่งที่เราเกริ่นมา เราขอแนะนำให้รู้จักกับหูฟังไร้สาย “Beats Fit Pro” เจ้าหูฟังไร้สายตัวใหม่ของ Beats เป็นแบบ In-Ears ถูกผลิตมาเพื่อเอาใจคนโลกส่วนตัวสูงโดยเฉพาะ เพราะมันถูกติดตั้งด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC) ที่ทำงานแบบเรียลไทม์ มันจะคอยสกัดกั้นเสียงภายนอกอันไม่พึงประสงค์ออกไปจากโสตประสาทของเรา แต่ถ้าคุณมีความกังวลว่าจะไม่ได้ยินเสียงทักทายหรือเสียงเตือนอะไรบางอย่างจากภายนอก คุณก็แค่เลือกเปลี่ยนไปใช้โหมด “ฟังเสียง” เพื่อตอบสนองจังหวะการฟังได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ส่วนเรื่องคุณภาพเสียงของ Beats Fit Pro ก็ไว้ใจได้ เพราะตัว “ไดรเวอร์ไดอะแฟรม” แบบแยกชั้นมันจะคอยจัดการแยกเสียงให้ฟังแบบสเตอริโอ ให้คุณได้ฟังเสียงได้อย่างชัดเจน พร้อมด้วยโปรเซสเซอร์ดิจิตัลสุดเหนือชั้นที่คอยช่วยปรับสมดุลความดังและความชัดให้มีความลงตัว ความน่าสนใจของ Beats Fit Pro อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือระบบรองรับเสียงตามการเคลื่อนไหวของศีรษะแบบไดนามิกที่ใช้ Gyroscope มาเป็นตัวช่วย เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่หลากหลายในการฟัง ในเรื่องการสวมใส่ก็ตอบโจทย์ความสบายของหู เริ่มตั้งแต่ที่เกี่ยวมีลักษณะโค้งมนรองรับกับสรีสระของใบหูแบบพอดิบพอดี
การขับเคี่ยวในตลาดรถยนต์ไฟฟ้านับวันยิ่งจะทวีคูณความร้อนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุก ๆ ค่ายต่างตื่นตัวทุ่มเทให้กับการพัฒนา-นวัตกรรมแห่งอนาคตที่จะช่วยลดมลพิษที่สร้างผลกระทบต่อโลกใบนี้ได้ แต่นอกเหนือจากตัวระบบเครื่องยนต์แล้ว ดีไซน์, ความแรง และสไตล์ ก็ต่างถูกงัดออกมาห่ำหั่นกันอย่างดุเดือด และหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทั้ง 3 สิ่งได้อย่างน่าสนใจคงต้องยกให้ MERCEDES-AMG EQS 53 4MATIC+ 2022 เพียงแค่เห็นชื่อ “AMG” ก็ต้องรู้สึกสะท้านแล้ว คำง่าย ๆ แค่ 3 คำ แต่ทรงพลังและบ่งบอกถึงความแรงได้เป็นอย่างดี ผลงานมันสมองของ Hans Werner Aufrecht และ Erhard Malcher ที่ร่วมกันพัฒนาความแรงภายใต้สังกัด Mercedes-Benz มานานหลายทศวรรษ MERCEDES-AMG EQS 53 4MATIC+ มีดีไซน์ภายนอกที่ถูกใจคอรถสปอร์ตโดยแท้จริง ดูเท่ไปในทุกสัดส่วนไล่ตั้งแต่ตัวถังที่ดูโค้งมน, กระจังหน้าที่ดูดุดัน, กันชนที่ดูแข็งแกร่ง, สปอย์เลอร์ที่ดูเข้ากับสไตล์ของรถ, ล้อแบบอัลลอยที่ดูหรูหราแต่ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ ส่วนดีไซน์ภายในยังมอบทั้งความ Luxury และความล้ำยุค ผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น MBUX Hyperscreen ที่ครอบคลุมไปทั่วแผงควบคุม,
ปัจจุบันนาฬิกาได้ก้าวข้ามมาสู่ในยุค Smartwatch กันอย่างเต็มตัวเพื่อตอบโจทย์ Lifestyle ที่ต้องการความรวดเร็วและความสะดวกสบายเป็นหลัก อีกทั้งยังมอบความบันเทิงด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมาย แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่หลงใหลในความคลาสสิคแบบอนาล็อก แต่สำหรับใครที่มอบใจให้ทั้งแบบดิจิตัลและอนาล็อกหรือเรียกง่าย ๆ ว่าไฮบริด แถมยังชอบดูแลสุขภาพของตัวเองเป็นพิเศษ ลองมาทำความรู้จักกับ Garmin Vivomove Sport กันครับ รูปลักษณ์ภายนอกของ Garmin ถูกดีไซน์มาเพื่อให้เข้ากับทุกลุคทุกสไตล์ ภายใต้คอนเซปต์ “More Than Stylish, It’s Traditional Watch” รูปลักษณ์ดูเรียบ ภูมิฐาน ให้ความรู้สึกเท่แบบสุขุม มีความสปอร์ตตรงกับชื่อรุ่นทุกตารางนิ้ว มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ ดำ, ขาว, น้ำตาล และเขียวอ่อน มาพร้อมกับตัวเรือนทรงกลมขนาด 40 มม. และเมื่อเรามองผ่านเรือนกระจกเข้าไปจะพบกับเข็มนาฬิกา 2 เข็มที่ทำหน้าที่บอกชั่วโมงและนาที ส่วนตัวเลขกำกับเวลาจะมีเพียงเลขคู่เท่านั้นพร้อมกับชื่อของ Garmin ที่เด่นสง่ากลางตัวเรือน มาถึงตรงนี้มันก็ดูไม่ต่างจากนาฬิกาอนาล็อกที่เราคุ้นเคยทั่วไป แต่อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่สายตาเห็น คุณต้องลองใช้ปลายนิ้วของคุณสัมผัสลงไปบริเวณกระจกเบา ๆ เพียง 2
หากพูดถึง Playstation ของค่าย Sony แน่นอนว่าหลาย ๆ คนคงคิดถึงความสนุกและความเอนจอยกับเกมที่โปรดปราน ที่มอบความสุขให้กับเราตั้งแต่วัยเด็กจนมาถึงปัจจุบัน ไล่ตั้งแต่ Playstation 1 ในยุค 90’s จนล่าสุดมันได้พัฒนาเทคโนโลยีมาเป็น Playstation 5 เป็นที่เรียบร้อย แต่ความสนุกทั้งหมดทั้งมวลมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจาก “จอยควบคุม” ที่เปรียบดั่งไม้กายสิทธิ์ทำให้เราสามารถควบคุมความบันเทิงได้ด้วยมือของเราเอง และมันก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับเครื่อง Playstation แบบที่แยกออกจากกันไม่ได้ ความหลงใหลในเครื่องเล่นเกมตัวนี้มันได้กระจายไปทั่วโลก เข้าซึมแทรกทุกวัยและทุกอาชีพ ไม่เว้นแม้แต่ Daniel Arsham ซึ่งเป็น Contemporary Visual Artist (ศิลปินทัศนศิลป์ร่วมสมัย) ชาวอเมริกัน ผู้ฝากผลงานประติมากรรมเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะการใช้คริสตัลมารังสรรค์ผลงานศิลปะให้ออกมาเป็นกล้อง, หมวก หรือแม้กระทั่งเกมบอย และล่าสุดเขาก็ได้ทำให้เหล่าเกมเมอร์ต้องร้องว้าว กับงานปั้นจอยเกม Playstation ในแบบคริสตัลที่ทั้งสวยงามและดูทรงคุณค่า ผลงานชิ้นนี้มีชื่อเรียกว่า “Crystal Relic 004″ ที่ถูกหล่อขึ้นมาจากเรซิ่นให้ลักษณะโปร่งแสงแบบคริสตัล มีขนาดเท่าของจริงแบบไม่ผิดเพี้ยน มีความสูง 55 มม. กว้าง 95 มม. และหนัก