ทุกบทเพลงที่ยอดเยี่ยมล้วนมีเรื่องราวอยู่ในเบื้องลึกเบื้องหลัง บางเพลงฟังแล้วสามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้แต่งจะสื่อได้ในทันที ส่วนบางเพลงก็อาจจะต้องอาศัยการตีความหรือค้นหาข้อมูลเพิ่มกันอีกสักนิดนึง หลาย ๆ เพลงจากศิลปินดังจะเรียกว่า ‘รู้หน้าไม่รู้ใจ’ ก็ย่อมได้ บางเพลงฟังเผิน ๆ ทำนองสนุกดี แต่จริง ๆ แต่งมาจากเรื่องราวสุดสะพรึง หรือบางเพลงฟังแล้วโรแมนติก แต่ที่มาที่ไปชวนน้ำตาไหลกว่าที่คิด วันนี้เราเลยจะหยิบยกเรื่องราวที่น่าสนใจของเพลงเหล่านี้ มาบอกต่อหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ทุกคน เผื่อตอนเปิดฟังครั้งหน้า ความรู้สึกของคุณอาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาลก็ได้ ใครจะรู้ 1. One Way or Another – Blondie Album: Parallel Lines One Way or Another เป็นเพลงฮิตที่เชื่อว่าใครหลายคนก็เคยฟัง เพราะถูกนำไปประกอบหนัง ซีรีส์ และโฆษณามากมาย อีกทั้งยังมีเวอร์ชัน Cover เต็มไปหมด ใครจะไปเชื่อว่าเบื้องหลังเพลงฟังสนุกที่ร้องว่า “One way or another, I’m going to find ya
เป็นที่ฮือฮาในหมู่คนรักกีตาร์ทั่วโลก เพราะเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมนั้น มีคลิปสุดสะเทือนใจสำหรับนักสะสมกีตาร์ถูกปล่อยออกมาจากพนักงานเก่าของบริษัท Gibson แบรนด์กีตาร์ยักษ์ใหญ่ของโลก โดยในวิดีโอเป็นภาพกีตาร์ Gibson รุ่น Firebird X ถูกวางเรียงรายที่พื้นราว 200-400 กว่าตัว ก่อนจะถูกรถแบคโฮขับมาบดทับอย่างไร้ความปรานี บางตัวถึงกับหักเป็นสองท่อนหลุดติดล้อมาเลยทีเดียว ใครใจแข็งพอก็สามารถรับชมคลิปจริงที่เราแนบไว้ด้านล่างนี้ได้ แต่ถ้าไม่… UNLOCKMEN เตือนคุณแล้วนะ!!! ชายเจ้าของคลิปนี้มีชื่อว่า BJ Wilkes เขาเคยทำงานที่ Gibson มายาวนานถึง 6 ปี หลังจากปล่อยวิดีโอตัวนี้ก็มีผู้คนแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในหมู่นักสะสมกีตาร์ หลายคนสงสัยว่า Gibson ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร? เพราะทางบริษัทก็มีนโยบายบริจาคกีตาร์อยู่เป็นทุนเดิม จนในที่สุด Youtuber สายรีวิวกีตาร์ชื่อดังช่อง The Guitologist ก็ได้ออกมาไขข้อสงสัยด้วยการโทรไปขอสัมภาษณ์ที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้ ซึ่ง BJ Wikes เผยว่าเขาไม่ได้คิดอะไรมากตอนโพสต์ เพียงแต่ถ่ายวิดีโอเก็บไว้เยอะมากสมัยทำงาน Gibson เขาจึงทยอยปล่อยวิดีโอเหล่านั้นออกมาเพื่อให้ผู้คนได้เห็นการทำงานของเขาก็เพียงเท่านั้น คลิปสัมภาษณ์ BJ Wikes จากช่อง The Guitologist The Guitologist ถาม BJ Wikes ว่าทำไมรุ่น Firebird X ถึงต้องถูกทำลายด้วยวิธีนี้ เหตุใดไม่นำไปบริจาคเหมือนรุ่นอื่น?
สำหรับคอเพลง Classic Rock ทั้งหลายคงจะคุ้นเคยกับชื่อของ ‘Brian Jones’ อดีตมือกีตาร์คณะหินกลิ้ง The Rolling Stones ผู้เสียชีวิตลงด้วยอายุเพียง 27 ปี ตั้งแต่ปี 1969 จากสาเหตุจมน้ำตายในสระว่ายน้ำ โดยเจ้าหน้าที่ได้รายงานว่าพบสารเสพติด และแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมากในร่างกายของ Brian Jones ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในสมาชิก 27 Club ตำนานความเชื่อเรื่องศิลปินที่ยอมขายวิญญาณให้ซาตานเพื่อแลกกับความสามารถไปโดยปริยาย (สามารถอ่านเรื่องเกี่ยวกับ 27 Club เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก) ความตายของศิลปินมักจะตกเป็นประเด็นถกเถียงในหมู่แฟนเพลงเสมอ หลาย ๆ ทฤษฎีที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอ้างคงหนีไม่พ้น ‘การฆาตกรรม’ แม้ Brian Jones จะเสียชีวิตมานานกว่า 50 ปีแล้ว ล่าสุดสารคดีใหม่จาก Netflix Who Killed Christopher Robin? (อ้างอิงจากหนังสือชื่อเดียวกันในปี 1994 เขียนโดย Terry Rawlings) จะทำการปัดฝุ่นคดีนี้ขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง โดยเนื้อหาในหนังเปิดเผยหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตายของ Brian Jones โดยอ้างว่าการตายของเขาไม่ได้เป็นเพียงอุบัติเหตุ คลิปสัมภาษณ์ Brian Jones
The Man Who Fell To Earth คือหนัง Sci-Fi ปี 1976 ของผู้กำกับ Nicolas Roeg (คนเดียวกันกับที่กำกับ Castaway) สร้างโดยได้รับแรงบันดาลใจจากนิยายชื่อเดียวกันของนักเขียนนาม Walter Tevis บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวผู้เดินทางมาเยือนโลก โดยมีจุดประสงค์ในการนำทรัพยากรจากโลกกลับไปช่วยเหลือดวงดาวที่แสนแห้งแล้งของตัวเอง เมื่อเขาลงมาใช้ชีวิตปะปนกับชาวโลก เขาได้ตั้งชื่อตัวเองใหม่ว่า ‘Thomas Jerome Newton” (รับบทโดย David Bowie) เขาก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นอัจฉริยะด้านเทคโนโลยีผู้ร่ำรวย เขามีความสัมพันธ์แปลกประหลาดกับหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งนามว่า Mary-Lou (รับบทโดย Candy Clark) เพราะถึงแม้จะตกลงปลงใจอยู่กินเฉกเช่นคนรัก แต่คนดูหนังอย่างเราก็ไม่อาจตอบได้เต็มปากว่ามนุษย์ต่างดาวอย่างเขาหลงรัก Mary-Lou จริง ๆ หรือไม่ The Man Who Fell To Earth จัดว่าเป็นหนัง Sci-Fi อีกเรื่องที่ขึ้นชื่อว่า ‘แปลกประหลาด’ เข้าใจยาก ต้องอาศัยการตีความเยอะ แถมยังใช้วิธีการตัดต่อที่ซับซ้อน จะเรียกว่าเป็นหนังดูยากก็ว่าได้ แต่ถึงกระนั้นก็เป็นหนังสุดคลาสสิกที่มี
“เราคิดกับเธอแบบเพื่อน” จัดว่าเป็นคำรักษาน้ำใจที่เจ็บแสบที่สุดเท่าที่ชีวิตผู้ชายคนหนึ่งจะได้ยิน ถึงคุณจะรู้ใจเธอเพียงไหน ทำดีกับเธอมากเท่าไหร่ ก็ยังถูกขีดเส้นบาง ๆ ที่เรียกว่า ‘เพื่อน’ กั้นเอาไว้เสมอ เราอาจจะเปลี่ยนใจใครไม่ได้ แต่เรารับมือกับมันได้ วันนี้ UNLOCKMEN เลยจะชวนคุณมาเปิดเพลงชาติชาว Friend Zone ฟังให้น้ำตาไหลยันปลายเท้า แล้วตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า “เพื่อนบ้านเธอสิ!” (หมายถึงเป็นเพื่อนบ้านกันนะครับ…) Instant Crush – Daft Punk ft. Julian Casablancas เชื่อว่าหลายคนเคยฟังเพลงนี้ เพราะเคยฮิตอยู่ช่วงหนึ่ง ช่างน่าเสียดายที่หลายคนมองข้ามเนื้อหาของเพลง เพราะ Daft Punk เล่นใช้ออโต้จูนแปลงเสียง Julian Casablancas ฟรอนต์แมนเสียงห้าวแห่งวง The Strokes ให้กลายเป็นหุ่นยนต์เลยทีเดียว เนื้อเพลงนี้เกี่ยวกับผู้ชายที่หลงรักผู้หญิงหนึ่งคน แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักเขา แถมยังไปหลงรักผู้ชายคนอื่นอีกต่างหาก และเขาซึ่งไม่มีวันพัฒนาความสัมพันธ์ได้จองจำตัวเองไว้ด้วยคำว่า ‘เพื่อน’ เพื่อจะได้ใกล้ชิดเธอนั่นเอง คำว่า Crush ในที่นี้หมายถึง ‘คนที่เราแอบชอบหรือตกหลุมรัก’ Instant Crush จึงหมายถึงความสัมพันธ์ที่คุณตกหลุมรักใครสักคนแบบปุบปับ
อย่างที่เขาบอกว่า ‘ดนตรี’ สามารถบรรเทาความทุกข์ ปัดเป่าความโศกเศร้าในจิตใจผู้คนได้อย่างน่าอัศจรรย์ เราอาจเคยได้ยินเรื่องราวของบทเพลงที่สามารถเยียวยาหรือรักษาชีวิตมนุษย์ไว้ได้มากมายนับไม่ถ้วน เรื่องราวที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้ก็เช่นกัน เพียงแต่ปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ไม่มีเสียงดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ ‘เนื้อเพลงเพียงท่อนเดียว’ สามารถช่วยชีวิตชายหนึ่งคนที่หันหน้าเข้าหาความตายเอาไว้ และเพลง ๆ นั้นก็คือ One More Light จาก Linkin Park ‘Christina Settanni’ เธอเป็นบุคลากรด้านสาธารณสุขที่ต้องเข้าไปทำงานในเมือง Orlando วันหนึ่งเธอขับรถออกไปทำงานบนถนนสายเดิมเฉกเช่นที่เคยทำทุกวัน แต่กลับมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลระหว่างทาง Christina พบชายคนหนึ่งกำลังนั่งหมิ่นเหม่อยู่บนขอบทางยกระดับข้างถนน แน่นอนว่าไม่ใช่บริเวณที่เหมาะสมในการนั่งเล่นเลยสักนิด โดยเธอได้เล่าถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นไว้ว่า “ตอนแรกฉันไม่ได้คิดจะลงไปห้ามเขา แต่หลังจากที่มองเขาผ่านกระจกมองหลัง ฉันก็ฉุกคิดได้ว่า ‘เอาล่ะ ฉันต้องช่วยเขา’ เพราะตอนนั้นไม่ได้มีใครสนใจว่าเขาจะทำอะไรเลยสักนิด ฉันเองก็เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เข้าใจดีว่ามันรู้สึกอย่างไร เขาแค่ต้องการใครสักคนห่วงใย และบอกกับเขาว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” เธอตัดสินใจจอดรถ ก่อนจะลงไปนั่งข้าง ๆ พูดคุยและรับฟังปัญหาของชายคนนั้น เพื่อยื้อเวลาไว้ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ในตอนนั้นเองเธอได้ใช้เนื้อเพลงท่อนหนึ่งจากเพลง One More Light ของ Linkin Park เพื่อปลอบประโลมเขา และท่อนที่เธอเลือกมาก็คือ “Who
เชื่อว่าในรอบเดือนที่ผ่านมา แทบจะไม่มีแฟนเพลงสากลคนไหนไม่เคยฟังเพลงฮิตติดหูอย่าง ‘Old Town Road’ ของแรปเปอร์ผิวสีนาม Lil Nas X ที่ได้ Billie Ray Cyrus ศิลปิน Country ระดับตำนาน ผู้เป็นพ่อแท้ ๆ ของ Miley Cyrus มาร่วม Featuring ด้วย เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ Old Town Road ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ให้กับวงการเพลงโลก ด้วยการครองชาร์ต Billboard Hot 100 ยาวนานถึง 17 สัปดาห์! โค่นแชมป์เดิมอย่าง Despacito และ One Sweet Day ของ Mariah Carey & Boyz II Men ได้สำเร็จ ซึ่งทางคุณแม่ Mariah Carey ก็เพิ่งออกมาทวีตแสดงความยินดีกับแชมป์คนใหม่ไปหมาด ๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเจ้าเด็ก Lil Nas X คนนี้เป็นใคร?
ถึงแม้ Oasis จะไม่ได้กลับมารวมวงกันเหมือนก่อนเก่าอย่างที่ชาวเราเฝ้าภาวนา แต่ปี 2019 นี้ ก็นับว่าครึกครื้นมากทีเดียว เพราะทั้ง Noel Gallagher คนพี่ และ Liam Gallagher คนน้อง ต่างปล่อยงานเพลงใหม่ ๆ กันออกมาทั้งคู่ ถึงแม้ทั้งสองคนจะยัง #ตัดพี่ตัดน้อง (เอ๊ะ) ไม่ยอมพูดจาภาษาดอกไม้ใส่กัน แต่การปล่อยเพลงออกมาใน Timeline ใกล้ ๆ กันก็นับว่าพอยาใจแฟนคลับได้บ้าง (แต่จะชื่นใจกว่านี้ถ้าพี่ ๆ ยอมรียูเนียนเพื่อผม!) Black Star Dancing – Noel Gallagher’s High Flying Birds โดยทาง Noel Gallgher ก็เพิ่งปล่อย 3 เพลงใหม่ Black Star Dancing, Rattling Rose และ Sail On ออกมา ฟังจากดนตรีแล้วก็บอกได้เลยว่าคนพี่ตั้งใจจะเดินหน้าทำดนตรีแนวใหม่
วันหยุดแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการพักผ่อนหย่อนใจ เปิดเพลงนุ่ม ๆ สบายหู บางคนก็อาจจะออกไปชมนกชมไม้ให้ธรรมชาติช่วยเยียวยา ซึ่ง ‘ธรรมชาติ’ มีพลังในการบำบัดจิตใจมนุษย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดนตรีที่ธรรมชาติก็เช่นกัน ในยุคที่ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ครองเมือง จะเปิดฟังศิลปินคนไหนก็ล้วนแล้วแต่มีซาวด์สังเคราะห์เข้ามาเกี่ยวข้อง เราไม่ได้จะบอกว่าอิเล็กทรอนิกส์เป็นเพลงที่ไม่ดี แต่บางครั้งเพื่อจะได้เข้าถึง ‘การพักผ่อน’ ที่แท้จริง คุณอาจต้องการเสียงดนตรีที่มีความเป็นธรรมชาติมากกว่านั้น และดนตรี Folk (โฟล์ก) คือทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับโจทย์นี้! เพราะขึ้นชื่อว่าโฟล์กแล้วจะยุคเก่าหรือใหม่ ความธรรมชาติของเครื่องดนตรีคือปัจจัยสำคัญ อีกทั้งเรายังได้เสพเนื้อเพลงดี ๆ ที่มักจะแฝงปรัชญาชีวิตด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้เรามีเพลงโฟล์กที่น่าสนใจมาแนะนำ ให้คอเพลงได้สุขใจสบายหู ตลอดช่วงวันหยุดนี้ NFWMB – Hozier ถ้าใครเคยฟังทั้ง 2 อัลบั้มของ Hozier แล้วพบว่าไม่มีเพลงนี้ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะ NFWMB ถูกแยกออกมาใน EP อัลบั้ม Nina Cried Power แค่กีตาร์ตัวเดียว เสียงคีย์บอร์ดคลอเบา ๆ กับเสียงร้องของเขาก็ทำให้เพลงดู ‘เต็ม’ โดยไม่ได้รู้สึกขาดอะไรไป รับประกันว่าเป็นมิตรต่อหูแน่นอน ส่วนคำว่า NFWMB ในที่นี้ ถูกย่อมาจาก Nothing
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย ‘การแข่งขัน’ กับ ‘วงการดนตรี’ ล้วนแล้วแต่อยู่คู่กันมาอย่างช้านาน ไม่ว่าจะแข่งบนเวทีประกวด, แข่งกันทำเพลงให้ฮิตติดชาร์ต, แข่งยอดวิวบน Youtube จนมาถึงแข่งยอด Streaming อย่างในปัจจุบัน ไหนจะบรรดานักวิจารณ์ที่ขยันออกมาตีตรางานเพลงกันเป็นว่าเล่น ใครโชคดีก็ถูกยกยอ หากโชคร้ายก็ถูกสาปจนยับเยิน ฟังดูอาจจะไม่ยุติธรรม เพราะไม่รู้ว่าอะไรคือมาตรวัดสิ่งนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ศิลปินแทบทุกคนต้องพบเจอ SOMKIAT (สมเกียรติ) 5 หนุ่มอินดี้อารมณ์ดีวงนี้ก็เช่นกัน ทั้ง โบ๊ท (ร้องนำ), บอส (กีตาร์), นนท์ (กีตาร์), นัท (เบส) และ ยิ้ม (กลอง) ก้าวแรกในวงการเพลงของพวกเขาเกิดขึ้นพร้อมกัน นั่นก็คือการแข่งขัน Coke Music Awards ปี 2010 ถึงจะได้รางวัลชนะเลิศ แต่กว่าจะได้ออกซิงเกิลแรกกับค่าย Smallroom ก็ผ่านไปแล้วถึง 2 ปีให้หลัง วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากชวนคุณ มาย้อนรอยเส้นทางสายดนตรีที่ไม่เรียบง่ายของพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน จากวงดนตรีนักศึกษาบนเวทีประกวด สู่ศิลปินมืออาชีพในค่ายอินดี้แถวหน้าของเมืองไทย พวกเขายังต้องแข่งอะไรอีกบ้างจนถึงทุกวันนี้