ทำไมเราถึงต่อราคาทุกสิ่งที่เราอยากเป็นเจ้าของ แล้วทำไมเราถึงต้องลดราคาให้กับคุณภาพที่ดีที่สุดเพื่อจะขายมัน? ทางออกของระบบกลไกเศรษฐกิจที่น่าจะยั่งยืนคืออะไร ไม่น่าเชื่อว่าเราดันมาได้คำตอบของคำถามเหล่านี้จากการพูดคุยระหว่างจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง คำตอบที่เราไม่คาดหวังว่าจะได้ยินจากพวกเขา แต่คาดหวังว่าจะมีใครสักคนพูดถึงเรื่องนี้ และสิ่งนี้คือนวัตกรรมเหนือความอร่อยของ Castown เครื่องดื่มคราฟต์โซดาแห่งแรกในไทยที่ได้ 2 หนุ่มคู่หูเพื่อนซี้อารมณ์ดีอย่าง บอม-รัฐศรัณย์ พีรพงศ์เดชา และเติ้ง – พนัญไชย กล่ำกล่อมจิตต์ เป็นผู้ริเริ่มและดำเนินการมาจนสำเร็จ เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นหน้าค่าตาของ Castown แล้ว และบางคนน่าจะเคยได้ชิมมันด้วยตามบาร์บางแห่งหรือร้านกาแฟบางที่ ความแปลกของเครื่องดื่มมีฟองเย็น ๆ ทำขึ้นจากเปลือกกาแฟที่มีรสชาติเฉพาะตัว แทนที่จะเลือกใช้ผลกาแฟตากคั่วเข้ม ๆ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากองค์กรเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นด้วยคนจำนวนไม่กี่คน ซึ่งท้ายที่สุดสิ่งที่เริ่มต้นจากของเหลวในขวดสีชาเหล่านี้ พาพวกเขามารับรางวัลชนะเลิศ อันดับ 1 การประกวดนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์การเกษตรและอาหาร กรมทรัพย์สินทางปัญญา ปี 2560 “ก็คิดว่าเปลือกมันก็เป็นปุ๋ยได้ แต่พอขึ้นไปเห็นจริงมันเยอะกว่าที่จะเอามาเป็นปุ๋ย มันเยอะเกินไปจนทำให้น้ำก็เน่า ดินก็เสีย มันเลยกลายเป็นว่านี่มันเป็นปัญหาของคนบนนั้นที่คนข้างล่างสร้างให้เขาแล้ว” บอมหวนพูดถึงจุดเริ่มต้นของ Castown สมัยที่เขายังเป็นบาริสต้าเปิดร้านกาแฟแล้วชวนเติ้งขึ้นดอยเพื่อสัมผัสบรรยากาศสวยงามของโฮมสเตย์ในไร่กาแฟ แต่สิ่งที่พวกเขาทั้งคู่พบกลับเป็นกองเปลือกผลกาแฟจำนวนมหาศาล กลิ่นเหม็นเน่า ที่ล้างความคิดเดิมอย่างการเอาเปลือกไปทำปุ๋ยเพราะปริมาณที่มากเกินไป บวกกับแนวโน้มของการดื่มกาแฟที่นับวันจะเพิ่มขึ้นจึงทำให้เขาฉุกคิดว่า “ที่เรากินกาแฟกันไปทุกวันนี้ เราทิ้งขยะไว้บนนี้นี่หว่า แล้วเราไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันมีขยะทิ้งไว้ให้เกษตรกรเยอะขนาดนี้เลย
เราคือคนหนึ่งที่เติบโตมากับ Nokia 3310 รุ่นตายยากในตำนาน เห็นการเติบโตกันตั้งแต่ยุค Analog เบิกบานก่อนจะก้าวมาถึงสมาร์ตโฟนจากหลากยี่ห้อและระบบในยุคปัจจุบัน ระบบปฏิบัติการแรกที่ใช้งาน เพื่อต่อความเป็นสาวก Nokia เพราะติดใจความทนทานเลยพาให้เรามารู้จักกับ Windows Phone ก่อนระบบปฏิบัติการอื่น สีสันสดใสกับรูปแบบ Interface คล้ายการยก PC มาขึ้นจอจึงเป็นสิ่งที่เราเข้าถึงได้ก่อนรุ่นอื่น จากที่สัมผัสเองกับมือก็ออกจะเสียดายภาวะไม่ได้ไปต่อของ Windows 10 Mobile อยู่เหมือนกัน เพราะอันที่จริงระบบของ Windows จัดว่าเสถียรและลื่นพอสมควร แถมยังได้รับการเคลมให้เป็นระบบที่ทำงานเชื่อมต่อระหว่างมือถือและ PC ได้เป็นอย่างดีด้วย ช่วงที่เปิดตัว Lumia ก็มีกล้องดี ๆ ให้ใช้ด้วย แต่เรื่องหนึ่งที่นับว่าเป็นรูโหว่ขนาดยักษ์ถมไม่มิดต่อเนื่องมาหลายปีคงหนีไม่พ้นเรื่องแอปพลิเคชั่นที่บอกได้เลยว่ารองบ่อนระบบอื่นอย่างเห็นได้ชัดเพราะขาดนักพัฒนาเข้ามาช่วย สปีดการแข่งขันจึงตกมากเมื่อเทียบกับระบบอื่น ๆ ข่าวนี้จึงถือเป็นข่าวคอนเฟิร์มที่เราไม่แปลกใจ แต่ทำให้เราใจหายมากกว่า เมื่อวันนี้มีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจาก Microsoft แจ้งสาวก Windows ว่าวันที่ 10 ธันวาคม 2019 พวกเขาจะหยุดอัปเดต patch ของ Windows 10 Mobile แล้ว
หลายคนเคยบ่นว่า รถแรง กี่แรงอาชาก็เป็นได้แค่ม้าบ้าน วิ่งได้แค่ตามกฎหมายกำหนด สุดท้ายซื้อมาก็ไม่ได้อะไร นั่งอั้นกันอยู่บนถนน เราจะจ่ายเยอะกว่าไปเพื่ออะไร ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเราเองก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่นั่นก็ก่อนที่จะรู้จักกับถนนสายนี้ Autobahn ทางหลวงพิเศษของเยอรมนีที่ทำให้เราอยากไปเหยียบประเทศเยอรมนีมากกว่าที่เคย ความเร็วไม่ใช่ฆาตกรบนท้องถนน ก่อนจะเริ่มพูดถึงถนนเส้นนี้ เรื่องที่เราไม่อยากพลาดยกมาพูดถึงคือประเด็นเรื่องการขับขี่ด้วยความเร็วที่คนมักมองว่าคร่าชีวิตคนบนท้องถนน คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการเหยียบมิดไมล์มันสัมพันธ์กับอุบัติเหตุ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะใช่ แต่ถ้าจะมองกันอย่างยุติธรรมอีกนิด ความเร็วคงไม่ใช่ประเด็นเดียวของอุบัติเหตุ ข้อมูลจาก OECD’s International Transport Forum ปี 2013 คือหนึ่งในเครื่องยืนยันว่าความเร็วไม่ใช่ทั้งหมดของปัญหา เพราะเมื่อเผยจำนวนผู้เสียชีวิตแล้ว ประเทศเยอรมนีมีจำนวนผู้เสียชีวิตราว 3,339 คน สูงกว่าประเทศฝรั่งเศสที่จำกัดความเร็วเพียงเล็กน้อย (คนเสียชีวิต 3,268) และน้อยกว่าสหรัฐอเมริกาที่ออกกฎหมายจำกัดความเร็วเกือบ 10 เท่า เนื่องจากสถิติผู้เสียชีวิตของสหรัฐฯ สูงถึง 30,000 คน เมื่ออุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องของความเร็ว เราคงต้องมามองมุมกลับกันบ้างว่าโครงสร้างถนนหรือเปล่าที่มีผลกับเรื่องนี้ และทำให้เราต้องจำกัดความเร็วความมัน เพราะแท้จริงแล้วถนนไม่ใช่แค่รางโง่ ๆ ให้รถแล่น ลาดยางเสร็จก็จบไป ไม่ต้องไปเหลียวแลอีก หลุมบ่อเล็กน้อย หรือลูกระนาดก็สร้างอุบัติเหตุถึงชีวิตได้ รวมถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนก็มีผล ฝนตกถนนลื่นก็เป็นสิ่งที่สร้างอุบัติเหตุได้บ่อยเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ไม่นับรวมคนที่อยู่หลังพวงมาลัยซึ่งควรครองสติในการขับขี่ให้ได้ เคารพกฎกติกาบนท้องถนน ฯลฯ
ในอดีตความฝันเรื่องอวกาศเหมือนสิทธิ์ผูกขาดของตะวันตก สหรัฐฯ จะบินไป โซเวียตจะบินมาเหนือดาวสีน้ำเงินก็เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับพวกเราเหล่าซีกโลกตะวันออก แต่มาวันนี้ประเทศแดนมังกรอย่างจีนได้พิสูจน์แล้วว่าความฝันของมนุษยชาตินอกโลกนี้ เขาสามารถก้าวเข้ามาได้ในฐานะผู้นำและไปเอี่ยวมันได้ทั้งหมด นับจากเสียงฮือฮาตั้งแต่ปีที่แล้วที่จีนอุกอาจส่งดาวเทียมไปทำหน้าที่พระจันทร์เทียมเพื่อสร้างแสงสว่างประหยัดพลังงานให้ประเทศ มาถึงวันนี้จีนยังเหนือขั้นกับการไปนอกโลกแบบไม่ไปเปล่า พกของติดไม้ติดมือไปทดลองเพิ่มด้วย โดยคราวน้ีเป็นการนำเรื่อง “ชีววิทยา” อย่างการปลูกพืชและปล่อยสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ไปทดลองหายใจในต่างดาว (ไม่ใช่แค่ต่างแดน) ซึ่งเขาคือเจ้าแรกที่ทำให้มันโตได้สำเร็จ ก่อนจะโชว์ความเหนือชั้นของมนุษยชาติครั้งนี้ผ่านทางทวิตเตอร์ Chang’e 4 : อดีตยานพระรอง ที่กำลังเป็นพระเอกเพราะเมล็ดฝ้ายโต ถ้าใครเคยติดตามเรื่องราวของยานอวกาศจีนที่ยิงขึ้นไปปล่อยบนดวงจันทร์ ชื่อของ Chang’e 4 อาจจะเป็นชื่อที่เคยได้ยินผ่านหูมาบ้างแล้ว เพราะยานลำนี้แหละที่เคยสำรวจดวงจันทร์ด้านมืดมาก่อน แต่ก่อนจะไปสำรวจด้านมืดมันโดนวางตำแหน่งไว้ในฐานะยานสำรองของ Chang’e 3 ที่จีนมอบภารกิจลงจอดนิ่ม ๆ แล้วนำรถโรเวอร์ลงวิ่งบนพื้นผิวดวงจันทร์ ทว่าพอ Chang’e 3 ทำได้ดีโดยไม่ต้องการตัวสำรอง Chang’e 4 ก็เลยได้รับการปรับแต่งและมอบภารกิจใหม่ให้อย่างการสำรวจดวงจันทร์ด้านมืดแทน ระหว่างที่คนกำลังตื่นเต้นกับภารกิจสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่ไม่มีใครเคยสำรวจมาก่อนในวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา อยู่ ๆ เราก็ได้รับข่าวดีว่าภารกิจซ้อนที่เราไม่เคยรู้อย่างการทดลองชีววิทยาซึ่งถูกเหน็บไปพร้อมกันด้วย เพราะ Chang’e 4 ติดตั้งถังทดลองขนาด 18 เซนติเมตรไป ด้านในประกอบด้วย เมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ เช่น
วินัย กฎเกณฑ์ การอยู่ภายในกรอบ เป็นสิ่งที่ผู้ชายเราเรียนรู้และเดินตามมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากผมรองทรง เสียบเสื้อในกางเกง จัดหมู่ลูกเสือยาวไปถึงขึ้นเขาชนไก่ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่บ่มรากฐานของการวางแผนใช้ชีวิตให้เป็นระเบียบทั้งสิ้น แต่นั่นก็เป็นแค่เสี้ยวแรกของชีวิตเท่านั้น เพราะพอหลุดจากรั้วมหาวิทยาลัย เริ่มต้นชีวิตการทำงาน กระทั่งจับจูงมือคนรู้ใจมาใช้ชีวิตคู่ เราก็มีอันต้องคิดอะไรให้มากขึ้นและสิ่งที่คิดก็มักพัวพันกับเรื่อง “เงิน ๆ ทอง ๆ” ไปเสียหมด เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้เงินก็ไม่ต่างจากปัจจัยสี่ในชีวิตไปแล้ว ต่อให้เป็นหนุ่มโสดก็ต้องเริ่มคิดว่าแก่ไปใครจะดูแล ต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ รวมไปถึงหนุ่มโสดไม่จริงทั้งหลายที่แต่งงานมีครอบครัวเองก็ต้องเริ่มคิดถึงภรรยาและเจ้าตัวเล็กเช่นกัน หากใครกำลังมองหาไดนามิกการลงทุนที่ยืดหยุ่นและสามารถสร้างหลักประกันให้กับชีวิตไปพร้อมกัน เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา เราเชื่อว่าประกันภัยคือหนึ่งในคำตอบนั้น แต่หลายคนก็ยังรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อประกัน เพราะมันดันไม่ใช่สิ่งที่เห็นผลชัดเหมือนหุ้นแดง ๆ เขียว ๆ ในพอร์ต แต่เสมือนสัญญาผูกมัดระยะยาวที่กว่าจะได้ใช้เงินเต็ม ๆ ก็ต้องผวาว่าเงินจะละลายหายไปไหมวันที่เราไม่มีเงินจ่ายเบี้ย ถ้ามีใครสักคนที่เข้าใจความรู้สึกนี้ มาเคลียร์ปมปัญหา สร้างความยืดหยุ่นตามความต้องการของเรา ให้เราสามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองและการลงทุนได้ทุกช่วงเวลา แม้แต่ตอนเจอปัญหาเฉพาะหน้าก็สามารถพักจ่ายเบี้ยและถอนเงินลงทุนออกบางส่วนมาใช้จ่ายได้ก่อน ย่อมเป็นข้อเสนอตอบโจทย์ที่เราไม่อาจละสายตา mDesign คือประกันชีวิตควบการลงทุนจากเมืองไทยประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความยืดหยุ่นของชีวิต โดยไม่ทิ้งรายละเอียดระหว่างทางทั้งจากวันที่เรามีพลัง ยังไร้ภาระ มาสู่วันที่เราสร้างครอบครัวมีหน้าที่รับผิดชอบ ที่สำคัญรายละเอียดที่ลงลึกทุกมิติเหล่านี้ทำให้ความยืดหยุ่นกลายเป็นคำตอบสุดท้ายที่ดีกว่า ยืดหยุ่นทำให้เราวางแผนชีวิตและสร้างผลตอบแทนได้ หลายคนอาจจะคิดว่าการซื้อประกันชีวิต เป็นการออมเงินระยะยาวกว่าจะได้เห็นดอกผลมักกินระยะเวลานาน สู้เอาเบี้ยประกันไปลงทุนหาเงินให้งอกเงยเหมือนการลงทุนเพียว ๆ รูปแบบอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเรากลายเป็นเสาหลักของครอบครัวที่มีคนข้างหลังต้องดูแล การลงทุนอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เราควรเตรียมความคุ้มครองชีวิตไว้จะได้อุ่นใจเมื่อเจอกับวิกฤตไม่คาดฝัน ความยืดหยุ่นของ
แลกร่างเพรียวบางกับเงินตรา ระบำโยกย้ายทุกส่วนสัดเพื่อสร้างความสุขบนเรือนกายชาย โลกแห่งโลกีย์และความหอมหวานเหล่านี้คงมีเพื่อนชายเราหลายคนเคยสัมผัสในฐานะผู้ซื้อ อาชีพค้าร่าง ค้าบริการ ช็อกการี หรือโสเภณี สุดแต่จะเรียกเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เก่าแก่ เป็นสากล และมีไว้เพื่อบริการผู้ชายเราทั่วทุกมุมโลก แต่น้อยแห่งนักที่จะมองอาชีพนี้เป็นอาชีพดีที่มีเกียรติ จึงเป็นเหตุให้มีการตั้งทั้งศาลเตี้ยและศาลสูงออกมากำหนดสิทธิและตำแหน่งที่พวกเธอควรยืนในสังคม เชื่อว่าสำหรับผู้ชาย อาชีพดอกไม้สาธารณะนี้คืออาชีพปกติอาชีพหนึ่ง ไม่ได้สูงหรือต่ำไปกว่าอาชีพไหนเป็นพิเศษและเป็นอาชีพสุจริต เหงื่อผุดพรายกับการแสดงบทบาทสาวนักรักมืออาชีพบนเตียง แม้ใช้เวลาชั่วครู่ก็ได้เงินก้อน แต่การเล่นสมบทบาทเหล่านั้นก็สมควรที่เราจะจ่าย หลายคนเข้าใจว่าเงินพวกนี้ที่หาง่ายเธอคงได้ใช้กันคล่อง นั่นก็ใช่สำหรับที่ที่เสรีหน่อย แต่คงไม่ใช่กับบางมุมของโลกอย่างอินเดีย แดนแห่งทวยเทพที่ไม่ได้อ้าแขนรับอาชีพโสเภณี และลิดรอนสิทธิแม้กระทั่งเงินที่หามา จึงเป็นที่มาของธุรกิจเฉพาะที่สร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้อย่าง “ธนาคารเพื่อโสเภณี” ธนาคารที่ไม่รับการเปิดบัญชีของบุคคลอาชีพอื่นยกเว้นโสเภณีเท่านั้น โสเภณี อาชีพต้องคำสาปของสังคมอินเดีย ก่อนจะเล่าไปถึงธุรกิจกันจริงจัง ต้องเกริ่นก่อนว่าขายบริการที่อื่นจะสบายอย่างไรเราไม่รู้ แต่ที่นี่อินเดีย! ประเทศที่มีจำนวนหญิงค้าบริการทั้งประเทศรวมกว่า 20 ล้านคน แต่ยังคงมองว่าการค้าบริการเป็นธุรกิจมืด ในอดีตแม้เปิดซ่องได้แต่ไม่ได้เสรีขนาดรับลูกค้าลำพังโดยไม่ผ่านแม่เล้า ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะค้าบริการที่นี่แล้วรับแขกไปกี่สิบกี่ร้อยคน ก็ใช่ว่าคุณจะได้เก็บเงินล่ำซำแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยไว้ปรนเปรอตนเองให้เต็มปอดนัก เพราะคุณเข้าไม่ถึงสิทธิแหล่งทุนและแหล่งออมพื้นฐานทางการเงินอย่างธนาคาร…มีเงินก็ไม่มีที่เก็บเนื่องจากธนาคารเขาไม่ยอมรับฝากเมื่อคุณทำอาชีพนี้ และถ้าคิดว่าจะมีสิทธิเก็บไว้กับตัวง่าย ๆ ควักใช้จ่ายสบายก็ต้องบอกเลยว่าเป็นแค่ฝันเลือนลาง เงินทุกบาทที่สู้หามันเข้าไปอยู่กับ “มาดาม” หมด ซึ่งมาดามก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแม่เล้าเจ้าของซ่องนี่แหละ สู่ธุรกิจธนาคารสานแพสชั่นของหญิงงามเมือง ความงามนั้นโรยรา แน่นอนว่าสาวงามเหล่านี้ก็รู้ดี และพยายามดิ้นรนหาทางออกจากวงจรการเป็นโสเภณี แต่จนแล้วจนรอดเรื่อง “อิสรภาพทางเงิน” ที่พวกเธอเข้าไม่ถึงก็ทำให้ต้องตกอยู่ในสภาพจำยอมออกจากตรงนี้ไปไม่ได้
ทำมากี่ปีดีดักก็ยังอยู่ที่เดิม หัวหน้าที่ดีแต่สั่งให้เราทำโน่นทำนี่เอาเข้าจริงก็ไม่เห็นว่าจะเจ๋งกว่าเราสักอย่าง กูนี่แหละมดงานหาเงินเข้าบริษัท นี่เป็นเรื่องที่คุยกันเสมอนอกฤดูโปรโมตตำแหน่งและยิ่งใกล้ช่วงโบนัส เรื่องนี้ยิ่งเดือดระอุขึ้นกว่าเดิม เพื่อไขปัญหาโลกแตกให้กระจ่างว่าทำไมเราทำดีไม่ได้ดี หรือบอสจะตาบอดมองไม่เห็นความสามารถของเราถึงไม่ได้เลื่อนขั้นให้ แต่ดันไปเลือกคนอื่นแทน UNLOCKMEN ได้รวบรวมข้อมูลคลายสงสัยมาแบ่งปันแล้ว ลองดูว่านอกจากการเป็นเจ้าพ่อเทพด้านสกิลการทำงานแล้ว คุณสมบัติเหล่านี้คุณขาดมันอยู่ไหม เพราะถ้าคุณเป็นคนแบบเดียวคำอธิบายด้านล่าง นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้านายไม่เลื่อนให้คุณเป็นหัวหน้ากับเขาสักที ขาด DNA องค์กร เรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ง่ายเอาเสียเลยคือคุณไม่ค่อยมีลมหายใจแบบเดียวกับองค์กรเท่าไหร่ ใส่ใจแต่งานที่ตัวเองทำมากเกินไป ทำให้ต่อให้ผลงานโคตรเด่นแค่ไหนก็ไม่มีวันโตได้มากกว่าเดิม เพราะเจ้านายคิดว่าถ้าเขาโปรโมตคุณขึ้นมา เมล็ดพันธ์ุต่าง ๆ ในองค์กรคงไม่ได้ดอกผลในทางเดียวกันแน่ ๆ เนื่องจากคุณดันไม่เข้าใจวิธีคิดขององค์กร กำไร การวางแผน เป้าหมาย สภาพแวดล้อมที่มีอยู่สักนิด ลองคิดสภาพว่าถ้าองค์กรเป็นคนหนึ่งคน คุณคือ Head ของบริษัท เราให้คุณเป็นส่วนหัวที่กระจายหน้าที่ไปส่วนอื่น แต่คุณดันทำผลงานโดดเด่นเฉพาะของตัวเองเท่านั้น หัวก็จะโตเอา ๆ แต่ตัวด้านล่างลีบเพราะการเติบโตไม่กระจายไปส่วนอื่นเลย มันก็ไม่ต่างจากการทำให้องค์กรเป็นโปลิโอ ขาลีบก็เดินไปไม่ได้ แขนลีบก็หยิบจับอะไรไม่ได้อยู่ดี สู้เขาเอาคนที่ไม่ต้องเก่งเท่าคุณแต่ทำให้องค์กรเติบโตมาทำ ยังไงมันก็ดีกว่าเห็น ๆ สื่อสาร 0 คะแนน ส่วนใหญ่คุณเห็นใช่ไหมว่าผู้นำดีแต่พูด ทว่าทำไม่เก่งเท่าที่คิด เหตุผลเพราะมันคือคุณสมบัติที่ต้องมี
“วันนี้ทำงานพลาดว่ะ” คือหนึ่งใน Topic ที่ทำให้เพื่อนที่ไม่ค่อยได้คุย ไม่ได้รวมตัวกันมานานกลับมาคุยกันเพื่อระบายอารมณ์ และไม่ว่าเพื่อนฝูงจะอยู่ระดับไหนของบริษัท เป็นคนตัวเล็กหรือใหญ่ขององค์กรประเด็นนี้ก็จะทยอยมาให้ได้ยินเหมือนกันเสมอ “เป็นลูกน้องที่โดนลูกค้าด่า เป็นเจ้านายที่บริหารงานไม่ดี เป็นเจ้าของที่ไม่สร้างกำไร ฯลฯ” แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการนั่งขยายว่าไปทำผิดอะไรมา หรือสิ่งที่พวกมันต้องจ่ายเพื่อรับผิดชอบความผิดเหล่านั้นตามขนาดความเล็กใหญ่ของเรื่องที่เจอ กลับเป็นเรื่องผลกระทบทางอารมณ์ของพวกมันมากกว่า เพราะบางคนเฟลนาน เฟลไม่จบไม่สิ้น ถึงงานนั้นจะผ่านไปจนเริ่มโปรเจกต์ใหม่ก็ไม่หายจนสุดท้ายต้องล้มเหลวจริงจากการจับจด ขณะที่บางคนแค่บ่น ยอมรับและก้าวต่อไปก็ทำงานได้ดีขึ้น เรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงปรัชญาญี่ปุ่นที่เรียกว่า 侘寂 (wabi-sabi) “วาบิ-ซาบิ” หรือการมองเห็นความงามที่ไม่สมบูรณ์แบบของญี่ปุ่น ซึ่งมาจากการรวม 2 คำ ได้แก่ Wabi (侘び) ที่แปลว่า ความเรียบง่าย สมถะ และ Sabi (寂び) ที่แปลว่า ความเงียบสงัด สภาพจิตใจที่สงบนิ่ง และสูงส่ง ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้คือส่วนผสมที่ลงตัวที่ทำให้เราเห็นแง่มุมของการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อน และไม่เจ็บปวด ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะสร้างบาดแผลให้เราไว้มากแค่ไหนก็ตาม เพราะสรรพสิ่งล้วนไม่สมบูรณ์ และทุกความผิดพลาดต่างมีความสวยงาม สูงสุดจากสามัญ Zero be Hero ที่มาของ Wabi-Sabi หรือการมองเห็นความสวยงามจากสิ่งไม่จีรังหลายคนคงเปรยว่าคล้ายกันกับ “อนัตตา” ของศาสนาพุทธเหลือเกิน บอกได้เลยว่า
ร้านอาหารอร่อยที่คนแห่กันต่อคิวยาว ๆ เพื่อให้ได้ลิ้มรสชาติ หรือเนื้อย่างวากิวชิ้นพอคำจากร้านอิซากายะชั้นเลิศที่เราต้องดั้นด้นไปกินสักครั้ง กับบาร์ Hidden Gems ที่มีเครื่องดื่มเย็นสุดพิเศษรออยู่ คุณยังจำมันได้อยู่ไหมว่าครั้งแรกที่ตัดสินใจไปเป็นเพราะอะไร ทำไมเราถึงต้องไป ทั้งที่ร้านนั้นเรายังไม่เคยชิมมันสักครั้ง มาคิดให้ดีก็ไม่เคยมีคนรู้จักคนไหนบอกว่ามันอร่อยสักคน ถ้ามันเป็นเพราะภาพติดตาจากคลิปซอสชุ่มฉ่ำที่เยิ้มอยู่บนเนื้อนุ่มเด้งกับเสียงฉ่าในคลิป หรือไอน้ำเกาะขอบแก้วขึ้นฝ้าจาง ๆ กับสโมคบาง ๆ ของไอเย็นในรูปภาพค็อกเทลที่เจอในฟีดโซเชียล ทุกสิ่งที่เร้าความรู้สึกอาจมีเขาคนนี้ เซิร์ฟ – พฤทธิ์ เติมไพสิฐ จาก SHAPE Food Design อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ประสบการณ์เหล่านั้น ความเท่และความดิบของเขา ถือเป็นอาหารทางใจที่โคตรอร่อยจนเราต้องลุกมาบอกต่อ รวมถึงประโยคน้ำจิ้มสุดประทับใจเราที่เขาสารภาพกันตรง ๆ ซึ่ง ๆ หน้า จากช่วงท้ายของการสนทนาครั้งนี้…บอกสิว่าคุณไม่อยากรู้เรื่องของเขา? “คือทำมาผมไม่รู้เลยว่าจุดสำเร็จมันอยู่ตรงไหน อันนี้จริง ๆ เลยนะ ผมก็ไม่อยากพูดเท่ ๆ ว่าเราทำอะไรก็สำเร็จไปหมด มันก็มีวันที่เรารู้สึกว่าเราสำเร็จมาก วันนี้ก็โดนด่าเยอะมาก ผมเลยพยายามเลิกคิดไปแล้วว่าประสบความสำเร็จมันคืออะไร เหมือนถ้าเตะบอลได้แชมป์โลก เดี๋ยวอีกสี่ปีมันก็เตะใหม่ มันไม่ใช่อะไรที่เราต้องไปโฟกัส ผมพยายามดูจุดเดียวคือดูแลลูกค้าคนที่ไว้ใจเราให้ดีที่สุด ผมโฟกัสตรงนั้นมากกว่าแล้ว เพราะว่าประสบความสำเร็จมันแค่ชั่วคราว เดี่ยวเราก็เฟล เดี๋ยวเราก็ขึ้นอีก แล้วก็ลงอีก” เริ่มต้นจากเส้นทางฝืน สู่หนทางฝันรสชาติเยี่ยม กว่าจะเป็น
กลับมาตามสัญญาว่าเราจะนำเสนออีกมุมหนึ่งของเจ้านายโหดให้ได้รู้ หลังจากบอกข้อดีของ CEO ระดับโลกที่อยู่ในมุมมืดไปแล้วใน Episode แรก คราวนี้ถึงเวลามาเสนอเรื่องพลังลบที่แผ่ออกมากันบ้าง ซึ่งบอกตรง ๆ เลยว่ามันส่งผลกับพนักงานมากกว่าความรู้สึกไม่อยากตื่นไปทำงานหรือนอนไม่หลับ ลองมาดูกันของแถมที่ได้จากการเติบโตหลังทำงานกับเจ้านายที่พร้อมด่ากราด ฉุนเฉียว ทั้ง 3 ข้อต่อไปนี้ แล้วถามตัวเองอีกคร้ังว่าคุณพร้อมจะแลกมันหรือเปล่า ปัญหาสุขภาพ ทำงานหนักไม่เคยทำให้ใครตาย ประโยคนี้มันไม่จริง เรื่องนี้พวกเรารู้ดี และทาง UNLOCKMEN ก็เคยนำเสนอประเด็นนี้ไปแล้วผ่านบทความเรื่อง รู้จักโรค ‘ขยันมากเกินไป’ สาเหตุ อาการและทางออกก่อนที่เราจะกลายเป็นโรคบ้างานเรื้อรัง ขนาดคนที่ทำเขาทุ่มเทเพราะไม่ได้มีใครบังคับเขายังเจอผลกระทบเรื่องสุขภาพถึงตาย ดังนั้น คนที่โดนบังคับเพราะความกลัวอำนาจจะยิ่งเกิดความรู้สึกกดดันยิ่งกว่า เรียกได้ว่าโดนทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตพร้อมกัน เรื่องนี้เราไม่ได้เอามาพูดปากเปล่า แต่ยืนยันได้จากเหตุการณ์ของ Amazon ที่มีข่าวช่วงกลางปี 2561 ที่เปิดเผยข้อเท็จจริงว่ารถ Ambulance เข้าออกโกดังบ่อยถึง 600 ครั้งในระยะเวลา 3 ปี งานนี้แม้จะไม่ได้บอกรายละเอียดชัดว่าอาการบาดเจ็บนั้นมาจากอะไรบ้างแต่เราเชื่อว่าการโหมงานต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน เพราะสหภาพแรงงานเขาออกมาพูดเลยว่า Amazon เป็นองค์กรที่ดูแลคนไม่ต่างจากหุ่นยนต์ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอที่สนับสนุนข้อมูลนี้ด้วยการกล่าวว่าเหยื่อจากอารมณ์เจ้านายมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเครียด ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง ฯลฯ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายถึงชีวิต