บรรยากาศฝุ่น ๆ ที่เหมือนใส่ฟิลเตอร์เบลอ เฟดภาพตึกตรงให้จาง ถ้าเป็นที่อื่นเราคงคิดว่าเข้าหน้าหนาวเต็มที่แล้วอยากโดดออกไปเที่ยวนอกบ้าน แต่สำหรับกรุงเทพฯ ตอนนี้เลี่ยงไว้จะดีกว่าเพราะแทนที่จะได้เที่ยวสงสัยจะได้ไปหาหมอแทน และในช่วงเช้าวันนี้ (21 ธันวาคม) ประกาศแล้วว่ามีพื้นที่เสี่ยงที่มี PM.25 สูงเกินมาตรฐาน (50 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร) จำนวน 20 พื้นที่ และ 14 แห่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งมีสาเหตุจากสภาวะอากาศปิดและการจราจร แต่ตอนนี้อัปเดตล่าสุดช่วงบ่าย มีพื้นที่เสี่ยงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพเพิ่มจำนวนขึ้นถึง 19 แห่ง เราจึงนำมาแจ้งเพิ่มเติม ลองมาเช็กไปพร้อมกัน พื้นที่ริมถนน ตรวจวัดค่าสถานที่ติด Red Zone ของ PM.25 เวลา 15.00 น. โดยเผย Red Zone 19 แห่งดังนี้ เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 เขตปทุมวัน บริเวณริมถนนจามจุรีสแควร์ เยื้อง MRT สามย่าน เขตบางรัก
เชื่อว่าหลายคนที่นั่งหลังพวงมาลัยคงเคยรู้สึกเครียดกับสภาพรถติดบนท้องถนนกับถ้วนหน้า เพราะไม่ว่าเราจะมีรถพันธ์ุดุหลายแรงม้าหรือรถบ้าน รวยหรือจน แต่ถ้าเข้าเส้นลาดพร้าวช่วงไพร์มไทม์แล้วล่ะก็ยังไงก็จอด มีโอกาสสบตากันยาวตั้งโต๊ะกินข้าวกันได้เป็นชั่วโมง ๆ สำหรับคนอื่นที่เจอเหตุการณ์รถติดแบบนี้อาจจะแค่บ่น แต่ตัวพ่ออย่าง ELON MUSK จะไม่ยอมบ่นเฉย ๆ เพราะเขาเอาจริง หยิบความคับข้องใจตอนเจอพิษรถติดเวลาเดินทางจากบ้านมาที่ทำงานมาเป็นแรงบันดาลใจ (จากลอสแองเจลิสมา สำนักงาน SpaceX เมือง Hawthorne) จึงทุ่มทุนใช้งบหลายล้านดอลลาร์กับเวลา 1 ปีขุดอุโมงค์เพื่อวาร์ปรถหนีการจราจร แถมยังตั้งชื่อบริษัทเกรียน ๆ มาทำโปรเจกต์ด้วยว่า The Boring Company บริษัทน่าเบื่อที่ระดมทุนจากหมวก สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่อยากเชื่อ แต่มันก็เป็นจริง ไม่ใช่แค่พาวเวอร์ของเทคโนโลยีที่เหลือล้น แต่เบื้องหลังของบริษัท The Boring Company ที่สร้างโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่นี้เริ่มต้นจากการระดมทุนขายหมวกไม่กี่ใบในราคาใบละ 20 ดอลลาร์กับทวีตขายหมวกในทวิตเตอร์ของ Musk ที่เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกวันที่ 18 ตุลาคมปี 2017 โดยหวังว่าจะเอาเงินพวกนี้ไปแก้ปัญหาน่าเบื่อ ๆ ซึ่งแน่นอนวันนี้เขาได้ทำมันแล้ว และเราก็ได้เห็นการเดินทางระดับตำนานแบบนี้เป็นครั้งแรกของโลก ดิ่งลงดิน วาร์ปข้ามแดน เส้นทางการดำดินครั้งนี้ Elizabeth Lopatto หนึ่งในทีม
โลกยุคนี้มันเปลี่ยนไปไว คนธรรมดาก็กลายเป็นคนดังได้รวดเร็วในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าจะให้ถึงขนาดดังแล้วโฆษณามาลง ได้เงินมาใช้ก็ยังต้องสั่งสมบารมีและฐานคนฟอลโลว์พอสมควร จึงไม่ง่ายนักที่ใครจะกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีรายได้เข้ามหาศาล ถ้าสังเกตอินฟลูเอนเซอร์หลายแชนแนลที่เราตามวันนี้ มักจโฆษณาร่วมกับแบรนด์เดินทางไปโน่นไปนี่หรือใช้โปรดักส์ของสปอนเซอร์ให้เห็นเสมอ แต่ถ้ากระแสตก ยอดวิวไม่พุ่งแน่นอนว่าโฆษณาก็ไม่เข้าเช่นกัน “SPONCON” หรืออินฟลูเอนเซอร์สร้างโฆษณาเก๊ไว้หลอกแบรนด์จึงเป็นศัพท์ใหม่ในวงการที่เกิดขึ้น โดยเหล่า sponcon จะลงทุนจ่ายเงินซื้อโปรดักส์ สร้างกระแส ลงแคปชั่น ติดแฮชแท็กให้ตัวเองเหมือนโดนจ้างโปรโมตโปรดักส์ มีสปอนเซอร์ดังจ้างงานจึงเกิดขึ้น ซึ่งแม้ตอนนี้จะยังไม่ค่อยเห็นในบ้านเรา แต่ในต่างประเทศก็เริ่มแพร่หลายกันแล้ว จ่ายก่อน ตกทองทีหลัง มองเผิน ๆ อาจจะรู้สึกว่า โง่ว่ะอยู่ดี ๆ อินฟลูเอนเซอร์ไปจ่ายเงินซื้อของมาใช้ แถมยังโปรโมตให้ฟรีด้วยแบบนี้จะได้อะไร แต่พอดูเคสที่ sponcon เขาทำจริงก็บอกได้เลยว่าแบรนด์เองก็เจอดักได้เหมือนกัน ลองดูจากเคสตัวอย่างจริงเหล่านี้น่าจะพอมองออกว่ามันจะมาในรูปแบบไหนบ้าง Sydney Pugh สาวไลฟ์สไตล์อินฟลูเอนเซอร์ของ IG ที่อยู่ใน LA ทำโฆษณาเก๊ให้คาเฟ่ จ่ายเองทั้งค่ากาแฟ ลงทุนถ่ายรูปให้ด้วยแถมยังตั้งแคปชั่นโปรโมตสไตล์เดียวกับการจ้างของแบรนด์ จากที่คนปกติบอกว่า “กาแฟนี้ช่วยให้ผ่านพ้นวันนี้ไปได้” มาเป็น “ฉันชอบ Alfred’s coffee เพราะเหตุผล A..B..C” ซึ่งเธอบอกว่ามันง่ายที่จะก๊อปตามเพราะทุกวันนี้เราเห็นสปอนเซอร์ไพสต์แบบนี้เพียบ Joshi แฟชั่นและไลฟ์สไตล์อินฟลูเอนเซอร์เป็นหนึ่งในบล๊อกเกอร์ที่สวนสนุกท้องถิ่นจ้างไป งบจ้างไม่เยอะ แต่โพสต์โปรโมตยิ่งใหญ่เหมือนคนสำคัญของแคมเปญ
ถึงสมาร์ตโฟนจะสะดวกแค่ไหน เล่นเกมได้หลากหลายเพียงใด แต่มนต์ขลัง PC เป็นสิ่งที่ไม่เคยหายไปจากผู้ชายอย่างเรา เพราะจอมันใหญ่สะใจกว่า ช่องใส่สกิลก็เพียบ แชตกับตี้ในเกมไม่สะดุด และที่สำคัญบังคับนิ้วจากคีย์บอร์ดเคลื่อนเกมได้คล่องตัว ด้วยการกดเพียง 3 นิ้ว คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางกับ 4 ปุ่มหลักสี่เหลี่ยมของตัวอักษร WASD ที่คุ้นตา แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมการบังคับต้อง WASD ด้วย? ในเมื่อ 4 ปุ่มกับคอมโพสต์การวางนิ้วก็แทบไม่แตกต่างกัน จะขยับมาเป็น ESDF หรือตัวอื่นไม่ได้หรือไง ถ้าคุณเคยสงสัย เรื่องเหล่านี้ UNLOCKMEN พบที่มาและนำมาฝากให้หายงงแล้ว เกมเมอร์ตำนานคือคนคิดตำแหน่งทองคำ WASD หลายคนเข้าใจว่าตำแหน่ง Default บังคับเกมอย่าง WASD นี้มีนักสร้างเกมเป็นผู้คิด เพราะรู้ตัวอีกทีมันก็ใช้กันแพร่หลายและใช้กันแทบทุกเกม แต่ความจริงแล้วคนที่คิดและนำ 4 ปุ่มอย่าง WASD มาใช้คือเกมเมอร์ชื่อดังในตำนานอย่าง “Thresh” เกมเมอร์ที่คว้าชัยชนะจากการจัดแข่ง Quake tournament ครั้งที่ 1 ปี 1997 ได้สำเร็จอย่างงดงามจากการปรับแต่งปุ่มนี้และมันก็ทำให้เขาได้รางวัลใหญ่เป็น Ferrari
มีใครเคยเจอปัญหาที่มองไม่เห็นอย่างเรื่อง “ลมตด” กันบ้าง ถึงแม้ว่าการผายลมมันสุดแสนจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องทำ พวกเราหลายคนเองก็เคยผายลมอัดกันในวงเพื่อน แต่พอมีแฟนหรืออยู่ท่ามกลางคนหมู่มากคงต้องเคยเจอปัญหาเรื่องนี้กันบ้าง ทั้งการตกเป็นเป้าสายตา จนถึงประณามไล่เราไปผายลมที่ห้องน้ำ ทั้งที่บางครั้งนั้นมันก็ไม่ได้มีกลิ่นสักกะนิด เพื่ออธิบายเธอว่า “เฮ้ย! เธอ เราผายลมไม่ได้แกล้งเธอ แต่มันเรื่องธรรมชาติด้วย” UNLOCKMEN ขอส่งต่อสาระของการผายลม 7 ข้อ ที่จะทำให้คุณไม่ต้องประหม่าแค่แชร์ให้คนเหล่านั้นได้อ่าน จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย! 1. ดีกับลำไส้ใหญ่ อั้นไว้แทนที่จะรีแล็กซ์ให้เป็นไปตามธรรมชาติของร่างกายไม่ว่าอะไรก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะ อุจจาระ หรือกระทั่งเรื่องแก๊ส ถึงแม้การส่งเสียงปู้ดป้าดต่อหน้าธารกำนัลมันจะเสี่ยงแค่ไหน แต่คงต้องขอลองเพราะถ้าฝืนไปขวางระบบการทำงานของลำไส้ในการกำจัดแก๊สแล้ว อาจจะส่งผลเสียกับทั้งระบบย่อยและลำไส้ในระยะยาว ไม่คุ้มจะอั้นหรอก บอกตรง ๆ 2. แก้โรคท้องอืด ท้องอืดไม่ใช่เรื่องตลก เพราะมันทำให้ผู้ชายเราสายชิมอย่างเราเริ่มจะไม่อร่อยพะอืดพะอม ซึ่งอาการทรมานท้องไส้แบบนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นช่วงสั้น ๆ หลังจากกินอาหารมื้อปกติหรือมื้อใหญ่เข้าไป และไอ้อาการท้องบวมกับความรู้สึกมวน ๆ นี้มันเป็นสัญญาณชี้ว่าแก๊สสะสม ถึงเวลาต้องปล่อยออกมา งานนี้แม้ว่าการอั้นลมไว้จะไม่ถึงตายแต่มันก็ทรมานร่างกายใช่ย่อยโปรดจงเห็นใจ 3. กลิ่นของมันมีประโยชน์ ถึงกลิ่นจะน้อง ๆ สกั๊งหรือระดับการหมักหมมจะหนาแน่น แต่มีคำอธิบายหนึ่งที่น่าจะทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีเวลาได้ดมกลิ่นผายลมขึ้น เนื่องจากในกลิ่นผายลมของเรามีสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ไฮโดรเจนซัลไฟต์ คลุ้งอยู่ในนั้น ซึ่งมีผลการศึกษาอธิบายว่าสิ่งนี้ที่มากับกลิ่นนั้นช่วยป้องกันโรคบางโรคได้
“ความจนมันน่ากลัว” คนที่ลำบากทำงานเดือนชนเดือนสายตัวแทบขาดย่อมเข้าใจคำพูดนี้ดี และมันคงยิ่งการันตีได้ชัดเจนขึ้นกับประเทศที่เราอยู่ เพราะดันมีรายงานจาก CS Global Wealth Report 2018 เผยว่าระดับความเหลื่อมล้ำในไทยติดอันดับแรกของโลก เนื่องจากคนที่ร่ำรวยที่สุดซึ่งคิดเป็น 1% มีทรัพย์สินรวมคิดเป็น 66.9 % ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ ล้มอดีตแชมป์อย่างรัสเซีย พอเงินไม่มีแล้วรัฐในฐานะผู้ปกครองก็เริ่มมานั่งกุมขมับว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ลงเอยแล้วนโยบายการให้เงินอุดหนุนหรือสวัสดิการอุดช่องว่างจึงเหมือนสูตรสำเร็จที่ใช้กันทุกประเทศมาหลายทศวรรษ ไม่เว้นแม้แต่ในไทยที่นายกรัฐมนตรีนักทำตามสัญญา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งทำล่าสุดกับการให้เพิ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 3.1 ล้านใบ ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมดราว 14.5 ล้านใบ แหวกกระเป๋างบจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม มาใส่ในบัตรให้กดกันเพลิน ๆ เปย์เงินท่วมท้นด้วยงบประมาณ 7,250 ล้านบาทเพื่อเป็นของขวัญรับปีหมา ทว่าประเด็นเรื่องการให้เงินเป็นเรื่องทอดทิ้งหรือโอบอุ้มคนจน เราต้องสอนคนจับปลาหรือจับปลามาให้เขากิน ก็ยังถกกันอยู่ไม่หยุดหย่อน เพื่อให้ชาว UNLOCKMEN ได้ใช้ดุลยพินิจกับมันให้เต็มที่ เราขอส่งต่อแง่มุมเรื่องการอุดหนุนเงินคนจนจากภาครัฐทุกแง่มุมมาฝากกัน ให้เงินมันดีอย่างไร มองกันให้เป็นกลางเรื่องนโยบายที่หลายคนสงสัยกันนักกันหนาว่าการเอาภาษีของเราไปแจกเป็นเงินสดมันช่วยอะไรได้ เรื่องนี้อธิบายไว้ในงานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน published research paper (paywall) ของ David Evans จากธนาคารโลกและ Anna Popava จาก Standford
ตั้งความหวัง ผิดหวัง ถือเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกผิดหวังมันอยู่ยาวนานกว่าความสุขเสมอ ดังนั้น เมื่อเจ็บในปีนี้ หลายคนจึงลดทอนเป้าหมายหรือบอกตัวเองว่า “ช่างแม่ง” เลิกทำมันซะเลย…ถ้าเราช่างแม่งแบบไม่เรียนรู้ความผิดพลาด โหมด “ฉิบหาย” ก็รอคอยเราอยู่อย่างแน่นอน เพื่อให้ผู้ชายเราเติบโตขึ้น 100% ครบทั้ง 3 ด้านของชีวิต คือ ตัวเอง การทำงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เราจึงต้องตั้งเป้าหมายแทนการนั่งทำกิจวัตรเดิมไปวัน ๆ เพราะไม่อย่างนั้นกว่าจะรู้ตัวอีกทีภาพก็ตัดมาที่ปลายปีแล้ว และเมื่อเราถามตัวเองว่า “ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร” คำตอบที่ได้แต่ก็คือ “ไม่รู้ว่ะ ก็เหมือนปีที่แล้วแหละ” แล้วก็เดินหน้าทำแบบเดิมต่อไปในปีหน้า ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร เราจะไม่ตัดสิน แต่อยากให้คุณตั้งหลักใหม่ด้วยวิธีการเหล่านี้ จะได้ตอบตัวเองได้ชัดขึ้นว่าปีที่ผ่านมาเราดีขึ้นหรือแย่ลง และจะทำอย่างไรในปีหน้า ความหวังที่สูงมันเจ็บ แต่ความหวังต่ำทำให้ย่ำอยู่กับที่ คนที่เคยดูโฆษณาสิงห์ เมื่อหลายปีก่อนโน้นคงจำประโยคเด็ดจากโปรกอล์ฟท่านหนึ่งที่พูดถึงเส้นทางความสำเร็จได้ว่า “ตีลูกให้ถึงดวงจันทร์ ถึงพลาดก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว” ซึ่งหมายถึงการตั้งความหวังให้โคตรสูงชนิดที่มองแล้วบอกตัวเองว่าไม่สำเร็จ ถึงจะพลาดมันก็ยังสูงกว่าที่ต้องการอยู่ดี เรียกง่าย ๆ ว่าถ้าเราคาดไว้ว่าเราทำงานแค่ผ่านเกณฑ์ก็พอใจ โอกาสสำเร็จและพลังความพยายามฝึกซ้อมของเรามันจะล้อไปกับเป้าหมาย แปลว่าอย่างดีก็คือผ่านเกณฑ์แต่โอกาสสำเร็จในอัตราที่ดีกว่านั้นแทบจะไม่มีอยู่เลย ขณะที่การตั้งเป้าหมายไว้สูงกว่าเดิม 2-3 เท่า แล้วมุ่งมั่นฝึกไปเรื่อย ๆ และลงมือทำมัน นับเป็นสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองเกิดการตั้งเป้าหมายระยะยาวที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพจากขีดจำกัดได้ และแม้จะเฟล
ถึง Magazine จะเริ่มตายไปจากตลาด แต่พลังของ Magazine สายข่าวอย่าง TIME ก็ยังได้รับความเชื่อถือเสมอ ส่วนหนึ่งมาจากวัตถุประสงค์ชัดเจนของการเป็น Magazine สายข่าวที่เน้นการนำเสนอประเด็นในโลกที่น่าจับตามอง รวมถึงการเฟ้นหาบุคคลสำคัญในทุกวงการทั่วโลกมานำเสนอและขึ้นปก เพียงการขยับของบุคคลเหล่านั้นก็ส่งผลกระทบมาหลายริกเตอร์ต่อสังคม สำหรับคนไทยในปก TIME เอเชียเอง เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นและคุ้นหน้าคุ้นตากันเพราะล้วนเป็นคนขับเคลื่อนประเทศของเราในระดับโลกทั้งนั้น กลางปีนี้นายกฯ คนปัจจุบันของเรา – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาก็เพิ่งได้ขึ้นกับเขาไปหมาด ๆ นอกจากการเลือกบุคคลสำคัญตามมภูมิภาคสาขาเพื่อขึ้นปก TIME แล้ว หนึ่งในธรรมเนียมปฏิบัติที่ TIME ทำเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ พ.ศ. 2470 คือการเลือก TIME’s person หรือการเลือกบุคคลแห่งปี ความน่าสนใจคือคนที่ TIME เลือกคือดาวเด่นของปีนี้ และคำว่า “ดาวเด่น” ก็หมายถึง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โลกถล่มแผ่นดินทลาย “เขา” หรือ “เธอ” ผู้นั้นมีอิทธิพลสูงสุดในเหตุการณ์ปีนั้นเสมอ และนี่คือ Shortlist ทำเนียบสำหรับคนสุดเจ๋งที่ตัวเลือกขึ้นเป็น TIME’s person 2018 ในปีนี้ คนกลุ่มนี้บอกเลยว่าต่อให้ไม่โดนเลือกแต่ได้ลองไปรู้จักประวัติเขาไว้ก็ไม่ผิดหวัง
มากกว่ารสชาติความคลาสสิกที่วิ่งผ่านลำคอ เครื่องดื่มสามารถสร้างสรรค์ไปได้ไกลกว่านั้น โดยเฉพาะเมื่อมันเปลี่ยนความชอบของผู้ชายอย่างเรื่องของสถาปัตยกรรมให้กลายมาเป็นแอลกอฮอล์แก้วจิ๋วที่ยิงหมัดหนักได้ตรงทั้งความเข้มและความประทับใจ ไอเดียเปลี่ยนสถาปัตยกรรมมาเป็นเมนูเครื่องดื่มที่เรานำมาฝากในครั้งนี้ส่งตรงจาก Connaught Bar บาร์ในลอนดอนที่ติดอันดับที่ 5 ของ The World’s 50 Best Bars ในปีนี้ ซึ่งกำลังครบรอบ 10 ปี Agostino Perrone หัวหน้า mixologist จึงครีเอตไอเดียให้นักดื่มอย่างเรารู้สึกตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น แพสชั่นนี้เกิดจากความช่ืนชอบสถาปัตยกรรมในบาร์ นำมารวมเข้ากับเรื่องการดื่ม สร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มสุดคลาสสิกที่กลายเป็นซิกเนเจอร์เฉพาะสถานที่จิบดื่มคือบาร์แห่งนี้เท่านั้น ซึ่งเขากล่าวว่าการคิดสูตรเหล่านี้ไม่ได้จับเฉพาะเรื่องการดื่มอย่างเดียวแต่มีเรื่องการดื่มด่ำความสนุกเข้าไปเป็นแก่นของรสชาติด้วย เมนูเครื่องดื่มแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ the Masterpieces, Foundation, Finesse และ Flair แต่ละส่วนจะประกอบด้วยเมนูที่ดึงคาแรคเตอร์ของบาร์ออกมาให้เลือก MASTERPIECE คือส่วนแรกของคอลเลกชั่นนี้ เน้นเมนูคลาสสิกขึ้นชื่อประจำบาร์มาใส่ไว้ในเมนู แต่เป็นฉบับปรับปรุงสูตร เพราะฉะนั้นเบสเดิมที่เข้มข้นเมื่อเติมพลิกแพลงใหม่จึงได้รสชาติสุดประทับใจ FOUNDATION คือการรวมเมนูที่ดึงคาแรกเตอร์แข็งแรง ลงลึกถึงระดับโครงสร้างและวัตถุดิบมาสร้างเป็นรสชาติชวนดื่มให้มันถึงพริกถึงขิง อาทิ Set in Stone คือค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบาร์หินอ่อน เสิร์ฟจัดแต่งน้ำแข็งกลางแก้วดุจหินอ่อนสร้างความรู้สึกสุดเข้มข้น หรือ Sweet &
ก่อนอื่นคงต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่าบทสัมภาษณ์ของ Befor.tart เป็นการคุยที่ “ออกรส” ส่งท้ายปี 2018 ของ UNLOCKMEN มากที่สุด เพราะเรามีโอกาสลิ้มรสแพสชั่นของชายที่อยู่ตรงหน้ากับปาก เคี้ยว crack ได้เต็มคำทุกอณูแรงบันดาลใจของเขา เช่นเดียวกับบทสนทนาถูกคอที่ละลายเวลาอย่างรวดเร็วเหมือนผ่านไปเพียงไม่นาน พร้อมเสียงหัวเราะ เพราะทั้งหมดนี้คือคำพูดที่ไม่เคลือบน้ำตาลแต่ดิบและจริงใจจากเขา ซิก-สุรัตน์ ซิการี่ เจ้าของร้านทาร์ตมากคอนเซ็ปต์ที่ทำขึ้นเพื่อคุณเท่านั้น “Befor.tart” เรื่องหนึ่งที่เราเห็นชัดจากซิก คือเซนส์ความเข้าใจตัวเองที่ชัดเจนจนน่านับถือ แม้หลายคนยอมรับความก้าวหน้าเส้นทางการเติบโตที่ตัวเองต้องเจอ แต่เขากลับแบกรับความกล้าเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้ารู้ว่าไม่ชอบและวันหนึ่งจะไม่ใช่ เขาจะไม่เสียใจที่ต้องเริ่มใหม่ นั่นจึงเป็นเส้นทางสายใหม่ของอดีตนักภูมิศาสตร์ทำงานเขียนแผนที่ แต่สำรวจพบในการทำงานปีที่ 3 ว่าตัวเองชอบกินขนมและอยากทำอะไรที่สนุกมากกว่าเดิมทุก ๆ วัน “ตอนที่เราทำงาน เราสนุกมากครับ แต่พอทำไปทำมามันไม่สนุกแล้ว ตำแหน่งการทำงานแล้วมันไม่ใช่แบบเดิมแบบที่คิดไว้ มันก้าวหน้าเติบโตมากขึ้นแต่ไม่สนุก เราก็อยากทำอะไรที่สนุกกับมันมากกว่า ประจวบกับตอนนั้นชอบกินขนมมากก็เลยมาทำขนม เราวางแผนว่าต้องทำอะไรบ้าง การเรียนมันต้องใช้เวลาและการเก็บเงิน พอเราทำทุกอย่างได้ตามแผนแล้วก็ออกมาเริ่มเรียนขนมจริงจัง” Before BeFor. : 3 ปี 3 สถานที่งานทำขนมสู่ความกลมกล่อมที่ลงตัว ความชอบจะพาเราไปถึงไหน คำตอบของแต่ละคนน่าจะไม่เหมือนกัน สำหรับซิก ความชอบพาเขาออกจากงานที่เคยหลงใหลไปสู่การข้ามน้ำข้ามทะเลไปต่างแดน