เรื่องการหาหมอผ่านระบบ AI การวินิจฉัยโรคหรือการตรวจสุขภาพทั่วไปผ่านช่องทางออนไลน์เป็นกระแสที่หลายคนคงพอได้ยินมาบ้าง แต่อาจไม่ค่อยเชื่อกันว่ามันใช้งานได้จริงหรือมันจะโตได้ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่น่ายอมฝากชีวิตไว้กับเทคโนโลยีมากกว่าคนจริง ๆ ด้วยกัน แต่สำหรับประเทศที่มีจำนวนคนมากกว่าหมอหลายเท่าอย่างจีน การพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ก้าวหน้าผ่านแอปพลิเคชั่นดูแลสุขภาพออนไลน์ได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีความสำคัญและมีบทบาทกับชีวิตอย่างมาก Ping An Good Doctor คือแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นสุขภาพที่กำลังมาแรงในจีน นับเฉพาะผู้ลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็มีจำนวนสูงถึง 28 ล้านรายแล้ว จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นด้านเทคโนโลยีการแพทย์ ทำให้ล่าสุดในการประชุมงานอินเทอร์เน็ตโลก (World Internet Conference) ครั้งที่ 5 Ping An Good Doctor ผู้นำด้านเทคโนโลยีการรักษาได้ประกาศแผนการสร้างคลินิกรักษาพยาบาลไร้มนุษย์ที่ทำงานด้วยระบบ AI แห่งแรกในโลกขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นคลินิกหนึ่งนาทีของคุณหมอ AI ขึ้นโชว์ในบริเวณพื้นที่ส่วนกลางงานประชุมให้คนได้เข้าทดลองใช้งานกันจริง ๆ ถึงบอกว่าเป็นคลินิกหมอ AI แต่ก็ยังเป็นการทำงานควบคู่กับหมอที่เป็นมนุษย์จริง ๆ ด้วย โดยหมอจริงทำหน้าที่กำกับและตรวจสอบการทำงานของ AI สม่ำเสมอ ส่วนลักษณะของเจ้าคลินิกสีส้มนี้ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก คล้ายกับห้องคาราโอเกะในบ้านเรา แต่คอนเซ็ปต์ของมันค่อนข้างเนี้ยบและดีทีเดียว เนื่องจากมันสามารถให้การรักษาได้ในระยะไกล คนอยากเจอหมอเก่ง ๆ ก็ไม่ต้องไปต่อคิวที่โรงพยาบาลให้เสียเวลาเหมาะกับคนกรุงที่มีไลฟ์สไตล์รีบเร่ง และหลังรักษาสามารถจ่ายยาให้ได้ตามต้องการทันทีด้วย ส่วนยาไหนที่ไม่มีในสต๊อกระบบก็ให้ซื้อได้ผ่านแอปฯ และจัดส่งให้ถึงบ้านภายใน
หลายแนวคิดและธรรมเนียมของญี่ปุ่นคือสิ่งที่เราชื่นชอบ เพราะส่วนใหญ่เน้นความเรียบง่ายแต่ให้ลายละเอียดลงลึก จึงไม่แปลกที่คอนเซ็ปต์นี้จะถูกส่งต่อมาเป็นเรื่องราวของโปรดักส์แทบทุกชิ้น เช่นเดียวกับตัวนี้ที่เราเพิ่งไปเจอมาคืออุปกรณ์อัจฉริยะหน้าตาเรียบ ๆ ทำจากแผงไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ใช้ชื่อว่า “Mui” Mui คืออุปกรณ์อัจฉริยะลูกผสมระหว่าง ความเชื่อและความไฮเทคมารวมกันอย่างลงตัว ซึ่งความเชื่อมาในรูปแบบของวัสดุที่ใช้แผ่นไม้ เชื่อมโยงกับวลีในภาษาญี่ปุ่นที่ว่า “Kuwabara kuwabara” (桑原桑原) หรือเคาะไม้แล้วจะกันโชคร้ายได้ นำมารวมกับความทันสมัยด้วยการออกแบบให้ไม้นั้นแสดงไฟ Led ขึ้นเป็นอักษรหรือภาพในระบบ interactive ที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ MUI ทำอะไรได้บ้าง? เปลี่ยนบ้านให้เป็นสมาร์ตโฮมที่จะทำให้คุณใกล้ชิดกับคนในครอบครัวมากขึ้น ควบคุมได้ทั้งแสงไฟและอุณหภูมิของฮีทเตอร์ในห้อง เป็นอุปกรณ์สื่อสารสำหรับคนในครอบครัว เพื่อใช้ติดต่อกัน ให้ข้อมูลสภาพอากาศ ปฏิทิน หรือนาฬิกา โดยไม่ต้องจับมือถือบ่อย ๆ ทำหน้าที่เป็นสมาร์ตโฟนสำหรับ Google Home และ Alexa ตอนแรกเราเองก็สงสัยว่าแค่เป็นไม้แล้วอย่างไร มันต่างจากการใช้กระจกหรือจอ Led ปกติ Google home หรือ Alexa ตรงไหน คำตอบมันอยู่ที่คอนเซ็ปต์การผลิตที่ผู้ผลิตเขาต้องการให้มันเป็นอุปกรณ์แห่งอนาคตไว้ลดความว้าวุ่นใจเวลาใช้งานโลกออนไลน์หันมาใช้เวลาร่วมกัน ด้วยรูปลักษณ์เรียบ ๆ เป็นเพียงแผ่นไม้ของมัน ที่พอเราไม่ไปสัมผัสมันก็กลับเป็นแผงไม้ปกติเหมือนเก่าจึงทำให้เราหันกลับไปโฟกัสกับคนด้วยกันมากกว่า ชนิดที่ว่าเราจะไม่ไปนั่งพะวงกับการใช้งานมันบ่อย ๆ เหมือนตอนใช้อุปกรณ์ตัวอื่นเพราะส่วนใหญ่พอเรากดมือถือไปเพื่อใช้งานฟังก์ชันเหล่านี้
กินกาแฟตอนน้ีจะดีดตอนไหน เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนาธรรมเพราะส่วนมากจะบอกเฉพาะตัวเลขคร่าว ๆ ไม่เจาะจงเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่ทำให้ผู้ชายเราหยุดเสพกลิ่นหอมของคาเฟอีน กับรสขมคั่ว อมเปรี้ยวตัดปลายในบางพันธ์ุของเมล็ดกาแฟได้ ล่าสุดมีคนอยากแก้ปริศนาให้กระจ่างยิ่งกว่าโคนัน เลยสร้างเว็บฯ เอาใจคอกาแฟทุกคน ไม่ว่าคุณจะกินเพื่อตื่น กิ่นเพื่อดื่มด่ำ ทุกหยดที่กินของมันมีประสิทธิภาพกันแบบเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน โดยเว็บนี้จะทำการคำนวณช่วงเวลาที่คุณดื่ม ว่ามันจะทำให้คุณดีดตอนไหน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่นับเวลาแบบส่ง ๆ แต่นับกับแบบลงลึกเพื่อตัวคุณคนเดียว เพราะคุณต้องกรอกข้อมูลทั้งเรื่องการนอน จำนวนช็อตกาแฟ ฯลฯ ของตัวเอง Coffee Kick Calculator วิธีคำนวณ 1. ระบุตัวเลขการพักผ่อนของคุณ นอนหลับสนิทตลอดคืนไหม หรือนอนแล้วผวาตื่นงัวเงีย 2. เลือกสิ่งที่เราต้องการดูจากกราฟ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาตื่นตัวเต็มที่ เวลาตอบสนอง ช่วงที่รู้สึกผ่อนคลาย ความแผ่วจากการดื่ม และการตอบสนองอื่น ๆ ซึ่งแน่นอนว่ากราฟจะมันจะมีทั้งขาขึ้นและขาลง 3. ใส่ช่วงเวลาที่คุณตื่นขึ้นมา 4. อธิบายลักษณะกาแฟที่ดื่ม ทั้งปริมาณและเวลาที่ใช้ดื่มหรือคุณจะ custom ละเอียดกว่านั้นถ้าสามารถป้อนลงไปได้ในระดับมิลลิกรัม ยิ่งละเอียดยิบแค่ไหนก็วัดได้แม่นขึ้นเท่านั้น 5. ทุกครั้งที่เรากรอกข้อมูลลงไป ไม่ว่าจะเป็นวันไหน แต่ช่องอื่นก็จะได้รับการประมวลผลให้ปรากฏขึ้นมาด้วย 6. กราฟด้านล่างสุดจะแสดงประสิทธิภาพทั้งช่วงที่ดีและช่วงที่ลดลง ใครลองไปเล่นแล้วลองมาพิสูจน์กันว่าตรงจริงอย่างที่เว็บมันคำนวณไหม เราเองก็ว่าอยู่ระหว่างทดลองเช่นกันเพราะจะได้
ไม่ว่าพวกเราจะทำงานผ่านมากี่ที่ แต่เชื่อว่าความรู้สึกช่วงสัมภาษณ์ก็ยังเป็นโมเมนต์ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับเราอยู่ดี บางครั้งเรียกได้ว่านาทีต่อนาทีที่ตอบโต้กันระหว่างเรากับผู้สัมภาษณ์เราก็แทบทำนายได้แล้วว่าเราจะได้งานนี้หรือชวดต้องไปสัมภาษณ์ครั้งหน้า เพื่อให้ผู้ชายอย่าง เราสามารถโต้กลับการสัมภาษณ์ได้แบบไม่ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียว วันนี้ UNLOCKMEN ได้รวบแทคติคจิตวิทยาเพิ่มโอกาสพิชิตการสัมภาษณ์งานที่เขาทดสอบกันมาว่าพาวินกันนักต่อนัก จาก 5 สิ่งต่อไปนี้ให้ไปลองเลือกใช้กัน นัดเวลาสัมภาษณ์ให้อยู่ช่วงวันอังคาร 10.30 5 วันทำการโอกาสจะทำให้ HR มีแรงดลใจนัดเราในวันอังคารอาจจะยากสักหน่อย แต่ถ้าเลือกได้ก็ลองระบุเวลานี้กันดู เพราะเขาว่ากันว่าเวลานี้จะเป็นช่วงที่ให้การสัมภาษณ์รีแลกซ์ เนื่องจากยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่เร่งรีบเท่ากับต้นสัปดาห์และไม่ปั่นเหมือนวันสุดสัปดาห์ ส่วนเรื่องเวลาเน้นหลีก 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงเช้าไว้ เพราะช่วงเช้าเป็นช่วงที่หลายบริษัทกำลังประชุมกันซึ่งเขาจะเอาเวลาช่วงนั้นไปโฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำอยู่ กับช่วงบ่ายคล้อยเย็นไว้ด้วย เพราะคนสัมภาษณ์เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้วนอกจากอยากกลับบ้าน อย่าสัมภาษณ์ช่วงต่อจากผู้แข่งขันตัวเป้ง เราอาจจะไม่รู้ว่าใครเป็นคู่แข่งที่โหดสุดในการสัมภาษณ์ แต่ถ้าบังเอิญรู้เข้าก็ให้เลี่ยงการประเมินในช่วงใกล้กันไว้ เพราะมันเสี่ยงมากที่เราจะโดนปัดออกจากสนามแข่งแบบไม่รู้ตัว เนื่องจากนักวิจัยพบว่าผู้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่วางบรรทัดฐานการประเมินจากพื้นของผู้สมัครแต่ละคนในวันสัมภาษณ์นั้น จากการวิจัยของ University of Pennsylvania และ Harvard University จึงเผยความจริงหนึ่งว่า ระยะเวลาอันตรายของการสัมภาษณ์โดยมีผู้สมัครม้ามืดมาเป็นคู่เทียบซึ่งเราควรหลีกเลี่ยงนั้น นับตั้งแต่สัปดาห์เดียวกันผู้สมัครคนนั้นมาเหยียบบริษัทในฝันเราเพื่อสัมภาษณ์ ยาวต่อเนื่องไปถึงสัปดาห์ต่อไป ใครที่งงก็ให้จำไว้ว่าไปสัมภาษณ์อาทิตย์ที่ 3 หลังจากที่ไอ้ตัวเต็งนั่นมาสัมภาษณ์แหละที่ปลอดภัย เลือกเนื้อผ้าให้เหมาะกับเนื้องาน ไม่ใช่แค่สุภาพอย่างเดียวเท่านั้นที่จะชนะใจ แต่เรื่องสีเสื้อมันก็มีการวิจัยเช่นกันว่ามีผลกับการให้คะแนนของผู้สัมภาษณ์ โดยจากการสัมภาษณ์เพื่อเก็บสถิติของ Career Builder
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ้านเรามีเวลาเปิด – ปิด มีกำหนดเวลาขาย และเวลากินเราก็เป็นอันรู้กันว่าต้องช่วงเย็น ช่วงค่ำหลังเลิกงานเท่านั้นถึงจะเหมาะ เพราะถ้ากินก่อนนั้นเหมือนเราจะโดนตำหนิด้วยสายตา แต่ว่านั่นก็เป็นแค่ Timezone จากวัฒนธรรมในบ้านเราเท่านั้นไม่ได้รวมเส้นแบ่งเวลาอื่น โดยเฉพาะสำหรับเมืองเบียร์อย่างเยอรมันที่เขากินเบียร์กันต่างน้ำ กินหลังออกกำลังกาย กินแทบตลอดทั้งวัน เขายังมีวัฒนธรรมให้เน้นกินเบียร์ก่อนเที่ยงวันอีกด้วย! เรียกได้ว่าพอลืมตา คอที่แห้งผากของเราต้องร้องหาเบียร์ รินขึ้นซดแก้กระหายกันเลยทีเดียว ดื่มเบียร์เช้าช่วยย่อย การดื่มเบียร์เป็นศาสตร์หนึ่งไม่ต่างจากการดื่มไวน์ เบียร์มีความล้ำลึกของมัน มีหลายประเภท มีความหนักเบาตามช่วงเวลา และมีความคราฟต์ให้หลายคนต้องรู้สึกติดอกติดใจ สำหรับวัฒนธรรมการกินเบียร์ก่อนเที่ยงวันคือการดื่มเบียร์ในช่วง brotzei (มื้อที่ 2 ของช่วงเช้า ที่เริ่มกินกันช่วง 10 โมงเป็นต้นไป) พบมากใน “บาวาเรีย” หรือรัฐที่อยู่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเยอรมัน เพื่อส่งเสริมวัฒธรรมการดื่มช่วงนี้มันจึงมีการผลิตเบียร์เฉพาะกินช่วงเช้านี้ โดยเขาเรียกมันว่า Hefeweizen (ออกเสียงว่า : HEH-feh-vite-zehn) เบียร์ชนิดนี้คือเบียร์เฉพาะที่ทำขึ้นจากวีท (ข้าวสาลี) แทนที่การใช้บาร์เลย์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่คอเบียร์ทุกคนลิ้มรสชาติกันเป็นประจำ วีทเบียร์นี้เหมาะกินกับอาหารเพราะให้รสชาติที่นุ่มกว่า สีสันเหลืองสว่างเองก็ให้รสชาติที่เบา แอลกอฮอล์ไม่หนักทำให้ดื่มได้ถี่ในช่วงเช้าไม่ต้องกลัวเมามายจนเสียอาการ ที่สำคัญการหมักวีทเบียร์ยังใช้ยีสต์ชนิดพิเศษที่เพาะมาโดยเฉพาะ ทำให้มีกลิ่นหอมนุ่มคล้าย กล้วย แอปเปิ้ล ซิตรัส ซึ่งเรียกได้ว่านี่คือหนึ่งจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กระตุ้นกระบวนการเผาผลาญอาหารให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้นอีกด้วย
แว่วมาสักระยะแล้วเรื่องการนำ AI มาทำตำแหน่ง Hr คัดคนเข้าทำงาน เราเชื่อว่าหลายคนที่ได้ยินอาจรู้สึกกลัวเพราะนับวันเจ้าปัญญาประดิษฐ์เริ่มจะมีอำนาจควบคุมเรามากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการปรักปรำและเท่าทันระบบการหางานในโลกวันนี้ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป UNLOCKMEN จึงได้ติดตามและไขภาพมัว ๆ ที่คนอาจจะคิดไม่ออกว่าทำไมถึงต้องมีการใช้ AI เข้ามาทำหน้าที่นี้ และมันยุติธรรมกับมนุษย์อย่างเราไหม JUST EXTENSION ก่อนจะพารานอยด์กับอาชีพ ว่า Hr จะโดนขโมยงานไปอีกอาชีพหนึ่งแล้วเหรอ ขอให้งดแตกตื่นเพราะการนำ AI มาช่วยคัดกรองคนเข้าทำงาน เขาใช้มันเป็นแค่ส่วนขยายที่เพิ่มเข้ามาเท่านั้น เนื่องจากสุดท้ายแล้วความกดดันระหว่างคนสัมภาษณ์กับคนสมัคร หรือการใช้จิตวิทยาเข้าประกอบการทดสอบเพื่อคัดเลือกคนมันก็ยังจำเป็นอยู่ วิชาชีพของการเป็น Hr ก็ยังคงสำคัญกับองค์กรเสมอ แต่นั่นจะเป็นขั้นตอนในสเตปที่ 2-3 ไม่ใช่ขั้นตอนแรกถ้าหากบริษัทที่เราจะเข้าไปทำงานเขาใช้ปัญญาประดิษฐ์มาร่วมในการกรองคน… MATCH ME WITHOUT BIAS ในเมื่อ Hr เดิมก็ไม่ได้หายไปแล้วทำไมเราถึงต้องมี AI ซึ่งไร้หัวใจมาเป็นผู้ร่วมตัดสิน Resume ที่เรามุ่งมั่นทำแทบเป็นแทบตายด้วย ถ้าคุณกำลังตั้งคำถามนั้นตอนที่กำลังอ่านอยู่ นั่นแหละ คำตอบมันอยู่ตรงนั้น “ความไร้หัวใจมันจำเป็นกับการคัดกรอง” มนุษย์ละเอียดอ่อนเรื่องอารมณ์กับการให้คะแนนมากเกินไป เราให้แต้มกับบางอย่างที่ถูกใจ และตัดแต้มเมื่อเหม็นขี้หน้าหรือไม่ถูกชะตา และไม่ว่าคุณจะทำเช่นไรคุณจะไม่มีวันเอาตัวเองออกจากความ Bias โดยสัญชาตญาณของตัวเองได้
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ทำงานมาแป๊ปเดียวนี่ก็ขึ้นปีใหม่อีกแล้ว เราเชื่อว่าช่วงเวลานี้ผู้ชายเราส่วนใหญ่เพิ่มผ่านการเผชิญหน้ากับวิกฤตปลายปีอย่าง “การประเมินผลการทำงาน” ทำให้ต้องรีบปั่นความ Productive โค้งสุดท้ายเพื่อเรียกคะแนนโบนัสกันสักหน่อย เมื่อ “Measure is coming.” มันก็ถึงเวลาที่แบบประเมินอักษรภาษาอังกฤษจะกลับมาให้ได้ยินอีกครั้ง ทั้ง PDCA, KPIs (อันนี้ได้ยินบ่อย หลายบริษัทในไทยก็ยังทำอยู่) และ OKRs แต่ที่ดูจะมาแรงสุดจนหลายบริษัทออกมาโหมกระหน่ำทำตามกันตอนนี้คือ OKRs ซึ่งเราได้ไปเก็บข้อมูลและนำมาอธิบายให้ชาว UNLOCKMEN เห็นภาพกันมากขึ้น แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องนั้น คุณว่าระบบการประเมินการทำงานที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้มันเป็นอย่างไรบ้าง ดีไหม แล้วมันวัดคุณภาพของคุณได้จริงหรือเปล่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” เสี้ยวความจริงในวันนี้ ก่อนที่จะไปเข้าเรื่อง KPIs กับ OKRs เรามาพูดเรื่องการประเมินกันก่อนเลยดีกว่า อันที่จริงถ้าจะมีใครสักคนที่รู้และบอกว่าคุณทำงานนั้นได้ดี หรือเต็มความสามารถของตัวเองจริงหรือเปล่า มันก็มีแต่ตัวคุณเท่านั้นที่รู้ว่าความจริงมันเป็นอย่างไร เพราะคุณคือคนลงมือทำและรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันยากหรือง่าย แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในระบบของบริษัท คุณก็ต้องเข้าสู่ระบบตัดเกรดโดยผู้มีอำนาจสูงกว่า ด้วยมาตรฐานที่สามารถมองเห็นได้เป็นรูปธรรมมากกว่าความรู้สึก เพื่อให้ทางบริษัทรู้ว่าเขาจ้างคนได้สมราคาไหม หรือคนนี้ควรได้รับค่าตอบแทนคุ้มความเหนื่อยตลอดปีเป็นโบนัสก้อนโตหรือเปล่า และนั่นแหละคือที่มาของการประเมิน ยุคสมัยของการประเมินเกิดขึ้นครั้งแรกก่อนที่เราจะเกิดกันเสียอีก เพราะเริ่มต้นก่อนปี 1900 โดยเขาเรียกยุคนั้นว่า “The Age of Reform” เกิดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี
เคยไหม เวลาที่เราทำงานแล้วดันพลาดเพราะจุดบกพร่องที่เรามองไม่เห็นแต่เจ้านายดันมองเห็นและเรียกเราเข้าไปรับฟังคำปรับปรุง หลังฟังคอมเมนต์เราก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะเงียบ ๆ เฝ้าบอกตัวเองว่าจะไม่ทำผิดอีก จับจดกับมันจนนอยด์ โทษตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่ากูมันไม่ดี กูมันห่วย ความคิดแบบนั้นบางคนอาจจะสามารถพลิกไปใช้ในทางบวกให้ทำงานดีขึ้นได้ แต่เชื่อเถอะว่าการเฆี่ยนตัวเองบ่อย ๆ จากความคิดลบเพียงอย่างเดียว มันจะรีดพลังงานและความกระหายที่จะทำงานของเราไปจนหมด ดังนั้น เพื่อให้ทำงานได้โปรดักทีฟแบบไม่ต้องเจ็บทั้งตัวจากการโดนตำหนิของคนอื่น แล้วยังมาเจ็บใจซ้ำเพราะตำหนิตัวเอง ลองมาเปลี่ยนความคิด แล้วใจดีกับตัวเอง ให้โอกาสกับความผิดพลาดเสียบ้าง แล้วคุณจะรู้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ใช่ความเหลาะแหละ แต่เป็นประสิทธิภาพที่ดีเกินคาด หลักการนี้ไม่ใช่เรื่องหลักลอย แต่นำมาผลงานและการศึกษาของ 2 นักวิจัย คือ Leah Weiss ศาสตราจารย์ที่ Stanford University Graduate School of Business ที่เขียนผลงาน How We Work: Live Your Purpose, Reclaim Your Sanity, and Embrace the Daily Grind (เราทำงานกันอย่างไร: อยู่เพื่อเป้าหมาย ฟื้นฟูจิตใจ และโอบกอดงานประจำ) กับ Shauna
เชื่อว่าวันนี้ชาว UNLOCKMEN หลายคนเป็นมากกว่า User ตามแพลตฟอร์มโซเชียลที่เข้าใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Facebook ที่สร้างเพจเป็นของตัวเอง IG ที่สามารถสร้างร้านค้าได้ หรือเทรนด์ที่กำลังฮิตมากอย่างการเป็น Vlog สร้างวิดีโออัปโหลดในแชนแนล Youtube ของตัวเองให้คนได้ตามไป Subscribe กัน เพื่อลับเหลี่ยมความคิดสร้างสรรค์ คั่วความคิดสำหรับสร้างคอนเทนต์ให้ทั้งเข้มข้น มันส์ และเด็ดขึ้น จนใครก็อดกด Play คลิปของเราไม่ได้ UNLOCKMEN จึงพลาดไม่ได้ที่จะบอกต่อโครงการดี ๆ อย่าง Youtube Pop-Up Space โครงการล่าสุดของ Youtube ที่กำลังจัดขึ้นที่ช่างชุ่ย ช่วงระยะเวลาระหว่างวันที่ 12-17 พฤศจิกายนนี้ เผื่อใครอยากแวะเวียนกันไปลองสตูฯ และเทคนิคต่าง ๆ จะได้แบ่งปันกัน โครงการ “Youtube Pop-Up Space” ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 หลังจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และแน่นอนว่าความเต็มอิ่มของปีนี้ที่จัดขึ้นที่ช่างชุ่ยทำให้เราได้เล่นอะไรหลายอย่างมากขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่าในงานครั้งนี้เหล่าครีเอเตอร์จะ Register จองพื้นที่สตูฯ เพื่อถ่ายทำกันจนเต็มแม็กซ์แล้ว
ตึงแก่นกลางกายเป็นเรื่องที่ธรรมชาติสร้าง แต่ถ้าสไลด์กันจนสาหัสเพลียร่างกาย หรือถึงขั้น Addict เราว่าคงต้องหาตัวช่วยหน่อย เพราะบางทีจากความสบายคลายใจ มันอาจจะไปส่งผลกระทบกับการใช้เวลาเรื่องอื่นในชีวิตของเราได้ถ้ามัวแต่ติดมือแบบนี้ วันนี้ UNLOCKMEN จึงคัดแอปฯ เทพมาทำหน้าที่โค้ช ช่วยรัดใต้เข็มขัดเราให้แน่น ไม่ปลดปล่อยอารมณ์การ Fap จนเกินพอดีทั้ง 3 ตัวต่อไปนี้ Fap Control Advice พลังที่ดีเริ่มต้นจากปลายนิ้วที่บังคับได้ แอปฯ Fap Control Advice เนี่ยแหละจะคอยเป็นเพื่อนเยียวยาเรา และเป็นกูรูคอยแนะนำเราให้ออกสเตปบันเทิงใจได้อย่างถูกต้องอย่างมีสาระ ตอบทุกคำถามของเราและเพื่อนหรือคนที่มันมาชี้หน้าว่าเราหมกมุ่นว่า “ทำไมต้องทำ” “ทำมันยังไง” “ลิงก์สร้างแรงบันดาลใจ” จนถึงวิธีลดการ Fap แบบไม่ทรมานใจด้วย RATE: 4.7 ประเมินจาก 303 คน ถือเป็นตัวเลขที่น่าภาคภูมิใจให้กดโหลดมาติดตั้งในเครื่องน่าดู ใครพร้อมก็กดโหลดได้เลยด้านล่างนี้ ANDROID Fap Watch: Quit your fap addiction ตัวนี้ Interface สีฟ้าอมม่วงเย็นใจ รูปไอคอนแอปฯ เป็นภูเขาประหนึ่งภูเขาเอเวอร์เรสต์ให้ชายหนุ่มทุกคนได้พิชิตมิชชั่นลดการ Fap