พูดถึงแฟชั่นคุณนึกถึงอะไร? รันเวย์ นายแบบหน้าคม แบรนด์หรู หรือบางสิ่งบางอย่างที่ดูไกลตัวเราออกไป? แต่ถ้าเราบอกว่าแฟชั่นเกี่ยวกับโลกใบนี้ทั้งใบ ตั้งแต่ปัญหาขยะล้นโลกที่เรากำลังตื่นตัว เพราะขยะเสื้อผ้านั้นมีปริมาณมหาศาลมากกว่าที่เราคิด ไปจนถึงปัญหาสิทธิแรงงาน เพราะเบื้องหลังเสื้อผ้าที่เราใส่อยู่ทุกตัวมีใครบางคนในโรงงานที่ผลิตมันอยู่ หรือปัญหาการบริโภคแบบสุดขีดคลั่ง ที่เราอาจไม่รู้ตัวว่าการซื้อเสื้อผ้าราคาถูกมาก เพื่อเปลี่ยนบ่อยเท่าไรก็ได้ที่เราทำอยู่ก็เป็นปัญหา อุตสาหกรรมแฟชั่นสำหรับใครหลายคนจึงอาจมีภาพแบบหนึ่ง แต่กับเธอ “อุ้ง-กมลนาถ องค์วรรณดี” ผู้ประสานงานเครือข่าย Fashion Revolution Thailand พ่วงการเป็นนักออกแบบอิสระและอาจารย์พิเศษที่ภาคศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แฟชั่นไม่ใช่แค่เสื้อผ้าสวย ๆ บนรันเวย์ แต่หมายถึงเสื้อผ้า สไตล์ หมายถึงสิ่งที่เธอรัก และหมายถึงการที่เธออยากเห็นอุตสาหกรรมแฟชั่นดีขึ้นไปพร้อม ๆ กัน แล้วแฟชั่นจะไปกันได้กับสิ่งแวดล้อม สิทธิแรงงาน การบริโภคที่ช้าลงได้จริงไหม? ถ้าได้จริง มันลงมือทำได้ง่าย ๆ หรือเปล่า? เราอยากสปอยล์คำตอบตรงนี้ว่า “ทำได้จริง และง่าย ง่ายจนเริ่มลงมือทำทันทีที่อ่านจบก็ยังได้” แต่ทำอย่างไร? เราก็อยากชวนมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน ‘Fashion Revolution’ กลุ่มคนรักแฟชั่นที่อยากเห็นแฟชั่นดีขึ้น การอยากเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ไม่ได้หมายความแค่ว่าเราไม่ชอบสิ่งนั้น แต่อาจหมายความว่าเรารักสิ่งนั้นมาก ๆ จนอยากเห็นสิ่งนั้นดีขึ้น
การระบาดไวรัสของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลกในหลายด้าน ทั้งความเสียหายด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว รวมถึงชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไปทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันควบคุมการระบาด ด้วยความหวังที่ว่ามันจะไม่ลุกลามขยายวงกว้างไปกว่านี้จนความเสียหายลุกลามใหญ่โตเกินกว่าจะควบคุม ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกมีรวมกันมากกว่า 93,000 คนและเสียชีวิตไปแล้วถึง 3,198 (ข้อมูลวันที่ 4 มีนาคม 63 เวลา 11.00 น.) ทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาประกาศให้การระบาดครั้งนี้เป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่ออีเวนต์จำนวนมาก แต่ที่ได้รับผลกระทบแบบทั่วถึงคงหนีไม่พ้นการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการ โดยเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีแรงกระเพื่อมชัดเจนขึ้นกว่าเดิม มาดูกันว่าในสถานการณ์ปัจจุบันไวรัส COVID019 ได้แช่แข็งโลกกีฬาไปแค่ไหนบ้างแล้ว วงการลูกหนัง เริ่มกันที่ฟุตบอลกีฬายอดนิยมของมวลมนุษยชาติที่ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะกัลโช่ เซเรียอาและลีกต่าง ๆ ในอิตาลีประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกด้วยจำนวน 2,502 คน การระบาดในอิตาลีทำให้สมาคมฟุตบอลอิตาลี ต้องเลื่อนการแข่งขัน Italian Cup semi-final เลกที่ 2 ระหว่าง Juventus และ AC Milan ออกไป รวมถึงการแข่งขันอีก 5 นัดในเซเรีย
ต่อให้ผู้ชายอย่างคุณจะไม่ได้อินในสายสัมพันธ์โรแมนติก หรือถูกจริตกับการคิดหาสารพัดวิธีเซอร์ไพรส์แฟนมากเท่าหนุ่มนักรักคนอื่น ๆ แต่เราเชื่อว่าคุณยังศรัทธา ‘ความรัก’ และคำนามธรรมคำนี้คงมีพลังมากพอจะช่วยขับเคลื่อนชีวิตคุณ แม้จะคิดว่าความรักเริ่มต้นมาจากความรู้สึกในจิตใจที่สั่งการไปยังสมองส่วนรับรู้และทำให้รู้ว่าเรารัก แต่วิทยาศาสตร์กลับมองความรักเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์เท่านั้น เชื่อว่ามนุษย์ต้องรักและสืบพันธุ์เพียงเพื่อรวมกลุ่มหรือต่อต้านภัยคุกคาม ซึ่งความคิดนั้นอาจไม่ได้น่าเชื่อถือเท่าไรในยุคที่ผู้คนถลําลึกลงในรักและเสียน้ำตาให้กับรักนับไม่ถ้วน บางคนบอกว่าความรักเปลี่ยนแปลงพวกเขาให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม บ้างว่าเปี่ยมไปด้วยขุมพลังที่ช่วยให้ฝ่าฟันอุปสรรคโดยไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก แต่ไม่ว่าข้อดีของความรักจะเป็นอย่างไร ในบรรดาความรักหลากหลายเฉดสีบนโลกมีคำว่า ‘Limerence’ หรือ สภาวะลุ่มหลงทางอารมณ์ปะปนอยู่ด้วย ถ้าคุณเคยตกหลุมรักใครสักคนหมดหัวใจหรือหมกมุ่นนึกถึงสาวคนใดหัวปักหัวปำ เราอยากชวนคุณมาสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการตกหลุมรัก ย้อนไปในวันที่โดนความสวยและน่ารักโจมตีเข้าอย่างจัง ราวต้องมนต์สะกดและตกอยู่ในภวังค์ที่ยากจะหลุดพ้น ในวันนั้นคุณตกหลุมรักหรือแท้ที่จริงแค่ตกหลุมพรางจากความหลงใหลกันแน่? Limerence ความหลงใหลที่ทำให้ใครเข้าใจว่ารัก Stephen Snyder เจ้าของหนังสือ Love Worth Making: How to Have Ridiculously Great Sex in a Long-Lasting Relationship มองว่า Limerence เปรียบได้กับซอฟต์แวร์ด้านจิตวิทยาที่มนุษย์เราต้องใช้สำหรับชีวิตคู่ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่จะช่วยให้เราตกหลุมรักใครสักคนและนำมาซึ่งการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน จริง ๆ แล้วคำว่า ‘Limerence’ ปรากฏขึ้นครั้งแรกบนหนังสือ
เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ชอบอ่านมังงะลูกผู้ชาย ดูหนังดวลเดือดของพวกแยงกี้ และเป็นแฟนคลับหนังยากูซ่า จนบางครั้งเผลอคิดว่าตัวเองรู้จักวงการนี้ดีพอจากการเสพสื่อ จนเชื่อว่าหากวันหนึ่งมีโอกาสได้เข้าไปในวงการโลกสีดำ ใครหลายคนจะรีบกระโจนเข้าไปทันที เพราะภาพลักษณ์ของยากูซ่ามันทั้งเท่ โคตรห่าม มีอำนาจ และอยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งเป็นความคิดตรงข้ามกับคนที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่กับคาวเลือดสิ่งผิดกฎหมายที่อยากกลับคืนสู่สามัญเป็นคนธรรมดาเสียอย่างนั้น UNLOCKMEN พร้อมเผยให้เห็นอีกมุมหนึ่งของโลกยากูซ่าญี่ปุ่น ผ่านเรื่องจริงของยากูซ่า 3 คน ที่บังเอิญเจอกันในคุก พวกเขาแบ่งปันเรื่องราวที่เจอมา ทั้งความเหนื่อยจากการทำงาน นิ้วมือที่หายไปจากการถูกลงโทษเมื่อทำงานไม่สำเร็จ รวมถึงความกดดันและความหวาดระแวงต่อยากูซ่าด้วยกัน และเรื่องตำรวจ สิ่งที่ได้จากบทสนทนาคือความรู้สึกอยากกลับไปเป็นผู้ชายธรรมดา มีชีวิตเหมือนคนอื่น พวกเขาเลยตกลงกันว่าหากพ้นโทษออกจากคุกเมื่อไหร่จะเปิดร้านราเมงด้วยกัน สำนักข่าว NHK นำเสนอเรื่องราวชีวิตยิ่งกว่าละครของยากูซ่าญี่ปุ่นสามคน เนื่องจากมีผู้คนแวะเวียนไปทานอาหารที่ร้านอุด้งร้านหนึ่งย่านคิตะคิวชู (KitaKyushu) จังหวัดฟุกุโอกะ และรู้สึกว่าพนักงานในร้านแตกต่างจากคนทั่วไป ถึงแม้ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยสักจะถูกปกปิด แต่บุคลิกบางอย่างของยากูซ่านั้นปิดไม่มิด เช่น ท่าทางการเดิน การกันคิ้ว และนิ้วที่หายไป ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้ประสบการณ์การเข้าไปกินอาหารในร้านที่มีชายฉกรรจ์หน้าตาไม่รับแขกถูกบอกต่อไปแบบปากต่อปาก เมื่อทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังร้านอุด้ง สอบถามเรื่องราวจนพบว่าพวกเขาทั้งสามต่างเป็นยากูซ่าที่เจอกันในคุก และสัญญาว่าจะเปิดร้านอาหารด้วยกัน ชายที่เป็นคนออกไอเดียร้านอาหารมีชื่อว่านากาโมโตะ ทากาชิ (Nagamoto Takashi) วัย 54 ปี เขาเข้าวงการยากูซ่าเมื่อปี 1988 มีปมวัยเด็กเพราะถูกพ่อแม่ทิ้งและอยู่กับแก๊ง Kudo-Dai ที่มีสมาชิกกว่า 600
ใครรักวันจันทร์ยกมือขึ้น? ถามแบบนี้กับมนุษย์ร้อยคน เราเชื่อว่าอาจไม่มีสักคนที่ชูมือขึ้นมาแสดงตัว แต่ถ้าถามว่า ใครเกลียดวันจันทร์เข้าไส้? เราก็มั่นใจว่ามนุษย์ร้อยทั้งร้อยจะพร้อมใจกันยกมือ เพราะวันจันทร์หมายถึงการต้องกลับมาเริ่มต้นทำงานอีกหน ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับการวิ่งวุ่น ซึ่งตรงข้ามกับการพักผ่อนอย่างฉ่ำใจในวันเสาร์อาทิตย์โดยสิ้นเชิง แต่ในสภาวะวิกฤตไวรัสฯ ที่ลุกลามไปทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจที่ไม่ได้สวยงามอย่างที่ใครหลายคนฝัน การมีวันจันทร์ให้เราได้ตื่นไปทำงานนั้น ก็ย่อมดีกว่าวันจันทร์แรกหลังการถูกเลย์ออฟ โดนเชิญออก หรือเตะฝุ่นหางานอย่างไร้จุดหมาย ดังนั้นแม้วันจันทร์จะไม่ใช่วันที่เรารักที่สุด แต่ในช่วงนี้เราก็คงต้องบอกตัวเองว่า “อย่างน้อยก็ยังมีงานทำ” อย่างไรก็ตามในวันอังคารหรือพุธเราอาจเริ่มทำใจได้ และวันพฤหัสหรือศุกร์เราก็เริ่มลิงโลดใจอีกหนที่จะได้กลับไปพักผ่อน นั่นจึงไม่แปลกเลยที่วันจันทร์จะกลายร่างเป็นปีศาจร้ายที่ตามหลอกหลอนเรา แต่การเกลียดวันจันทร์ไม่ช่วยอะไร การรับมือกับวันจันทร์อย่างถูกวิธีต่างหากที่จะทำให้เราเกลียดวันจันทร์น้อยลงและทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น วันจันทร์ไม่ได้เริ่มที่วันจันทร์ วันจันทร์เริ่มที่วันศุกร์หรือวันอาทิตย์ เคยมาถึงออฟฟิศแล้วยังรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ตื่นจากวันหยุดสุดสัปดาห์ไหม? กว่าจะนั่งที่โต๊ะ กว่าจะรื้อฟื้นความทรงจำว่าทำอะไรค้างคาไว้ หรืองานไหนคืองานเร่งที่ต้องรีบต่อให้ติด ปัญหามึน ๆ งง ๆ ในเช้าวันจันทร์เหล่านี้จะหมดไปถ้าเราระลึกได้ว่าวันจันทร์ไม่ใช่การเริ่มต้น แต่เราควรเตรียมการเริ่มต้นที่ดีไว้ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ก่อนเลิกงาน หรือเย็นวันอาทิตย์ก่อนมาทำงาน เราสามารถจดสิ่งเร่งด่วน งานคั่งค้าง หรือลิสต์สั้น ๆ ว่าเราควรเริ่มต้นลงมือทำอะไร วิธีนี้จะช่วยให้เราจัดการกับการเริ่มต้นวันจันทร์ได้ราบรื่นขึ้น ไม่ต้องรอถึงเที่ยงกว่าจะได้ลงมือทำงานจริง เราสามารถดูลิสต์และการเตรียมการที่เราจดเอาไว้ เราจะรู้ตั้งแต่มาถึงออฟฟิศเลยว่าเราต้องเริ่มทำอะไร ทำให้สามารถทำงานให้ลื่นไหนและต่อเนื่องได้เร็วกว่าเดิม ทำหนึ่งสิ่งเล็ก ๆ ในวันจันทร์ เพื่อเป็นรางวัลให้สมอง สมองเราชอบความสำเร็จ เมื่อไรที่เราลงมือทำอะไรที่ตั้งใจให้สำเร็จไปหนึ่งอย่าง สมองจะตื่นตัวและเชื่อมั่นว่าเราสามารถทำอะไรให้สำเร็จต่อจากนี้ก็ได้ โดยความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่แต่อย่างใด
ตอนนี้ข่าวเรื่องโควิด-19 หลั่งไหลเข้ามาเยอะมาก ทั้งวิกฤตของการระบาด มาตราพระราชบัญญัติการควบคุมโรคที่มีบทลงโทษ เศรษฐกิจขาลง ราคาแอลกอฮอล์กับหน้ากากในท้องตลาด ไปจนถึงคนที่คิดจะฉวยโอกาสจากสถานการณ์เสี่ยงต่อชีวิต เอาหน้ากากเดิมมาซักบ้าง ทำแบบไม่มีคุณภาพบ้าง เพื่อหวังจะขายเอาเงินอย่างเดียว แต่สิ่งที่เรายังไม่ค่อยเห็นคนคิดต่อหลังจากรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการกักกันโรค คือการจัดการกับหน้ากากอนามัยเหล่านั้น เพราะการจัดการที่ไม่รัดกุมอาจจะทำให้เชื้อจากหน้ากากแพร่กระจายต่อโดยที่เราไม่รู้ตัว จนนำไปสู่การติดเชื้อของบุคคลอื่นต่อ และสุดท้ายวงจรระบาดก็อาจจะกลับมาถึงเรา UNLOCKMEN นำคำแนะนำจากเพจลุงซาเล้งกับขยะที่หายไปและข้อมูลที่เผยแพร่ของกรมอนามัย รวบรวมมาเผยแพร่ต่อเพื่อให้ทุกคนสามารถจัดการต่อได้อย่างถูกวิธี ปลอดภัยกับตัวเองและผู้คนรอบข้าง ก่อนอื่นจำไว้ว่าหน้ากากอนามัยใช้แล้วแบบใช้แล้วทิ้ง ต้องแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. หน้ากากของคนติดเชื้อ 2. หน้ากากของคนสบายดี ซึ่งจะมีดีเทลต่างกันตอนท้าย แต่จุดเริ่มต้นหลังจากเราปลดออกจากหูตัวเอง เพื่อความปลอดภัยต่อสังคมโดยรวม วิธีจัดเก็บที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงสุดคือการ “พับหรือม้วนก่อนทิ้ง” เพื่อป้องกันการกระจายเชื้อของสารคัดหลั่งที่อยู่ภายในหน้ากาก พับก่อนทิ้ง (เหมาะกับหน้ากากสี่เหลี่ยมผืนผ้า) 1. จับขอบพับครึ่งแนวยาว (ด้านที่โดนปากเราเอาไว้ด้านใน) 2. จับขอบพับครึ่งแนวยาวอีกทบ 3. พับครึ่งตามแนวขวาง เพื่อให้เชือกอยู่ฝั่งเดียวกัน 4. ใช้เชือกด้านข้างรัดให้แน่น 5. ใส่ถุงพลาสติกหรือห่อกระดาษให้มิดชิด ม้วนก่อนทิ้ง (เหมาะกับหน้ากากแข็ง ทรงแนบใบหน้า) ถ้าสังเกตให้ดีหน้ากากแบบแข็ง ๆ จะไม่เหมาะกับการพับครึ่งแนวยาวเพราะมันไม่ได้สมมาตรกันขนาดนั้น แต่เหมาะกับการม้วนแนวขวางมากกว่า
ไม่ไป ไม่เอาโคโรนา ไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลานับตั้งแต่รู้ข่าวมาแค่ 2 เดือน คนไทย บริษัทไทยหลายแห่งก็เตรียมสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะจากที่เข้าใจว่าเฉพาะการท่องเที่ยวเท่านั้นที่ไวรัสเล่นงาน มาวันนี้อุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องทยอยร่วงตามเป็นแถบ ๆ “ไม่เอาโคโรนา ไม่ไปไหน ไม่ใช้เงิน” อันนี้ว่าลำเค็ญ แต่ไอ้ที่ใช้ไปแล้ว แต่ขอเลื่อนใช้เพราะวิกฤต ตามงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต หรือการออกบูธสินค้า ก็ไม่รอดเหมือนกัน แต่ท่ามกลางการถอยทัพของเจ้าอื่น ข่าวโปรโมตเที่ยว Commart X Pro 2020 ที่ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 5-8 มี.ค. 63 เวลา 10.00-21.00 น. ก็ยังมาตามนัดเดิม เราลองมาเจาะดูกลยุทธ์ไปพร้อมกันว่าวันที่รู้ทั้งรู้ว่าสู้ยากแต่ยังอยากสู้ต่อ ทั้งที่ 2 พาร์ตเนอร์หลักด้านไอที อย่าง Banana IT กับ Advice IT ถอยทัพขอไม่ไปงานนี้แล้ว กลยุทธ์ที่ผู้จัดงาน Commart X Pro 2020 จะใช้พยุงงานอีเวนต์ต่อคืออะไร เผื่อมันจะเหมาะใช้กับแบรนด์ของคุณบ้าง โยกที่ว่าง
Audi ถือเป็นอีกค่ายที่มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลายรุ่นเตรียมไว้สำหรับแข่งขันในตลาดในอนาคต หนึ่งในนั้นคือเอสยูวีอย่าง E-Tron 55 Quattro ที่เปิดตัวรถคอนเซ็ปต์ครั้งแรกในปี 2015 และเพิ่งส่งมอบรถคันแรกในลูกค้าไปเมื่อเดือนมีนาคมปี 2019 ที่ผ่านมา หลังเปิดตัว E-Tron กลายเป็นรถที่ได้รับความนิยมได้ทั่วทวีปยุโรปด้วยยอดจองเกิน 10,000 คัน รั้งตำแหน่งรถยนต์ที่ถูกสั่งจองเป็นอันดับ 2 ในเดือนธันวาคมปี 2019 ของประเทศเนเธอแลนด์ แต่พร้อมกันนั้น Audi ก็ได้ทำการพัฒนา E-Tron ออกมาเป็นเอสยูวีครอสโอเวอร์ในชื่อ E-Tron S และ E-Tron Sportback S แต่รถทั้ง 2 คันจะพัฒนาขึ้นจากรุ่นมาตรฐานในจุดไหนบ้าง มาชมไปพร้อมกัน เริ่มที่เรื่องสำคัญที่ทำให้ E-Tron S และ E-Tron Sportback S มีประสิทธิภาพมากขึ้น คือรถทั้ง 2 รุ่นเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยมอเตอร์ 1 ตัววางไว้ที่เพลาขับด้านหน้าและอีก 2 ตัวที่เพลาขับด้านหลัง ทั้งหมดให้พลังรวมกันที่
อย่างที่รู้กันดีว่าในปี 2020 นี้ประเทศญี่ปุ่นได้รับเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 หรือ Tokyo 2020 Olympics แต่ในระหว่างที่รอลุ้นให้วิกฤตโคโรนาไวรัสผ่านพ้นไป แบรนด์เครื่องกีฬาอย่าง Nike ก็ปล่อยคอลเลกชันเสื้อผ้ากีฬาสุดไฮป์ออกมา รอต้อนรับเทศกาลการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในกรุงโตเกียวที่จะจัดขึ้นในช่วงกลางปี 2020 นี้ Nike เปิดตัวเสื้อผ้าฟุตบอล เสื้อผ้าบาสเกตบอล และรองเท้ากีฬาที่ดีไซน์มาสำหรับหลาย ๆ ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 โดย Nike เคลมมาว่าคอลเลกชันนี้รวมชุดที่ยั่งยืนที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงสุดเข้าไว้ด้วยกัน มีทั้งเสื้อผ้าบาสเกตบอลของอเมริกาที่แฝงกลิ่นอาย 1996 USA sets ระดับตำนาน รองเท้าผ้าใบสุดเท่จากวัสดุเหลือทิ้ง เครื่องแต่งกายสำหรับวันอบรมและรับรางวัล รวมทั้งเสื้อผ้าฟุตบอลของแต่ละชาติที่ดีไซน์เป็นสองแบบคือชุดทีมเหย้าและชุดทีมเยือน เริ่มที่ทีมเกาหลีมาในชุดขาวลายเสือสำหรับทีมเยือนและชุดแดงลายตารางขวางสำหรับทีมเหย้า เสื้อผ้าฟุตบอลทีมอเมริกาดีไซน์เป็นกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินพร้อมเสื้อสีขาวของทีมเหย้า ส่วนเสื้อลายพรางสีน้ำเงินเข้มเป็นของทีมเยือน ฝั่งเสื้อผ้าฟุตบอลของทีมไนจีเรียนำเครื่องหมายและรอยหยักสามเหลี่ยมมาใช้ออกแบบ เพื่อให้เกียรติแก่วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งชุดสีเขียวขาวเป็นของทีมเหย้า ส่วนสีเทาล้วนขอบเขียวเป็นของทีมเยือน คอลเลกชันนี้ Nike ตั้งใจออกแบบเสื้อผ้าทั้งหมดให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเลือกใช้วัสดุอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นโพลีเอสเตอร์ที่สร้างขึ้นจากขวดพลาสติกรีไซเคิล ไนลอนรีไซเคิล รวมทั้งหนังยางและเส้นด้ายเหลือทิ้งจากโรงงานของบริษัท John Hoke หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Nike กล่าวว่าไม่ว่าจะอยู่บนสนามแข่งหรือบนเวทีรับรางวัล คอลเลกชันชุดกีฬานี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่
นอกจากข่าวที่ Microsoft จะเปิดตัวคอนโซลใหม่แห่งตระกูล X-Series แล้ว อีกข่าวดังในวงการเกมที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการเปิดตัววิดีโอเกมใหม่ของเดือนมีนาคม 2020 ที่เรียกได้ว่ารวมเกมระดับตำนาน เกมภาคต่อ และเกมม้ามืดมาแรงเข้าไว้ด้วยกัน ทำเอาเกมเมอร์อย่างเรากระเป๋าเงินสั่นและจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย แม้เกมที่เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจะไม่ค่อยนิยมมากเท่าไร แต่บอกเลยว่าเกมในเดือนนี้จะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังอย่างแน่นอน แล้วนี่คือ 3 เกมใหม่น่าเล่นประจำเดือนมีนาคม จะมันส์แค่ไหนไปดูกัน! DOOM Eternal DOOM Eternal เป็นเกมยิงปืนที่พัฒนาขึ้นโดย id Software และเผยแพร่โดย Bethesda Softworks นี่เป็นภาคที่สานต่อเรื่องราวของเกม DOOM ภาค 2 เมื่อปี 2016 เล่าถึงการเปิดประตูนรกบนดาวอังคารที่ถูกย้ายมาเปิดบนโลกมนุษย์ นอกจากกองทัพอสูรกายหน้าใหม่ที่โหดเหี้ยมกว่าเดิม ภาคนี้ยังมาพร้อมปืนกระบอกใหม่ที่ใหญ่กว่า และดนตรีประกอบแบบเมทัลสุดมันส์อันเป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้ เมื่อฝูงปีศาจเข้ามาอาละวาดบนพื้นโลก บ้านเมืองที่เคยเจริญกลายเป็นซากปรักหักพัง และผู้คนกำลังทุกข์ทรมานจากการรุกราน คุณจึงต้องสวมชุด Praetor รุ่นล่าสุดและร่วมต่อสู้ในศึกนี้อีกครั้ง DOOM Eternal ภาคนี้มาพร้อมมุมมองการเล่นแบบ first-person และการต่อสู้แบบ push-forward ที่ต้องอาศัยทั้งความเร็วและทักษะความแม่นยำขั้นสูง ส่วนภาพกราฟิกก็อัปเกรดให้คมชัดและสมจริงยิ่งกว่าภาคก่อน โดยเกมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มีนาคม สำหรับ