ณ เวลานี้ไม่มีซีรีส์เรื่องไหนร้อนแรงไปกว่า Stranger Things ซีซั่น 4 ที่นอกจากความเข้นข้นและความสนุกของเรื่องที่เพิ่มขึ้นมากกว่าซีซั่นก่อน ๆ ก็มีตัวละครใหม่ ๆ โผล่ออกมาสร้างสีสันให้กับผู้ชมเช่นกัน และหนึ่งในตัวละคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงต้องยกให้ “Eddie Munson” ที่รับบทโดย Joseph Quinn นักแสดงชาวอังกฤษ วัย 29 ปี ที่เคยผ่านผลงานเรื่อง “Game Of Throne” มาก่อนแล้ว Quinn ถูกทีมงานจับมาเปลี่ยนโฉมใหม่ราวกับคนละคน แต่แค่เรื่องลุคมันก็คงทำให้คนเชื่อไม่ได้เท่ากับอินเนอร์ความเป็นชาวเมทัลที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบทบาท ซึ่งสามารถยืนยันด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ [เนื้อหามีสปอยล์เล็กน้อย] สไตล์การแต่งตัว งานนี้ต้องยกเครดิตให้กับทีมคอสตูมและทีมสไตล์ลิสต์ที่จัดการเสื้อผ้าหน้าผมของ Quinn ได้อย่างยอดเยี่ยม เริ่มจากทรงผมที่ไว้ผมยาวดูยุ่งเหยิงรุงรัง, สวมเสื้อยืดสามส่วนที่นิยมในกีฬาเบสบอล (และแน่นอนมันคือเสื้อของ Hellfire Club), สวมกางเกงยีนส์เข่าขาด, สนีกเกอร์ที่เด่นด้วยลิ้นรองเท้า และเสื้อยีนส์กั๊กที่ติดแพชวงดนตรีแนวเฮฟวี่เมทัล นี่คือสไตล์การแต่งตัวในแบบแธรชเมทัล หรือที่เรียกกันว่า “แธรชเชอร์” ซึ่งทั้งแฟชั่นและแนวเพลงได้รับความนิยมสูงสุดในยุค 80’s ซึ่งตรงกับไทม์ไลน์ในซีรีส์แบบเป๊ะ ๆ อุปนิสัย แม้ว่าชาวเมทัลเฮดจะเป็นคนที่นิยมฟังเพลงหนักหน่วงรุนแรง แต่ความเป็นจริงแล้วพวกเขาเหล่านี้หลาย
ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าวันหนึ่งประเทศอย่างบ้านเราจะมีคำว่า “เสรีกัญชา” เกิดขึ้นมา เพราะถ้าหากเวลาย้อนกลับไป มีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกปลูกฝังความคิดในแง่ลบกับพืชชนิดนี้ มีข่าวคราวการจับกุมเกิดขึ้นมากมาย ทั้งคนธรรมดาทั่วไป หรือแม้กระทั่งบุคคลที่มีชื่อเสียงก็ตาม เพราะมันยังถูกตราหน้าว่าเป็นสารเสพติดผิดกฎหมาย แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยได้สัมผัสใกล้ชิดผู้ที่ (แอบ) ใช้กัญชา เรากลับมีความคิดที่รู้สึกย้อนแย้งขึ้นมาในหัวว่า “มันไม่ได้ดูน่ากลัวตามที่เข้าใจเลย” เพราะผู้คนที่เสพกัญชามักจะดูเนิบ ๆ ลอย ๆ หน้าตายิ้มแย้ม และรักการทานของหวานเป็นพิเศษ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับผู้เสพยาบ้าที่มักจะคุ้มคลั่ง สร้างเรื่องสร้างราวให้คนรอบ ๆ ข้างต้องเดือดร้อนอยู่เสมอ หลังจากที่ได้เคยพูดคุยกับผู้ที่ใช้กัญชาหลาย ๆ คนต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่ามันมีประโยชน์มากกว่าที่คิด แต่เราเองก็ทำได้เพียงแค่ฟังผ่าน ๆ จนกระทั่งวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก็ได้ทราบข่าวเรื่องการประกาศเสรีกัญชา ทำให้คำพูดต่าง ๆ เกี่ยวกับประโยชน์ของกัญชาที่เราเคยได้ยินตีวนกลับมาอีกครั้ง แถมมันยังดึงความสนใจของเราให้อยากทำความรู้จักกับกัญชามากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงได้เสาะแสวงหาผู้ใช้ที่มากประสบการณ์และมากไปด้วยความรู้ จนได้มาพบกับ “ไอซ์ – นพดล ทวีศรี” ที่จะมาเปิดโลกของกัญชาที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครเคยคิด กัญชาคือชีวิต “ไอซ์” ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นนักดนตรีแบ็คอัพ เขาตีกลองให้กับศิลปินชั้นนำในประเทศมากมายไม่ว่าจะเป็น “เสือ ธนพล”, “เหน่ง YNOT7”,
ดูเหมือนว่าจะขยับการซื้อขายนักเตะช้ากว่าทีมอื่นจริง ๆ สำหรับทีม Manchester United ยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ Erik Ten Hak กุนซือชาวดัตช์ แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าทีมปีศาจน่าจะคว้านักเตะคนแรกได้แล้ว ซึ่งมีนามว่า “Tyrell Malacia” แบ็คซ้ายวัย 22 ปีชาวเนเธอร์แลนด์ จากสโมสร Feyenood Rotterdam ใน Eredivisie League และเป็นการปาดหน้าทีม Olympique Lyon ที่เคยยื่นข้อเสนอมาก่อนหน้านี้ ว่าแต่เจ้าหนูคนนี้เป็นใครมาจากไหนและมีสไตล์การเล่นเป็นอย่างไร มาลองทำความรู้จักอย่างคร่าว ๆ กันครับ Tyrell Malacia ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1999 ณ เมืองรอตเตอร์ดัม ในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีคุณพ่อเป็นคนประเทศคูเรเซา และคุณแม่เป็นคนประเทศซูรินาม โดยทาง Tyrell ให้ความสนใจกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ๆ และได้เข้าเป็นนักเตะในระดับเยาวชนกับทางสโมสร Feyenood Rotterdam ตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น Tyrell ได้รับการฝึกฝนและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี 2015 เขาก็ได้รับสัญญานักเตะระดับอาชีพอย่างเป็นทางการ ก่อนจะถูกผลักดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ในปี 2017 ซึ่งนัดแรกที่เขาได้ลงเล่นคือศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในเกมที่ทีมของเขาเอาชนะ
วงการนักพากย์ของบ้านเราต้องสูญเสียบุคลากรมากคุณภาพไปอีกหนึ่งท่านแล้ว หลังจากคุณไกวัล วัฒนไกร หรือ “น้าไก” ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 71 ปี เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่องเศร้าสำหรับใครหลาย ๆ คนเพราะเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สีกผูกพันธ์กับเสียงพากย์ของคุณไกวัล คุณไกวัลได้ฝากเสียงพากย์อันเป็นที่ประทับใจเอาไว้มากมาย และส่วนมากจะมาจากตัวละครในอนิเมะทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น สารวัตรเมงูระ จากเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน, โรโรโนอา โซโล จากเรื่องวันพีซ แต่ตัวละครที่สร้างอิมแพคและเป็นที่จดจำมากที่สุดคงต้องยกให้ “เบจิต้า” ชาวไซย่าผู้หยิ่งยโสจากเรื่อง Dragon Ball Z ด้วยเหตุนี้ทาง Unlockmen จึงขอหยิบยกฉากประทับใจของเบจิต้าใน Dragon Ball Z เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณไกวัลกันครับ ฆ่านัปปะ หลังจากที่ราดิซชาวไซย่าพี่ชายของโกคูที่ต้องมาจบชีวิตที่ดาวโลกด้วยการร่วมมือของพิคโกโล่และโกคู การรังควานโลกมนุษย์ของชาวไซย่าก็ยังไม่จบสิ้น เพราะศัตรูตัวใหม่สุดแสนร้ายกาจได้แก่เบจิต้าและนัปปะก็ปรากฎตัวออกมา สร้างความหายนะอย่างต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าในช่วงแรกภาพลักษณ์ของเบจิต้าถือว่าป่าเถื่อนและโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในฉากที่นัปปะพ่ายแพ้ให้กับโกคูอย่างหมดสภาพ ในเมื่อประสิทธิภาพการใช้งานลดลง เบจิต้าจึงตัดสินใจโยนร่างของนัปปะขึ้นบนฟ้าและจัดการระเบิดพลังใส่จนนัปปะเละเป็นจุล ปะทะกับเซลล์ร่าง 2 ถือเป็นอีกตอนที่สุดมันส์มากกับการปะทะกันระหว่างเบจิต้าและเซลล์ร่าง 2 ต้องยอมรับว่าตอนนั้นเบจิต้ามีพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวหลังจากไปฝึกซ้อมที่ห้องแห่งกาลเวลาร่วมกับทรังคซ์ ลูกชายผู้มาจากอนาคต ซึ่งในตอนนั้นเบจิต้าดูน่าเกรงขามเอามาก ๆ หลังจากที่มั่นใจในพลังของตนเอง เบจิต้าจึงบุกไปซัดกับเซลล์ร่าง
หลาย ๆ คนที่นิยมชมชอบเสพเพลงร็อกหรือเมทัล ก็น่าจะมีไม่น้อยทื่ชื่นชอบการดื่มด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะน้ำเก๊กฮวยที่ดูจะเข้ากับดนตรีแนวนี้ได้ดีเสมอมา และก็ด้วยเหตุผลดังกล่าวที่ทำให้วงดนตรี ๆ หลาย ๆ วงผลิตเก๊กฮวยเป็นแบรนด์ของตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แถมมันยังได้กลายเป็นอีกช่องทางการสร้างรายได้ให้กับวงดนตรีเหล่านั้นอีกด้วย เราลองมาทำความรู้จักกับ 5 แบรนด์ที่ Unlockmen อยากจะแนะนำให้คุณได้ไปลิ้มลองรสชาติกัน เก๊กฮวยของ Deftones วงดนตรีแนวนูเมทัล/อีโมคอร์ จริง ๆ แล้วพวกเขาทำออกมาหลายคอลเลกชั่นมาก เช่น “Digital Bath”, “Good Morning Beautiful” และ “Ohms” แต่ที่ได้รับความนิยมคงต้องยกให้ “Phantom Bride” โดยชื่อดังกล่าวได้มาจากชื่อเพลงในอัลบั้ม “Gore” ผลิตภายใต้แบรนด์ Belching Beaver เก็กฮวยตัวนี้โดดเด่นด้วยสไตล์ IPA มีกลิ่นของฮอปส์ที่ชัดเจน ถูกใจคอเก๊กฮวยเป็นพิเศษ ให้ความหอมของกลิ่นจำพวกผลไม้ซึ่งออกไปทางมะนาว และยังมีส่วนผสมของฮอปส์หลายชนิด ได้แก่ อมาริลโล, ซิตร้า, ซิมโค และโมเซค ที่สำคัญมันมีสารทำให้มึนมากถึง 7.1% เลยทีเดียว และมีความขมอยู่ที่ 60 IBUs
คำสอนเรื่อง ‘ลูกผู้ชาย’ ก็เหมือนดาบ 2 คม ส่งผลดีและร้าย ด้านหนึ่งมันก็ทำให้ผู้ชายรู้จักทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้ผู้ชายไม่เป็นตัวของตัวเอง ใช้ชีวิตได้อย่างไม่มีความสุข ร้ายที่สุดอาจส่งผลให้ผู้ชายใช้ความรุนแรงกับคนอื่นด้วย การสอนเรื่องลูกผู้ชายแบบผิดเป็นใหญ่ จนมีการนิยามคำว่า ความเป็นชายเป็นพิษ (Toxic Masculinity) ขึ้นมาเพื่ออธิบายมันเลยทีเดียว ในบทความนี้ UNLOCKMEN เลยอยากให้ทุกคนเข้าใจถึงผลเสียของ Toxic Masculinity และวิธีการรับมือกับมัน Toxic Masculinity คืออะไร ? ทำไมถึงส่งผลเสียต่อลูกผู้ชาย ? คนส่วนใหญ่มักเชื่อว่า พฤติกรรมของคนเกิดจากการกระทำของตัวพวกเขาเอง เช่น กรณีของคนตกงานที่มักถูก shaming ด้วยคำพูดต่างๆ อาทิ “ถ้าพยายามมากกว่านี้ก็คงได้งานแล้ว” เป็นต้น โดยมองข้ามปัจจัยอื่นๆ เช่น โอกาสในการหางานใหม่ หรือ ภาวะทางเศรษฐกิจ กรณีของผู้ชายเลวก็ไม่ต่างกัน พฤติกรรมเลวๆ ของพวกเขามักถูกตัดสินว่าเกิดจากนิสัยหรือสันดานของตัวพวกเขาเอง ซึ่งนักสังคมวิทยาจะมองเรื่องนี้ต่างออกไป พวกเขาไม่ได้มองว่ามันเกิดจากนิสัยของพวกเขาเพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีปัจจัยทางด้านวัฒนธรรมอื่นๆ ที่ส่งผลให้ผู้ชายทำพฤติกรรมไม่ดีได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การสั่งสอนเรื่องลูกผู้ชายแบบผิดๆ ที่เรียกกันว่า ‘Toxic Masculinity’ Toxic
[เนื้อหามีสปอยล์] “Rowan Atkinson” นักแสดงสายคอมเมดี้ชื่อดังที่เคยสร้างปรากฏการณ์ทำให้คนทั่วโลกหัวเราะกับมุขของเขามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซิตคอม Mr.Bean ผลงานสร้างชื่อให้กับเจ้าตัว หรือจะเป็นภาพยนตร์ล้อเลียนเรื่อง James Bond อย่าง Johnny English ก็สนุกสนานไม่แพ้กัน และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ทุกคนต่างคาดหวังความฮากับทุก ๆ ผลงานของผู้ชายหน้าตาทะเล้นคนนี้เสมอ จนกระทั่งล่าสุด Rowan Atkinson ก็กลับมาคืนจออีกครั้งด้วยมินิซีรีส์เรื่องใหม่ “Man Vs Bee” ที่เพิ่งออกฉายทาง Netflix ไปเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา อำนวยการสร้างโดย Rowan และ William Davies (ควบหน้าที่เขียนบทด้วย) อีกทั้งยังได้ David Kerr มารับหน้าที่ผู้กำกับ ซึ่งเคยร่วมงานกับทั้งคู่ในภาพยนตร์เรื่อง “Johnny English Strikes Again” มาก่อนแล้ว ในฝั่งของนักแสดง แน่นอนว่าจะต้องนำแสดงโดย Rowan Atkinson ร่วมด้วย Claudie Blakley, Jing Lusi, Julian Rhind-Tutt และอื่น ๆ เมื่อเราดูจากทีมงานทั้งเบื้องหน้าและโดยเฉพาะเบื้องหลังที่น่าจะรู้ใจกันเป็นอย่างดี มันก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังความฮาแบบไม่มีเบรก แต่มันกลับไม่ใช่แบบนั้น…
“Yesterday” บทเพลงบัลลาดโฟล์กของวง The Beatles ผลงานจากอัลบั้ม Help! ที่วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1965 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่ยิ่งใหญ่และเป็นอมตะอยู่เหนือกาลเวลา และยังเป็นเพลงที่มักจะถูกรวมอยู่ใน Greatest Hit ของสี่เต่าทอง รวมไปถึงยังเป็นเพลงช้าที่หลาย ๆ คนคิดถึงเป็นลำดับแรก ๆ หากนึกถึงวงดนตรีระดับตำนานจากเมืองลิเวอร์พูล เพลง “Yesterday” โดดเด่นด้วยซาวด์กีตาร์โปร่งที่ถูกออกแบบเมโดลี้ออกมาได้อย่างไพเราะ เต็มไปด้วยท่วงทำนองของอารมณ์ที่เศร้าหมองที่ถูกบรรเลงไปพร้อมกับเสียงร้องของ Paul McCartney ได้อย่างลงตัว นอกจากนั้นยังมีเสียงเครื่องสายที่ถูกใช้ขับกล่อมคนฟังและยังช่วยเสริมบรรยากาศของเพลงให้ดูดำดิ่งลงไปได้อีกหลายเท่าตัว และมันยังสามารถส่งอารมณ์ไปสู่เนื้อหาของเพลงได้ยอดเยี่ยม ซึ่งมันเป็นเรื่องราวของคน ๆ หนึ่งที่ถูกคนรักบอกลาไป แต่เขายังคงจมปลักอยู่ในวันวานของความรักครั้งเก่าอยู่ แต่เบื้องหลังความไพเราะที่เกิดขึ้นมันไม่ได้มาจากการนั่งทำเพลงในสตูดิโอตามปกติ แต่มันมาจากความฝันของ Paul McCartney ต่างหาก ท่านเซอร์ได้เคยเปิดเผยเรื่องดังกล่าวผ่านทางหนังสือชีวประวัติของตัวเองเอาไว้ดังนี้ คืนหนึ่งทาง Paul McCartney ได้พักอยู่ในย่านถนนวิมโพล สตรีท กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (เป็นบ้านของ Jane Asher อดีตแฟนสาวของท่านเซอร์) พร้อมกับเปียโนที่วางอยู่ข้าง ๆ เตียง ในขณะที่เขานอนหลับเข้าสู่ห้วงนิทราแห่งความฝันมันก็มีเมโลดี้บางอย่างล่องลอยอยู่ในนั้น และเขาก็จดจำมันได้เป็นอย่างดี
ป๊อปพังก์เป็นอีกหนึ่งแนวดนตรีที่เคยได้รับความนิยมอย่างสุดขีดในช่วงยุค 2000’s ด้วยสไตล์ดนตรีที่ฟังง่าย สนุก และไม่หนักจนเกินไป รวมไปถึงยังมีเนื้อหาที่ตรงใจเหล่าบรรดาวัยรุ่น มันก็ทำให้ดนตรีแนวนี้สามารถสื่อสารกับคนกลุ่มใหญ่ได้อย่างสบาย ๆ ดังนั้นเรามานั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปกับเพลย์ลิสต์ของเพลงป๊อปพังก์ยุค 2000’s เพื่อดึงความรู้สึกแห่งความสนุกในช่วงนั้นกลับมากันดีกว่าครับ “FIRST DATE” – BLINK 182 วงป๊อปพังก์ 3 ชิ้นที่ครองโลกด้วยดนตรี 3 คอร์ดง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมากจากเพลง “All The Small Things” ส่วนเพลง “First Date” คือผลงานจากอัลบั้ม “Take Off Your Pants and Jacket” ปล่อยให้ฟังครั้งแรกในวันที่ 8 ตุลาคม ปี 2001 มันเต็มไปด้วยจังหวะแห่งการปลุกอะดรีนาลีนของเราให้พุ่งพล่านได้อย่างดีเยี่ยม ส่วน MV ก็สนุกไม่แพ้ดนตรี เพราะทั้ง 3 สมาชิกพาทุกคนย้อนไปเกรียนในแบบยุค 70’s เรียกเสียงฮาจากแฟนเพลงได้เป็นอย่างดี “AMERICAN IDIOT” –
อุรุกวัยคือหนึ่งในประเทศที่ผลิตนักเตะฝีเท้าดีระดับโลกมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็น Diego Forlan, Luis Suarez, Edinson Cavani, Alvaro Recoba, Diego Godin เป็นต้น พวกเขาส่งออกนักเตะเหล่านี้ไปลุยลีกใหญ่ในยุโรปและมีส่วนช่วยให้ทีมเหล่านั้นกวาดแชมป์มาเป็นว่าเล่น แม้นักเตะที่กล่าวมาบางคนจะเลยจุดพีคมาแล้ว หรือบางคนก็รีไทร์ไปแล้ว แต่ประเทศอุรุกวัยก็สามารถผลิตนักเตะฝีเท้าดีขึ้นมาทดแทนได้โดยตลอด ตัวอย่างเช่น Darwin Gabriel Núñez Ribeiro หรือที่ใครรู้จักกันในชื่อสั้น ๆ ว่า “Darwin Núñez” กองหน้าฟอร์มร้อนแรงวัย 23 ปีที่จรดปากกาเซ็นสัญญากับทีม Liverpool ไปเป็นที่เรียบร้อยด้วยค่าตัวรวมกับแอดออนสูงถึง 85 ล้านปอนด์ เส้นทางการก้าวกระโดดขึ้นมาสู่ทีมยักษ์ใหญ่ของ Núñez เรียกได้ว่ารวดเร็วมาก ๆ เพราะถ้าย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 2017 เขาเพิ่งจะขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ของ Peñarol สโมสรในบ้านเกิดของตัวเองไปหมาด ๆ เข้าสู่ฟุตบอลอาชีพในวัย 14 ปี Darwin Núñez ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1999 ณ เมืองอาร์ติกาส ประเทศอุรุกวัย