“เราอาจเคยหลงใหลใช้เวลาร่วมกันชั่วขณะหนึ่ง แล้วเราก็พรากจากกัน พลัดหล่นหายไปในกาลเวลา” – โชติรส นาคสุทธิ์ ครั้งหนึ่งในชีวิตของทุกคนต้องเคยเอาตัวเองไปผูกไว้กับใครสักคนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการผูกมัดที่เต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตามที เพราะความสัมพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องใช้เวลาทำความรู้จักเพื่อเข้าใจกันและกัน ไม่ต่างจากศิลปะหรือแม้กระทั่งเซ็กซ์ระหว่างคนสองคน ต่างต้องใช้เวลาเพื่อคุ้นเคย ผูกพันเพื่อใกล้ชิด และคลายปมเชือกเพื่อจากลา เมื่อชีวิตความสัมพันธ์ของเราละม้ายคล้ายกับศิลปะที่ใช้เชือกพันธนาการร่างกายของมนุษย์อย่าง Shibari (ชิบาริ) จนบางครั้งแยกไม่ออก UNLOCKMEN จึงต้องการลงลึกสู่รายละเอียดทุกเรื่องที่สงสัย ดื่มด่ำกับทุกพันธนาการ จนให้กำเนิดอีเวนต์อาร์ต ๆ ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมค้นหากันว่าศิลปะ พันธนาการ ดนตรี และความสัมพันธ์ มันมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรในงาน SHIBARI WORKSHOP x GARAGE: “FREEDOM FROM BONDAGE อีเวนต์เดียวแต่กลับได้ร่วมวงสนทนากับ Unnamedminor หญิงสาวที่เชี่ยวชาญเรื่อง ‘การมัด’ สไตล์ชิบาริอย่างลึกซึ้ง และลูกแก้ว-โชติรส หญิงสาวผู้บอกเล่าความสัมพันธ์อันหลากหลายออกมาเป็นตัวอักษรและพึงพอใจกับ ‘อิสระ’ ในความสัมพันธ์ ทั้งคู่นั่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างสถานการณ์ เพื่อค้นหาว่าการมัดกับอิสระจากความสัมพันธ์สามารถมาบรรจบกันได้หรือไม่ ก่อนสัมผัสกับบทสนทนาชวนให้คิดตามหรือดูการรัดรึงด้วยตาของตัวเอง แค่ก้าวเข้ามาภายในสตูดิโอเราจะเห็นโปสเตอร์ที่แปะเรียงราย ม่านสีแดง แสงไฟสลัว ควันจาง ๆ ดนตรีที่เปิดคลอ และเชือกกับห่วงที่ถูกห้อยไว้กลางห้อง โหมบรรยากาศรอบตัวให้น่าตื่นเต้นมากขึ้น ถ้อยคำเต็มไปด้วยความรู้สึกของลูกแก้วที่เอื้อนเอ่ยถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนไปจนถึงหลายคน
“ความสำเร็จอาจจะเกิดจากใครสักคนมีชีวิตที่ดีขึ้นเมื่อเขาได้มาเจอเรา” นี่คือความสำเร็จที่ทั้งแปลกและมักน้อยที่สุดตั้งแต่เราเคยคุยด้วย เพราะมันไม่ได้วัดผลจากคุณภาพชีวิตของคนทำ ไม่ได้มุทะลุจะไปในระดับโลก และไม่น่าเชื่อว่าการตั้งเป้าหมายก้าวเล็ก ๆ แบบนี้จะเป็นเบื้องหลังเหตุผลของการขับเคลื่อนชีวิตในหัวใจใครได้ จากนี้ไปเป็นเรื่องราวที่เราพูดคุยกับอดีตเด็กหญิงวัย 17 ปีที่ไม่ชอบเรียนเลข มีการ์ตูนเล่มโปรดและไกด์บุ๊กการอยู่ต่างแดนเล่มเดียวกันคือ “เครยอนชินจัง” เธอฝันอยากเป็นนายกหญิงคนแรกของประเทศไทยจนเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจเรียนต่อและใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นนานถึง 10 ปี ถ้าพูดแบบนี้หลายคนคงเดาไม่ถูกแน่ ๆ แต่ถ้าสโคปให้สั้นลงว่าเด็กสาวในวันนั้นคือคอลัมนิสต์ที่เล่าเรื่องไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่นจัดจ้านในวันนี้ เธอเป็นคนแรก ๆ ที่ทำให้เรารู้ว่าญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่ภูเขาไฟฟูจิและโตเกียวบานาน่าผ่านเว็บไซต์มารุมุระ และปัจจุบันยังเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนนี้คุณอาจจะเริ่มคิดออกแล้วว่าเธอคนนั้นคือใคร นี่คือ “เกตุวดี มารุมุระ” แต่วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักตัวตนแท้ ๆ ของเธอในชื่อที่คุณอาจยังไม่คุ้น “ดร. กฤตินี พงษ์ธนเลิศ (เกด)” เป้าหมายของการเรียนต่อญี่ปุ่นคือการเป็นนายกหญิงคนแรก กว่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับญี่ปุ่นดี วันที่เป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับกันและกัน เป้าหมายของเกดที่ตั้งใจไปเรียนต่อญี่ปุ่นคือการมีโปรไฟล์เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์ก่อนสมัครเป็นนักการเมือง เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดีและเล่าเรื่องความฝันชิ้นโตวันวานที่ล้มกระดานไปแล้วอย่างไม่อาย “สมัยเด็ก ๆ ฝันใหญ่มาก อยากจะเป็นนายกหญิงคนแรกของประเทศไทย อยากพัฒนาประเทศค่ะ ตอนนั้นตัวเองไม่ใช่คนที่เก่งเลขเลย แต่ก็ตัดใจ เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์เดินตามทางปณิธานอันยิ่งใหญ่ เพราะรู้สึกว่าถ้าเราเป็นนักการเมืองขึ้นชื่อโปรไฟล์ว่าเป็นนักเศรษฐศาสตร์มันต้องดูเท่มาก ๆ พอเรียนไปได้ 4 ปีแล้วรู้สึกว่าด้วยความรู้ระดับเราที่ไม่ได้เข้าใจเศรษฐศาสตร์เท่าไหร่ คงสร้างนโยบายช่วยประชาชนไม่ได้แน่ เลยกลับมานั่งทบทวนตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เราชอบ
หลังจากโลกจดจำจุดสิ้นสุดของมหาสงครามซูเปอร์ฮีโร่ครั้งยิ่งใหญ่ของปี 2019 กับภาพยนตร์เรื่อง Avengers: End Game (2019) เราก็ห่างหายจากหนังฮีโร่กันไปพักใหญ่ ทั้งค่าย Marvel และ DC ที่มีฮีโร่อยู่ในสังกัดมากมายต่างซุ่มเตรียมปล่อยโปรเจกต์ใหญ่สำหรับปี 2020 และในตอนนี้ก็มีแววว่าโลกของเรากำลังจะมีซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่อีกครั้งในบทบาทของ Superman ที่เป็นชายผิวสี ไอเดียที่ว่าค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง Warner Bros. อยากสร้างความสดใหม่ให้กับวงการหนังซูเปอร์ฮีโร่รายงานมาจากเว็บไซต์บันเทิงชื่อดัง Varity ว่า ผู้บริหารของค่ายหนังเรียกโปรดิวเซอร์แนวหน้าของวงการฮอลลีวูดเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางใหม่ โดยรายชื่อผู้กำกับที่ว่าคือ J.J. Abrams ผู้เคยฝากผลงานไว้มากมายทั้งการกำกับทีวีซีรีส์เรื่อง Lost (2004) หนังอวกาศเรื่อง Star Trek Into Darkness (2013) รวมถึงภาพยนตร์มหากาพย์สงครามในตำนานอย่าง Star Wars: The Force Awakens (2015) และภาคล่าสุดกับ Star Wars: The Rise Of Skywalker (2019) ก่อนหน้านี้ J.J. Abrams เพิ่งจะหมดสัญญากับค่าย
ถ้ามีคนเอาเสื้อเอวลอยมาให้ คุณจะใส่ไหม ? UNLOCKMEN คิดว่าผู้ชายเกือบทั้งหมดที่โดนถามด้วยคำถามนี้ต้องตอบปฏิเสธอย่างแน่นอน เพราะเสื้อเอวลอยหรือที่เรียกกันว่า Crop Top ถูกมองว่าเป็นแฟชั่นสำหรับผู้หญิงเอวบางเท่านั้น หรือใส่ได้แค่เวลาไปยิมหรือไปปาร์ตี้ริมสระ แต่เรื่องราวของเสื้อครอปมีอะไรมากกว่านั้น ย้อนรอยสุภาพบุรุษกับเสื้อเอวลอย เสื้อครอปหรือเสื้อเอวลอยถือเป็นแฟชั่นที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน แม้ทางทวีปยุโรปจะหันมาเริ่มใส่เสื้อครอปช้ากว่าทางฝั่งอินเดียหรือทางฝั่งตะวันออกที่มีชุดส่าหรีแบบดั้งเดิมอวดเอวกันมาตั้งนานแล้ว จนมาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1940 เมื่อชาวตะวันตกซึ่งนิยมสวมใส่เสื้อผ้าหลายชิ้นปกปิดร่างกายเริ่มไม่มีวัตถุดิบมาทำเสื้อผ้า เพราะไม่ว่าอะไรในยุคสงครามก็มีราคาแพงทั้งนั้น ดีไซเนอร์ช่วงนั้นจึงมีข้ออ้างเล็ก ๆ ใช้แหวกขนบธรรมเนียมเดิมตัดเสื้อผ้าอวดผิวกายและมัดกล้ามกันบ้าง และเสื้อครอปก็เดินทางมาถึงช่วงพีคในยุคสมัยแห่งความวินเทจอย่างช่วงปี 70-80 ซึ่งถูกเรียกว่ายุคทองของฮิปปี้สู่รอยต่อของวัฒนธรรมป๊อป เพื่อสำรวจว่าเสื้อเอวลอยมันเป็นแฟชั่นสำหรับผู้หญิงเท่านั้นจริงหรือไม่ จากหลักฐานข้อมูลที่เราพบยืนยันว่าเหล่าวัยรุ่นขาฮิปทั้งชายหญิงต่างก็มีเสื้อครอปเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของการใส่เสื้อ Crop Top ของผู้ชายยุคบุปผาชนปี 1970 ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากนักแสดงชายชื่อดังหรือแฟชั่นไอคอนคนไหนเลย แต่มีจุดเริ่มต้นมาจากนักกีฬายกน้ำหนักคนหนึ่งที่หงุดหงิดเวลาสวมใส่เสื้อผ้าพอดีตัวแล้วยกเวทไม่สะดวก บางครั้งก็ติดแขน บางทีชายเสื้อก็สีกับผิวช่วงหน้าท้อง เพื่อตัดปัญหารำคาญใจนี้เขาจึงเอาเสื้อไปตัดให้สั้นขึ้น แต่กลายเป็นว่าความรำคาญของเขากลับได้รับความนิยมในวงกว้างเสียอย่างนั้น ส่วนทางฝั่งผู้หญิงก็สวมใส่เสื้อเอวลอยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อไอคอนแห่งวัฒนธรรมอย่าง Cher ก็สวมใส่เสื้อครอป สาว ๆ จึงก็หาเสื้อสั้นเต่อมาใส่เลียนแบบคนดังที่ตัวเองชื่นชอบ ถัดมาจากยุค 70 กระแสแฟชั่นเริ่มเปลี่ยนเมื่อโลกเข้าสู่ช่วง 1980 แฟชั่นสไตล์แอโรบิกเริ่มเข้ามามีอิทธิพลกับเหล่าวัยรุ่น ตีคู่มากับเสื้อสั้น ๆ ที่ราชาและราชินีแห่งวงการเพลงป๊อปอย่าง Michael
Lamborghini เปิดตัวรถยนต์คอนเซ็ปต์คันใหม่ของค่าย ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ของ Lamborghini Sian ซึ่งจะปรากฏตัวในเกม Gran Turismo Sport ที่ Playstation4 ในการแข่งขัน FIA Gran Turismo Championship 2019 ที่มอนติคาโล ค่ายกระทิงเปลี่ยวเปิดตัว Concept Cars ในชื่อ Lambo V12 Vision Gran Turismo ด้วยคอนเซ็ปต์แห่งอนาคตแบบรถยนต์ที่นั่งเดียว มาพร้อมงานดีไซน์สุดล้ำซึ่งออกแบบมาให้เป็นรถยนต์ที่นั่งเดียวคล้ายกับห้องเครื่องของนักบินขับไล่ซึ่งคนขับต้องเข้าห้องโดยสารจากด้านหน้า Lambo V12 Vision Gran Turismo ได้แรงบันดาลใจงานออกแบบกระจกข้างมาจาก Lamborghini Marzal รุ่นปี 1968 โดยมีโครงสร้างที่สร้างระบบ Aerodynamic ที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มล้อและตัวดูดอากาศด้านหลังขนาดใหญ่ และสปอยเลอร์รูปตัว Y ที่มีไฟท้ายอยู่ในตัว ด้านขุมพลัง Lambo V12 Vision Gran Turismo ใช้เป็นเครื่องยนต์ Hybrid V12
การออกกำลังหรือสร้างกล้ามเนื้ออย่างมีประสิทธิภาพและถูกวิธี ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ชายควรใส่ใจ เพราะการออกกำลังมากเกินไปหรือการหักโหมไม่ได้เป็นเครื่องการันตีเราจะสามารถสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างสมส่วน แต่วิธีที่ถูกต้อง รวมถึงการเตรียมร่างกายให้พร้อมคือสิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถออกกำลังได้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ว่าหนึ่งในกล้ามเนื้อส่วนสำคัญที่เรียกว่า Core Muscle หรือ กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว คือมัดกล้ามเนื้อที่สำคัญต่อการออกกำลังในรูปแบบต่าง ๆ เพราะกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวที่แข็งแรง จะเสริมสมดุลให้โครงสร้างร่างกาย รวมถึงจัดจุดศูนย์ถ่วง ช่วยให้เราสามารถออกกำลังกายในท่าต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กีฬา Mixed Martial Arts (MMA) หรือศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน คือหนึ่งในกีฬาที่ให้ความสำคัญกับกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเหนือสิ่งอื่นได้ เพราะนักสู้ในวงการนี้ทุกคนจะต้องมี Core Muscle ที่ทนทานต่อพลังหมัด เข่า เท้า รวมถึงการขับทุ่มของคู่ต่อสู้ ซึ่งก็มีวิธีการฝึกฝนที่เราทุกคนสามารถทำตามได้เช่นกัน โปรแกรมฝึกพัฒนากล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวในครั้งนี้ถูกคิดค้นโดย Jorge Blanco เทรนเนอร์มากประสบการณ์ที่เคยเป็นโค้ชการฝึกให้กับสุดยอดนักสู้ UFC อย่าง Georges St-Pierre รวมถึงเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวในการดูแลรักษากล้ามเนื้อให้พี่ธอร์ Chris Hemsworth คอร์สสร้างความแข็งแรงให้ Core Muscle ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ออกกำลังแบบนักมวย MMA ในเวลาเพียง 30 นาที/วัน มาดูกันว่าการสร้างความแข็งแรงให้แกนกลางร่างกายในครั้งนี้จะประกอบไปด้วยท่าอะไรบ้าง Shadow Boxing
ถ้าไม่นับการมีรถซูเปอร์คาร์เท่ ๆ สักคันไว้ในครอบครอง อีกความฝันของผู้ชายอย่างเราคือการได้ขับเรือยอชต์ล่องไปในทะเล กินลม ชมวิว ปล่อยให้แสงแดดสาดกระทบเรือนร่างกำยำ พร้อมดื่มด่ำกับการพักผ่อนในช่วงวันหยุด วันนี้เราเลยอยากพาหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN มาทำความรู้จัก ‘Hermes Speedster Boat’ เรือยอชต์ล้ำสมัยที่ซ่อนงานดีไซน์สุดคลาสสิกและสมรรถนะการขับขี่บนผืนน้ำ บอกเลยว่ามันควรค่าแก่การเป็นความฝันของผู้ชายเราเสียจริง ๆ Hermes Speedster Boat ออกแบบโดย Seven Seas Yachts ที่เน้นความพิถีพิถันจากงานคราฟต์ โดยทุกส่วนของเรือจะประกอบขึ้นจากช่างฝีมือเฉพาะทางและเลือกใช้วัสดุคุณภาพ จนได้ออกมาเป็นเรือทรงโค้งตามหลักอุทกพลศาสตร์ (Hydrodynamic) ที่สามารถขับขี่บนผิวน้ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เรือลำนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Rotax® 1503 NA 4-TEC® ออกแบบถังใต้น้ำด้วยวัสดุที่คงทน ใช้โครงแบบรังผึ้งที่ช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่และไม่เพิ่มน้ำหนักให้ตัวเรือ จึงสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 5 คน และเร่งความเร็วได้มากถึง 45 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวเรือถูกทาด้วยโทนสีเมทัลลิค ก่อนจะเคลือบน้ำยาเคลือบเงาเพื่อปกป้องเรือจากรอยขีดข่วน Hermes Speedster Boat ออกแบบหลังคาเปิดประทุนที่พับเก็บได้ พร้อมฮีตเตอร์และเครื่องไล่ฝ้ากระจก ทำให้หนุ่ม ๆ
Deftones หากเอ่ยชื่อนี้ เชื่อว่าคอเพลงเฮฟวีเมทัลไม่มีใครไม่รู้จัก พวกเขาจัดว่าเป็นวงแนวหน้าของดนตรีสายนูเมทัลและสครีมโมในยุคบุกเบิก และเป็นหนึ่งในวงแรก ๆ ที่สับเปลี่ยนระหว่างริฟฟ์กีตาร์หนักหน่วงและการใช้เสียง ‘ว้าก’ บนดนตรีละเอียดอ่อน ก่อนจะขยับขยายแนวเพลง ทดลองซาวด์แปลกใหม่ไม่ซ้ำกันในแต่ละอัลบั้ม ด้วยสำเนียงการร้องอันมีเอกลักษณ์ของ ชิโน โมเรโน ฟรอนต์แมนของวง และการรักษามาตรฐานของวงอันยอดเยี่ยม Deftones จึงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวงร็อกที่ประสบความสำเร็จในระดับแนวหน้าของโลกก็ว่าได้ หากใครติดตามบทสัมภาษณ์หรือติดตามเรื่องราวของ ชิโน โมเรโน อยู่บ่อย ๆ คงพอจะทราบกันว่า ถึงแนวเพลงของ Deftones จะหนักหน่วง แต่ตัวชิโน เอง กลับมีรสนิยมทางดนตรีที่กว้างไกลไปกว่านั้นมาก หลังจากที่พวกเขาจัดเทศกาลดนตรีของตัวเองที่มีชื่อว่า “Deftones-curated festival” พวกเขาก็ได้เชิญ CHVRCHES (อ่านว่า เชิร์ส-เชส) วงซินธ์ป๊อปชื่อดังจากสกอตแลนด์ มาเป็นหนึ่งในไลน์อัปใหญ่ โดยให้ตำแหน่งพิเศษรองจากชื่อพวกเขาเลยทีเดียว ด้วยความที่เพลงของสองวงนี้ดูจะไปคนละทิศละทางกัน อีกทั้ง ลอว์เรน เมย์เบอร์รี นักร้องนำวง CHVRCHES ยังเป็นผู้หญิง (ที่มีเสียงใสกิ๊งราวกับนางฟ้า) อีกต่างหาก จึงสะกิดต่อมดราม่าขึ้นจนได้ เพราะ เจมี จาสตา นักร้องนำวง Hatebreed
จะเรียกว่าเป็นพวกบ้าอุปกรณ์ก็ได้ แต่เราตื่นเต้นทุกทีเวลามี Gadgets ออกใหม่ บางทีซื้อมาก็ลืมคิดว่ามันซิงก์กับอุปกรณ์ที่มีอยู่ไม่ได้ สุดท้ายกลายเป็นว่าของเดิมก็ต้องใช้ ของใหม่ก็ต้องหาตัวเชื่อมวุ่นวายไปหมด จนบางทีก็ต้องพกพาอุปกรณ์หลายชิ้นพะรุงพะรังแทนที่จะได้มินิมัลเท่ ๆ หนึ่งในนั้นคือ “หูฟังไร้สาย” ไม่รู้ว่าใครจะเป็นเหมือนกันบ้างไหม ทุกวันนี้เรามีทั้ง Airpods ทั้งหูฟัง Bluetooth ตัวอื่น ๆ แต่ดันเชื่อม Device ที่มีบางตัวร่วมกันไม่ได้ บางครั้งเป็นเรื่องระบบ แต่บางทีไปเจอพอร์ต 3.5 mm แล้วต้องจอด ถ้าอยากใช้อุปกรณ์วินเทจ แก้ได้ด้วยการไปหาหูฟังมีสายที่เสียบ 3.5 mm ได้สถานเดียว แต่คนจริงย่อมไม่ท้อ คนเล่น Gadget มันต้องหาตัวช่วยเพิ่ม และตัวช่วยล่าสุดที่เราไปเจอมาจนยอมรับว่าเจ๋งจริง ๆ คืออุปกรณ์ที่ชื่อว่า Airfly หน้าตาของมันจะเป็นก้อนกลม ๆ คล้ายดองเกิลเจ้าอื่น ๆ แต่พอร์ตเสียบด้านหนึ่งของมันเป็นสาย 3.5 mm ใช้สำหรับเสียบช่องหูฟังได้เพื่อเป็นตัวเชื่อมระหว่างหูฟัง Bluetooth ที่เรามีเข้ากับอุปกรณ์นั้น ๆ บางคนที่ใช้หูฟังวันนี้ส่วนมากจะใช้กับสมาร์ตโฟนในมือ อาจจะคิดไม่ค่อยออกว่าแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร แต่สำหรับเราที่เจอปัญหาพวกนี้ก็ถือว่ามันช่วยเวลาอยู่ในสถานการณ์แบบด้านล่างได้ดี ไว้ชมความบันเทิงตอนขึ้นเครื่องบิน –
โห สวยขนาดนั้นผมไม่กล้าจีบหรอกครับ ก็เลยยังโสดอยู่นี่ไง ถ้าไม่นับความสันโดษและนิสัยเพลย์บอยตามแบบผู้ชายเจ้าชู้ อีกสาเหตุที่ทำให้หนุ่ม ๆ หลายคนยังต้องครองโสดกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก็คงเป็นเพราะ ‘นิสัยขี้อาย’ ที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มเข้าหา พูดคุย หรือทำตัวให้เป็นธรรมชาติต่อหน้าสาว ๆ ได้อย่างไร แม้จะชอบสาวคนนั้นมากแค่ไหน แต่บางทีปากเรามันก็ไม่ได้ดั่งใจ พอเจอหน้าเธอจัง ๆ กลับนิ่งใบ้เป็นไอ้บื้อและพูดไม่ออกสักคำ ไม่รู้ว่าไอ้ความมั่นใจก่อนหน้านี้แม่งหายไปไหนหมด ซึ่งความขี้อายบวกกับความไม่มั่นใจในตัวเองที่ทำให้การจีบหญิงของผู้ชายหลายคนพังไม่เป็นท่า แถมอกสามศอกก็ต้องหักเป็นเสี่ยง ๆ เพราะคว้าน้ำเหลวจากความรักมานับครั้งไม่ถ้วน ต่อให้ผู้หญิงบางคนในยุคนี้จะเริ่มเดินหน้าจีบผู้ชายกันบ้างแล้ว แต่ด้วยศักดิ์ศรีของชายชาตรีอย่างเรา พวกคุณคงไม่ยอมยืนเจี๋ยมเจี้ยมแล้วรอให้สาว ๆ มาจีบเพียงฝ่ายเดียว ถูกไหมครับ? วันนี้ UNLOCKMEN เลยเอาเคล็ดลับการจีบหญิงตามแบบฉบับคนขี้อายมาฝากหนุ่ม ๆ ทุกคน บอกลาบทสนทนาพิลึกพิลั่นและภาษากายแปลกประหลาดตอนจีบสาวไปได้เลย เพราะ 5 ข้อนี้จะทำให้คุณจะกลายเป็นผู้ชายคนใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม! เย็นไว้ไอ้ทิด มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย ข้อแรกคุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการจีบสาวนั้นไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายสักนิด ต่อให้พลาดโอกาสในครั้งนี้ รอบหน้าก็ยังมีโอกาสครั้งใหม่รอให้คุณแก้ตัวได้อีก แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มจีบสาว ๆ อย่างไร เราแนะนำให้ลองเข้าไปพูดคุยกับเธอด้วยบทสนทนาง่าย ๆ อย่าง “สวัสดีครับ ผม…นะครับ คุณชื่ออะไรเหรอครับ” พยายามพูดจาให้ชัดถ้อยชัดคำและใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล หากเดินไปตัวเปล่าแล้วมันโหวง