ภาพจำของการฟังเทศน์ฟังธรรมในวัดโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นคงจะนึกถึงความน่าเบื่อชวนง่วง แลดูเป็นกิจกรรมของผู้สูงอายุ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับการฟังธรรมะที่ผ่านออกมาจากความครีเอทีฟของพระมหาไพรวัลย์ การดึงศัพท์แปลกใหม่ในโลกของโซเชียล มีเดีย มาปรับใช้ให้เข้ากับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จนเกิดเป็นกระแสที่พูดถึงในวงกว้างโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่หันมาสนใจศาสนามากขึ้นอย่างน่าตื่นเต้น และได้เปลี่ยนจากการฟังเทศน์ที่ต้องเข้าวัดเป็นมาเป็นในแฟนเพจผ่านการ Live แทน อะไรที่ทำให้พระมหาไพรวัลย์ทำได้ขนาดนี้ UNLOCKMEN มีคำตอบมาให้แล้วครับ สภาพ! จุดเริ่มต้นของการห่มจีวร “จริง ๆ ต้องบอกว่าเริ่มต้นตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นจบจากประถม วิธีการแบบคนชนบทสมัยก่อน ถ้าเขาไม่มีเงินที่จะส่งลูกเรียนต่อในระดับมัธยมหรือระดับอุมศึกษา เขาก็จะให้ลูกบวช คนสมัยก่อนเขาจะเรียกว่า ‘บวชเรียน’ ก็เลยเข้าสู่การบรรพชาเป็นเณรตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้” “แล้วตอนแรกไม่ได้เคยคิดเลยว่าจะบวชมานานขนาดนี้ อาตมาคิดว่าปกติพระหรือเณร 100 รูป จะมีซัก 90 รูป ที่ไม่ได้คิดว่าจะบวชยาว พระเณรส่วนใหญ่บวชเพื่อศึกษาในช่วงหนึ่ง ตอนนี้มันมีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ มาบวชกันแล้วก็ได้เรียน เรียนจบก็สึกออกไปหางานทำกัน อาตมาก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ได้คิดเลยว่าจะอยู่ยาวขนาดนี้ ก็คิดว่าเรียนไปเรื่อย ๆ ตอนเด็ก ๆ มันก็เรียนไปไม่ได้คิดอะไร แม่บอกให้มาบวชเราก็บวช แม่ก็กำชับมาว่าให้ตั้งใจเรียน เราก็เรียน หน้าที่มีแค่นั้นเอง หลักสูตรคณะสงฆ์มันตั้ง 8 ปี เรียนนักธรรม-บาลี
ถ้าพูดถึงเรื่องสูทกับผู้ชายไทย ดูจะเป็นชุดความรู้ที่เข้าใจผิดกันมานมนานหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่ง UNLOCKMEN พอจะเข้าใจว่าด้วยสภาพอากาศ และโอกาสที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยต่อการสวมใส่เสื้อสูทสักเท่าไหร่ ส่งผลให้หนุ่ม ๆ ไทยไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมนี้เท่าที่ควร พอนำมาสวมใส่ก็จะดูเคอะเขิน ไม่มั่นใจกันไปอีก แต่วันนี้พวกเราอยากจะเปิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับการใส่ชุดสูทเพิ่มมากขึ้น เมื่อได้รับโอกาสอันดีจากคุณ ศิรพล ฤทธิประศาสน์ (กาย) และ คุณ วรงค์ ภัทรชัยกุล (บอล) เจ้าของร้าน The Decorum จุดนัดพบสำหรับสุภาพบุรุษ ในการแนะนำข้อมูลแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับชุดสูทแบบจัดเต็ม ซึ่งก่อนที่เราจะไปเจาะลึกเรื่องสูท เป็นธรรมเนียมที่จะต้องพูดคุยเกี่ยวกับที่มาของร้านว่าทั้งคู่มาเริ่มต้นจับธุรกิจ Tailor Made ได้อย่างไร อะไรที่จุดประกายความคิดจนอยากจะเปิดร้าน The Decorum ขึ้นมาด้วยกัน ? คือเราสองคนรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้วชอบอะไรที่เหมือน ๆ กัน ใส่เชิ้ตยี่ห้อเดียวกัน แล้วก็มีคนมาถามเยอะ ว่าเราใช้ของอะไร หามาจากไหน จึงคิดว่าอยากจะทำร้านขึ้นเพื่อให้เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์เหมือนกับเรา ก็เลยรู้สึกว่าอยากเอาสินค้าที่ตัวเองชอบและใช้อยู่แล้วมาทำตลาดที่นี่ครับ โดยสินค้าส่วนใหญ่ในร้านจะเป็นที่เราก็ใส่เองด้วย ส่วนเรื่องของช่างตัดสูทที่ทางร้านนำเข้ามาก็เป็นช่างที่พวกผมตัดกับเขาประจำอยู่แล้ว เป็นเพื่อนกัน สุดท้ายมาถึงจุดที่ว่า ตลาดเมืองไทยยังไม่มีอะไรแบบนี้ อยากจะให้คนไทยมีโอกาสได้ลองเหมือนกับเรา
คงไม่มีใครอยากพัฒนาคนที่ทำกำไรให้กับธุรกิจของตัวเอง เพราะนอกจากจะทำให้เสียทุนเปล่าแล้ว มันทำให้บริษัทไม่พัฒนาไปข้างหน้าอีกด้วย ผู้บริหารย่อมอยากพัฒนาคนที่สามารถทำกำไรให้บริษัทได้มากขึ้น และอยู่กับบริษัทไปนาน ซึ่งเครื่องมือนึงที่จะช่วยให้ผู้บริหารเลือกพัฒนาคนได้ถูกจุด คือ กฎ 10-80-10 ที่มาของ 10-80-10 rule กฎ 10-80-10 คือ กฎที่พัฒนามาจาก Pareto principle ของ Vifredo Pareto นักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาลี ซึ่งอธิบายว่า ผลงานหรือความร่ำรวย 80% เกิดขึ้นจากประชากรเพียง 20% เท่านั้น ต่อมาในช่วงปี 1940 Joseph M. Juran วิศวกรชาวอเมริกัน ได้นำกฎนี้มาประยุกต์ให้เข้ากับพฤติกรรมของคนมากขึ้น โดยมีใจความว่า 80% ของความสำเร็จในโปรเจ็กต์ใดโปรเจ็กต์หนึ่ง เกิดขึ้นจากการลงแรงของทีมเพียง 20% จนถึงปัจจุบันมีกลุ่มนักวิจัยรุ่นใหม่ เช่น John Leach นำ Pareto principle มาพัฒนาให้เข้ากับพฤติกรรมของคนมากขึ้น จนเกิดเป็นกฎใหม่ชื่อว่า 10-80-10 ซึ่งแบ่งความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ออกเป็น 3 กลุ่ม
ถือเป็นข่าวดีสำหรับสาวกมินิชาวไทย เมื่อทาง มินิ ประเทศไทย ได้ขนรถยนต์หลายรุ่นมาอวดโฉมในงาน Motor Expo 2021 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2564 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี และต้องบอกเลยว่าแต่ละคันที่มาโชว์ตัวในงานนั้นไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นรถเซฟตี้คาร์ไฟฟ้ารุ่นแรก the MINI Electric Pacesetter inspired by JCW มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Jermyn Edition ไปจนถึง the New MINI JCW Hatch launched by Carnival ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกับ Carnival แบรนด์แฟชั่นสตรีทที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งในวันนี้เราขอนำรายละเอียดรถแต่ละคันมาให้ชาว UNLOCKMEN ได้เรียกน้ำย่อยก่อนไปพบกับไฮไลต์มากมายพร้อมกับโปรโมชันสุดพิเศษแห่งปีจากมินิภายในงาน ว่าแล้วก็เชิญไปอ่านพร้อมกันได้เลย MINI Electric Pacesetter inspired by JCW รถเซฟตี้คาร์ไฟฟ้ารุ่นแรกจากมินิ
ตอกย้ำการเป็นนักเตะอันดับ 1 ของโลกอีกครั้ง สำหรับ Lionel Messi นักเตะชาวอาร์เจนติน่าของสโมสรเปแอสเชที่สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้อย่างยิ่งใหญ่เป็นสมัยที่ 7 เบียดเอาชนะ Robert Lewandowski กองหน้าชาวโปแลนด์ของสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ตัวเต็งที่ใครหลายคนคาดว่าจะต้องได้รับรางวัลในปีนี้ รวมไปถึง Messi ยังเอาชนะคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Cristiano Ronaldo ไปได้ด้วยเช่นกัน สิ่งที่ทำให้ Messi ได้รับคะแนนโหวตจนเข้าวินมาจากการพาทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โคปา อเมริกาได้นั่นเอง อีกทั้ง Messi ยังได้ตำแหน่งดาวซัลโว 4 ประตู และทำได้อีก 5 แอสซิสต์ ในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว และยังพาสโมสรเก่าบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์โคปา เดล เรย์ มาครองได้ในฤดูกาลที่แล้ว รวมไปถึงยังสามารถยิงได้ 38 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ จากการลงสนามในทุก ๆ รายการ ในส่วนของ Robert Lewandowski นับว่าโชคร้ายสุด ๆ เพราะในฤดูกาล 2019/2020 เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 6 รายการ
หลายคน พอยิ่งโต อาจยิ่งควบคุมอารมณ์ได้เก่งขึ้น แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ถูกมองว่าเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา เพราะพวกเขาชอบทำอะไรตามใจ และไม่ค่อยคิดถึงผลของการกระทำของตัวเอง สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจได้แย่อยู่เสมอ จนเกิดผลเสียต่อตัวเองและคนรอบข้าง เราเรียกพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นว่า ’Impulsivity’ ซึ่ง UNLOCKMEN ได้นำวิธีป้องกันพฤติกรรมดังกล่าวมาฝากทุกคนด้วย อะไร คือ Impulsivity นักจิตวิทยาใช้คำว่า ‘Impulsivity’ ในการอธิบายพฤติกรรมลงมือทำอะไรบางอย่างโดยไม่คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา เช่น การเสียเงินให้กับสิ่งล่อตาล่อใจได้ง่าย หริอ เดินข้ามถนนโดยไม่มองซ้ายมองขวา เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้มักส่งผลเสียต่อเราและคนรอบข้าง เพราะการทำอะไรแบบไม่ยั้งคิด อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันได้ เช่น การสูญเสียคนรัก การสูญเสียเงินโดยใช้เหตุ หรือ การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นต้น Impulsivity เกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะกับเด็กที่ยังไม่ค่อยมีวุฒิภาวะมากนัก และสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ความผิดปกติของสมองส่วน Prefrontal Cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลในการตัดสินใจ การสืบทอดความผิดปกติทางกรรมพันธ์ุ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิด Impulsivity ไปจนถึงความผิดปกติทางจิตประเภทต่าง ๆ เช่น ภาวะอารมณ์สองขั่ว โรคสมาธิสั้น (ADHD) ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง (BPD) รวมไปถึง ความผิดปกติในการควบคุมตัวเอง
หากจะให้เอ่ยรายชื่อการ์ตูนที่มีอิทธิพลต่อเด็ก ๆ ที่เติบโตในช่วงยุค 90’s มากที่สุด เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องมีชื่อของ Dragon Ball Z อยู่ในใจอย่างแน่นอน ผลงานสุดคลาสสิคของอาจารย์อากิระ โทริยามะ เป็นการ์ตูนที่โดดเด่นด้วยลายเส้น คาแรคเตอร์ของตัวละคร รวมไปถึงเนื้อเรื่องที่บู๊ล้างผลาญสะใจแบบสุด ๆ เรื่องราวที่เข้มข้นขึ้นมากนับจากช่วงภาคเด็กของซุนโกคู มีการเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจมากกว่าเดิมและเก่งขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นฟรีซเซอร์, เซลล์ และจอมมารบู สำหรับคนที่ดูมาก่อนก็น่าจะพอจำเนื้อเรื่องได้ไม่มากก็น้อย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้มี 5 ข้อมูลลับที่ไม่ลับที่คุณอาจจะไม่เคยทราบมาก่อน ซ่อนไว้ให้เหล่าคนช่างสังเกตได้เก็บไว้เป็นข้อมูล ซึ่งทาง UNLOCKMEN ขอยกหัวข้อเด่น ๆ มาให้ทุกคนได้อ่านกันดังต่อไปนี้ *เนื้อหามีสปอยล์เนื้อเรื่อง 1. โกคูฆ่าคนอื่นตายไปเพียง 2 ครั้ง (ไม่นับใน The Movie) สมชื่อพระเอกจริง ๆ สำหรับโกคู ที่ถือได้ว่าเป็นนักสู้ที่มีคุณธรรม มีความเมตตา และจิตใจอ่อนโยน นอกจากฝีมือการต่อสู้จะร้ายกาจแล้ว โกคูยังพัฒนาการต่อสู้ของตัวเองได้ตลอดเวลา เขายังมีความสามารถในการเปลี่ยนจิตใจคนชั่วร้ายให้กลับกลายเป็นคนดีได้ ตัวอย่างชัด ๆ เลยคือ พิคโกโล่ อดีตราชาปีศาจสุดท้ายกลายเป็นพ่อทูลหัวของโกฮังลูกชายของโกคู
ศิลปินแต่ละคนมีสไตล์ที่ชัดเจนและมักมีภาพผลงานสำเร็จในหัวที่ชัดเจนยิ่งกว่า ตัวตนและงานศิลปะคือหัวใจของศิลปิน แต่ยิ่งพวกเขารู้จักและเข้าใจตัวเองได้ดีก็ยิ่งง่ายกับการปฏิเสธผลงานที่ไม่ใช่สไตล์ตัวเองได้เร็วขึ้นเท่านั้น ทำให้หลายปีที่ผ่านมาแม้จะมีกระแสเรียกร้องผลงานของ ‘RUKKIT – รักกิจ ควรหาเวช’ ศิลปินสตรีทอาร์ตแถวหน้าของวงการในรูปแบบ 3D มากขนาดไหน ก็ยังไม่เคยมีใครได้เห็นชิ้นงานประติมากรรมที่ถอดแบบผลงานบนกำแพงจริง ๆ ของเขามาก่อน กระทั่งล่าสุด รักกิจปล่อย ‘Hunter’ ผลงานประติมากรรมชิ้นแรกที่ร่วมมือกับ PATIMA Design ในโปรเจกต์ BOO_X_ Rukkit ออกมาสู่สายตาทุกคนและผลงานชิ้นนี้เขาพูดกับเราอย่างเต็มปากว่า “ผมว่าอันนี้เป็นงาน 3D ที่ใกล้เคียงกับงาน 2D สมบูรณ์แบบ 100% ชิ้นแรกเลย” จึงเป็นที่มาที่ทำให้ UNLOCKMEN ต้องหาโอกาสบุกมาเยือน PATIMA Design เพื่อนั่งพูดคุยกับเขาในครั้งนี้ ‘HUNTER’ อิสระและสัญชาตญาณนักล่าของ RUKKIT ก่อนจะเริ่มพูดคุยกัน เราเดินวนเวียนอยู่รอบ ‘Hunter’ ประติมากรรมลอยตัวผลิตจากไฟเบอร์กลาสขนาด 75 ซม. รูปสุนัข ยกกล้องมือถือส่องเทียบระหว่างภาพถ่ายกับผลงานจริงอยู่นาน แต่ภาพในจอเทียบไม่ได้กับของจริงที่เรากำลังยืนมองและสัมผัสอยู่ตอนนี้ทั้งรูปทรง สีสันและความรู้สึกมีชีวิตชีวาอัดแน่นไปด้วยพลัง รักกิจเล่าที่มาของการทำงานชิ้นนี้ว่าช่วงโควิดที่ผ่านมาเขาได้รับการชักชวนจากพี่บุ๋ม Patima Design ผู้ริเริ่ม BOOxProject
กระแสข่าวแรงมาก สำหรับ ราล์ฟ รังนิก ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกีฬาและพัฒนาของ โลโคโมทีฟ มอสโคว ทีมดังจากประเทศรัสเซีย ที่ ณ ตอนนี้มีหลายแหล่งข่าวฟันธงว่าเจ้าตัวตกลงเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชั่วคราวให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงสิ้นฤดูกาล พร้อมกับรับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของสโมสรหลังจบฤดูกาล รังนิก สร้างชื่อของตัวเองมากที่สุดในตอนที่คุมทีมแอร์เบ ไลป์ซิก ถึงแม้ว่าตัวผู้เล่นจะไม่ได้มีชื่อเสียงระดับเวิร์ลคลาส แต่ด้วยแทคติกอันเฉียบคมทำให้ไลป์ซิกก้าวขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำของบุนเดสลีกา แถมยังวางรากฐานที่สำคัญไว้ให้กับทีมอีกด้วย นอกจากนั้นรังนิกยังเคยพาชาลเก้ 04 คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพลคา เมื่อฤดูกาล 2010-2011 มาแล้วด้วยเช่นกัน รังนิกเองก็ได้รับการยอมรับและยกย่องฝีมือการคุมทีมและบริหารทีมจากวงการฟุตบอลเป็นอย่างมาก แล้วอะไรคือจุดเด่นแทคติกของรังนิกที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวการเล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แม้แต่ Jurgen Klopp ยังต้องเอ่ยปากว่า การมาของ Ralf Rangnick เป็นข่าวร้ายสำหรับทีมคู่แข่ง เรามาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กันครับ เจ้าพ่อแห่งการเพรสซิ่งหนักมาก จุดเด่นของรังนิกคือการ Counter Pressing ที่เต็มไปด้วยคุณภาพและหวังผลได้ ทันทีที่เสียบอลในแดนของคู่ต่อสู้ ลูกทีมของเขาตั้งแต่แนวรุกจนถึงแนวรับจะขยับไล่บีบให้คู่ต่อสู้เข้ามาอยู่ในนวงล้อมสี่เหลี่ยมโดยไม่ทันตั้งตัว แนวรับจะดันสูงขึ้นมาจนเกือบถึงบริเวณครึ่งสนาม หลังจากนั้นก็จะหาจังหวะดักแย่งบอลกลับคืนมาให้ไวที่สุด แทคติกที่ใช้นี้เป็นที่นิยมของฟุตบอลเยอรมันสมัยใหม่ที่รู้จักกันในชื่อ “Gegenpressing” ซึ่ง เยอร์เกน คลอปป์,
ร้านอาหารจีนถือเป็นหมุดหมายที่ทำให้หลายครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน เพราะหลายบ้านมีพื้นเพเป็นคนจีนที่ออกจากบ้านเกิด เข้ามาตั้งรกรากในเมืองไทย เราจึงรู้สึกผูกพันกับอาหารจีนกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในกรุงเทพฯ ก็มีร้านอาหารจีนหลายแห่งที่น่าสนใจ และทุกคนควรลองไปกันสักครั้ง ซึ่ง UNLOCKMEN ได้รวบรวมห้องอาหารจีนที่มีดีทั้งอาหารและบรรยากาศมาเสิร์ฟให้ทุกคนถึงที่แล้ว Fei Ya ใครที่ชอบร้านอาหารจีนสไตล์โมเดิร์น ไม่ควรพลาด Fei Ya ที่อยู่บนชั้น 3 ของโรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel โดยร้านนี้จะมีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของบรรยากาศที่เหมือนอยู่ใน lounge ตะวันออกผสมตะวันตก และความมีระดับของอาหาร ซึ่งได้รับการปรุงโดยเชฟมากฝีมือ พร้อมส่งรสชาติอาหารสไตล์จีนแท้สู่จานอาหารแต่ละจาน นอกจากเรื่องอาหารและบรรยากาศแล้ว คุณภาพของร้านยังได้รับการการันตีด้วยรางวัล Thailand’s Best Restaurant 5 สมัยซ้อน (2011 – 2015) เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในร้านอาหารจีนคุณภาพดีที่เราควรไปกันสักครั้งในชีวิต ภายในร้านจะมีทั้งมุมทานอาหารปกติ และห้องส่วนตัวที่บรรจุคนได้ 8 – 10 ท่าน และมีเมนูหลากหลายให้เราเลือกทาน ไม่ว่าจะเป็น ติมซำ เมนูอาหารทะเลจีน เมนูข้าวผัด เมนูซุป ไปจนถึงเมนูซิกเนเจอร์อย่าง