“ถ้าเขาคือพนักงาน จะเป็นพนักงานร่างทอง นี่คือ 6 เหตุผลที่ทุกบริษัท อยากได้คนทำงานอย่าง Casemiro มาร่วมทีม” ฟอร์มกำลังร้อนแรงจริง ๆ สำหรับทัพปีศาจแดง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่เพิ่งล้มทีมเรือใบสีฟ้า “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 เป็นการล้างแค้นหลังจากที่แพ้ในนัดแรกได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังส่งผลให้ทีมเก็บชัยชนะมา 7 นัดติดต่อกันแล้วในศึกพรีเมียร์ลีก และสามารถทำคะแนนขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 อยู่ที่ 38 คะแนน และทำคะแนนจี้แมนซิตี้ อันดับ 2 อยู่ที่ 1 คะแนนเท่านั้น ต้องยอมรับว่าผลงานของทีมแมนยูไนเต็ด ดูดีผิดหูผิดตานับตั้งแต่การเข้ามาคุมทีมของ Erik Ten Hag กุนซือชาวดัตช์ที่เข้ามาเซตระบบภายในใหม่ จนทุกอย่างลงตัวแบบที่ไม่ได้เห็นในทีมมานานหลายปี อีกทั้งยังช่วยปลุกทีมเวิร์ก ปลุกฟอร์มนักเตะหลายคนที่เคยออกทะเลให้กลับมาเป็นร่างทองอีกครั้งด้วยเช่นกัน รวมไปถึงการเลือกซื้อตัวนักเตะก็เป็นไปในแนวทางที่ชาญฉลาด เพราะแต่ละคนที่ย้ายเข้ามาล้วนแต่ทำงานได้เป็นอย่างดี รู้สึกคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนไป ซึ่งหนึ่งในดีลที่ประทับใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “Casemiro” มิดฟิลด์พันธุ์แกร่งเลือดแซมบ้า ฝีเท้าขั้นเวิร์ลคลาส ที่ย้ายมาจากสโมสรเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 70 ล้านปอนด์ แม้ในช่วงปรับตัวอาจจะตะกุกตะกักไปบ้าง แต่หลังจากตั้งหลักได้
ในบรรดาวงร็อกจากฝั่งอเมริกาที่ทำผลงานได้อย่างน่าจดจำในช่วงปลายยุค 90’s จนถึงปี 2000’s หนึ่งในลิสต์หลายชื่อของใครหลายคนจะต้องมีวง Incubus เป็นวงโปรดด้วยอย่างแน่นอน วงดนตรีที่นำเอาซาวด์อันหลากหลายมาผสมผสานจนเกิดเป็นชิ้นงานศิลปะทางดนตรี ไม่ว่าจะเป็นร็อก, นูเมทัล, ฮิปฮอป, ฟังก์ หรือเรกเก้ เป็นต้น อีกทั้งพวกเขายังเป็นวงที่มีฟรอนต์แมนหน้าตาหล่อไม่แพ้บอยแบนด์อย่าง Brandon Boyd จึงไม่น่าแปลกใจที่ชื่อของวง Incubus จะได้รับความสนใจในช่วงเวลานั้น วง Incubus เริ่มก่อตั้งกันตั้งแต่ในปี 1991 โดย 3 สมาชิกดั้งเดิมได้แก่ Bradon Boyd, Mike Einziger (กีตาร์) Alex Katunich (เบส) และ José Pasillas (กลอง) โดยพวกเขาทั้งหมดไปเจอกันในโรงเรียน Calabasas High School หลังจากนั้นก็ Gavin Koppel หรือ “DJ Lyfe” มารับหน้าที่มือเทิร์นเทเบิ้ลให้กับทางวง (แต่ก็อยู่กับวงได้ไม่นานเพราะลาออกไปในปี 1998 และถูกแทนที่โดย Chris Kilmore มาจนถึงปัจจุบัน) พวกเขาค่อย
ต่อเนื่องจากบทความ 12 ผลงานร็อกสุดคลาสสิคในช่วงปี 2000-2005 จากค่ายยักษ์ใหญ่ย่านอโศก วันนี้เรามาเจาะกันที่ช่วงปี 2006-2010 ว่ามีอัลบั้มอะไรที่โดดเด่นในช่วงนั้นบ้าง ซึ่งทาง Unlockmen ก็รวบรวมมาให้ทั้งหมด 8 ผลงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ RETROSPECT “UNLEASHED” (2007) ในช่วงกลาง-ปลายยุค 2000’s คงไม่มีวงไหนโดดเด่นเท่ากับ Retrospect อีกแล้ว พวกเขาสถาปนาจากวงใต้ดินให้กลายเป็นวงร็อกระดับหัวแถวของประเทศจากอัลบั้มแรก “Unleashed” ที่มีพื้นฐานจากดนตรีสไตล์เมทัลคอร์ที่ถูกปรับจูนให้ฟังง่ายขึ้น จนเกิดเพลงฮิตแบบถล่มทลาย ไม่ว่าจะเป็น “เพราะว่ารัก”, “ปล่อยฉัน”, “ความฝันของเรา”, “สุดที่รัก” และ “ให้ฉันลืมเธอ” เป็นต้น เอาจริง ๆ ทุกเพลงในอัลบั้มนี้ฮิตทุกเพลง นอกจากความสำเร็จด้านดนตรี ด้านผู้นำแฟชั่นพวกเขาก็ชนะเลิศจากการแต่งตัวของ “แน็ป” ที่มาพร้อมกับเสื้อเชิร์ตลายสกอต, การปัดผมสไตล์อีโม รวมไปถึงการเจาะสักตามร่างกาย ทำให้ในช่วงนั้นเราได้เห็นวัยรุ่นแต่งตัวตามกันเต็มทั่วบ้านทั่วเมือง จนทำให้ทางงวงต้องเรียกแฟนเพลงเหล่านี้ว่า “เรทโทรเรี่ยน” แถมแน็ปยังโดนข่าวลือปั่นกระแสว่าเจ้าตัวเป็นผู้หญิงผ่าตัดกล่องเสียงมาร้องเพลงแทนพี่ชายอีก ยิ่งทำให้ชื่อวง Retrospect เป็นที่พูดถึงมากยิ่งขึ้น ถึงแม้เรื่องดังกล่าวจะเป็นการมโนขึ้นมาของใครซักคนก็ตาม SWEET MULLET “LIGHT HEAVYWEIGHT”
“โพสต์กรันจ์” หรือที่ใครหลายคนเรียกกันติดปากว่า “อเมริกันร็อก” ซึ่งพื้นเพทางดนตรีมันก็มาจากดนตรีกรันจ์ออริจินัลแบบที่เราได้ฟังกันจากวง Nirvana หรือ Pearl Jam แต่หลังจากมันได้รับความนิยมแบสุดขีด จึงไม่แปลกที่กรันจ์จะได้สร้างอิทธิพลและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นถัดมา ทำให้กรันจ์เกิดวิวัฒนการที่ผ่านการปรุงแต่งให้ฟังง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก จนสามารถกลายเป็นดนตรีกระแสหลักหรือเมนสตรีมที่ใคร ๆ ก็ฟังได้ แถมยังมีเนื้อหาที่ไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตที่ชวนซีเรียส แต่นำเสนอเนื้อหารัก ๆ ใคร่ ๆ ซะเป็นส่วนมาก “โพสต์กรันจ์” ขยายอิทธิพลในช่วงปลายยุค 90’s ลากยาวจะไปถึงปลายยุค 2000’s เลยทีเดียว แต่ช่วงพีคที่สุดคงหนีไม่พ้นต้น 2000’s ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่กระแสดนตรีนูเมทัลได้รับความนิยมนั่นเอง อย่างไรก็ตาม “โพสต์กรันจ์” ในช่วงนั้นได้รับกระแสต่อต้านไม่น้อย เพราะหลาย ๆ คนดันไปตีตราว่าวงพวกนี้คือ “ร็อกของปลอม” (ทั้ง ๆ ที่ซาวด์มีความหนักหน่วงที่หาฟังไม่ได้ง่าย ๆ จากคลื่นวิทยุในยุคปัจจุบัน) ถึงแม้จะโดนแขวะ โดนเหยียด แต่มันก็ไม่อาจจะหยุดยั้งความสำเร็จของบรรดาวงสายโพสต์กรันจ์ได้เลย ด้วยเหตุนี้เราจึงรวบรวม 10 เพลงฮิตของวงโพสต์กรันจ์มาฝากทุกคนกันครับ “HOW YOU REMIND ME” NICKELBACK วงโพสต์กรันจ์จากประเทศแคนาดาที่ข้ามประเทศมาประสบความสำเร็จในอเมริกา จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ผลงานชุดแรกของ Nickelback คือ
หลาย ๆ คนมักจะตีความดนตรีแนว “ฮาร์ดคอร์” กันผิด เพราะคนส่วนใหญ่ชอบเหมารวมว่าเพลงที่หนัก ๆ แหกปาก รุนแรง คือแนวฮาร์ดคอร์ไปซะทั้งหมด โดยเฉพาะในยุคนูเมทัลที่ในเริ่มแรกก็ถูกเรียกแบบนั้นเช่นกัน แต่แท้จริงแล้วซาวด์ของมันไม่ได้มีความใกล้เคียงเลย ดังนั้นเราลองมาทำความรู้จักพื้นฐานของฮาร์ดคอร์กันซักนิดก่อนดีกว่า ดนตรีฮาร์ดคอร์มีพื้นฐานมาจาดนตรีพังก์ ก่อตัวขึ้นในช่วงปลายยุค 70’s ถึงช่วงต้นยุค 80’s โดยเฉพาะในวอชิงตัน ดี.ซี. และนิวยอร์ก แต่ดนตรีของฮาร์ดคอร์จะมีความดิบกว่า หนักกว่า รวดเร็วกว่า และเสียงดังกว่า พังก์ขึ้นไปอีกเท่าตัว แถมยังใช้การแหกปากในการร้องเพลงด้วยเช่นกัน มีวงอย่าง Minor Treat, Bad Brains, Black Flag, Circle Jerks และ Dead Kennedys เป็นศิลปินบุกเบิกและเป็นต้นแบบให้กับวงในยุคต่อมา ดนตรีฮาร์ดคอร์ ยังมีวัฒนธรรมที่น่าสนใจที่แฝงตัวอยู่ ไม่ว่าการนิยมใช้ระบบ D.I.Y., การมอชพิต รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบ Straight Edge (ไม่ดื่ม ไม่เสพ ไม่มั่วเซ็กส์) เป็นต้น นอกจากนี้ดนตรีฮาร์ดคอร์ยังกลายเป็นอิทธิพลสำคัญให้กับดนตรีแนวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแธรช
ช่วงปีใหม่ที่มาพร้อมกับอากาศเย็น ๆ แบบนี้ ถือได้ว่าเป็นบรรยากาศดี ๆ ที่เราควรจะใช้เวลากับมันให้เต็มที่ เพราะในหนึ่งปีมันจะผ่านมาแค่วูบเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะในกรุงเทพ แต่นอกจากอากาศที่เป็นใจให้กับเราแล้ว การได้ฟังเพลงดี ๆ ที่เข้ากับช่วงเวลาเหล่านี้ก็เป็นอะไรที่ดีต่อใจไม่แพ้กัน ด้วยเหตุนี้เราจึงขอคัดเลือกเพลงอะคูสติคแนวอีโม/ป๊อปพังก์ มาให้ทุกคนได้ลองฟังกัน HOOBASTANK “THE REASON” (2020 ACOUSTIC VERSION) ชาวร็อกยุค 2000’s ไม่มีใครไม่รู้จักเพลงนี้แน่นอน โดยเฉพาะสายที่ชอบฟังเพลงสากล สำหรับเพลง “The Reason” กลายเป็นผลงานที่ทำให้วง Hoobastank เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก มันถูกเผยแพร่ให้ฟังครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มกราคม ปี 2004 โดยมีดนตรีที่เต็มไปด้วยเมโลดี้สุละมุมหู ชวนเคลิบเคลิ้ม และไพเราะจนสะกดใจ เวอร์ชั่นปกติก็ว่าดีแล้ว พอมาเจอเวอร์ชั่นอะคูสติคที่ทางวงทำมาฉลองครบรอบ 15 ปี ให้กับเพลงนี้ก็ยังคงน่าฟังไม่แพ้กัน ถือเป็นอีกฟีลหนึ่งที่แฟนเพลง Hoobastank จะต้องไม่พลาด MY CHEMICAL ROMANCE “CANCER” (ACOUSTIC VERSION) ผลงานเพลงจากอัลบั้ม “The Black Parade” ของหนึ่งในสุดยอดวงสายอีโม/พังก์
หลังจากช่วงหลายปีก่อนกระแสดนตรีแร็ปและฮิปฮอปเข้ามาครองบ้านเราแบบทุกหย่อมหญ้า แต่ในช่วงระยะหลังก็เริ่มรู้สึกว่ากระแสดนตรีร็อกกำลังค่อย ๆ กลับมาเช่นกัน มีวงดนตรีมากมายที่เกิดขึ้นมาใหม่ และเริ่มเข้ามามีบทบาทกับวงการแบบที่ไม่ได้เห็นมาพักใหญ่ ๆ หนึ่งในวงเหล่านั้นคือ Tryst (ทริสต์) วงร็อกรสจัดจ้านจากสังกัด Gene Lab ที่เพิ่งมาอายุวงเพียงขวบกว่า ๆ เท่านั้น “TRYST” ไฟที่ลุกโชนจากกองเถ้าถ่าน Tryst เกิดจากการรวมตัวของ 3 สมาชิก ได้แก่ อาร์ท – ทวีทรัพย์ อาจอำนวย (ร้องนำ), โฟล์ค – วัชระ วิลาทอง (กีต้าร์ / ซินธ์) และ นุ๊ก – ธนพงษ์ โชติช่วง (กลอง) เดิมทีอาร์ทเคยทำหน้าที่นักร้องนำให้กับวง Lasthoper มาก่อน ส่วนโฟล์คและนุ๊กปกติก็เล่นดนตรีด้วยกันอยู่แล้ว แถมยังเป็นแฟนเพลงของอาร์ทด้วยเช่นกัน ถึงขนาดเคยคุยกันว่าถ้าจะหานักร้องนำซักคนมาทำวงจริงจัง ตัวเลือกนั้นจะต้องเป็น “อาร์ท” เท่านั้น จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งพวกเขาได้ไปเจอกันในร้านที่ไปเล่นกลางคืน ประจวบเหมาะกับช่วงที่วง Lasthoper ได้เบรกไป ทางโฟล์คและนุ๊ก จึงได้ชักชวนอาร์ทให้มาเข้าร่วมวงทันที
การโปรโมตสินค้าไม่ว่ายุคไหน ๆ ก็มักจะใช้พรีเซนเตอร์เป็นบุคคลมีชื่อเสียง ทั้งดารา, ศิลปิน หรือในยุคปัจจุบันก็คือเหล่าอินฟูลเอนเซอร์ทั้งหลาย เพราะเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างเชื่อว่าหากบุคคลเหล่านี้จับต้องสินค้าของพวกเขา ก็ย่อมจะมีโอกาสที่คนจะเลือกซื้อสินค้าไปใช้ตาม ซึ่งกลยุทธ์การตลาดดังกล่าวก็บุกมาถึงวงการเพลงเมทัลด้วยเช่นกัน และมันได้เกิดขึ้นกับวง Korn เจ้าของฉายา “Godfather Of Nu Metal” นั่นเอง Korn นอกจากจะเป็นผู้เปิดประตูให้กับดนตรีแนวนูเมทัลให้ได้ออกมาเริงร่ากันแล้ว อีกทางหนึ่งพวกเขายังได้สร้างอิทธิพลให้กับเด็กวัยรุ่นในยุคนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว และภาพจำของแฟนเพลงทุกคนล้วนจะต้องมีแบรนด์กีฬาชื่อดังอย่าง Adidas ปรากฏขึ้นมาบนร่างกายของ Jonathan Davis ฟรอนต์แมนของวง จนกลายเป็นเหมือนเอกลักษณ์ของเจ้าตัวไปเลย Jonathan Davis มักจะมาพร้อมกับชุดวอร์มคู่ใจ ที่ทั้งเสื้อ, กางเกง และรองเท้าสนีกเกอร์ ล้วนเป็นของ Adidas ตั้งแต่หัวจรดเท้า อีกทั้งชุดที่เขาใส่ก็มีหลากหลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีดำ, สีน้ำเงิน, สีม่วง หรือสีเขียว เป็นต้น ด้วยรูปร่างในช่วงนั้นของ Jonathan ที่ยังเพรียว ทำให้รูปทรงของชุดวอร์มรับเข้ากับสรีระเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าใส่แล้วดูเท่โคตร ๆ เอาเรื่องจริง ๆ การจะใส่ชุดวอร์มให้ดูคูลพูดตรง ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นอกจากจะใส่เสื้อผ้าของ Adidas ในการโปรโมตตามสื่อต่าง ๆ หรือรูปที่ต้องใช้พีอาร์แล้ว Jonathan ยังใส่มันไปเล่นคอนเสิร์ตด้วยเช่นกัน
เชื่อเหลือเกินว่าในยุคปัจจุบัน “เกม” ได้แทรกซึมเข้าไปสู่ทุกเพศทุกวัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นผ่านมือถือ, เครื่องคอนโซล, ตู้เกมตามห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งบอร์ดเกม เรียกได้ว่ามีหลากหลาย และแต่ละแบบก็ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป ด้วยเหตุนี้ทำให้มีจำนวนยูสเซอร์ผู้เล่นเกมเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี แต่จะมีซักกี่คนที่จะอยากลุกขึ้นมาสร้างเกมเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้เราจึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “คุณเม-เมธี ช่วยปู่” และ “คุณบอล-จิรายุทธ์ ลิมรัตนสราญ” สองคู่หู Co-Founder ผู้สร้างเกมออนไลน์ “Eclipse Quest” เจ้าของ 2 รางวัลใหญ่จาก งาน TGS 2022 และ Thailand Comic Con 2022 เรามาลงลึกรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการสร้างเกม, ความเชื่องโยงกับโลก NFT และความแตกต่างในความรู้สึกของผู้เล่นกับผู้สร้าง จากบทสัมภาษณ์นี้กันครับ เริ่มต้นด้วยความชอบ คุณเมและคุณบอล จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยในไทยด้วยกัน แต่ช่วงเวลานั้นทั้งคู่ไม่ได้สนิทสนมกันซักเท่าไหร่ จนกระทั่งได้มีโอกาสไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา และก็เพราะความชื่นชอบในการเล่นเกมทำให้ทั้งคู่คุยกันถูกคอ นำไปสู่การชวนไปเล่นบอร์ดเกม จนกระทั่งกลายเป็นคู่ซี้ไปในที่สุด รวมไปถึงยังมีความคิดที่อยากจะสร้างเกมที่รู้สึกรักและชอบจริง ๆ ขึ้นมาตามความฝันของตัวเอง จนสุดท้ายมาจบที่การรวมทีมเพื่อเนรมิตจินตนาการให้เกิดขึ้นจริง คุณเม… “มันเกิดจากเรามองเห็นว่าเราอยากทำเกม แต่ว่าในเทรนด์ปีล่าสุดมันเป็นเรื่อง
ก่อนที่กระแสดนตรีฮิปฮอปและดนตรีป๊อปอีซีลีเซ็นนิงจะก้าวขึ้นมาครองชาร์ตวิทยุในบ้านเราเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน หากย้อนช่วงปี 2000’s มันเป็นช่วงที่ดนตรีร็อกครองตลาดบ้านเราอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่โดยเฉพาะฝั่งอโศกที่ผลิตศิลปินร็อกคุณภาพออกมามากมาย สำหรับในพาร์ตนี้ เราลองมาดูกันดีกว่าว่าในช่วงปี 2000-2005 มีผลงานอะไรในยุคนั้นที่ยังถูกพูดถึงมาจนทุกวันนี้บ้าง SILLY FOOLS “JUICY” (2002) หลังจากปรับทิศทางลดเพดานความหนักหน่วงลงนับตั้งแต่อัลบั้ม “I.Q.180” เส้นทางการเติบโตบนวงการดนตรีของ Silly Fools ก็ค่อย ๆ พุ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงอัลบั้ม “Juicy” ที่เหมือนเป็นการตกผลึกประสบการณ์ตลอดทั้ง 3 อัลบั้มที่ผ่านมา มีการบาลานซ์ความหนักและความป๊อปได้อย่างลงตัว แถมผลงานเพลงในอัลบั้มนี้เรียกได้ว่าฮิตแทบทุกเพลง ไม่ว่าจะเป็น “บ้าบอ”, “หน้าไม่อาย”, “ผิดที่ไว้ใจ”, “ขี้หึง”, “แกล้ง”, “น้ำนิ่งไหลลึก” และ “วัดใจ” แม้ว่าเวลาจะผ่านมา 20 ปีแล้ว แต่เราก็ยังคงได้ยินผลงานเพลงจากชุดนี้อยู่เป็นประจำ PARADOX “SUMMER” (2000) วงร็อกที่มีโชว์สุดวาไรตี้ พวกเขาเติบโตมาจากยุคอัลเทอร์เนทีฟรุ่งเรือง ก่อนจะไต่เต้าเข้ามาสู่ชายคาค่ายใหญ่ย่านอโศก โดยมีผลงานเดบิวต์กับ genie records ที่มีชื่อว่า “Summer” Paradox