ช่วงนี้ดูเหมือนว่ากระแสของเพลงร็อกเริ่มจะกลับมาคึกคักมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จากวงอย่าง Three Man Down ก็เพิ่งปรับเปลี่ยนสไตล์มาเป็นป๊อปพังก์ในเพลง “น้อง” ส่วนอีกหนึ่งวงที่ภาพของความเป็นร็อกชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มต้นคือ Paper Planes พวกเขาเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ช่วยปลุกกระแสเพลงร็อก ไล่มาตั้งแต่เพลง “เสแสร้ง” จนมาถึง “ทรงอย่างแบด (Bad Boy)” ที่กลายเป็นผลงานสร้างไวรัลไปทั่วบ้านทั่วเมือง ฮิตถึงขนาดเด็กอนุบาลยังต้องแหกปากร้องเพลงตาม และเพื่อไม่ให้เป็นการหลุดขอบตกกระแส Unlockmen เลยพาทุกคนมาพูดคุยกับ 2 สมาชิกของ Paper Planes ได้แก่ ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ และ เซน-นครินทร์ ขุนภักดี ณ Kandee Studio ของ “อ๊อฟ Big Ass” ซะเลย “ทรงอย่างแบด (Bad Boy)” ซิงเกิ้ล “ทรงอย่างแบด (Bad Boy)” ถูกเผยแพร่ให้ฟังครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2022 มันใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนก็สามารถทำยอดวิวใน Youtube ได้สูงถึง 22
ช่วงนี้ใครที่ได้ติดตามข่าวทางโซเชียลมีเดีย อาจจะได้พบเจอข่าวเกี่ยวกับคอนเสิร์ตของดนตรีสายฮาร์ดคอร์ที่ไปเล่นสดใจกลางสยามสแควร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมันทำให้หลายคนตกใจกับวัฒนธรรมการ “มอชพิต (Mosh Pit)” ของเหล่าคนผู้ชมที่ดูรุนแรง ดุเดือด ราวกับคนยกพวกตีกัน จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง ซึ่งโดยมากไปในทิศทางเชิงลบ ทำให้กลายเป็นประเด็นดราม่าเนื่องจากมีเสียงแตกออกเป็น 2 ฝั่ง โดยคำถามที่เกิดขึ้นหลัก ๆ เลยมันเกี่ยวกับ “ความปลอดภัย” โดยตรง งานนี้ทาง Unlockmen เลยอยากจะมาช่วยขยายความการมอชพิตเพิ่มขึ้นซักหน่อย ว่ามันอันตรายจริงหรือไม่? ซึ่งในปัจจุบันการละเล่นในวงมอชพิตที่พบได้บ่อยประกอบไปด้วย TACKLE วัฒนธรรมการมอชพิตมีรากเหง้ามาจากซีนดนตรีฮาร์ดคอร์พังก์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ยุค 80’s (สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ทาง : unlockmen.com/mosh-pit-history) และสำหรับการละเล่นแบบเบสิคสุด ๆ ที่แม้ไม่ใช่คอนเสิร์ตวงฮาร์ดคอร์หรือเมทัล ก็สามารถพบเห็นได้จากคอนเสิร์ตวงร็อกทั่ว ๆ ไป นั่นคือการ “Tackle” หรือการ “แท็ค” กัน “Tackle” การเล่นของมันไม่มีอะไรซับซ้อนเลย มันแค่เป็นการเอาหัวไหล่วิ่งไปชนอีกคนอย่างสนุกสนาน แทบจะไม่มีความอันตรายแต่อย่างใด ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของมันมาจากกีฬาอเมริกันฟุตบอลนั่นเอง CIRCLE PIT หากคุณเคยชินกับการเดินเวียนเทียน การเล่น “Circle Pit” ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
กิจกรรมในช่วงวันหยุดเชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งส่วนมากต้องเจอกับคนปริมาณมหาศาลที่แห่กันไปเที่ยวจนทำให้วันหยุดของเราดูจะไม่น่าอภิรมย์ซักเท่าไหร่ จนบางครั้งก็ทำให้เราหงุดหงิดจากปัญหารถติดที่ตามมาหลอกหลอนไม่แพ้วันทำงานเช่นกัน และเพื่อแก้ไขอาการเบื่อตอนรถติด Unlockmen เลยจัดเพลย์ลิสต์มันส์ ๆ จากวงร็อกนอกกระแสมาให้ทุกคนได้ฟังกันเพลิน ๆ ยามอยู่หลังพวงมาลัย HAREM BELLE “หมาป่าเดียวดาย (LONE WOLF)” Harem Belle วงดนตรีที่เติบโตมาจากยุคอีโม เป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากโปรเจกต์ Do It Or Die ซึ่งในปัจจุบันพวกเขาก็ยังคงผลิตผลงานเพลงภายใต้สังกัด Vom Records อยู่ โดยล่าสุดพวกเขาเพิ่งมีซิงเกิ้ล “หมาป่าเดียวดาย (Lone Wolf)” ออกมาให้ฟัง ซึ่งมาสไตล์โพสต์ฮาร์ดคอร์อันดุดัน เป็นการกลับไปเล่นซาวด์หนัก ๆ แบบที่หลายคนคิดถึงอีกครั้ง นอกจากนั้นเนื้อหาของเพลงนี้ยังส่งต่อกำลังใจในวันที่ต้องเจอกับปัญหาหนัก ๆ ด้วย หากเราเชื่อมั่นในตัวเองสุดท้ายแล้วมันจะผ่านพ้นไปได้ BOMB AT TRACK “ช่วงเปลี่ยนผ่าน (COMING OF AGE)” ผลงานเพลงส่งท้ายจากอัลบั้ม “Bomb The System” ของ Bomb
Zero To Hero เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “ไนซ์ – ปิ่นพงศ์ ขุนกัน” หรือ AKA : NICECNX แร็ปเปอร์หนุ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของซิงเกิ้ลฮิต “หลอก” ที่ปัจจุบันมียอดเข้าชม MV มากถึง 111 ล้านวิว แถมยังเคยผ่านเวที Show Me The Money มาแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ NICECNX ยังถูกเรียกไปแจมกับศิลปินอีกหลาย ๆ คน เช่น มิว ศุภศิษฏ์, แกงส้ม, Lipta เป็นต้น แต่กว่าที่ NICECNX จะก้าวขึ้นมาเป็นที่ยอมรับ เขาก็ต้องพบจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตอะไรหลาย ๆ อย่างที่ค่อย ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลง จนกลายมาเป็นประสบการณ์ทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิต เรามาดูกันดีกว่าว่าชีวิตของ NICECNX พบเจอกับความเปลี่ยนแปลงในรูปแบบไหนกันบ้าง เปลี่ยนจากเชียงใหม่สู่กรุงเทพ NICECNX อย่างที่เราเกริ่นไว้แล้วว่าเจ้าตัวคือเด็กเชียงใหม่ เขาเติบโตมาพร้อมกับความสนใจในเรื่องแฟชั่น และคลุกคลีกับซีนดนตรีที่หลากหลายทั้งร็อก, อินดี้ รวมไปถึงฮิปฮอปกับกลุ่ม 8GARAD ที่มีเพื่อนแร็ปเปอร์อย่าง
ว่ากันว่าการทำการค้าขายหากจะประสบความสำเร็จก็ควรจะต้องทำการ “Research” เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องในการวางแผน เช่นเดียวกับการทำค่ายเพลง ในบางครั้งก็มีการทำอัลบั้มรวมศิลปินเพื่อดูกระแสว่าวงไหนควรจะได้ไปต่อ และตัวอย่างอีกหนึ่งเคสที่ชัดเจนที่สุดคือ “Showroom Vol.1” ของ genie records ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2004 อัดแน่นไว้ทั้งหมด 7 วง ประกอบไปด้วย DAY TRIPPER วงดนตรีแนวบริตป๊อป ที่มี 2 สมาชิกดูโอ้คือ “อู” และ “ทวน” พวกเขาได้ชื่อวงมาจากเพลงของ The Beatles สำหรับผลงานที่ฝากไว้ใน “Showroom Vol.1” มีด้วยกัน 2 เพลงคือ “อยากอยู่ตรงนี้ตลอดไป” และ “คนที่คุณเฝ้ารอ” โดยทั้ง 2 เพลงมีโทนที่แตกต่างกัน เพลงแรกจะมาในอารมณ์ของความเศร้าหมอง ส่วนเพลงที่ 2 จะอยู่ในอารมณ์ของความสดใส หลังจากผลงานดังกล่าว Day Tripper ก็มีอัลบั้มออกมาอีก 2 ชุดได้แก่ “The Day Tripper” (2005) และ “Guilty”
“Do It Or Die 1” ของค่าย Music Bugs คืออัลบั้มรวมศิลปินที่เคยสร้างกระแสฮือฮาให้กับดนตรีนอกกระแสในปี 2005 เป็นอย่างมาก เพราะมันอุดมไปด้วยเหล่าวงที่เล่นดนตรีหนัก ๆ ที่ส่วนมากมาจากแวดวงอันเดอร์กราวน์ โดยมีวงรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงมาก่อนแล้วใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนฟัง นำโดย Basher, Oblivious, Bikini, Winky, Underfloor, Housetrap, Ritalinn, Zigg, Harem Belle และ Madame Dubois ผลงานชุดนี้ถูกวางขายตรงกับกระแสดนตรีอีโมบูมทั่วโลกพอดี มันก็ยิ่งส่งผลให้ช่วยปลุกกระแสในบ้านเราขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งต่อเนื่องจากโปรเจกต์ Showroom 1 ของทาง genie records ที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้ โดยมีวงอย่าง Retrospect และ Sweet Mullet นำทางไปก่อนแล้ว เรามาย้อนวันวานไปสัมผัสดนตรีที่ถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้ม “Do It Or Die 1” กันซักหน่อยดีกว่าครับ BASHER เป็นวงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโปรเจกต์นี้ พวกเขาโด่งดังมากับเพลงอย่าง “เสียดายของ”
ประเทศอังกฤษ คือหนึ่งในประเทศที่มีวัฒนธรรมทางดนตรีที่แข็งแรง อีกทั้งยังสร้างรากฐานสำคัญให้กับโลกของเสียงเพลงไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นแนวโพสต์พังก์อย่าง Joy Divison, พังก์ร็อกหัวขบถอย่าง Sex Pistols, บริตป๊อประดับท็อปอย่าง Oasis, ผู้นำแห่งเฮฟวี่เมทัลอย่าง Black Sabbath และศิลปินผู้เป็นอิทธิพลให้วงดนตรีอีกนับล้านอย่าง The Beatles สิ่งเหล่านี้มันได้หล่อหลอมสร้างศิลปินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากรุ่นสู่รุ่น ไม่เว้นแม้แต่ Harry Styles ศิลปินเดี่ยว วัย 28 ปี ที่ปัจจุบันเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินระดับโลกอย่างเต็มภาคภูมิ อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดี จุดเริ่มต้นที่ทำให้ใครหลายคนรู้จักชื่อของ Harry Styles มาจากรายการ The X Factor เมื่อปี 2010 แม้เขาจะไม่ได้รางวัลชนะเลิศ แต่ความสามารถก็โดดเด่นจนถูกชักชวนให้ไปทำ One Direction จนสามารถสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการติดอันดับ “Best-Selling Boy Bands” ในลำดับที่ 1 ของเกาะอังกฤษ ด้วยยอดขายรวมมากถึง 70 ล้านก็อปปี้ จากทั้งหมด 5 อัลบั้มด้วยกัน แต่สุดท้ายการใช้ชีวิตกับ
พูดถึงชื่อวง Oasis หลาย ๆ คนน่าจะนึกถึงเพลงอย่าง “Wonderwall” หรือ “Don’t Look Back In Anger” มาเป็นอันดับแรก ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมันคือเพลงที่โด่งดังมากที่สุดของวงร็อกจากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ แต่หากจะให้พูดถึงบทเพลงที่โชว์ความอัจฉริยะของ Noel Gallagher ในการครีเอตท่วงทำนองของดนตรีขึ้นมา จะต้องมีเพลง “All Around The World” อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน “All Around The World” คือผลงานจาก “Be Here Now” อัลบั้มที่ 3 ของวง Oasis ที่วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 1997 แต่เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาให้ฟังทาง BBC Radio 1 ก่อนวันวางแผงอัลบั้ม 10 วัน แต่หากให้มองไปถึงแบ็คกราวน์ของ “All Around The World” แท้จริงแล้วมันเป็นบทเพลงที่ถูกทำไว้ตั้งแต่ปี 1992
ต่อเนื่องจากบทความครั้งที่แล้ว “11 อัลบั้มโคตรแรร์! ของวงการอันเดอร์กราวน์ไทยปี 2000-2005” มาต่อกันที่ผลงานที่กลายเป็นของหายากสำหรับวงการร็อกและเมทัลไทยในช่วงปี 2006-2010 จะเป็นของศิลปินวงใดกันบ้าง เราไปทำการขุดมาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันแล้วครับ G6PD “PAST OF PIECES” (2006) G6PD วงดนตรีสไตล์เมทัลคอร์ จากเมืองล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ พวกเขาเติบโตมาจากวงการอันเดอร์กราวน์แบบขนานแท้ ก่อนจะได้รับโอกาสร่วมงานกับสังกัด Day One Records ที่ดูแลโดย สมศักดิ์ แก้วทิตย์ มือกลองของวงดอนผีบิน “Past Of Pieces” คืออัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกเขา ที่เต็มด้วยท่วงทำนองอันหนักหน่วง ทำลายล้าง มันส์ตั้งแต่เพลงแรกไปยันเพลงสุดท้าย แถมยังทำความเข้าใจกับเนื้อหาของเพลงได้ง่ายเพราะใช้ภาษาไทยในการเล่าเรื่องทั้งหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ G6PD สร้างรากฐานแฟนเพลงเมทัลเฮดไทยอย่างรวดเร็ว แทร็กแนะนำ : “เส้นทางความฝัน” IMAGINARY LIE (2007) หากพูดชื่อวง Imaginary Lie หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู แต่หากพูดถึงชื่อวง No More Tear หลาย ๆ
เพิ่งจะเปิดการแสดงสดในบ้านเราถึง 2 รอบไปหมาด ๆ ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี สำหรับ LANY วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ ป๊อป/ร็อก จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในวันที่ 3 พฤศจิกายน ตรงกับโชว์วันแรกของพวกเขา ทาง Unlockmen ก็ได้รับเกียรติให้เป็น 1 ใน 6 สื่อที่ได้เข้าไปนั่งสัมภาษณ์กับ 2 หนุ่ม Paul Jason Klein และ Jake Clifford Goss แบบ Exclusive สุด ๆ Lany ก่อตั้งวงเมื่อปี 2014 โดยเริ่มต้นกันมาทั้งหมด 3 คนด้วยกัน ได้แก่ Paul Jason Klein ร้องนำ/กีตาร์/คีย์บอร์ด, Jake Clifford Goss กลอง และ Charles Leslie