ดูเหมือนแม้แต่ค่ายรถมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่จากเมืองลุงแซมอย่าง Harley-Davidson ยังต้องเปลี่ยนแนวทางธุรกิจของตัวเอง จากผลกระทบของยอดขายที่ลดน้อยลงอย่างได้ชัดจากตัวเลขปีล่าสุด แผนการแรกของพวกเขาคือการบุกเข้าไปตีตลาดสร้างนักขับรุ่นใหม่ ด้วยการเข้าไปเทคโอเวอร์บริษัทผลิตจักรยานสำหรับเด็กซึ่งเป็นอีกแผนการสำคัญของพวกเขา ร่วมกับโปรเจกต์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่าง Livewire ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ Harley-Davidson ตัดสินใจซื้อกิจการของ StaCyc บริษัทผลิตจักรยานไฟฟ้าสำหรับเด็กจากแคลิฟอร์เนียซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2016 โดยพวกเขามีผลงานโดดเด่นของค่ายคือจักรยานไฟฟ้าขนาด 12 นิ้วและ 16 นิ้วที่เรียกว่า eDrive โดยรายละเอียดด้านมูลค่าที่ซื้อขายไม่ได้รับการเปิดเผย มีเพียงความเห็นจากปากของ Hearther Malenshek รองประธานกรรมการอาวุโสของ Harley-Davidson ที่บอกมาเปิดเผยว่าพวกเขาและ StaCyc มีแผนในการสร้างและทำธุรกิจที่ไปในทางเดียวกัน คือการสร้างนักปั่นนักขี่รุ่นใหม่ทั่วโลกโดยมีนัยยะสำคัญคือความสนุกสนาน และปรับภาพลักษณ์ที่ดุดันและเสียงดังของพวกเขาลง โมเดลจักรยาน 12eDrive และ 16eDrive ในปัจจุบันของ StaCyc มีการใช้แบตเตอรี่ขนาด 20 โวลต์ รองรับน้ำหนักของเด็กไม่เกินที่ 75 ปอนด์ (34 กิโลกรัม) พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 9-11 ไมล์/ชั่วโมง(15-19 กิโลเมตร/ชั่วโมง) รวมถึงมีราคาขายที่ 649 และ 699 ดอลล่าร์สหรัฐ กลุ่มเป้าหมายคือเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3-7
อีกไม่นานวงการรถยนต์คงต้องหาคำจำกัดความใหม่ เมื่อคำว่า Sportcar เริ่มธรรมดาเกินไป และคำว่า Hypercar เริ่มถูกใช้กันมากขึ้น และปัจจุบันดูเหมือนกำลังของ Hypercar กำลังถูกท้าทายจากหลายค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่พัฒนาก้าวข้ามกำแพง 0 – 100 km/h ใน 2 วินาที ล่าสุด Pininfarina, Italian Designer เก่าแก่ตั้งแต่ปี 1928 , จากผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบ Supercar ที่วันนี้ไดัผันตัวมาผลิตสุดยอดรถสปอร์ตของตัวเอง และสถิติที่ทำได้ก็ถือว่าไม่ธรรมดา กลายเป็นรถที่เร็วในอันดับต้น ๆ ของโลก Pininfarina Battista รถพลังงานไฟฟ้าที่พกพละกำลังมามากถึง 1,900 แรงม้า เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน Geneva Motor Show ผลิตจำนวนจำกัดแค่ 150 คันเท่านั้น Pininfarina Battista ใช้ lithium ion battery pack 120 kWh คุณภาพสูงจาก Rimac พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งแยกสู่ล้อทั้ง 4 อย่างอิสระ พร้อมลดน้ำหนักโครงสร้างที่ผลิตจาก
นับตั้งแต่ Mercedes-AMG GT ในรหัสตัวถัง (C190/R190) ถูกปล่อยออกมาให้คนรักรถทั่วโลกได้รู้จักเป็นครั้งแรกในเดือนกันยายนปี 2014 ในงาน Paris Motor Show ทำให้หนุ่ม ๆ หลายคนได้มีโอกาสได้รู้จักกับรถสปอร์ตสมรรถนะสูง มาพร้อมโมเดล Coupe และ Roadster ที่สวยงามและเร็วแรงซึ่งแน่นอนว่าความยอดเยี่ยมของมันก็ทำให้สายการผลิตถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนมาถึง AMG GT รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมรหัส R พ่วงท้ายมาด้วย Mercedes-AMG GT R (2020) ปิศาจความเร็วที่มาในโหมดเปิดประทุน เป็นรถที่ผลิตโดย Mercedes -AMG GmbH หรือเรียกสั้น ๆ ว่า AMG แผนกปรับแต่งรถยนต์สมรรถนะสูงที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Mercedes Benz เมื่อปี 2005 โดยการมาในครั้งนี้ของ AMG GT R มาพร้อมหลังคาแบบ Soft top (หลังคาอ่อน) ซึ่งว่ากันมาเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับสายการผลิตของ Mercedes-AMG แถมครั้งนี้ยังมาพร้อมขุมกำลังสุดโหดและจำนวนที่จำกัดในการผลิตอีกด้วย ดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-AMG
ในปี 2006 Audi เปิดตัวรถสปอร์ตของค่ายที่มีดีไซน์สุดพิเศษ นั่นคือ Audi R8 เครื่องยนต์ 4.2-liter V8, หลังจากนั้น 3 ปี Audi R8 ได้เผยโฉมรถเวอร์ชั่นที่สมรรนะสูงต่อสาธารณชนที่เฝ้ารอแรงม้าที่จัดจ้านมากขึ้น คำตอบของ Audi ในวันที่ 8 ธันวาคม 2008 คือ R8 5.2-liter V10 engine ที่มีแรงม้า 525 ตัว แต่เริ่มออกโชว์ตัวจริง ๆ ในงาน Detroit Auto Show เดือนมกราคม 2009 10 ปีต่อมาถึงวันนี้ Audi ได้ระลึกถึงวันแห่งความทรงจำดี ๆ ครั้งนั้น ด้วยการเปิดตัวเวอร์ชั่นสุดพิเศษแบบ Limited Edition และแน่นอนว่ามันต้องมาพร้อมเครื่อง V10 ที่ผ่านการรีดแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 620 ตัว นั่นคือ 2019 Audi
เมื่อปี 2017 แบรนด์รถยนต์จากเมืองมักกะโรนีเปิดตัวสุดยอดซูเปอร์คาร์อย่าง Lamborghini Terzo Millennio Concept และตอนนี้ Lamborghini ก็กำลังต่อยอดความสำเร็จจากครั้งก่อนโดยการผลิตรถ Hybrid Hypercar ในโปรเจกต์ LB48H ที่ภายหลังมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Lamborghini Unico Lamborghini Unico มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน วี 12 สูบ 6.5 ลิตร ทำงานประสานกับเพลาล้อหลัง ไม่ใช้ระบบอัดอากาศแบบเดิมแต่เปลี่ยนมาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้าแทน ให้กำลัง 789 แรงม้า เท่ากับ Lamborghini Aventador แต่สิ่งที่แตกต่างคือมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 49 แรงม้า ทำให้รถยนต์สามารถมีแรงม้าสูงสุดถึง 838 แรงม้า (625 กิโลวัตต์) สมรรถนะและความเร็วใกล้เคียงกับรถที่ใช้ในสนามแข่ง Formula One ดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกบางส่วนจะถอดแบบมาจากซูเปอร์คาร์รุ่นพี่อย่าง Lamborghini Terzo Millennio Concept พร้อมปรับเปลี่ยนบางส่วนให้ล้ำสมัยมากขึ้น เน้นความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์เหมือนเคย แต่การเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างบางส่วน โดยใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ที่เป็นวัสดุมาตรฐานสำหรับยานยนต์แห่งอนาคต
เมื่อแบตเตอรี่ไฟฟ้าถูกนำไปใช้ในรถยนต์มากขึ้น ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงอันยุ่งยากจึงเป็นสิ่งไม่จำเป็นอีกต่อไป จึงสามารถทำให้รถยนต์มีขนาดเล็กลงได้เยอะ ค่ายรถจึงเริ่มฉีกกฎเกณฑ์การออกแบบรถยนต์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด และมีการนำเสนอรถยนต์กลุ่มใหม่เรียกว่า Ultra-Compact ที่เหมาะสำหรับใช้งานในเมืองมากขึ้น ซึ่ง CITROEN AMI ONE ULTRA-COMPACT CONCEPT CAR คันนี้ก็เป็นอีกไอเดียรถยนต์อนาคตที่แหวกแนวและมีจุดเด่นน่าสนใจหลายอย่าง CITROEN AMI ONE ULTRA-COMPACT CONCEPT CAR เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่แสดงให้เห็นถึง Vision ยานยนต์ในโลกอนาคตของ Citroen มันไม่ใช่แค่รถยนต์พลังงานทางเลือก แต่มันคือยานพาหนะทางเลือกที่จะมานำเสนอการเดินทางในเมืองรูปแบบใหม่แทนที่ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ด้วยรูปร่างทรงกล่อง กว้าง 2.5 เมตร สูง 1.5 เมตร ความเล็กกะทัดรัดที่ถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานบนถนนและซอยที่เล็กแสนเล็กของเมืองในประเทศฝั่งยุโรป แต่ยังคงมีพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง และพื้นที่เก็บสัมภาระที่เหลือเฟือ Concept ที่น่าสนใจของ Citroen Ami One คือการใส่เทคโนโลยีให้รถคันนี้ฉลาดขึ้น มีเทคโนโลยี Self-Driving ให้เลือกใช้งานได้แม้ไม่มีคนขับอีกด้วย และไม่จำเป็นต้องซื้อ Citroen วางแผนให้สามารถเช่าได้ผ่านทาง Application อีกด้วย ความเร็วสูงสุดของ Ami One
ถ้าพูดถึงชื่อของค่ายรถอย่าง Porsche ภาพแรกที่ผู้ชายอย่างเรานึกถึงอาจเป็นรถยนต์รุ่น Iconic ของค่ายอย่าง 911 แต่สำหรับแฟนเดนตายแล้ว พวกเขายังมีรถอีกโมเดลซึ่งเป็นเหมือนกันบรรพบุรุษรวมถึงเป็นรถคลาสสิกรุ่นสำคัญที่มีส่วนสำคัญที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้ Porsche โดยหลายคนรู้จักมันในชื่อ Porsche 356 Porsche 356 ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1948 จากค่าย Porsche Konstruktionen GesmbH ซึ่งถือเป็นตัวเก๋าที่ถูกผลิตออกมาในหลากหลายโมเดลไม่ว่าจะเป็น Coupe, Roadster และ Convertible โดยเป็นรถยนต์ที่มีเครื่องวางหลังและระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ที่ต่อมาประสบความสำเร็จในสายมอเตอร์สปอร์ตของช่วงเวลานั้นไว้มากมาย จนทำให้มันกลายมาเป็นรุ่นสุดคลาสสิกที่แฟน Porsche ทั้งหลายต้องการครอบครองมาจนถึงปัจจุบัน และล่าสุดมันก็ถูกนำมาดัดแปลงใหม่อีกครั้งพร้อมระบบขับเคลื่อนใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน Emory Motorsports ค่ายปรับแต่งและดัดแปลงรถยนต์ ผู้ฝากผลงานไว้มากมายกับการ Custom โมเดลยอดนิยมต่าง ๆ จากค่าย Porsche โดยผลงานชิ้นล่าสุดของพวกเขาถูกเรียกว่าโปรเจกต์ Allrad ซึ่งเป็นส่วนผสมของรุ่นคลาสสิกอย่าง 356 Coupe เข้ากับแชสซีส์ 911 จนออกมาเป็น Porsche 356 ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD (All-Wheel-Drive) เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งหลายคนคงทราบกันดีกว่าระบบขับเคลื่อนดังกล่าวจะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเรื่องการแบ่งกำลังไปยังล้อต่าง ๆ
พึ่งผ่านไปหมาด ๆ กับงาน #BIMMERMEET3 หรือ “บิมเมอร์” ที่เรียกได้ว่าเป็นงานที่รวมพลคนรักรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูมาจัดแสดงมากกว่า 400 คัน พร้อมยังมีกิจกรรมสนุก ๆ และสาวกได้ฟังเรื่องราวเชิงลึก เคล็ดลับต่าง ๆ จากบรรณาธิการของคอลัมนิสต์ของนิตยสาร BMWCar อีกด้วย ใครที่พลาดงานดี ๆ แบบนี้ไปไม่ต้องเสียใจเพราะ UNLOCKMEN เก็บภาพบรรยากาศมาไว้ให้แล้ว ภายในงานมีการแบ่งโซนจัดแสดงอย่างเช่น BMW M Town โซนที่คนรักรถหรูสมรรถนะสูงสายพันธุ์ M ต้องปลื้ม ไปถึงโซน BMW CLASSIC ที่ทั้งจัดแสดงและให้ข้อมูลการสั่งซื้ออะไหล่รถคลาสสิกแท้ ซึ่งปัจจุบันทางบีเอ็มดับเบิลยูประเทศไทย ได้อำนวยความสะดวกให้การจัดหาอะไหล่ที่เคยหายากมากทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมแล้วด้วย ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่ารถทุกรุ่นทุกปี จะมีอะไหล่แท้ที่ได้มาตรฐานให้ใช้งาน ต่อด้วยโซน #BMWstories ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความประทับใจที่ชาวบิมเมอร์มีต่อบีเอ็มดับเบิลยู โซน X-Series ที่มีรถ SAV และ SAC พร้อมเทคโนโลยี xDrive มาโชว์กัน โซนโปรแกรมสิทธิประโยชน์ The Ultimate JOY Experience ที่เปิดให้เจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่นสมัครได้ฟรี โซน
ในยุคสมัยที่ไม่ว่าอะไรก็ต้องมีเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เหล่าผู้ผลิตทุกวงการต่างต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงบริษัทใหม่ ๆ ที่เล็งเห็นถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีที่สามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานที่ล้ำสมัยและน่าทึ่งอย่าง Byton Byton บริษัทผู้ผลิตและออกแบบรถยนต์น้องใหม่ที่เกิดจากการร่วมทุนกันระหว่าง Future Mobility Corp บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของไต้หวัน และ Tencent Holdings บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของจีนผู้ผลิตแอปพลิเคชั่นเพลงออนไลน์อย่าง Joox รวมถึงเกมสุดฮิต Garena Rov และแอปพลิเคชั่นสำหรับแชทที่นิยมในจีนอย่าง WeChat โดยพวกเขาพร้อมเปิดตัวและจำหน่ายรถยนต์ที่เต็มไปด้วยเทคโลยีในประเทศจีนช่วงปี 2019 และวางแผนจะลุยตลาดสหรัฐฯ และยุโรปในปี 2020 บริษัทผู้ผลิตตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงในโลกของเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันอะไรที่เป็นจอภาพแสดงผลจะต้องมีขนาดใหญ่ไว้ก่อนและเข้าถึงง่าย จึงเกิดไอเดียให้บริษัทผลิตหน้าจอรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาภายในรถยนต์ที่ว่ากันว่าจะกลายมาเป็นคู่แข่งของ Tesla อย่าง Byton M-Byte SUV นอกจากจะเป็นการร่วมกันของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีความถนัดในแต่ละด้านแล้ว Byton ยังดึงคนจากแบรนด์รถยนต์ชื่อดังระดับโลก bmw อย่าง Daniel Kirchert ผู้บริหารฝ่ายขาย BMW ในประเทศจีน และ Carston Breitfeld ผู้จัดการโปรเจกต์การพัฒนา BMW i8 มารับหน้าที่เป็นผู้บริหารในครั้งนี้ ในขั้นต้น Byton M-Byte
ถ้าพูดถึงชื่อ MG (เอ็มจี) หนุ่ม ๆ ในบ้านเราคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ที่เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกตั้งปี 2556 ด้วยรถยนต์ที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์ที่ทันสมัยเข้ามาสู่ตลาดรถยนต์เมืองไทย ซึ่งนับเป็น 5 ปีที่พวกเขานำเสนอจุดเด่นไม่ว่าจะเป็นด้านงานออกแบบและสมรรถนะของตัวรถ รวมถึงนวัตกรรมสำหรับสนับสนุนการขับขี่ที่เหนือระดับ ยกตัวอย่างจากการที่พวกเขาเป็นผู้ผลิตรายแรกที่มีการติดตั้งซันรูฟ (Sunroof) ในรถยนต์ขนาดเล็กและนำระบบปฏิบัติการอัจฉริยะอย่าง i-SMART ซึ่งเป็นระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะที่รองรับการสั่งการในรถด้วยเสียงภาษาไทย รวมถึงการพัฒนางานด้านบริการเพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าแบบครบวงจรและการดำเนินงานด้านการขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย โดยปัจจุบันเอ็มจีมีโชว์รูมกว่า 100 แห่งครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ ทั้งหมดทำให้ในปี 2561 ที่ผ่านมาเอ็มจีมียอดขาย 23,740 คัน เติบโตขึ้นเกือบ 100% เมื่อเทียบกับปี 2560 ทั้งนี้ในต้นปี 2562 นี้ บริษัทฯ จะมียอดขายรถยนต์ในประเทศครบ 50,000 คัน ในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปีของการดำเนินงาน นับตั้งแต่การขายรถยนต์คันแรก ทั้งนี้การเติบโตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของเอ็มจีและแนวทางการบริหารงานที่เป็นเอกลักษณ์ จนสร้างการตอบรับจากผู้ชายชาวไทยได้เป็นอย่างดี 5 ปีกับ 5 โมเดลยอดนิยมของ MG หนุ่ม ๆ ในเมืองไทยได้สัมผัสกับความยอดเยี่ยมของเอ็มจีเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมปี 2557 โดยทางเอ็มจีได้เริ่มจำหน่ายรถยนต์คันแรกคือ MG
ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีในรถยนต์ Tesla ของ Elon Musk มักจะคิดค้นพัฒนาได้ตอบโจทย์จนค่ายรถยนต์แบรนด์อื่นดูล้าหลังไปเลย และไม่ใช่แค่เรื่องของการขับขี่เท่านั้น แม้แต่การตอบโจทย์เรื่องปลีกย่อยสำหรับคนรักสุนัข ก็ยังได้รับการพัฒนาอย่างน่าประทับใจกับล่าสุด Dog Mode ฟังก์ชันที่แก้ Pain Point ไม่ต้องทิ้งสุนัขอยู่ในรถร้อน ๆ และไม่ต้องกลัวว่าจะมีพลเมืองดีทุบกระจกเข้าไปช่วยเหลือ รวมถึง Sentry Mode เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคันเมื่อจอดสุดอัจฉริยะ เริ่มจาก Dog Mode ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเจ้าของรถผู้รักสุนัข ที่มักจะพาสุนัขตัวโปรดเดินทางไปในรถด้วยกัน และบางครั้งอาจจะลำบากใจในการทิ้งสุนัขเอาไว้ในรถที่ดับเครื่องเพื่อลงไปทำธุระ และคนรอบ ๆ อาจจะเป็นห่วงสุนัขในรถว่าสุขสบายดีหรือไม่ ซึ่ง Dog Mode ของ Tesla สามารถตั้งอุณหภูมิ Climate Control System ในรถให้เย็นได้ตามที่ต้องการเพื่อความสะดวกสบายโดยไม่ต้องติดเครื่อง ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่หลักในรถได้นานจนกระทั่งเหลือ 20% จะมี Notification แจ้งเตือนผ่าน Tesla Smartphone Application บนหน้าจอจะมีข้อความแสดงผลว่า “My owner will be back
ถ้าพูดถึงชื่อของค่ายรถยนต์อย่าง Bentley หนุ่ม ๆ หลายคนคงจะคุ้นเคยกับภาพของ Luxury Cars ที่มาพร้อมความหรูหราสวยงาม ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นจุดขายสำคัญของค่ายรถเมืองผู้ดีแห่งนี้มาช้านาน แต่ล่าสุดทาง Bentley ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขาไม่ได้มีดีแค่เพียงทำรถยนต์ที่ตอบโจทย์เฉพาะความมีระดับเพียงเท่านั้น หลังจากได้เปิดตัว Bentley Bentayga Speed (2019) ที่กลายมาเป็น SUV ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ Bentley Bentayga รถยนต์ประเภท SUV รุ่นแรกของ Bentley ที่ถูกพัฒนาต่อจาก Prototype อย่าง Bentley EXP 9 F พร้อมเปิดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกใน Frankfurt Motor Show 2015 และถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนในรุ่นล่าสุดอย่าง Bentayga Speed ที่มาพร้อมสมรรถนะสุดโหดคันนื้ Bentley Bentayga Speed มาพร้อมรูปลักษณ์งานดีไซน์เฉพาะตัวในแบบของการเป็น SUV ที่มาพร้อมความโค้งเว้าเรียบเนียนตลอดทั้งคัน จุดเด่นคือฝากระโปรงที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยและเส้นตัดกลางที่ผ่านลงมาถึงส่วนช่องระบายอากาศด้านหน้า Bentayga Speed ยังมาพร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบสีขุ่น