หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ติดตามข่าวสารรอบโลกในช่วงนี้ เชื่อว่า ‘การประท้วงในฮ่องกง’ คือหนึ่งในเหตุการณ์ที่คุณกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด (คุณสามารถอ่านข้อมูลเรื่องนี้เต็ม ๆ ได้ที่นี่ คลิก ) ในหน้าประวัติศาสตร์แห่งวงการเพลง ที่ใดมีการประท้วงที่นั่นย่อมมีบทเพลงปลุกใจ เหล่าศิลปินผู้มีจุดยืนมักจะนำเรื่องราว ความคิด หรือทัศนคติของตัวเองที่มีต่อเหตุการณ์นั้น ๆ มาถ่ายทอดผ่านผลงานของตัวเอง และเมื่อวันเวลาล่วงเลยผ่าน การแสดงจุดยืนของพวกเขาในวันนั้น ล้วนเป็นมรดกที่ส่งต่ออิทธิพลทางความคิดบางอย่างสู่คนรุ่นหลังต่อไป ‘เพลงฮิปฮอป’ เรียกได้ว่าเป็นศิลปะและวัฒนธรรมแขนงหนึ่งที่อยู่คู่กับการประท้วงบนโลกนี้มาโดยตลอด เฉกเช่นที่บ้านเราเคยมีเพลง ‘ประเทศกูมี’ อันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งบางเมื่อปีก่อน ชาวฮ่องกงก็มีศิลปินฮิปฮอปหลากหลายกลุ่มที่กำลังขับเคลื่อนสังคมในบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเช่นกัน ถึงแม้ศิลปินเมนสตรีมในฮ่องกงหลายคนจะแสดงตัวว่าอยู่ฝั่งเดียวกับรัฐบาล บ้างก็ไม่แม้แต่จะปริปากพูดเรื่องนี้ แต่ศิลปินนอกกระแสหลายคนก็กำลังเดินหน้าในการยืนหยัดจุดยืนของตน พวกเขามีความกล้าลุกขึ้นสร้างสรรค์บทเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประท้วงในครั้งนี้เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้คนในสังคม เพลงของพวกเขาถูกเผยแพร่จากใต้ดินขึ้นสู่บนดิน กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างในเวลาอันรวดเร็ว โดยที่ไม่มีองค์กรหรือหน่วยงานใดให้ความสนับสนุน Credit: Joseph Chan หนึ่งในเพลงที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้คือเพลงที่ชื่อว่า FUCKTHEPOPO ของศิลปินที่ชื่อ JB (屌狗) ซึ่งคำว่า POPO ในที่นี้ก็ไม่ใช่อะไรที่ไหนแต่คือ Police หรือตำรวจนั่นเอง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย ฮิปฮอปกับตำรวจก็ดูจะเป็นสองสิ่งที่ไม่เคยลงรอยกัน โดยเพลงนี้ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา และปัจจุบันยอดวิวใน Youtube พุ่งสูงถึง 1.8 ล้านกว่าวิวเป็นที่เรียบร้อย
“เราอาจเคยหลงใหลใช้เวลาร่วมกันชั่วขณะหนึ่ง แล้วเราก็พรากจากกัน พลัดหล่นหายไปในกาลเวลา” – โชติรส นาคสุทธิ์ ครั้งหนึ่งในชีวิตของทุกคนต้องเคยเอาตัวเองไปผูกไว้กับใครสักคนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการผูกมัดที่เต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตามที เพราะความสัมพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องใช้เวลาทำความรู้จักเพื่อเข้าใจกันและกัน ไม่ต่างจากศิลปะหรือแม้กระทั่งเซ็กซ์ระหว่างคนสองคน ต่างต้องใช้เวลาเพื่อคุ้นเคย ผูกพันเพื่อใกล้ชิด และคลายปมเชือกเพื่อจากลา เมื่อชีวิตความสัมพันธ์ของเราละม้ายคล้ายกับศิลปะที่ใช้เชือกพันธนาการร่างกายของมนุษย์อย่าง Shibari (ชิบาริ) จนบางครั้งแยกไม่ออก UNLOCKMEN จึงต้องการลงลึกสู่รายละเอียดทุกเรื่องที่สงสัย ดื่มด่ำกับทุกพันธนาการ จนให้กำเนิดอีเวนต์อาร์ต ๆ ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมค้นหากันว่าศิลปะ พันธนาการ ดนตรี และความสัมพันธ์ มันมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรในงาน SHIBARI WORKSHOP x GARAGE: “FREEDOM FROM BONDAGE อีเวนต์เดียวแต่กลับได้ร่วมวงสนทนากับ Unnamedminor หญิงสาวที่เชี่ยวชาญเรื่อง ‘การมัด’ สไตล์ชิบาริอย่างลึกซึ้ง และลูกแก้ว-โชติรส หญิงสาวผู้บอกเล่าความสัมพันธ์อันหลากหลายออกมาเป็นตัวอักษรและพึงพอใจกับ ‘อิสระ’ ในความสัมพันธ์ ทั้งคู่นั่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างสถานการณ์ เพื่อค้นหาว่าการมัดกับอิสระจากความสัมพันธ์สามารถมาบรรจบกันได้หรือไม่ ก่อนสัมผัสกับบทสนทนาชวนให้คิดตามหรือดูการรัดรึงด้วยตาของตัวเอง แค่ก้าวเข้ามาภายในสตูดิโอเราจะเห็นโปสเตอร์ที่แปะเรียงราย ม่านสีแดง แสงไฟสลัว ควันจาง ๆ ดนตรีที่เปิดคลอ และเชือกกับห่วงที่ถูกห้อยไว้กลางห้อง โหมบรรยากาศรอบตัวให้น่าตื่นเต้นมากขึ้น ถ้อยคำเต็มไปด้วยความรู้สึกของลูกแก้วที่เอื้อนเอ่ยถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนไปจนถึงหลายคน