แม้ว่าช่วงหลังกระแสความนิยมของ YEEZY หรือสินค้าดีไซน์ Made By Kanye West จะดูซบเซาลงไปพอสมควร แต่คนระดับเขาแล้ว จะขยับตัวทำอะไรแต่ละทีต้องไม่ธรรมดาเสมอ ซึ่งหลายคนอาจจะจดจำภาพเขาในแวดวงแฟชั่น จนลืมไปแล้วว่าอาชีพเดิม ๆ ของชายคนนี้คือศิลปินที่ฝีมือจัดจ้าน พร้อมกับเป็นต้นแบบของการคิดโชว์แสดงสด ที่แหกแหวกแนว แตกต่างจากชาวบ้านชาวช่องเขาทำกัน ตัวอย่างเช่นเมื่อปี 2016 ครั้งที่ Kanye West เปิดตัวอัลบั้ม The Life of Pablo เขาได้ฉีกทุกกฎเกณฑ์การแสดงสด ด้วยการนำโชว์คอนเสิร์ตเล่นไปพร้อม ๆ กับแฟชั่นโชว์ของตัว แถมจัดอย่างยิ่งใหญที่สนาม Madison Square Garden ซึ่งคงไม่มีใครบ้าดีเดือดเช่นเขาอีกแล้ว และล่าสุดหลังจากเว้นวรรคผลงานเพลงมากว่า 2 ปี Kanye West กลับมาอีกครั้ง มิสเตอร์ President แห่งวงการแฟชั่นได้ทำการเปิดตัวอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อ ‘ye’ โดยคราวนี้เขาไม่ได้ไปเช่าสนามกีฬาหรือปิดสนามบินอะไรทำนองนั้น ทว่ากลับจัดปาร์ตี้เรียบง่ายแบบส่วนตัว ซึ่งชวนเฉพาะแขกคนสำคัญเท่านั้นให้เดินทางไป Jackson Hole, Wyoming ที่เป็นพื้นที่ชนบทล้อมรอบด้วยป่าเขาลำเนาไพร บรรยากาศสุด Deep
ฟุตบอลโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ คงเป็นกระแสที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาคอยกว่า 4 ปี แต่ไม่ใช่แค่การแข่งขันฟุตบอลเท่านั้นที่หลายคนจับตามอง ส่วนประกอบอื่น ๆ ที่เป็นเหมือนสีสันของงานก็เป็นส่วนสำคัญที่ทั่วโลกจับตามองไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น นักเตะตัวจี๊ดจากแต่ละประเทศ ประเทศเจ้าภาพ ส่วนไฮไลต์ในประเทศไทยก็คงไม่พ้นการทายผลบอลโลกผ่านทางไปรษณียบัตรกับทางไปรษณีย์ไทย ซึ่งในปีนี้ก็ยังคงมีเหมือนในทุกปี สามารถส่งไปรษณีย์บัตรทายผลได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 14 ก.ค. 2561 อีกสิ่งที่เป็นไฮไลต์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือเพลงประจำ World Cup ปีนั้น ๆ ซึ่งหลายเพลงของ World Cup ได้ดังพลุแตกจนกลายเป็นเพลงระดับตำนานไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “We Are the Champions”, “The Cup of Life”, “Waka Waka” ที่ได้ยินเมื่อไหร่เป็นต้องร้องตามกันได้ทุกคน แม้ World Cup จะจบลง แต่กระแสของเพลงก็ยังไม่จบ และยังคงเสน่ห์ข้ามกาลเวลามาจนถึงตอนนี้ UNLOCKMEN ขอชวนหนุ่ม ๆ มาฟังเพลง World Cup ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อม Fact น่ารู้เล็กน้อย เอาไว้เล่าให้เพื่อนฟังกันแบบเซียน ๆ และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเทศกาลบอลโลก We Are the
ไม่ว่าจะเดินทางมาทำงานด้วยวิธีไหน ไม่ว่าจะขับรถมาเอง หรือใช้ขนส่งมวลชน เชื่อว่าหลายคนคงไม่ได้แฮปปี้กับสภาพจราจรในตอนเช้าหรือหลังเลิกงานกันนัก ไม่ว่าจะในย่านที่ติดเป็นประจำจนขึ้นชื่อว่าติดไฟแดงชาตินี้ได้ไปชาติหน้า หรือย่านที่ไม่ได้ติดสาหัส แต่ก็รถเยอะจัดตลอดวัน หรือใครที่เดินทางด้วยขนส่งมวลชนก็ต้องผจญกับคลื่นมนุษย์ที่เบียดเสียดกันไม่แพ้ทางอื่น UNLOCKMEN เข้าใจคุณดี และอยากเอา PLAYLIST นี้ไปฟังแก้เบื่อ แก้เซ็งกันก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง สำหรับใครที่สะดวกฟังบน Spotify เรามี Playlist มาให้เหมือนเดิม ที่นี่ Lord Huron – The Night We Met เริ่มกันแบบชิล ๆ ดับความหัวร้อนบนท้องถนน ด้วยอินดี้โฟล์คจาก Lord Huron ที่ไม่ได้ชิลจนชวนหลับ ยังพอมีจังหวะให้โยกหัวตามได้บ้าง The Lumineers – Cleopatra เพลงอะไรจะเหมาะกับการเดินทางไปมากกว่าอินดี้โฟล์ค โดยเฉพาะจาก The Lumineers ที่จะมาเพิ่มความสดชื่นให้กับเช้าวันที่น่าเบื่อหน่ายอย่างนี้ John Mayer – Love on the Weekend มาขยับจังหวะให้คึกคักขึ้นกับหนุ่ม John Mayer ที่เพิ่งปล่อย MV สุดวายป่วงไป
เเทบจะ 99% ของผู้ชายอย่างเรา ๆ ไม่ว่าจะวัยไหน น่าจะโตมากับดนตรี POP Music เเนวดนตรีที่เป็นที่นิยมของผู้คนส่วนใหญ่ทั่วโลก คำว่า POP Music ก็ถูกเเยกออกไปได้หลายรูปแบบ แต่ครั้งนี้เราขอเอ่ยถึงเเนวดนตรีที่รวมบรรยากาศของ ทะเล เสียงคลื่น สายลม เเละเเสงแดด จนกลายเป็นความลงตัวที่ Surf Music ถือกำเนิดขึ้น ถ้านึกถึงดนตรีเเนวนี้ ศิลปินระดับโลกเบอร์ต้น ๆ ที่เรานึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้น Jason Mraz นักร้องนักเเต่งเพลงชาว American ที่มีเพลงฮิตมากมายและทำให้ดนตรีเเนวนี้โด่งดังไปทั่วโลก เกริ่นมาขนาดนี้ ถ้าในไทยศิลปินเเนว Surf Music ที่ทุกคนต้องคิดถึงเป็นชื่อเเรก ก็คงจะไม่ใช่ใครที่ไหน “สิงโต นำโชค” คือชื่อที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี และในวันนี้เรามีนัดพาทุกคนไปพูดคุยกับสิงโต นำโชค ชายหนุ่มที่มาพร้อมรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ สร้างภาพจำจาก Ukulele เเละบทเพลงอันเป็นมิตรของเขาซึ่งครองใจพวกเรามาอย่างยาวนาน เราเริ่มออกเดินทางประมาณเที่ยงกว่า ๆ วันนี้แดดน้อยมากเหมือนฝนจะตก เรานัดพี่สิงโต ที่ Slow Cafe (Room111) สีลมซอย 7 ร้านกาแฟ กึ่ง CO-Working Space ที่ชั้นล่างเป็นโซนนั่งชิล ส่วนชั้นบนเป็นห้องประชุมหรือจะนัดมีตติ้งพบปะแบบส่วนตัวกับเพื่อน ๆ ก็ยังไหว ไม่นานเราก็ถึง Slow Cafe ยังคงกังวลอยู่นิด ๆ ที่อากาศออกจะครึ้ม ๆ เพราะวางแผนว่าอยากถ่ายรูปพี่สิงโตกลางเเจ้งด้วย แต่แล้วช่วงเวลาแห่งความกังวลจำต้องหมดลง เพราะไม่นานนักพี่สิงโตก็มาถึง เราทักทายกันอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะพาพี่สิงโตขึ้นไปชั้นบนของร้านซึ่งเป็นสถานที่ที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ พี่สิงโต ดูยิ้มเเย้มเเจ่มใสเป็นกันเองจนความกังวลเรื่องบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนมลายหายไป ก่อนที่เราจะเริ่มพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ คำถามเเรกที่เราถามพี่สิงโต “ตอนนี้เป็นไงบ้างครับพี่” พี่สิงโตยิ้มเเล้วตอบกลับมาว่า “สบายดีสิ สบาย ๆ สบายดีครับ” เราแปลกใจที่คำว่า สบายดี ของพี่สิงโต ดูสบายดีจริง ๆ เเววตา เเละรอยยิ้มที่มีความสุข เปล่งประกายออกมา ความใสซื่อ เเละจริงใจ เป็นบุคลิกที่หาได้ยากจริง ๆ
วันไหนเศร้า เราฟังเพลง Feeling Blue จนจมดิ่งไปกับมัน วันไหนอารมณ์ดี เราฟังเพลง Pop ที่สดใสไม่แพ้กับอารมณ์ของเรา หรือวันไหนอยากพักผ่อน เพลง Acoustic, Folk ที่ให้อารมณ์ Chill จนเหมือนได้เอนกายลงบนที่นอนนุ่ม ๆ ในบ่ายวันหยุด จนเราคุ้นเคยกันดีว่าเพลงที่เราฟังมันเชื่อมต่อกับอารมณ์ในตอนนั้นอยู่แล้ว UNLOCKMEN จะพามาดูว่าเพลงมันไม่ได้ส่งผลแค่อารมณ์เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงมุมมองของคุณต่อโลกใบนี้อีกด้วย ดนตรีเปลี่ยนมุมมองของเราได้ยังไง ? จากการศึกษาของ University of Groningen ใน Netherlands พบว่าดนตรีไม่ได้ส่งผลกับแค่อารมณ์ของเราเท่านั้นแต่ส่งผลถึงมุมมอง ความคิด ของเราอีกด้วย เพลงที่คุณฟังนั่นแหละสามารถส่งผลกับมุมมองและความเข้าใจโลกใบนี้อีกด้วย ผู้ค้นคว้ารีเสิร์ชเรื่องนี้อย่าง Jacob Jolij และ Maaike Meurs จาก Psychology Department พบว่าเวลาคนเราฟังเพลงที่ให้มู้ดความสุขเนี่ย มันไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นเท่านั้น แต่ทำให้มองสิ่งรอบ ๆ ตัวดูมีความสุขไปด้วย และในทางตรงกันข้ามกันก็เป็นแบบนั้น หากเราฟังเพลงที่ทำให้อารมณ์เราอึมครึม มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งรอบตัวของเราแม่งเศร้าตามไปด้วย เหมือนอยู่ดี ๆ ก็โดนเมฆหมอกของความเศร้าปกคลุมซะอย่างงั้น พูดให้ชัด
มนุษย์เรานี่มันช่างซุกซนและสร้างสรรค์ไปเสียทุกเรื่อง จะมี Sex กันทั้งทีก็ต้องมีหลากหลายท่าทาง ท่ามกลางบรรยากาศที่แต่ละคู่ไหนจะครีเอทออกมาเพิ่มอรรถรสบนเตียง แถมต้องมีเพลงเหมาะ ๆ มาช่วยกระตุ้นอารมณ์เซ็กซ์ให้มันพุ่งทะลุปรอท ประโยชน์ที่เราได้จากการฟังเพลงที่มีท่วงทำนองเร่าร้อนนั้น อาจจะช่วยให้เรา “แข็งขัน” และช่วยให้คุณผู้หญิงของคุณ “ชื้นแฉะ” ได้จริง แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยว่านอกจากการช่วยอุ่นเครื่องก่อนโหมโรงได้ดี และสร้างสีสันตอนร่วมรักกันได้แล้ว เพลงเหล่านั้นจะช่วยให้ชีวิต Sex ของแต่ละคู่นั้นดีขึ้นจริงหรือไม่ ? ผลการสำรวจกลุ่มเป้าหมาย 2,000 คนที่ใช้บริการ music-streaming ของ Deezer พบว่า ผู้ใช้ราว 30 เปอร์เซ็นต์รู้สึกซาบซ่านมากขึ้นที่ได้ฟังเพลย์ลิสต์เพลงปลุกใจขณะมีอะไรกัน ขณะที่ 25 เปอร์เซ็นต์บอกว่ามี sex ในอรรถรสมากขึ้น ส่วนอีก 15 เปอร์เซ็นต์บอกว่าเป็นยาแก้เขินชั้นดี แล้วองค์ประกอบอะไรในเพลงที่ทำให้เราฟาดฟันกันมันส์หยด ? เรื่องนี้กว่า 30 เปอร์เซ็นต์บอกว่าเป็นเพราะจังหะจะโคนของเพลง ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์บอกว่ามันเป็นเพราะเสียงร้องของศิลปิน และเมโลดี้ของเพลงนั้น เพลงหวิว ๆ มันสร้างความแตกต่างบนเตียงได้ขนาดนั้นได้จริง ๆ ? หรือก็แค่เชื้อไฟธรรมดา ? Valorie N. Salimpoor นักวิจัยสาวที่ทุ่มเทกับการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวการตอบสนองของสมองต่อเสียงดนตรี
แม้จะบอกว่าไม่ฟังเพลงฮิต ไม่ฟังเพลง Mainstream มาแต่ไหนแต่ไร แต่ถ้าหากอินโทรเพลง Shape Of You ดังขึ้น เป็นต้องโยกหัว ขยับไหล่ตามกันทุกราย และไม่ใช่แค่เพลงนี้ที่ฮิตติดหูคนทั่วบ้านทั่วเมือง ย้อนกลับไปตั้งแต่เพลง Thinking Out Loud, Photograph, Shape Of You และล่าสุดกับเพลง Perfect ที่ใคร ๆ ก็ต้องฮัมเมโลดี้ได้กันบ้างคนละบาร์สองบาร์นั่นแหละน่า UNLOCKMEN ไม่ได้พามาดูเส้นทางความสำเร็จ เพราะใคร ๆ ก็ทำไปแล้ว จนเรารู้ดีกันอยู่แล้วว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้เขาเริ่มต้นมาจาก Newbie เวลหนึ่ง แต่ด้วยพรสวรรค์และพรแสวงที่เขามีทำให้เขาผลักดันตัวเองมาเป็นศิลปินอันดับต้นของโลก แต่เราจะพามาไขความลับของนักร้องหนุ่ม Ginger Head คนนี้ ว่าทำไมสไตล์ของเขาถึงได้ป็อปปูล่าขึ้นมาแซงหน้าคนอื่นได้ขนาดนี้ Appearance ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขึ้นชื่อว่าอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว เรื่องของ “ภาพลักษณ์” คงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่จะต้องปั้นมันออกมาให้ดีและขายได้ แม้จะเป็นศิลปินในวงการเพลงก็ตาม รูปร่างหน้าตาก็เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดคนฟังเพลงได้ไม่น้อย แต่ไม่ใช่กับ Ed เลย เพราะเขายังคงทำตัวธรรมดา แต่งตัวธรรมดา ใส่แว่นเหมือนเดิมแบบที่เคยใส่ เขาไม่ได้สนใจว่า
การฟังเพลงมันเป็นกิจกรรมที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา (ถ้ามีหูฟัง) ไม่เว้นแม้แต่ตอนก่อนนอน จริง ๆ ช่วงก่อนนอนก็เป็นเวลายอดฮิตของคนรักการฟังเพลงเหมือนกัน ถ้าหากเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ได้เพลงเคลิ้ม ๆ มาบำบัดอารมณ์ให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มก็คงจะดีไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่นอนไม่หลับ การฟังเพลงก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้เข้าสู่ห้วงนิทราได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนหลับยาก หลับง่าย หรือคอเพลงหรือไม่ก็ตาม ลองกล่อมตัวเองด้วย PLAYLIST นี้กันได้ เผื่อจะติดใจการฟังเพลงก่อนนอนเหมือนกับเรา Acid Ghost – Vulnerable เริ่มเพลงแรกด้วยความเคลิ้มจากขวัญใชาวอินดี้อย่าง Acid Ghost ใครที่ชอบมู้ดของเพลงนี้ ต้องไปค้นอัลบั้ม WARHOL ฟังกันแล้ว เพราะจะได้เพลงมู้ดนี้เกือบทั้งอัลบั้มไปฟังกัน Beach Fossils – Sleep Apnea มาต่อกันที่ Beach Fossils ที่เพิ่งมาเยี่ยมเยียนแฟน ๆ ชาวไทยกันเมื่อเดือนก่อน กับเพลงนี้ Sleep Apena แค่ชื่อเพลงก็รู้แล้วว่าเหมาะกับคนนอนไม่หลับแค่ไหน HOMESHAKE – Midnight Snack มองนาฬิกาไปมา ก็เที่ยงคืนซะแล้ว ลองเอา Midnight Snack ไปฟังเหมือนเป็นขนมขบเคี้ยวผสมยานอนหลับยามเที่ยงคืน เพราะไดนามิกเพลงที่ชวนเคลิ้ม อาจจะทำให้ตาเราปิดลงสักครึ่งนึงบ้างก็ได้ Iron
ทุกความสูญเสียเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าเราจะทำใจมาก่อนแล้วหรือเกิดขึ้นกะทันหันจนตั้งตัวไม่ทัน และส่วนมากคงเป็นอย่างหลัง มันเลยยิ่งทำให้ทุกการจากไปของอะไรสักอย่างที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน ทวีคูณความเสียใจเข้าไปไม่รู้กี่เท่า เช่นเดียวกับเรื่องของ CHRIS CORNELL ที่บอกลาโลกนี้ไปแบบไม่มีล่ำราใครและไม่มีวันกลับเป็นเวลาหนึ่งปีพอดิบพอดี UNLOCKMEN ขอจัด PLAYLIST 10 เพลงจาก CHRIS CORNELL เพื่อเป็นการรำลึกถึงตัวพ่อแห่งวงการเพลงกรันจ์ที่ใคร ๆ หลายคนก็ยังคงรักและคิดถึงเขาอยู่เสมอ ABOUT CHRIS CORNELL เขาก็เหมือนเด็กหนุ่มที่สนใจเกี่ยวกับดนตรีคนอื่น ๆ ที่ฝันอยากจะมีวงดนตรีเป็นของตัวเองมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น และเขาก็ฟอร์มวง Soundgarden ขึ้นมาเมื่อปี 1984 และรวบรวมสมาชิกมาเรื่อย ๆ จนวงได้ออกอัลบั้มกับค่าย Sub Pop ในช่วงแรกวงยังไม่เปรี้ยงมากนัก จนกระทั่งอัลบั้ม Ultramega OK ที่ทำให้พวกเขาได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ สาขา Best Metal Performance เมื่อปี 1990 และเป็นที่เตะตาสำหรับ A&M Records จนเป็นวงกรันจ์ วงแรก ๆ ที่ถูกดึงตัวไปเซ็นสัญญา ช่วงนั้นเองเขาได้คบหากับ Susan Silver ผู้จัดการวงของเขาเอง และยังเป็นผู้จัดการวงให้กับ Alice in Chains และ Screaming Trees ถือว่าเป็นผู้หญิงที่เท่คนนึงเลยล่ะ และคริสก็เอาชนะใจเธอได้
หลายครั้งที่ชีวิตของเราเผชิญกับปัญหาสารพัดรูปแบบที่เข้ามาทดสอบ อาจจะผ่านไปได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่สิ่งสำคัญคือเราได้เผชิญหน้ากับมันและเรียนรู้จากบทเรียนและบาดแผลที่ได้รับ แม้จะฝากแผลเป็นเอาไว้ แต่มันก็คือสิ่งที่คอยย้ำเตือนว่าเราได้อะไรบางอย่างกลับมาจากการต่อสู้กับปัญหาครั้งนี้ เช่นเดียวกับ “Gary Lightbody” ฟรอนต์แมนจาก Snow Patrol ที่ต้องเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับจิตใจ จนเขาไม่อาจทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ เขาต้องพักงานเพลงของวงเอาไว้ และในวันนี้ที่เขากลับมาอีกครั้ง พร้อมผลงานใหม่จากวง UNLOCKMEN อยากจะนำเสนอเรื่องราวระหว่างที่เขาต้องต่อสู้กับสภาพจิตใจที่ไม่แข็งแรง ว่าเขาผ่านมันมาได้ยังไงและในวันที่เขากลับมาอีกครั้งพร้อมผลงานใหม่ล่าสุด จะเป็นยังไงบ้างมาดูกัน ทำความรู้จักกับ Snow Patrol คอเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อกคงคุ้นเคยกับวงไอริชวงนี้ดี เจ้าของผลงานฮิตติดหูอย่าง Chasing Cars, Signal Fire, Run ซึ่งวงนี้ได้รวมตัวกันตั้งแต่สมัยที่พวกเขายังเรียนมหาวิทยาลัยในปี 1994 ก่อนจะมาประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงเป็นเจ้าของเพลงฮิตได้อย่างทุกวันนี้ พวกเขาต้องผ่านการออกอัลบั้มมาไม่รู้เท่าไหร่ ตั้งแต่อัลบั้ม EP ในตอนแรก และ 2 อัลบั้มกับค่ายเก่าอย่าง Songs for Polarbears และ When It’s All Over We Still Have to Clear Up แม้จะเป็นอัลบั้มอย่างเป็นทางการแล้ว
จากกระแสรายการ Show Me the Money และ The Rapper นับว่าเป็นการปลุกกระแสให้วงการเพลงฮิปฮอปลุกขึ้นมาคึกคักอย่างมาในบ้านเรา ซึ่ง UNLOCKMEN เคยเขียนเล่าถึงวัฒนธรรมฮิปฮอปไปอย่างละเอียดแล้วในคอนเทนท์ ( Part 1, Part 2 ) แต่วันนี้พวกเราจะขอมาแนะนำศิลปินสไตล์ ฮิปฮอป/อาร์แอนด์บี เชื้อสายเกาหลีใต้ที่กำลังก้าวสู่ผลงานระดับโลกด้วยวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น Dean หรือ ควอนฮยอก ศิลปินที่เกิดและเติบโตในประเทศเกาหลีใต้ เขาฉายแววเก่งมาตั้งแต่งอายุ 16 เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว จนกระทั่งได้มาร่วมงานกับศิลปินรุ่นพี่อย่าง Keith Ape ก่อนจะเข้าสู่วงการเพลงอย่างเต็มตัว พร้อมควบตำแหน่งนักแต่งเพลงเมื่ออายุ 18 ปี ฝีมือของเขารุดหน้าไปไกลกว่าอายุ เพราะหลังจากนั้นไม่นานแทนที่เขาจะเดบิวท์เพลงในบ้านเกิด แต่ Dean กลับไปเปิดตัวต่อหน้าแฟนเพลงในประเทศสหรัฐอเมริกาแทน ก่อนที่เขาจะกลับมาลุยงานเดบิวท์ พร้อมปล่อยสองซิงเกิ้ลที่ฮิตติดชาร์ทในประเทศตัวเอง จุดเด่นของ Dean คือเนื้อหาเพลงที่เขียนมาได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมน้ำเสียงอ่านหวานบวกกับดนตรีโรแมนติก ด้วยเอกลักษณ์ความสามารถเหล่านี้ จึงทำให้เขาโด่งดังในชั่วพริบตา ได้ขึ้นไปเล่นงานสำคัญ ๆ มากมาย ปัจจุบันเขาได้มีโอกาสทำเพลงกับศิลปินระดับโลกอาทิ Justin Bieber,
ต้องยอมรับว่าปีนี้คือปีทองของวงการ Hip-Hop ในบ้านเราอย่างแท้จริง หลังจากที่เคยเป็นแค่สังคมเล็ก ๆ ไม่มีแสงสปอร์ตไลท์ดวงไหนส่องไปถึง แต่มาถึงปีนี้กลับมีรายการทีวีเกี่ยวกับ Hip-Hop เกิดขึ้นมาพร้อมกันถึง 2 รายการ และหนึ่งในนั้นคือรายการ Show Me the Money Thailand โดย Show Me the Money คือรายการปั้น Rap Star ชื่อดังสัญชาติเกาหลี เชื่อว่าคนที่ติดตาม Hip-Hop อยู่เป็นประจำคงรู้จักรายการนี้กันเป็นอย่างดี โดยหลังจากที่ผู้ชายอย่างเราต้องฟังแร็ปภาษาเกาหลีมาหลายปี ในที่สุดก็จะฟังพวกเขาแร็ปกันรู้เรื่องเสียที เพราะในปีนี้ Show Me the Money Thailand ถือกำเนิดขึ้นแล้ว จากจำนวนผู้สมัครหลายพันคน ผ่านการคัดเลือกอันเข้มข้นหลายต่อหลายรอบ จนล่าสุดเหลือผู้รอดเพียงแค่ 40 คนเท่านั้น ทุกคนล้วนมีความสามารถและสไตล์ที่น่าสนใจ แต่วันนี้ UNLOCKMEN ขอคัด 10 จาก 40 แร็ปเปอรซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวเต็งในการแข่งขันครั้งนี้มาให้ลองเล็งกันไว้เล่น ๆ โย่ว! DREAMHIGH “โดนเธอหลอกมันปวดใจบันทึกลงไปในเซลล์ประสาท