กุมภาพันธ์เดือนแห่งความรักที่คนมีคู่ตั้งหน้าตั้งตารอ แต่ชาวอกหักรักคุดล่ะ จะไปยืนอยู่ตรงไหนของเดือนแห่งความรัก คำตอบคือมายืนรวมกันใน Playlist นี้ได้เลย UNLOCKMEN ขอนำ 10 บทเพลงที่ขมไม่แพ้เหล้า และไม่แพ้ความรักของเรา ฟังกันตั้งแต่ต้นจนจบแล้วมาดูกันว่า จะมีคนจมน้ำตากันกี่ศพ เมารัก – P2WARSHIP สตาร์ทกันพี่เพลงจังหวะสนุก ๆ ฟังชิล ๆ กันก่อน ผลงานเก่า ๆ จาก P2WARSHIP ที่ใคร ๆ หลายคนคิดถึง อย่างเพลงนี้ ยิ่งกว่าเมาเหล้าก็ต้องเมารักนี่แหละ เพลงเศร้าที่ไม่ค่อยเศร้า แต่ฟังแล้วยิ่งชวนให้เราดำดิ่งลงไปในความรัก ฟังจบแล้วก็ได้แต่ปลงว่าพอได้รักแล้วมันก็เหมือนการกินเหล้า ที่เราจะต้องเมามายมันอยู่อย่างนั้น จนกว่าเราจะสร่างเองได้ในสักวัน น้ำค้าง – Desktop Error ชวนมาเมากันต่อแบบคนคูล ด้วยเพลงจากวงขวัญใจชาวอินดี้อย่าง Desktop Error เพลงนี้ดนตรีที่หนักหน่วงและเสียงร้องที่บางเบาแต่เนื้อเพลงที่โคตรจะเศร้า ชวนให้จมดิ่งลงไปในเพลง ฟังจบแล้วเมาดิบได้โดยไม่ต้องโดนสักแก้ว ดื่ม – SKALAXY ผลงานเก่า ๆ แบบมะจังกันอีกเพลง กับวง SKALAXY เจ้าของเพลงฮิตอย่าง “จิ๊กซอว์” ลองมาฟังเพลงเศร้า ๆ ของเขากันบ้าง
ถือเป็นอีกวงที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากในวงการดนตรี สำหรับ “Crescendo” เจ้าของเพลงฮิตมากมายอย่าง “ความจริงในใจ” “ดินแดนแห่งความรัก” “วีนัส” และอื่น ๆ อีกมากมาย ผลงานอีกนับสิบอัลบั้มที่ถูกสร้างสรรค์และเรียบเรียงด้วยความตั้งใจของทุกคนในวง แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจาก “นอ” มือเบสของวงได้ประกาศหยุดรับงานและแจ้งว่าจะยุบวง ฟังแบบนี้แล้วก็ใจหายไปตาม ๆ กัน วันนี้ UNLOCKMEN จะพามาย้อนอดีตกับวง “Crescendo” ตั้งแต่ตอนเริ่มจนเดินทางมาถึงวันสุดท้ายที่โลดแล่นในวงการ จุดสตาร์ทการเดินทางของ “Crescendo” วงได้เริ่มต้นฟอร์มวงแบบจริงจังในปี 2545 โดยมีสมาชิกจากวงดนตรีต่าง ๆ จากการชักชวนของ “นอ” อดีตสมาชิกจากวงพอส และ ทีโบน โดยพอฟอร์มวงแล้วก็จะมีสมาชิกดังนี้ บี ร้องนำ, นอ เบส, แชมป์ กีต้าร์, เอก กลอง และ จั๋ง เปอร์คัสชั่น รวมแล้ว 5 คน ได้ออกอัลบั้ม EP ทำเองขายเองกันอยู่พักนึง จนไปเข้าตา Bakery Music
หากไม่ได้เห็นหน้า แค่เพียงเอ่ยถึงชื่อของ ‘มอร์-วสุพล เกรียงประภากิจ’ หลายคนอาจไม่คุ้นกับชื่อนี้มากนัก แต่ถ้าเอ่ยชื่อของ ‘มอร์-Ten to Twelve’ ภาพของหนุ่มมาดเซอร์นักร้อง, นักแต่งเพลงจากวง Ten to Twelve นั้นคงชัดเจนขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้านี้ UNLOCKMEN เคยได้มีโอกาสพูดคุยกับมอร์มาแล้วถึง 2 ครั้งโดยแต่ละครั้งของการพูดคุย สิ่งที่เราสัมผัสได้คือความสามารถที่ล้นเหลือ และพลังงานในการสร้างสรรค์ที่เข้มข้นจากผู้ชายคนนี้ วันนี้จึงถือเป็นโอกาสดี เพราะเรามีนัดพูดคุยกับเขาอีกครั้งที่ LHONG 1919 กับการอัพเดทเรื่องราวชีวิตในขวบปีนี้ของ ‘มอร์-Ten to Twelve’ พร้อมทำความรู้จัก ‘มอร์’ ในมุมมองใหม่ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ กับความหลงใหลในการถ่ายรูป และสไตล์การถ่ายรูปในแบบฉบับเฉพาะตัว จนทำให้เขาได้มีโอกาสรับหน้าที่เป็น Brand Ambassador ของ FUJIFILM ซึ่งถือเป็นอีกบทบาทใหม่จากอีกหลากหลายบทบาทในชีวิตของเขา และเราจะล้วงลึกเข้าไปปลดล็อคที่มาของแรงบันดาลใจซึ่งดูเหมือนจะไร้ขีดจำกัดของผู้ชายคนนี้ ว่าทำไมมันยังดูเหมือนเป็นพลังที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา มันมีหมดบ้างมั้ย แล้วอะไรที่ทำให้เขายังคงควบหน้าที่หลายบทบาท ตั้งใจสร้างงานทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่าชีวิตของมอร์มีหลายบทบาทเหลือเกิน ช่วยอัพเดทให้เราฟังหน่อยว่า ตอนนี้กำลังเน้นหนักไปที่บทบาทไหนเป็นพิเศษ ? หลัก ๆ ตอนนี้เราก็ทำผู้กำกับ เป็นผู้กำกับหนังโฆษณา
การกลับมาสุดยิ่งใหญ่ของการ Cross กันของเหล่าศิลปินต่างค่าย ต่างแนว มาแลกเพลงกันเล่นสด ๆ บนเวที ให้ทุกคนได้เสพเพลงในรสชาติใหม่ ๆ ในโปรเจกต์ ‘FUNGJAI CROSSPLAY2’ (ฟังใจ ครอสเพลย์2) ในปีที่ผ่านมาฟังใจได้มีโปรเจกต์ ‘Crossplay Project’ (ครอสเพลย์ โปรเจกต์) ที่เป็นการให้ศิลปินรุ่นเล็กและศิลปินรุ่นใหญ่ ต่างค่าย ต่างแนวมาแลกเพลงกันทำในแบบฉบับของตัวเอง รวมทั้งหมด 6 คู่ 12 ศิลปิน 12 บทเพลงใหม่ จนได้เกิดเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ แบ่งเป็น 2 วัน Crossplay Concert A Side และ Crossplay Concert B Side และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากคนดูอย่างล้นหลามในช่วงปีที่ผ่านมา ในปีนี้ฟังใจไม่พลาดที่จะทำโปรเจกต์ดี ๆ อย่าง ‘FUNGJAI CROSSPLAY2’(ฟังใจ ครอสเพลย์) ที่จะพาทุกท่านไปละทิ้งความเครียด ไปมันส์กัน กับเพลงสุดพิเศษจากเหล่าศิลปินสุดคูลในโปรเจกต์นี้ แต่ละเพลงที่ทุกศิลปินได้ทำการ Re-Arrage (รี-อาเรนจ์)
ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาต้องนับว่าเป็นปีทองสำหรับคนที่ชื่นชอบดนตรีเป็นอย่างมาก เนื่องจากศิลปินชั้นนำจากทั่วโลกต่างเดินพาเหรดกันเข้ามาเพื่อเปิดการแสดงในบ้านเราไล่เรียงจากเบอร์ใหญ่ ๆ อย่าง Coldplay , Gun N’ Roses , Ed Sheeran , Foo Figther หรือแม้แต่ปีนี้เองก็มี Bruno Mars , The Script ที่จ่อคิวรออยู่ ซึ่งอย่างที่ทุกคนพอจะทราบว่าการที่เราเสียสตางค์ไปดูคอนเสิร์ตนั่นก็เพราะอยากจะสัมผัสประสบการณ์กับศิลปินระดับโลกแบบตัวเป็น ๆ เนื่องจากพวกเขาก็ไม่ได้เดินทางมาบ่อยนัก แต่บ่อยครั้งเราต้องพบกับความผิดหวังเนื่องจากได้ทำเลไม่ดีพาลให้อรรถรสการรับชมคอนเสิร์ตหายไป ดังนั้นทีมงาน UNLOCKMEN อยากจะมาบอกเคล็ดลับสำหรับเลือกที่นั่งในการดูคอนเสิร์ตให้สนุกมากยิ่งขึ้น SWEET SPOT in Sound Sweet Spot หรือถ้าในทางทฤษฎีดนตรีคือจุดบาล้านซ์ที่จะทำให้เราได้รับย่านความถี่ของเสียงและ ambient ต่าง ๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ หากคุณอยากจะได้ที่นั่งแบบ King Seat เช่นนี้วิธีการที่ง่ายที่สุดคือให้มองหาว่าโซน controllor ที่มีคนมิกซ์เสียง (ส่วนมากจะเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์) ยืนกันอยู่ นั่นหละคือจุดที่ดีที่สุดในคอนเสิร์ตเป็นหลักสากลเขาใช้กัน แต่สมมุติฐานนี้อาจจะใช้ไม่ได้เสมอไป เนื่องจากทีมงานจัดคอนเสิร์ตในบ้านเราส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องของเสียง โดยเน้นที่นั่งให้คนดูเยอะเข้าว่า เราอาจจะต้องวิเคราะห์ในหลาย ๆ ปัจจัยอย่างบริเวณที่ตั้งเวทีและลำโพงที่ต้องเท่ากันในด้านกว้าง
เมื่อมีกิจกรรมเข้าจังหวะ มันก็ต้องมีเพลงประกอบ การเลือกเพลงที่สามารถปลุกเร้าอารมณ์ร่วมในกิจกรรมนั้น ๆ ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง การมีเซ็กส์ก็เช่นกัน ถ้าได้เพลงเหมาะ ๆ มาช่วยบิวท์ จะทำให้การชีวิตบนเตียง (หรือที่อื่น ๆ ) ของคุณมีรสชาติมากขึ้น ถือเป็นท่าไม้ตายที่ช่วยบรรเลงให้คุณและเธอเร่าร้อนด้วยกันจนสุดทาง ทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำเสนอเพลงที่จะช่วยให้คุณและเธอกอดรัดกันอย่างมีความสุขมากขึ้น แต่ละเพลงจะเหมาะกับสไตล์ของการร่วมรักที่แตกต่างกันออกไป หรือจะเรียงเป็นเพลย์ลิสต์สำหรับทั้งคืนก็ได้นะ (ถ้าไหว) 1 . Melody – Serge Gainsbourg แนวเพลง : Rock เหมาะกับเซ็กส์แบบไหน : เนิบ ๆ , เข้มข้น เพลงนี้อาจะไม่ใช่เพลงที่ฟังปุ๊ปติดเครื่องปั๊ป แต่มันจะค่อย ๆ บิวท์ด้วยจังหวะช้า ๆ และท่วงทำนองเร้าอารมณ์ ช่วยเติมความรู้สึกลึกซึ้ง แถมเพลงนี้ยาวกว่า 7 นาทีด้วยนะ หวังว่าหนุ่ม ๆ จะไม่จบก่อนเพลงจบนะ 2. Underworld Soundtrack แนวเพลง : OST
หลายครั้งที่ปกอัลบั้มของศิลปินเป็นภาพที่คุ้นตา โด่งดังไปทั่วโลก จนเป็นเหมือนงานอาร์ตอีกชิ้นนึง ทำให้ปกอัลบั้มเป็นมากกว่าสิ่งพิมพ์หรือบรรจุภัณฑ์ของอัลบั้ม มันคือการสื่อความหมายของศิลปินผ่านปกอัลบั้ม วันนี้ UNLOCKMEN เอาเรื่องราวเบื้องหลัง ที่มาที่ไป ของปกอัลบั้มที่เราทุกคนต้องคุ้นตาจากศิลปินดังอย่าง Pink Floyd, Radiohead, Nirvana, Joy Division และ Coldplay มาบอกเล่าเอาไว้คุยกับเพื่อนแบบเท่ ๆ อย่างคนรู้จริง Nevermind จาก Nirvana ภาพสุดดังคุ้นตานี้เป็นภาพของเจ้าหนูน้อย Spencer Eldren ที่อายุเพียงสี่เดือนในตอนนั้นและเป็นการว่ายน้ำครั้งแรกของเขาด้วย โดยการถ่ายทำปกอัลบั้มนี้เกิดขึ้นที่ Pasadena public pool ที่มีเด็กที่เพิ่งโผล่ออกมาดูโลกได้ไม่นานมาออดิชั่นอีกหลายคน แต่ Kurt ประทับใจรูปของเด็กคนนี้มากที่สุด แต่ยังรู้สึกว่ามันใส่อะไรเข้าไปได้อีก เขาพูดติดตลกให้ใส่เบ็ดตกปลาลงไป ซึ่งนั่นทำให้ทีมงานต่อยอดไอเดียออกมาเป็นปกสุดเจ๋งที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ แม้ว่า Kurt เองจะไม่ได้บอกถึงความหมายจริง ๆ ว่ามันหมายถึงอะไร แต่ดีไซเนอร์ของภาพนี้อย่าง Robert Fisher ได้สันนิษฐานไว้ว่า เด็กเป็นตัวแทนของความไร้เดียงสาของเขา ส่วนเบ็ดนั้นหมายถึงการเข้าสู่วงการเพลงของเขานั่นเอง A Rush of
เสียงเพลง ดนตรี ความหมาย สามารถช่วยชีวิตคนได้ นี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด เพราะเสียงเพลงสามารถส่งผลถึงอารมณ์ได้จริง เราเคยนำเสนอบทความเรื่อง “ฟังเพลงดี มีผลให้คนฟินได้ไม่ต่างจาก SEX” ไปแล้วก่อนหน้านี้ หลายเพลงมีความหมายสะกิดใจให้เราคิดบางอย่างได้ หลายเพลงก็ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว วันนี้ UNLOCKMEN ขอจัดเพลย์ลิสต์เพลงความหมายดี ๆ เอาไว้ให้กำลังใจตัวเองในวันที่หมดไฟ ไม่ให้ท้อถอยกับปัญหา ปล่อยวางมันไปกับเสียงเพลง ให้เราได้ผ่อนคลาย และอาจจะได้ทางออกจากเพลงสักเพลงในนี้ก็ได้ Paradise – Coldplay เพลงนี้เปรียบชีวิตเราหมือนกับสาวน้อยไร้เดียงสาคนนึง ที่ต้องเจอกับอุปสรรคมากมายในชีวิต แต่ชีวิตเราก็ยังต้องดำเนินต่อไป โดยที่มีสวรรค์เป็นตัวแทนที่พึ่งพิงทางจิตใจ จริง ๆ แล้วแต่ละคนก็อาจมีสิ่งอื่นที่คอยเติมกำลังใจให้ตัวเอง เหมือนกับเด็กน้อยในเพลงที่มีสรวงสวรรค์คอยให้เธอพักพิงนั่นเอง Iridescent – Linkin Park หลายคนอาจคุ้นหูกันบ้างกับเพลงนี้จาก Linkin Park เพราะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Transformers: Dark of The Moon แต่ยังคงแฝงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวงได้แบบเนียน ๆ เนื้อเพลงพูดถึงความท้อแท้ ความผิดหวังในชีวิต ที่มันเป็นเรื่องปกติที่คุณจะต้องเจอ แต่ก็อยากให้ทุกคนลุกขึ้นสู้และปล่อยทุกความเศร้าหมองนั้นทิ้งไปซะ ฟังจบแล้วจะรู้สึกเหมือนกับว่าเราได้โยนทิ้งปัญหา
เช้านี้ลืมตาตื่นลุกขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์ก็ได้เจอกับข่าวน่าใจหายกันอีกครั้ง กับการจากไปของ Iconic Frontwomen อย่าง ‘Dolores O’Riordan’ แห่งวง The Cranberries ด้วยวัยเพียง 46 ปี ถึงแม้ว่า การเสียชีวิตของ Dolores O’Riordan จะยังคงไม่ระบุสาเหตุแน่ชัด แต่เราเชื่อว่า มีชาว UNLOCKMEN จำนวนไม่น้อยที่กำลังโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของศิลปินที่เราเติบโตมาพร้อมกับน้ำเสียงของเธอ จากบทเพลงของวง The Cranberries ที่คุ้นเคย แม้ว่าสำหรับบางคนเมื่อพูดถึงวง The Cranberries หรือชื่อ Dolores O’Riordan อาจจะทำท่าเกาหัวงง ๆ แต่ถ้าหากพูดชื่อเพลง ‘Zombie’ ขึ้นมาล่ะก็ รับร้องว่าร้องอ๋อกันทั้งนั้น ในความเป็นจริงแล้ว เพลงของ The Cranberries นั้น มีเพลงเพราะ ๆ อยู่อีกหลายเพลงเลย อย่างเช่นเพลง “Ode To My Family” ที่โดยส่วนตัวแล้ว หากได้ฟังทีไรจะรู้สึก เหมือนโดนเสียงของ ‘Dolores O’Riordan’ สะกดจิตให้ร่างกายมันย้วยอ่อนระทวยไปทุกที น่าเสียดายที่ต่อจากนี้ พวกเราจะไม่ได้ยินเสียของเธอคนนี้อีกต่อไป
DOLORES O’RIORDAN frontwoman แห่งวง Cranberries, Rock Band ที่โด่งดังสุด ๆ ถึงระดับ Iconic แห่งยุค ’90s เจ้าของเพลงดังระดับตำนานมากมายที่ทุกวันนี้ยังคงได้ยินกันอย่างแพร่หลาย เช่นเพลงฮิตระดับโลก Zombie (No Need to Argue, 1994) และ Linger (Everybody Else Is Doing It, So Why Can’t We?, 1993) เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันแล้วในวัย 46 ปี ระหว่างการทำงานในเมือง London โดยที่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต มีเพียงการระบุว่าเธอเสียชีวิตขณะ “in London for a short recording session.” และครอบครัวของเธอก็ยังอยู่ในอาการช็อค ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ในขณะนี้ นับว่าเป็นข่าวการจากไปที่สะเทือนวงการเพลงอีกครั้ง การสูญเสียนักร้อง นักแต่งเพลงที่มากความสามารถซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้หลายคนสนใจในดนตรี และอยากเป็นนักร้องเหมือนเธอ Dolores
ถ้าพูดถึง Hugh Hefner (content) เจ้าพ่อ Playboy ผู้ล่วงลับ หลายคงมองเห็นภาพชายผู้มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่หนุ่ม ๆ ต้องอิจฉา เพราะเขาได้อยู่ภายใต้ชายคาบ้านในฝันอย่าง Playboy mansion ซึ่งรายล้อมไปด้วยสาว ๆ สวย ๆ มากมาย จนทำให้เขานั้นกลายมาเป็นต้นแบบของหนุ่มเจ้าสำราญทั่วโลก ถึงแม้ว่าวันนี้ Hugh Hefner จะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ Playboy ที่ดูจะซบเซา และอาจปิดตัวลงในเร็ววันนี้ เนื่องจากผู้ถือหุ้นคนสำคัญอย่าง Ben Koh กำลังมองหาทิศทางใหม่ในการทำ Brand Partnerships ที่เน้นขายลิขสิทธิ์เพื่อทำเงิน จนส่งผลให้อาณาจักร Playboy ที่ Hugh Hefner ปลุกปั้นมากับมือ ดูเหมือนว่ากำลังจะล่มสลายลงไปตามกาลเวลา แต่ใครจะรู้ว่ายังมีมรดกอีกหนึ่อย่างที่ Hugh Hefner ได้ทิ้งเอาไว้ และดูเหมือนว่ากาลเวลาจะไม่สามารถทำลายลงได้นั้นก็คือ Playboy Jazz Festival Playboy Jazz Festival คือเทศกาลดนตรีที่มาจากผลพวงความหลงใหลในเสียงเพลงของ Hugh
หลังจากพักวงไปนานหลายปี ในที่สุดศิลปินที่ได้ชื่อว่าสไตล์เท่ที่สุดของชาติชาย ก็ได้กลับมาให้ชาวดนตรีอินดี้หายคิดถึง กับ Arctic Monkeys ที่คืนชื่อเป็น headline ในคอนเสิร์ต ‘FIREFLY MUSIC FESTIVAL’ ที่รัฐเดลาแวร์ ทางฝั่งตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกาแบบเต็มวง หลังจบคอนเสิร์ต AM Tour เมื่อปี 2014 พวกเขาก็พักการทัวร์คอนเสิร์ตในนามของวงไปพักใหญ่ จนปีนี้นี่เองที่พวกเค้าได้กลับมาอีกครั้ง หลายคนที่ตั้งหน้าตั้งตาคอยก็ชื่นอกชื่นใจกันไป เพราะดีไม่ดี อาจกลับมาฟิตปั่นอัลบั้มใหม่ให้แฟน ๆ ได้ฟังกันอีกครั้งก็ได้ ส่วนใครกระเป๋าหนัก อดคิดถึง Arctic Monkeys ไม่ไหว ก็สามารถบินตามไปเสพกันได้ที่ FIREFLY MUSIC FESTIVAL เรามี line up ถือว่าเป็นงานที่โหดมากใช่เล่น นอกจากจะได้เจอหน้า Alex Turner แล้ว ยังมีทั้ง Eminem ที่กลับมาพร้อมอัลบั้มสุดร้อนแรง หรือจะเป็น Kendrick Lamar, The Killers ก็มันส์ไม่แพ้กัน แล้วหายไปทำอะไรกันมา? แม้ทางวงจะไม่มีความเคลื่อนไหว ทั้งข่าวของการทัวร์คอนเสิร์ต