หนวดเคราผู้ชายไม่ได้เป็นเพียงสิ่งใช้เพิ่มความเท่ หรือความพึงพอใจส่วนบุคคลเท่านั้น แต่คล้ายกับว่าหนวดเคราผู้ชายได้กลายเป็นพื้นที่พิศวงที่นักวิจัยจำนวนมากเข้ามาศึกษาวิจัย จนหลายครั้งพบข้อเท็จจริงใหม่ ๆ ชวนหลงใหล และบางครั้งก็พบผลสรุปใหม่ ๆ ที่ชวนให้ขนพองสยองขวัญ ทั้งงานวิจัยที่ออกมาบอกว่าหนุ่ม ๆ ที่ไว้หนวดเครานั้นดึงดูดสาว ๆ มากกว่า หรืองานวิจัยที่บอกว่าหนวดเคราผู้ชายนั้นอาจมีแบคทีเรียกจากอุจจาระปนเปื้อน! สารพัดงานวิจัยที่ชวนให้ทั้งไว้หนวด และไม่ไว้หนวด อย่างไรก็ตามในแง่ความสะอาดเราว่าขึ้นอยู่กับการดูแลสุขอนามัยส่วนตัวว่าเคร่งครัดมากน้อยแค่ไหน ถ้าดูแลดีเป็นพิเศษก็หายห่วง หนวดเครายังเป็นภาพตัวแทนความเท่ของผู้ชายได้เป็นอย่างดี หนวดเครายังมีประโยชน์อีกมาก แต่งานวิจัยที่เราอยากชวนหนุ่ม ๆ มารับรู้ในวันนี้ยิ่งส่งผลให้หนวดเคราดูน่าทึ่ง (และชวนพิศวง) ขึ้นไปอีกระดับ เมื่อนักวิจัยออกมาบอกว่าหนวดเครานั้นอาจวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อลดแรงกระแทกที่อาจจะตีแสกเข้ามาที่หัวของเราเมื่อไรก็ได้ งานวิจัยชิ้นนี้มีชื่อว่า “Impact Protection Potential of Mammalian Hair: Testing the Pugilism Hypothesis for the Evolution of Human Facial Hair” ศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของขนที่ขึ้นบนใบหน้ามนุษย์และทดสอบสมมติฐานที่ตั้งขึ้นมาว่าจริง ๆ แล้วหนวดเคราที่ขึ้นมาพวกนี้มันสามารถลดแรงกระแทกให้กับใบหน้าเราได้หรือไม่ สมมติฐานนี้เริ่มมาจากจุดตั้งต้นของวิวิฒนาการมนุษย์ โดยมนุษย์เราก็ไม่ต่างจากลิงขนาดใหญ่ (great apes) ทั้งหลายที่เพศชายหรือเพศผู้นั้นมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงอย่างมหาศาล ซึ่งความรุนแรงนี้ก็มุ่งตรงไปที่เพศชายด้วยกัน เมื่อมนุษย์เพศชายใช้ความรุนแรงเข้าต่อสู้เพื่อเอาชนะกันแบบมือเปล่า
อาจจะเป็นเพราะกระแส The Last Dance documentary ของ Netflix ที่ทำให้ทุกอย่างเกี่ยวกับ Michael Jordan มีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วงนี้ ล่าสุดด้วยบารมีแห่ง Michael รองเท้า Air Jordan 1 สี OG ขาวแดงใน size 13 นิ้ว ที่ผ่านการสวมใส่ลงสนาม (Game-Worn) แถมยังมีลายเซ็นของ MJ ประทับ พึ่งจะสร้างสถิติโลกใหม่ล่าสุดจากการประมูลของ Sotheby เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยราคาเคาะค้อนที่สูงกว่าราคาประเมินถึง $560,000 หรือ 18 ล้านบาทไทย ซึ่งสูงแซงหน้า Nike Waffle Moon Shoe ที่ประมูลไปด้วยราคา $437,500 ในช่วงกลางปีที่แล้ว (July 2019) ไปอย่างขาดลอย Air Jordan 1 คู่นี้เดิมเป็นของ Jordan Geller
โลกมนุษย์คือการเรียนรู้และปรับตัว นอกจากวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เรียกว่า New Normal จะทำให้คนเคยชินกับการเว้นระยะห่าง การใส่หน้ากาก การล้างมือ และการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าสู่ที่สาธารณะแล้ว เรายังจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านการออกแบบ Interior Design ของร้านค้าหรือร้านอาหาร ที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยลูกค้า และทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยทั้งในแง่ความรู้สึกและการสัมผัส เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าแบบ New Normal ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวจาก Coronavirus ถ้าวันนี้คุณกำลังทำธุรกิจร้านอาหาร หรือมีแผนว่าจะเปิดร้านอาหารเพื่อรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวในอนาคต จากเดิมที่ร้านสวย บรรยากาศดี อาหารอร่อย จะการันตีความสำเร็จของร้านอาหารได้ แต่อนาคตมันจะไม่เพียงพออีกต่อไป และนี่คือเทรนด์การออกแบบ Interior Design เกี่ยวกับ Layout, Spacing และ Experience ในโลกหลัง Coronavirus ที่คุณต้องรู้เอาไว้ การมีระยะห่าง เป็นสิ่งที่จะสร้างความสบายใจในการใช้บริการให้ลูกค้า ปัจจุบันร้านอาหารที่เปิดให้บริการในช่วงใกล้ปลด Lockdown อาจจะทราบดีว่าการใช้ Layout จัดวางโต๊ะแบบเดิม ๆ ที่ต้องเว้นระยะห่าง 1.5 – 2 เมตร ตามมาตรการควบคุมนั้นเป็นการเสียพื้นที่มากเกินไป นั่นเพราะการออกแบบตั้งแต่แรกมีจุดประสงค์เพื่อเน้นจำนวนคนต่อพื้นที่เพื่อให้เกิดรายได้มากที่สุด ดังนั้นร้านอาหาร (รวมถึงร้านค้า)
ก่อนหน้านี้หนุ่ม ๆ หลายคนคงเจอกับปัญหาผมที่ยาวรุงรังไม่อยู่ทรง เพราะร้านตัดผมทั้งหลายจำเป็นต้องหยุดให้บริการเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากที่อดทนกับผมรุงรังอยู่ร่วมเดือน ในที่สุดด้วยมาตรการผ่อนคลายการ Lockdown ทำให้ ณ ตอนนี้ร้านตัดผมและช่างประจำของใครหลายคนก็ต่างได้กลับมาให้บริการอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ทุกคนจะได้จัดการความเรียบร้อยกับผมเผ้าที่ยาวจนน่ารำคาญ รวมถึงถือโอกาสเปลี่ยนทรงผมใหม่ให้กับตัวเองซะเลย อย่างไรก็ตามอากาศที่ร้อนระอุของบ้านเราในช่วงนี้ ทำให้หลายคนมีความคิดว่าจะเลือกตัดผมทรงใหม่ที่สั้นมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความร้อน แต่หลายคนยังกังวลว่าทรงผมสั้นสบายหัวจะทำให้ตัวเองเสียความคูลที่เคยมีไป STYLE GUIDE วันนี้เลยขอแนะนำ 5 ทรงผมสั้นที่ทั้งมีสไตล์และเย็นสบายหัว แต่จะมีทรงไหนบ้างมาชมไปพร้อมกัน Crew Cut ทรงผมยอดนิยมที่เหมาะสำหรับหนุ่ม ๆ ที่ชอบตัดผมสั้น จุดเด่นของ Crew Cut คือผมด้านบนที่สั้นแต่ไม่เกรียนติดกับหนังศีรษะ และผมด้านข้างที่ไถด้านล่างให้ขาว ก่อนไล่ระดับเฟดขึ้นสู่ด้านบน Crew Cut เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีโครงหน้ารูปไข่ (Oval), หน้าทรงเหลี่ยม (Square), และหน้ารูปหัวใจ (Heart) และสามารถตัดได้ทั้งคนที่มีเส้นผมตรงและหยักศก ใครที่ชอบทรงผมสั้นแต่ต้องการมีสไตล์แบบเรียบง่าย Crew Cut คือตรงที่ตอบโจทย์แน่นอน Buzz Cut ถ้าทรงแรกยังสั้นไม่พอ เราอยากแนะนำให้ทุกคนพิจารณา Buzz Cut ทรงผมที่ได้รับความนิยมในทุกยุคสมัย เพียงแค่ถูกดัดแปลงให้เข้ากับแฟชันของแต่ละช่วงเวลาในรูปแบบที่ต่างกันออกไป
เริ่มเหมือน Supreme มากขึ้นเรื่อย ๆ กับการขยับเข้าไปหา Lifestyle ของผู้คนมากกว่าแค่เสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็น Exercise Gears หรือสำรับไพ่ แต่ผลงานชิ้นล่าสุดนี้น่าจะออกไปไกลสุด กับโต๊ะโกลสุดหรูที่ดูยังไงก็เอาไว้สะสมหรือประดับบ้านมากกว่า เพราะคงไม่มีใครกล้าหวด Le Babyfoot Foosball Table ราคาเหยียบ 3 ล้านบาทจาก Louis Vuitton แน่นอน เกมคลาสสิกย่อมต้องอยู่คู่กับแบรนด์คลาสสิก นี่คือ Foosball Table หรือที่บ้านเราเรียกว่าโต๊ะโกล ผ่านการสร้างสรรค์อย่างละเมียดระดับ Craftsmanship ผลิตด้วยมือทั้งโต๊ะยันการลงสี เป็นโต๊ะแบบ Made to order ที่ผู้ซื้อสามารถเลือกหนังได้ตามต้องการ ตั้งแต่ monogram, monogram eclipse, Damier Graphite หรือแม้แต่ Epi leather ลายไม้หลากหลานเฉดสีที่พวกเราคุ้นเคยกันดี ก็มีมาหุ้มโต๊ะโกลตัวนี้เหมือนกัน ความประณีตในการสร้าง Trunks หรือกระเป๋าเดินทางทรงหีบซึ่งเป็น Signature มาใช้ในการสร้างโต๊ะโกลของ Louis Vuitton
แม้จะกักตัวอยู่บ้านมานานนับเดือน แต่ฟิตเนสสาขาประจำก็ยังไม่มีวี่แววจะเปิดให้บริการ ทำให้หนุ่มที่ชอบการออกกำลังหลายคนกระสันอยากรีดเหงื่อออกจากร่างกายกันไม่น้อย และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แบบนี้อุปกรณ์อย่าง Forme Mirror Fitness คือสิ่งตอบโจทย์การออกกำลังอยู่บ้านได้อย่างถูกจุดแน่นอน ช่วงเวลานี้หนุ่ม ๆ หลายคนคงกำลังมองหาวิธีออกกำลังกายที่บ้านที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจมีขีดจำกัดทั้งเรื่องความหลากหลายของอุปกรณ์และพื้นที่ภายในบ้าน แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย Forme Smart Mirror กระจกที่มาพร้อมฟังกัชันออกกำลังกายที่ครบครัน Forme Smart Mirror เป็นกระจกออกกำลังแบบ All-in-One ผลงานดีไซน์โดย Yves Behar นักออกแบบชาวสวิตเซอร์แลนด์เจ้าของ Fuseproject บริษัทไลฟ์สไตล์ดีไซน์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 เขาตั้งใจดีไซน์ให้ Forme ออกมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างงานดีไซน์และนวัตกรรมสมัยใหม่ โดยต้องการคิดค้นอุปกรณ์ออกกำลังในบ้านที่ประหยัดพื้นที่ใช้สอย แถมยังสนับสนุนการออกกำลังได้หลากหลายรูปแบบในเครื่องเดียว Forme เป็นกระจกความยาว 6 ฟุตทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลที่สามารถแสดงโปรแกรมออกกำลังหรือภาพยนตร์เพื่อให้ผู้ฝึกสามารถดูตัวอย่างและฝึกฝนไปพร้อมกัน ขณะเดียวก็มีอุปกรณ์ออกกำลังติดมากับเครื่องเป็นสาย Aluminum Arms สำหรับดึงซึ่งสามารถฝึกฝนร่วมกับโปรแกรมภายในเครื่องได้เช่นกัน ความเจ๋งอีกอย่างของ Forme คือโปรแกรมการออกกำลังในเครื่องที่มีรองรับตั้งแต่ การยืด-คลายกล้ามเนื้อ, บอดี้เวท, โยคะและชกมวยที่อัดแน่นมาเพื่อเพิ่มหลากหลายในการออกกำลังให้สำหรับผู้ใช้งาน ปัจจุบันทาง Fuseproject กำลังเปิดให้ชาวสหรัฐอเมริกาสั่งซื้อ Forme Smart Mirror
หลังสร้างสถิติใหม่จนเป็นที่พูดถึงอย่างมากในงาน SIHH 2018 กับ “PIAGET ALTIPLANO ULTIMATE CONCEPT” เรือนเวลาระบบกลไกที่บางที่สุดในโลก ที่นอกจากจะเปิดตัวด้วยความหนาเพียง 2 มิลลิเมตรแล้ว แบรนด์ยังผนึกเอานวัตกรรมรอบด้านไว้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความลับด้านโครงสร้างของกลไกและตัวเรือนที่ออกแบบให้ผสานเป็นชิ้นเดียว เม็ดมะยมดีไซน์เฉพาะที่กลมกลืนไปกับตัวเรือนและกระจกที่บางเฉียบ กลไกที่มีกำลังลานสำรองนานถึง 40 ชั่วโมง เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า “เรือนเวลาที่แสนจะซับซ้อนและเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงแบบนี้จะถูกผลิตเพื่อวางจำหน่ายหรือไม่ และถ้าเป็นเช่นนั้นไอเท็มชิ้นนี้จะเหมาะสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวันสักแค่ไหน” คำตอบของเพียเจต์ก็คือ Yes และ Yes นั่นเอง โดยแบรนด์ให้เหตุผลว่า “PIAGET ALTIPLANO ULTIMATE CONCEPT” ไม่ได้เป็นเพียงการเผชิญความ ท้าทายในระดับ Micro engineering อีกต่อไป แต่เป็นการทำงานร่วมกันอย่างหนักของเหล่าทีมนักพัฒนา วิศวกร ช่างนาฬิกา นักออกแบบ เพื่อส่งมอบเรือนเวลาที่เพรียวบางสู่ผู้ใช้งานตัวจริง และนี่คือ เส้นทางสู่ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จที่ทุกคนต่างรอคอย From Drawing Board to Your Wrist ย้อนกลับไปปี 1957 เพียเจต์ก้าวสู่โลกแห่งการปฏิวัติเรือนเวลาด้วยการเปิดตัวนาฬิกาดีไซน์บางเฉียบขึ้น ก่อนพัฒนาออกมาอีกหลายรุ่นจนกลายเป็นนาฬิการะบบกลไกที่บางที่สุดในโลก
ถ้าพูดถึงนาฬิกาที่แข็งแรงทนทานและมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายสิบปี คงจะลืมชื่อ ‘G-SHOCK’ ของ Casio ไปไม่ได้เลย นอกจาก G-SHOCK จะเป็นแบรนด์นาฬิกาจากแดนอาทิตย์อุทัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกแล้ว รูปลักษณ์ มาตรฐานการผลิต ตลอดจนงานดีไซน์เฉพาะตัวของแต่ละเรือนยังถูกใจหนุ่ม ๆ สายสตรีตอย่างเราเป็นที่สุด เมื่อปี 1995 แบรนด์นี้เคยเปิดตัวนาฬิการุ่น ‘DW-6900’ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วและถือเป็นหนึ่งในนาฬิการุ่นไอคอนิกของแบรนด์ไปโดยปริยาย เรือนนี้ได้รับฉายาว่า “triple graph dial” หรือที่เรียกติดปากกันในประเทศไทยว่า “ไอ้สามตา” บ่งบอกถึงประสิทธิภาพและรูปแบบจอแสดงผลทรงกลมสามชุดบนหน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์ของเรือน แถมรุ่น DW-6900 ยังถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานการสร้างสรรค์นาฬิกาเรือนอื่น ๆ ร่วมกับแบรนด์แฟชั่นอีกมากมาย ในปี 2020 นี้ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (CMG) เพิ่งเปิดตัวซีรีส์เรือนเวลา “Metal Face GM6900” จากตระกูลนาฬิกาต้านแรงกระทบกระเทือน (G-SHOCK) เพื่อฉลองครบรอบ 25 ปีของนาฬิการุ่น DW-6900 โดยนำโมเดลรุ่นเก๋ามาปรับโฉมใหม่ ดีไซน์วงกรอบตัวเรือนด้วยสเตนเลสสตีลขัดเงา ใช้หน้าปัดกระจกสุดแกร่ง และถอดแบบหน้าปัดทรงกลมสามชุดของรุ่น ‘DW-6900’ ในตำนานออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน นาฬิกาในซีรีส์นี้ถือเป็นสามรุ่นแรกที่ G-SHOCK นำวงกรอบตัวเรือนสเตนเลสสตีลมาประดับตกแต่ง
การออกแบบที่ดี ต้องมีทั้งความคิดสร้างสรรค์และสามารถใช้งานเพื่อยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น นี่คือไอเดียที่ Eisuke Tachikawa ดีไซน์เนอร์ชาวญี่ปุ่นผู้ก่อตั้ง ‘Nosigner’ platform ที่มี Vision ชัดเจนในการออกแบบเพื่ออนาคตที่ดีกว่า ในสถานการณ์ที่หลายประเทศขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันตัวเองจากไวรัส SARS-CoV-2 อย่างหนัก เนื่องจากหน้ากากทางการแพทย์ต้องส่งไปให้บุคลากรแถวหน้าเช่น หมอ พยาบาล ในการรักษาผู้ป่วย Coronavirus ประชาชนปกติอย่างพวกเราที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า สามารถเลือกใช้หน้ากากผ้าหรือ Face Shields ที่มีความปลอดภัยรองลงมาได้ จึงเป็นหน้าที่ของ Designer หลายคนต่างระดมสมองเพื่อหาสารพัดวิธีในการออกแบบหน้ากากต่าง ๆ ออกมา ไอเดียล่าสุดที่เราหยิบมานำเสนอของ Eisuke Tachikawa นับเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีสำหรับทั้งพวกเราและเจ้าหน้าที่ที่ต้องการ Face Shields แบบเร่งด่วนและทำได้ง่าย โดยการแจก template ให้เอาไป DIY กันอย่างง่ายดาย เพียงแค่ใช้แฟ้มเอกสารและกรรไกร ตัดตามรอยเส้นที่ระบุเอาไว้ก็เรียบร้อยภายใน 1 นาที เข้าไป download template แบบ high-resolution ได้ที่ NOSIGNER GG
เรื่องสไตล์การแต่งตัวต่อให้อยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะสถานการณ์ไม่ใช่กรอบที่มาขีดเส้นให้เราต้องแต่งตัวแบบเดียวกันเหมือนกันหมด ต่างคนต่างสไตล์ ต่างความชอบ สุดแต่ความต้องการส่วนตัว จากที่เราสังเกตข่าวคราวตอนนี้ หลายคนอาจจะพูดว่าแฟชั่นเป็นเรื่องสิ้นเปลือง เป็นสิ่งไม่จำเป็น แต่เรากล้ายืนยันว่าความจริงแฟชั่นไม่ได้แยกจากการใช้ชีวิตประจำวันขนาดนั้น และใช่ว่าแฟชั่นจะเป็นของสิ้นเปลืองเสมอไป ดังนั้น วันนี้ UNLOCKMEN จึงรวมแบรนด์ไทยเท่ ๆ เทรนด์การแต่งตัวใหม่ของผู้ชายที่มายืนยันว่า “ความปลอดภัย” กับ “ไลฟ์สไตล์” ไม่ใช่เรื่องที่ต้องแยกจากกัน GREYHOUND ORIGINAL: CROSSBODY BAG ขอเปิดด้วยคอลเลกชันช่วงไวรัสระบาดของ Greyhound Original ด้วยหนึ่งในคอลเลกชัน “SAFE SERVICE PROJECT” อย่าง Multi-Functional Crossbody Bag หรือกระเป๋าสะพายข้างที่มาพร้อมกับ Hand Sanitize & Moisturizer ขนาดพกพา ปกติผู้ชายส่วนใหญ่เราชอบอะไร flow flow ไม่ชอบพกของพะรุงพะรังหรือกระเป๋าใบใหญ่ ๆ ไปไหน แต่ถ้าให้พก Crossbag ที่ออกแบบช่องเก็บแบบ Multi-Function ลุคมินิมัล แต่พอกางออกมาแล้วมีช่องใส่ได้ครบทั้งแว่นกันแดด กระดาษทิชชู มือถือ กระเป๋าสตางค์
นอกจากเราจะเห็นคนรอบตัวปลดปล่อยศักยภาพการเป็นพ่อครัวและขาแดนซ์กันแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มใหญ่ที่กลายเป็นนักออกกำลังกายผ่านทางออนไลน์อีกเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าใครคิดจะเอาดีทางด้านนี้ สิ่งแรกที่ต้องคิดคือจุดขายที่จะสร้างสไตล์และความแตกต่างให้การออกกำลังกายของคุณดูดีกว่าใคร ขอแนะนำ Exercise Gear collection ใหม่ล่าสุดจาก Louis Vuitton เพราะเข้าใจว่าช่วงนี้หลายคนต้องอยู่ติดบ้าน นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ Louis Vuitton เลือกเปิดตัว Sporting Goods, Games และ Collectors Items สุดพิเศษในช่วงเวลาที่แสนจะน่าเบื่อเนื่องจาก Coronavirus ชิ้นที่เด็ดสุดใน collection นี้ เราขอยกให้กับสาขา Sporting Goods ที่มี DUMBBELLS สุดหรูหรา น้ำหนักข้างละ 3 กิโลกรัม ผลิตจากเหล็กขัดเงางาม บริเวณที่จับหุ้มด้วยหนังแท้ลาย Monogram Eclipse สวยงามราวกับเครื่องประดับออกงานมากกว่าอุปกรณ์ออกกำลังกาย เหมาะสำหรับคนที่อยากกำลังกายอย่างโดดเด่น สุขภาพดีและเติมเต็มความภาคภูมิใจได้ในสนนราคาคู่ละ $2,720 (81,600 บาท) หรือใครไม่ชอบยก Dumbbells ก็ยังมี PING PONG SET JAMES ชุดไม้ปิงปอง LV ที่มาพร้อมกับไม้ตีปิงปอง
แม้ช่วงนี้อยู่บ้าน Work from Home กัน แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายอย่างเรา ๆ ก็สามารถลุกขึ้นมาสนุกกับการแต่งตัวต้อนรับซัมเมอร์ไปกับไอเทมรองเท้าแตะหลากสไตล์ได้ UNLOCKMEN ขอแนะนำรองเท้าจากแบรนด์ชั้นนำที่มีดีไซน์ขวัญใจผู้ชายอย่าง Camper, Kenneth Cole, Geox, และ Birkenstock ที่จะทำให้การ Stay Home ไม่น่าเบื่อ แถมได้ครีเอทลุคสนุก ๆ มิกซ์แอนแมทช์แบบชิว ๆ ใส่ในบ้านหรือใส่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตแบบมีสไตล์อีกด้วย Camper สำหรับรองเท้าแตะ Camper รุ่น ORUGA ของสุภาพบุรุษนั้น ความพิเศษของรองเท้ารุ่นนี้คือมีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นได้ดีเนื่องจากพื้นรองเท้าด้านนอก (Outsole) ถูกออกแบบเป็นแนวตั้ง ส่วนพื้นรองเท้าด้านใน (Midsole) เลือกใช้พื้นที่มีความนุ่มสบาย ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกกระชับและเคลื่อนไหวได้คล่องตัว ปิดท้ายด้วยสายรัด (Strap) ที่ใช้วัสดุหนังเพื่อเพิ่มลูกเล่นเข้าไป กลายเป็นรองเท้าแตะรับซัมเมอร์ที่ให้ความแฟชั่นไปอีกแบบ Birkenstock เบอร์เคนสต๊อก (Birkenstock) เป็นรองเท้าที่โดดเด่นด้านการจัดวางตำแหน่งเท้าเพื่อสุขภาพและการวางท่วงท่าให้สบายขึ้น และตราสัญลักษณ์ของเยอรมันนั้นตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนมานานนับทศวรรษ โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่คงทนและสร้างการออกแบบที่น่าดึงดูด มีรุ่นยอดนิยมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นมาดริด (Madrid) กิซ่า