ชั่วโมงนี้ต่อให้ใครไม่เป็นคนที่ชื่นชอบหรือหลงใหลในสตรีทแฟชั่น อย่างไรก็ต้องรู้จักแบรนด์ Supreme เป็นแน่แท้ เพราะในปัจจุบัน Supreme ได้กลายเป็นมากกว่าแค่เสื้อผ้าแฟชั่น แต่มันเปรียบดังลัทธิหรือศาสนาที่คนยอมใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มันมาไว้ครอบครอง Supreme เองก็ไม่ได้อยู่เฉย พยายามหาพาร์ทเนอร์มาร่วมงาน รวมถึงสร้างสรรค์ผลงานปล่อยคอลเลคชั่นตัวเองออกมาเรียกกระแสความฮือฮาอย่างสม่ำเสมอ อย่างล่าสุด Supreme ได้ทำการ collaboration กับมังงะจากประเทศญี่ปุ่นเรื่อง Akira (คนไม่ใช่คน) นับได้ว่าเป็นการร่วมงานครั้งแรกระหว่าง Supreme กับการ์ตูน เป็นอีกหนึ่งโปรเจคใหม่ที่ทำเอาเหล่าสาวกการ์ตูนญี่ปุ่นรุ่นเก๋า รวมถึงแฟน Supreme ตื้นตันไปตาม ๆ กัน สำหรับเด็ก ๆ ยุคใหม่คงจะเกิดไม่ทันมังงะเรื่อง Akira เลยไม่ทราบถึงความเจ๋ง หรือยิ่งใหญ่ของการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้ แต่รู้หรือไม่ว่ามันคือผลงานชิ้นโบว์แดงของอาจารย์ Katsuhiro Otomo เมื่อปี 1982 อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจสำหรับวงการภาพยนตร์ อาทิ Blade Runner , The Matrix Trilogy เป็นต้น สินค้าคอลเลคชั่นนี้จะประกอบไปด้วย เสื้อ Parka , เสื้อ Work Jacket
จากความสำเร็จของ “รอยัล โอ๊ค ฟรอสต์ โกลด์” (Royal Oak Frosted Gold) เวอร์ชั่นสำหรับเวิร์กกิ้งวูแมน ที่เปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจเมื่อพฤศจิกายน 2016 ก็ถึงคราวที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) ส่งผ่านประณีตศิลป์อันแสนท้าทายให้กับเหล่าสุภาพบุรุษสุดเนี้ยบกันบ้าง กับเรือนเวลา “รอยัล โอ๊ค ฟรอสต์ โกลด์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น” ล่าสุด บนตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 กะรัต ขนาด 41 มิลลิเมตร จับคู่สายนาฬิกาวัสดุเดียวกับตัวเรือน โดดเด่นด้วยดีเทลระยิบระยับดุจประกายจากเพชร ผลลัพธ์ล้ำค่าด้วย “ฟลอเรนทีน เทคนิค” (Florentine technique) โดยการตีเนื้อทองด้วยสลักหัวเพชรลงบนพื้นผิวตัวเรือนและสายนาฬิกาเพื่อให้เกิดรอยประทับขนาดเล็ก เทคนิคเก่าแก่ที่นิยมใช้ในการออกแบบจิวเวลรีแบบดั้งเดิม ก่อนต่อยอดสู่ความตื่นเต้นครั้งใหม่ของเรือนเวลาระดับมาสเตอร์พีซได้อย่างลงตัว คงลุคที่เฉียบขาดด้วยพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินในลวดลายกรองด์ ตาปิสเซอรี่ (Grande Tapisserie) พร้อมด้วยกระจกฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ และเข็มบอกเวลาเคลือบสารเรืองแสง ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 3120 กันน้ำลึก 50 เมตร ผลิตจำกัดเพียง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะได้มีโอกาสพูดคุยกับ เจสัน เพทรี่ (Jason Petrie) นักออกแบบ ที่ทำงานสร้างสรรค์รองเท้าบาสเกตบอลร่วมกับซูเปอร์สตาร์อย่างเลอบรอน เจมส์ (LeBron James) มานานกว่าหนึ่งทศวรรษ ถึงจุดเด่นของรองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนรุ่นล่าสุด ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้นวัตกรรมเส้นใยไนกี้แบทเทิลนิต (Nike BattleKnit) ที่ช่วยเสริมให้รองเท้าบาสเกตบอลเลอบรอน 15 โดดเด่นไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเพทรี่กับเจมส์ได้ร่วมพัฒนารองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนหลายรุ่นตั้งแต่รุ่นเลอบรอน 7 (LEBRON 7) รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ตระกูลเลอบรอนโซลเยอร์ (LEBRON Soldier series) และยังคงพัฒนาสุดยอดรองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนมาถึงรุ่นที่ 15 (LEBRON 15) ที่พวกเขาก้าวข้ามขีดจำกัดไปอีกขั้น รองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนออกวางจำหน่ายมาจนถึงรุ่นที่ 15 แล้ว มีกฎในการสร้างสรรค์ใดบ้างที่คุณต้องปฏิบัติตามอย่าเคร่งครัด และมีกฎข้อใดหรือไม่ที่คุณเลิกให้ความสำคัญไปแล้ว? เรามีกฎสำคัญในการสร้างสรรค์ 3 ข้อ ได้แก่ 1. “ทำให้เท้ามั่นคงเพื่อเอื้อต่อการกระโดด – Lock me down so I can fly” ซึ่งเป็นคำขอของเลอบรอนโดยตรง 2. “ลดการบาดเจ็บได้ – Protect me
สำหรับคอ High-Fashion แบรนด์ Givenchy (จีวองชี่) ถือเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์คอนเซ็ปต์อย่างชัดเจน อีกทั้งดีไซน์ต่าง ๆ ล้วนถูกออกแบบมาอย่างโดนใจหนุ่ม ๆ ไม่ว่าจะเป็น Animal Spirit , Rottweiler , Star Print เป็นต้น ซึ่งวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ก็ขอเอาข่าวคอลเลคชั่นใหม่ของ Givenchy มานำเสนอ สำหรับคอลเลคชั่นใหม่ของ Givenchy คือ Spring 2018 Pre-Collection ที่ถูกออกแบบโดยทีมสตูดิโอของแบรนด์ ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ยึดเอาคอนเซ็ปต์ “ความบริสุทธิ์ ความสง่างาม ความสดใส” จาก 3 โทนสีหลัก ได้แก่ สีขาว สีดำ (Black) , สีน้ำเงิน (Electric Blue) และสีชมพูฟูเซีย (Fuchsia) เติมแต่งด้วยลายปรินท์ทหาร ผสานการออกแบบตัดเย็บที่ประณีต เผยให้เห็นเค้าโครงของเสื้อผ้าอย่างชัดเจน ผ่านวัสดุเนื้อผ้าที่มีความหรูหราตามแบบฉบับของ Givenchy (จีวองชี่) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้และด้วยความอาลัยยิ่งใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทย จับมือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เปิดนิทรรศการศิลปกรรม “ร.๙ ในหลวงในดวงใจนิรันดร” แสดงผลงานศิลปะอันทรงคุณค่า พระบรมสาทิสลักษณ์ และผลงานที่ได้แรงบันดาลใจจากพระราชจริยวัตร และพระราชกรณียกิจ รวมถึงภาพเชิงสัญลักษณ์ มากกว่า 50 ผลงาน โดย 50 ศิลปินแห่งชาติและศิลปินชั้นแนวหน้าของไทยที่จรดปลายพู่กันสร้างสรรค์ด้วยหัวใจแห่งความจงรักภักดี แสนอาลัย พร้อมชวนบริจาคเพื่อรับสูจิบัตรที่ระลึกรวมภาพผลงาน เพื่อนำรายได้สมทบมูลนิธิชัยพัฒนา สามารถเข้าชมได้ ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี วันนี้ ถึง 5 พ.ย. 60 เวลา 10:00-22:00 น. ชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ภายในพิธีเปิดนิทรรศการเมื่อเร็วๆ นี้ (19 ต.ค. 60) ได้รับเกียรติจาก กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน โดยมีคณะผู้จัดงานฯ อาจารย์สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ
เมื่อเราพูดถึงรองเท้าบู้ทแน่นอนว่าชื่อแรก ๆ ที่แว้บเข้ามาในหัวก็คือ Timberland รองเท้าบู้ทสุดทนทานที่มีดีไซน์กระชากใจ สามารถใส่ใช้งาน หรือเป็นรองเท้าแฟชั่นได้อย่างไม่เคอะเขิน โดยเฉพาะรองเท้ารุ่น Yellow Boots ที่โดดเด่นจนเป็นไอคอนที่ใคร ๆ หลายคนต้องมีไว้ครอบครองในตู้รองเท้า เนื่องจากทีมงาน UNLOCKMEN เกิดความสนใจในตัวแบรนด์ จึงได้ไปทำการค้นคว้าข้อมูลประวัติของแบรนด์ Timberland มาเล่าสู่กันฟังให้ทุกท่านได้อ่านกันแบบเพลิน ๆ ย้อนกลับไปในปี 1952 นาย Nathan Swartz ได้ทำการซื้อหุ้นของบริษัทรองเท้า Abington เพื่อเริ่มต้นธุรกิจผลิตรองเท้าบู้ทซึ่งตัวเขามองเห็นศักยภาพที่ก้าวมาทำเงินได้ โดยเริ่มแรกเขาตัดสินใจซื้อหุ้นเพียงครึ่งเดียวก่อน เพื่อดูว่าธุรกิจจะสามารถเดินไปข้างหน้าได้ขนาดไหน ซึ่งธุรกิจของพวกเขาก็ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง 10 ปีต่อมาพวกเขาได้นำเทคโนโลยี injection-molding มาใช้กับรองเท้าบู้ทของพวกเขา เนื่องจากสภาพอากาศในเมืองที่มีหิมะตกอยู่เป็นประจำ และรองเท้าบู้ทส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยกันน้ำ จึงเป็นไอเดียให้พวกเขาออกแบบรองเท้าบู้ทที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถกันน้ำได้ในขณะเดียวกันก็ยังป้องกันความเย็นได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ทำให้รองเท้าจาก Abington เป็นที่นิยมในท้องถิ่น แต่เพื่อเป็นการเปิดตลาดให้กว้างไกลยิ่งขึ้น พวกเขาจึงตัดสินใจย้ายบริษัทไปยัง New Hampshire ในปี 1969 เพื่อเพิ่มขนาดสเกลการผลิตให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และมีการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเป็น Timberland ในเวลาถัดมา Timberland ต้องการจะเป็นบริษัทผลิตรองเท้าที่สามารถทำรองเท้าบู้ทออกมาในลักษณะหลากหลาย
ตลอดระยะเวลา 1 ปีแห่งการสูญเสีย ที่เราทุกคนล้วนแต่ต้องพยายามลุกเดินและก้าวต่อไป คงไม่ใช่แค่เพียงผมคนเดียวที่รำลึกถึงพระองค์ท่าน เพราะยิ่งเข็มเวลาเดินผ่านมาไกลเท่าไหร่ พวกเราทุกคนล้วนได้รับการตอกย้ำชัดเจนมากขึ้น กับทุก ๆ สิ่งที่พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนเสมอมา ตลอดเวลา 70 ปีที่พระองค์ทรงงานอย่างหนัก ไม่เพียงแต่เป็นพ่อของแผ่นดินเท่านั้น แต่ยังได้ให้ชีวิตและคิดการณ์ไกลในความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน ทรงพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นก็เพื่อให้คนไทยทุกคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น สุขสบายมากขึ้น แม้ว่าในแต่ละพื้นที่ที่พระองค์เสด็จไปล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ทุรกันดารก็ตาม แม้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เมื่อก่อน ก็คงไม่ได้อำนวยสะดวกและง่ายต่อการใช้งานแบบทุกวันนี้ แต่พระองค์ก็ทรงมีอุปกรณ์ทรงงานส่วนพระองค์ติดตัวอยู่เสมอ UNLOCKMEN จึงขอพูดถึง 5 อุปกรณ์ทรงงานส่วนพระองค์ที่เมื่อเราเห็น จะได้ย้ำเตือนพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงงานหนักเพื่อประชาชนเสมอมา วิทยุสื่อสาร อีกหนึ่งความคุ้นตา ที่เรามักจะเห็นพระองค์ท่านพกพาเครื่องวิทยุสื่อสารติดตัวไปในพื้นที่ทุรกันดารอยู่เสมอ พระองค์ไม่เพียงแต่พกพาและใช้สื่อสารขณะทอดพระเนตรประชากรเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงมีพระอัจฉริยะภาพทางด้านการสื่อสารอีกด้วย โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีควอไซท์ส่วนพระองค์คือ VR 009 ที่ทรงช่วยพระราชทานคำแนะนำ เกี่ยวกับเครือข่ายวิทยุสื่อสารให้อยู่บ่อยครั้ง แม้กระทั่งเหตุการณ์ช่วยเหลือศูนย์สายลมให้เข้าถึงเหตุวาตภัยที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เมื่อปี 2539 พระองค์ท่านก็ทรงติดต่อเข้ามา เพื่อแนะนำวิธีที่ถูกต้องให้อาสาสมัครในการออกไปช่วยเหลือประชาชน แผนที่ ทุกครั้งที่พระองค์ทรงเสด็จฯ เยี่ยมราษฏร สิ่งที่เรามักเห็นอยู่ในพระหัตถ์ของท่านอยู่เสมอคงเป็น “แผนที่” ที่พระองค์ใช้ทรงงานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแห่งหนใดในประเทศไทย โดยแผนที่ฉบับนั้นเรียกว่า “แผนที่มาตราส่วน 1
นับตั้งแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต ชาวไทยทั้งแผ่นดินก็ตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า เราล้วนมีวิธีการจัดการความโศกเศร้าที่แตกต่างกันไป บ้างก็เลือกน้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้รู้สึกว่าพระองค์ท่านยังประทับอยู่ในใจเราเสมอ แต่ แจม-เจกิตาน์ โตนิติ บัณฑิตสาวจากรั้วจามจุรี เลือกการลงมือทำด้วยการร่วมถวายงานครั้งสุดท้ายอย่างสมเกียรติ ในการเป็นจิตอาสาปั้นประติมากรรมประดับพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่๙ โดยผู้รับผิดชอบหลักในการปั้นประติมากรรมครั้งนี้คือ สำนักช่างสิบหมู่กรมศิลปากร ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของศิลปะไทย ได้เปิดรับสมัครจิตอาสาช่วยงาน ผู้ที่สมัครจะต้องผ่านการคัดเลือก และทดสอบฝีมือก่อน มีคนให้ความสนใจสมัครเป็นจำนวนมาก และแจมก็เป็นหนึ่งในจิตอาสาที่ได้เข้าร่วมปั้นหุ่นต้นแบบ เพื่อนำไปใช้เป็นแม่พิมพ์หล่องานปั้น หรือประติมากรรมประดับตกแต่งรอบพระเมรุมาศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ล้วนเป็นต้องใช้ความละเอียดประณีตทุกขั้นตอน เรามีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับเจกิตาน์ โตนิติ หรือ แจม เกี่ยวกับการร่วมเป็นจิตอาสาและเบื้องหลังงานรังสรรค์ศิลป์แห่งการประดับพระเมรุมาศ เจกิตาน์ โตนิติ หรือ แจม เรียนจบจาก คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาทัศนศิลป์ เอกประติมากรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชอบวาดนู่นนี่ตั้งแต่เด็ก สนใจรูปภาพสีสัน เลยเลือกเรียนศิลปะ ส่วนประติมากรรมพึ่งมาชอบตอนที่ได้ลองทำจริงในการเรียนในมหาวิทยาลัยช่วงปี 1 เลยค้นพบว่าตัวเองชอบอยู่กับสิ่งที่ได้ลงมือลงแรง ได้ขยับ มันสนุกดีเลยเลือกเรียนเป็นเอกประติมากรรม ตอนปี 3 พูดถึงการเริ่มต้นเรียนด้านศิลปะหน่อยว่ามีที่มาอย่างไร ที่บ้านให้การสนับสนุนดีมาก อยากให้เราเรียนในสิ่งที่มีความสุขตลอด เพียงแค่เขาขอให้เราตั้งใจทำ สิ่งที่ชอบให้ดีที่สุด ให้กำลังใจในเวลาท้อตลอดมา ล่าสุดมีโอกาสได้เข้ามาเป็นช่างจิตอาสาในการทำงานศิลป์ประดับพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง ร.๙ ฝ่ายประติมากรรม
คำว่า Productivity นั้นน่าสนใจมาก โดยเฉพาะในวัยคนทำงาน จะรู้ดีว่าถ้าหากวัน ๆ หนึ่งผ่านไปโดยที่ไม่มีงาน หรือได้ผลลัพธ์จากการทำงานในวันนั้นเลยจะรู้สึกหดหู่แค่ไหน บางคนจึงพยายามทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ตลอดทั้งเพื่อที่จะให้งานเสร็จลุล่วงอย่างที่ตั้งใจ หรือวางแผนไว้ แต่ในความเป็นจริงมันมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เปอร์เซ็นของ Work Productivity ในตัวเราลดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมมันยังเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คน เป็น หรือ ทำอยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัวซะด้วย วันนี้เราจึงได้นำเอา 4 นิสัยในโลกออนไลน์ที่ถ้าหากคุณทำแล้ว จะลด Work Productivity ของคุณลงมาให้ดูกัน หากใครที่กำลังหาคำตอบชีวิตอยู่ว่า ทำไมถึงทำงานไม่ค่อยจะสำเร็จดั่งใจหมายสักที วันนี้เรามีคำตอบ และวิธีแก้ไขมาให้ได้ดูกัน ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่า มันมีปัจจัยมากมายหลายสาเหตุที่จะทำให้ Work Productivity ของคุณนั้นลดลง แต่ในปัจจุบันนี้ สาเหตุของคนส่วนใหญ่จะเป็นนิสัยการใช้งานโลกออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน แต่เป็น Internet นั่นแหละ ที่ทำให้พนักงาน หรือคนทำงานส่วนใหญ่ ไม่สามารถ Focus งานได้อย่างที่ควรจะเป็น โดยมีการแบ่งออกเป็น 4 ปัจจัยดังต่อไปนี้ 1#Browsing without a purpose หลายคนมีนิสัยชอบเปิดแท็บในหน้าเว็ป
ใครบอกความเท่ของแฟชั่นจะถูกจำกัดเอาไว้แค่ในเมืองหลวง ด้วยเทรนด์ที่คนส่วนใหญ่หันไปลุยภูเขาแบบ Hiking กันมากขึ้น adidas อาจคิดว่า ทำไมเราไม่เอาแฟชั่นไปใส่ไว้ในนั้นซะเลยล่ะ? ว่าแล้วก็จับเอา Superstar ’80s อดีต low-top basketball shoes อันโด่งดังมาตั้งแต่ปี 1983 ผ่านยุคสมัยของ RUN D.M.C. มาแปลงโฉมใหม่ โดยใส่แรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์การลุยป่าเข้าไป กลายเป็นดีไซน์รองเท้าที่เท่ ดูทนทานทั้งด้านฟังก์ชั่น และโทนสี เรียกว่าวัยรุ่นนิยมอะไร adidas Superstar จะตามไปคอยสนับสนุน มองแว้บแรก เราน่าจะเห็นรองเท้า sneaker คู่นี้เป็นรองเท้าสำหรับลุยป่า ไม่ว่าจะเป็น upper โทนสีเขียวเข้ม olive-green ที่ยั่วยวนชวนให้ออกไปย่ำยี ตัดกับ toe cap และ midsold สี off-white เสริมความเข้มแข็งด้วย heel tab สีแดง ดูร้อนแรงน่าผจญภัย แต่ถ้าดูให้ดี ๆ จะเห็นว่ามันถูกออกแบบจากพื้นฐานของ Superstar ’80s TR
ย้อนไปเมื่อช่วงกลางปี 2019 ถือเป็นครั้งแรกที่โลกแห่งเครื่องบอกเวลาได้รู้จักกับ SWATCH BIG BOLD ซีรีส์นาฬิกาคอลเลคชันใหม่ล่าสุด ที่รับเอามรดกทางจิตวิญญาณในการพัฒนาเอาตัวรอดรวมถึงการปรับตัวให้เท่าทันยุคสมัย จากตำนานที่มีลมหายใจอย่าง SWATCH รุ่น OG มาต่อยอดในแนวทางของตัวเอง กับไอเดียความขบถที่ขับเน้นตัวตนออกมาอย่างเด่นชัดในวิถี Street Culture จากเรือนเวลาที่สะท้อนสไตล์ของผู้สวมใส่ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ในปีนี้ SWATCH ได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยการนำพานาฬิกาตระกูล BIG BOLD ออกจากรูปแบบเดิม ๆ อีกครั้ง สู่การเดินทางครั้งใหม่ที่ผสานความจัดจ้านของ Street Fashion เข้ากับความเท่ ดุดัน จากกลิ่นอาย Racing Sport ด้วยฟังก์ชัน Chronograph หรือระบบจับเวลาที่เป็นตัวช่วยสำคัญของเหล่านักแข่งแห่งสนามประลองความเร็ว ซึ่งมีอยู่ใน SWATCH BIG BOLD CHRONO รุ่นใหม่ล่าสุด SWATCH BIG BOLD CHRONO ยังคงเอกลักษณ์จากรุ่นแรกเอาไว้กับหน้าปัดขนาดใหญ่ 47 มิลลิเมตร แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือระบบจับเวลา Chronograph ที่มาพร้อม 3 หน้าปัดย่อย แบ่งเป็นตัวนับนาที,
สำหรับอาทิตย์นี้ทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำรองเท้าสนีกเกอร์เข้าใหม่ที่น่าจับตามอง และกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดซึ่งถ้าใครยังมีโอกาสหามาไว้ในครอบครองได้ เราแนะนำว่าต้องรีบเก็บไว้ เพราะนอกจากจะใส่แล้วหล่อ ยังสามารถทำกำไรขายต่อได้อีกด้วย Tyler, The Creator x Converse Golf le FLEUR* ไม่น่าเชื่อว่า Tyler , The Creator ผู้เป็นเจ้าของแบรนด์ Golf wang จะสละ Vans ที่เคยสร้างชื่อให้กับเขา มาร่วมงานกับทาง Converse ออกคอลเลคชั่นสุดพิเศษอย่าง Tyler, The Creator x Converse Golf le FLEUR* ซึ่งวางขายพรีเซลไปแล้วในวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ ร้าน Kasina ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะวางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤศจิกายน สำหรับความพิเศษของรองเท้าคู่นี้คือการนำเอาโลโก้ One Star มาต่อยอดเป็นดีไซน์ตามคาแรกเตอร์ของตัว Tyler ซึ่งเขาได้ทำให้มันดูน่ารักสดใส จนเกิดเป็นลายดอกไม้ประดับเต็มไปทั่วรองเท้าไม่ว่าจะเป็นตรง ลิ้น ส้น