ในบรรดา Supercar ที่หามาครอบครองได้ยากสุด ๆ หนึ่งในนั้นคือ Ford GT เพราะแทนที่จะเน้นผลิตขายให้ได้เงินมากที่สุด Ford เลือกที่จะจำกัด GT เอาไว้สำหรับนักขับที่ต้องการขับมันจริง ๆ ไม่ใช่คนรวยที่ซื้อไปสะสมในโรงจอดรถ และที่หายากยิ่งกว่า Ford GT เวอร์ชั่นปกติก็คือ “Studio Collection” edition พิเศษที่มีจำนวนจำกัดเพียง 40 คัน Ford เปิดตัวโปรเจก GT ‘Studio Collection’ ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ยังไม่เคยมีใครได้เห็นมันมาก่อนจนกระทั่งวันนี้ นี่คือรถที่สร้างและตกแต่งโดยการร่วมมือกับ Multimatic หนึ่งใน Motorsport division ของ Ford ใน Canada ขุมพลัง 3.5-liter V6 660 แรงม้า มาในสีตกแต่งพิเศษ ‘extended palette’ เพิ่มจาก 7 สีมาตรฐาน 2021 Ford GT ‘Studio
เป็น Justin Bieber ทั้งที จะขับรถดี ๆ เดิม ๆ ให้เหมือนคนอื่นไปทำไม ด้วยความสุดของ Bieber บวกกับสุดยอดความสร้างสรรค์ของสำนัก West Coast Customs จัดการแต่ง Rolls-Royce โดยใช้แรงบันดาลใจจาก Rolls Royce 103EX Vision 100 ซึ่งเป็น concept car พลังไฟฟ้าของ RRs ที่เคยปรากฏโฉมไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งน่าจะจำกันได้ กับภาพของ Phantom ที่ถูกปรับโฉมให้ล้ำโดยเฉพาะซุ้มล้อทั้ง 4 ด้านที่มีบอดี้ปกคลุมล้อขนาด 28 นิ้ว สำหรับผลงาน One-of-one ที่ West Coast Custom ออกแบบให้ Justin Bieber ดีไซน์ได้แรงบันดาลใจจาก 103EX Vision 100 อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่เหมือนกันเป๊ะซะทีเดียว แต่โดยรวมได้ภาพความเป็น futurist car
แอปพลิเคชั่นมือถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงขึ้นในทุกปี เคยมีการรายงานว่าตลาดนี้มีมูลค่าราว 106.27 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2018 และคาดว่ามันจะมีมูลค่าสูงขึ้นถึง 407.31 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2026 จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเห็นสตาร์ทอัพให้กำเนิดแอปใหม่ ๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในแอปที่น่าจับตามอง และเป็นที่พูดถึงมากในตอนนี้ คือ Clubhouse สตาร์ทอัพที่ให้บริการโซเชียลมีเดียรูปแบบใหม่ที่มีผู้ใช้งานเป็นดาราดังมากมาย CLUBHOUSE คืออะไร ? Clubhouse คือ เป็นโซเชียลมีเดียที่ทำงานผ่านระบบวอยซ์แชทของ พอล เดวิดสัน และ โรฮัน เซต ผู้ก่อตั้งบริษัท Alpha Exploration CO มันจะเปิดให้เราเข้าไปฟังไลฟ์การพูดคุย การสัมภาษณ์ รวมถึง การถกเถียงกันในหัวข้อต่าง ๆ ของคนที่น่าสนใจได้ ฟังดูแล้วแอบคล้ายพอดแคสต์อยู่เหมือนกัน แอปนี้โตเร็วมากในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 1 ปี โดยนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว แอปนี้มีผู้ใช้งานราว 1,500 คน และมีมูลค่า 100 ล้านเหรียญฯ มาจนถึงต้นปีนี้ แอปมีผู้ใช้งานเกินกว่า 2 ล้านคนแล้ว
World of Warcraft เกมแนว MMORPG ออนไลน์ชื่อดังสุดคลาสสิกขึ้นหิ้งของ Blizzard Entertainment เกมในตำนานที่มียอดผู้เล่นสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกที่ผ่านกาลเวลามายาวนาน และยังคงเปิดให้เล่นจนถึงปัจจุบัน เชื่อว่าชาว UNLOCKMEN หลายคนต้องเคยเข้าไปผจญภัยในโลกสงครามแฟนตาซีใบนี้มาแล้วอย่างแน่นอน World of Warcraft เปิดให้เล่นครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ปี 2004 และได้กลายเป็นเกมที่มีผู้เล่นทั่วโลกรวมกันสองล้านคนในเวลานั้น แต่ภายหลังจากเปิดให้บริการไปเพียงหนึ่งปี ได้เกิดเหตุการณ์ที่กลายเป็นฝันร้ายของเหล่าเกมเมอร์ และเป็นเรื่องราวสุดแปลกระดับตำนานในวงการเกม นั้นคือ “Corrupted Blood” เหตุการณ์ไวรัสระบาดที่ทำลายทุกชีวิตในโลก Warcraft หายนะครั้งนี้เริ่มต้นในวันที่ 13 กันยายน ปี 2005 ในขณะนั้นเกมได้มีอีเวนต์พิเศษให้ผู้เล่นทำในโซน Zul’Gurub เป็นภารกิจที่จะให้เหล่าผู้เล่นร่วมพลังช่วยกันสู้กับ Raid Boss ที่มีชื่อว่า Hakkar ซึ่งเป็นบอสสุดโหดที่มาพร้อมกับสกิลใหม่ที่มีชื่อว่า “Corrupted Blood” ที่จะทำการโจมตีผู้เล่นโดยตรง สร้างความเสียหายโดยการลดค่า HP (Health Point) ของผู้เล่น เพื่อนำไปเพิ่มเป็นค่าพลังชีวิตให้บอส หรือผู้ใช้สกิล
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นความก้าวหน้าเรื่องการแข่งขันกีฬาสุดไฮเทค ก่อนหน้านี้เราได้เห็นข่าว Moon Mark กำลังจะจัดการแข่งขันบังคับรถโรเวอร์บนดวงจันทร์ไปแล้ว และตอนนี้ การแข่งขันบังคับรถแข่งบินครั้งแรกของโลกก็กำลังจะเกิดขึ้นเหมือนกัน การแข่งขันนี้มีชื่อว่า Airspeeder ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่เปิดระดมทุนในเว็บไซต์ Kickstarter มาตั้งแต่ปี 2017 และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นในปีนี้ โดยทาง Alauda ผู้พัฒนาโปรเจกต์จะจัดการแข่งขันรอบทดสอบก่อน โดยการนำยานพาหนะ eVTOL แบบขับเคลื่อนจากทางไกล ชื่อว่า Airspeeder MK3 มาทำการแข่งขันกัน เพื่อเก็บข้อมูลและนำไปพัฒนาต่อไป ว่ากันว่าตอนนี้ MK3 จำนวนกว่า 10 คันกำลังถูกผลิตใน Tech HQ ของ Alauda ที่อยู่ในออสเลียใต้ เพื่อการแข่งขันนี้โดยเฉพาะ MK3 นับว่าเป็นยานพาหนะ eVTOL ที่ได้รับการพัฒนามา 3 ปีแล้ว เริ่มจาก MK1 ซึ่งเป็นยานพาหนะ eVTOL แบบนั่งได้คนเดียวที่มาพร้อมกับ 4 ใบพัด เปิดตัวไปเมื่อปี 2017 ต่อมาในปี 2018 ได้มีการพัฒนา MK2
ถ้าให้นึกถึงสินค้าที่สามารถทำตลาดได้นานถึง 22 ปี โดยแทบไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ที่ผมพอจะนึกได้ก็มี ยาคูลท์ แล้วก็ Suzuki Hayabusa Suzuki Hayabusa คือ Sport Bike ที่แรงจนคนทั้งโลกต้องยอมรับ ตำนานเหยี่ยวอ้วนจากแดนปลาดิบที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1999 พร้อมตำแหน่ง The World’s Fastest Production Motorcycle ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ทะลุ 300km/h ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากสายพานการผลิตแบบเดิม ๆ ความแรงของ Suzuki Hayabusa นั้นเร็วน่ากลัวจนกระทบการส่งออกไปขายนอกญี่ปุ่น ต่างชาติต้องตกลงกับ Suzuki แบบลับ ๆ ให้จำกัดความเร็วก่อนนำเข้าไปขายเลยทีเดียว และนั่นทำให้ตัวเลข Top Speed ของ Hayabusa ในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกันออกไป ระหว่าง 299, 303, 312 km/h แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขไหน ก็ไม่มีใครทำรถเดิม ๆ จากโรงงานออกมาได้แรงกว่า Suzuki Hayabusa ซึ่งที่ใกล้เคียงที่สุดเกือบกระชากตำแหน่งได้ก็คือ Kawasaki
ในจักรวาลที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย มนุษย์โลกเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวกระจ้อย และเต็มไปด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่นอกโลกของตัวเอง ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่าน เราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะหาคำตอบเกี่ยวกับดวงดาวเลย เห็นได้ว่า องค์กรด้านอวกาศพยายามสำรวจดาวเพื่อนบ้านอยู่เสมอ อย่างเช่น ดาวอังคาร ซึ่งได้มีการส่งดาวเทียมขึ้นไปสำรวจอยู่เรื่อย ๆ และตอนนี้ทางนาซาก็มีแผนจะส่งมนุษย์ไปสำรวจดาวอังคารครั้งแรกในปี 2035 ถ้าถามว่า “ทำไมถึงต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร?” คำตอบคือ เพราะดาวอังคารอยู่ไกลจากโลกมาก ๆ (ราว 140 ล้านไมล์) จึงต้องใช้เวลาในการเดินทาง แถมในอวกาศยังมีรังสีที่เป็นอันตรายต่อสารพันธุกรรม และมีผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ เช่น ทำใหเกิดอาการป่วยรังสี เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง รวมถึงโรคเสื่อมสภาพ (degenerative diseases) อีกทั้ง ดาวอังคารยังมีสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยได้ลำบาก ว่ากันว่ามันมีความหนาวเหน็บยิ่งกว่าทวีปแอนตาร์กติกาเสียอีก และยังมีออกซิเจนสำหรับการหายใจน้อยอีกด้วย ดังนั้น ยิ่งใช้เวลาเดินทางจากโลกนานเท่าไหร่ นักบินอวกาศก็ยิ่งตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น เทคโนโลยีจรวดที่สามารถส่งนักบินอวกาศไปยังดาวอังคารได้อย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเดินทางไปดาวอังคาร ข่าวดี คือ ตอนนี้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จาก Ultra Safe Nuclear Technologies (USNC-Tech) ซึ่งตั้งอยู่ในซีแอตเทิล ได้นำเสนอว่าทางออกของปัญหานี้ คือ ใช้เครื่องยนต์นิวเคลียร์ NTP (nuclear thermal propulsion)
หลายคนที่อยู่ในวงการเกมคอมพิวเตอร์ คงรู้จัก Razer บริษัทผลิต Gaming Gear เจ้าแรก ๆ ของโลกกันดีอยู่แล้ว ทางบริษัทได้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีดีไซน์และฟังก์ชันถูกใจชาวเกมมาโดยตลอด และล่าสุดพวกเขาก็ออกของที่น่าสนใจให้เราเห็นอีกแล้ว โดยของชิ้นใหม่นี้เป็นคีย์บอร์ดคอมชื่อว่า Huntsman V2 Analog ซึ่งมาพร้อมกับความพิเศษถูกใจชาวคอนโซลเลย คือ ฟังก์ชันปุ่มที่ทำให้การใช้งานคีย์บอร์ดตัวนี้คล้ายกับการใช้จอยสติกมากทีเดียว เดี๋ยวจะพาทุกคนไปดูต่อว่า เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มีความเจ๋งอย่างไร ที่ผ่านมาทาง Razer ได้ออกคีย์บอร์ด Huntsman มาหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Razer Huntsman Razer Huntsman Elite หรือ Razer Huntsman Mini มาจนถึง Razer Huntsman V2 Analog ซึ่งมีดีไซน์ที่ไม่ต่างจาก Huntsman รุ่นที่ผ่านมานัก แต่ในด้านฟังก์ชันปุ่มถือว่าเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร Huntsman V2 Analog จะมาพร้อมกับสวิตช์แสงอินฟาเรด หรือ optical switch ซึ่งรองรับ analog input ด้วย
เรียกได้ว่ากระแสรถซิ่งยุค 90 นั้นกำลังมาแรงสุด ๆ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเรา แต่ต้องบอกว่ามันบูมไปทั่วโลก เห็นได้ชัดจากราคาที่หลายคนจะต้องร้องโอ้โห เพราะในรถบางคันบางรุ่นที่เป็นตำนานจริง ๆ นั้น ราคามันกระโดดขึ้นไปอยู่สูงกว่า Supercar มือ 1 รุ่นใหม่ ๆ ซะอีก แน่นอนว่า ด้วยราคา และเสน่ห์ของมันทำให้ทั้งนักสะสมรถ และนักลงทุนตาลุกวาว และในบทความนี้เราจะมาพูดถึงของสะสมของคนรักรถ ที่น้อยคนนักจะไปได้สุดทางแบบนี้ กับนักสะสม JDM Car หรือ JAPAN DOMESTIC MARKET ที่จะมานั่งคุยกัน รับรองว่าจะต้องถูกใจนักซิ่งยุค 90 อย่างแน่นอน เพราะนอกจากเราจะพาทุกคนไปดูรถซิ่ง JDM ยุค 90 ที่มีอยู่หลายคันแล้ว เราจะพูดเจาะลึกถึงรถอีกคันที่ถูกยกขึ้นหิ้งให้เป็นตำนาน และเป็น 1ใน 4 ราชา แห่งวงการรถ JDM 90 ซึ่งจะเป็นคันอื่นไปไม่ได้ นอกจาก ‘Honda NSX’ กับ ‘คุณล้าน ศักดิ์ชาย เกรียงสมุทร’
พบเห็นชื่อ Novitec ในหมู่ Supercars เมื่อไหร่ ก็ไว้ใจได้เลยว่านอกจากรถจะแรงขึ้น ยังได้ความโหดจากชุดแต่งรอบคันที่แตกต่างกว่าใครมาด้วยเสมอ เช่นเดียวกับ McLaren 765LT ที่สุดของ Exotic Sports Car จาก McLaren สมรรถนะที่บ้าคลั่งเป็นทุนเดิมระดับ 755 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตรจากเครื่องยนต์ 4.0 ลิตร twin-turbocharged V8 ทำเวลา 0-100km/h ใน 2.8 วินาที ด้วยความเชี่ยวชาญของ Novitec จึงจัด ‘Stage 2’ ด้วยอาวุธลับประจำค่าย ‘N-Tronic’ ECU เสริมประสิทธิภาพการจุดระเบิด การฉีดน้ำมัน และเพิ่มแรง boost turbo ให้จัดจ้านมากขึ้น ช่วยให้รอบจัดกระฉากหลังให้ติดเบาะได้ง่ายดายสบายเท้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรด Hardware ของรถตั้งแต่ชุดแต่งสุดโหดเพื่อ aerodynamic ที่เพิ่มขึ้น ปรับเปลี่ยนชุดไอเสียเป็น high-performance exhaust system
สุดยอดเลนส์ตระกูล M ของชาว Leica ที่มี f กว้างสุดใจ และให้โทนภาพที่คม สวย มี “visual signature” คาแรคเตอร์ของตัวเองชัดเจน วันนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ Noctilux-M ได้กลับมาอีกครั้งใน 2 บอดี้ คือสีดำ Standard Black ที่หาซื้อได้ทุกที่ กับบอดี้สีเงิน ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 100 ตัว มีจำหน่ายเฉพาะชอป Leica เท่านั้น การกลับมาของ Noctilux ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงที่ถูกผลิตออกมาในปี 1966 – 1975 ถือเป็นสุดยอดเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างถึง f/1.2 และความคมชัดจากการใช้ aspherical elements เป็นครั้งแรกโดยเฉพาะที่ f2.8 ซึ่งหาได้ยากในเลนส์ตั้งแต่ยุคนั้นมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ราคามือสองของเลนส์ตระกูล Noctilux เรียกว่าแข็งไม่มีตก ซื้อไปใช้ไม่มีคำว่าเสียใจ มันจึงเป็นเลนส์ที่พิเศษและชาว Leica ต่างต้องการมีไว้ในครอบครอง สำหร้บ Noctilux M50
หากให้หยิบยกเอาเรื่องของนาฬิกาดำน้ำรุ่นเด่นจาก SEIKO มาพูดคุยกัน เชื่อเหลือเกินว่าบรรดาสาวกทั้งหลายคงใช้สมญานามหรือชื่อเล่นแทนตัวของแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็น เต่า, มอนสเตอร์, ซูโม่, ซามูไร ไปจนถึงระดับจอมทัพอย่าง ‘โชกุน (Shogun)’ มาสนทนากันอย่างออกรส ชนิดที่ว่าคนวงนอกฟังแล้วอาจมีอาการงง พาลฟันธงไปว่ากำลังคุยเรื่องมังงะกันอยู่เป็นแน่แท้ ซึ่งต้องบอกว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้คุยกันเรื่องการ์ตูน หรือหนังแฟนตาซีอะไรอย่างที่เข้าใจกัน แต่ต้องอธิบายว่าชื่อเล่นมากมายที่ถูกใช้ในการขนานนามนาฬิกาเรือนโปรด นั้นถูกนำมาจากจุดเด่นของรูปลักษณ์งานดีไซน์ในแต่ละรุ่น ยกตัวอย่างเช่น SEIKO โชกุน คือชื่อเล่นที่ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับ SEIKO PROSPEX รุ่น SBDC007 ที่โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งของโลหะที่ใช้ ซึ่งก็คือวัสดุไทเทเนียมที่มีน้ำหนักเบาและมีความทนทานสูง เปรียบได้กับชุดเกราะที่โชกุน หรือเจ้าของตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดในสมัยก่อนสวมใส่ในยามออกรบ และไม่ใช่เพียงแค่วัสดุที่ทำให้ได้มาซึ่งสมญานามโชกุน แต่งานดีไซน์ในส่วนต่าง ๆ ยังสะท้อนจิตวิญญาณชุดเกราะของจอมทัพออกมาอย่างได้ชัดเจน ทั้งในส่วนของ Pointed Markers บนขอบหน้าปัดที่ดูแข็งแกร่ง และ Triangular Notches ที่ออกแบบเพื่อให้หมุนขอบตัวเรือนได้อย่างกระชับ มั่นคง แม่นยำ ตอกย้ำให้ผู้ที่ได้สวมใส่นาฬิกาเรือนนี้รู้สึกได้ว่าความแกร่ง ผสานกับความประณีต รวมถึงน้ำหนักที่เบาของวัสดุไทเทเนียม นั้นควรค่าที่จะเป็นชุดเกราะคู่ใจของโชกุนผู้เกรียงไกร จนกลายเป็นที่มาของชื่อ ‘โชกุน’ นาฬิกาดำน้ำที่เบาที่สุดจาก SEIKO ที่หลายคนยกให้เป็นตำนาน โดยเหตุผลที่ได้กลายเป็นตำนานนั้น