“โลกอนาคตแม่งอยู่ใกล้เราแค่ปลายจมูก” มั่นใจว่าจากสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมันทำให้หลายคนกำลังคิดแบบนี้อยู่เป็นแน่แท้ แต่สิ่งที่ตอกย้ำว่าเรื่องราวในโลกอนาคตนั้นกำลังดำเนินอยู่จริงในช่วงชีวิตของพวกเรา ไม่ใช่เพียงแค่อุปกรณ์ล้ำสมัยไฮเทค, ระบบ AI อัจฉริยะ หรืออะไรต่อมิอะไรที่เคยเห็นในการ์ตูนโดเรมอน รวมถึงหนังไซ-ไฟ เมื่อวัยเด็ก แต่ ณ ตอนนี้ ภาพที่เห็นชินตาจากหนังที่ว่าด้วยโลกอนาคต ภาพของมนุษย์ที่พยามดิ้นรนไขว่คว้าหาอากาศบริสุทธิ์ เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติฝุ่นพิษ และการแพร่กระจายของเชื้อโรค เชื้อไวรัสต่าง ๆ นา ๆ ด้วยอุปกรณ์กรองอากาศ ป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ทั้งที่ติดตั้งประจำบ้าน หรือสวมใส่ติดตัวตลอดเวลาแบบไปไหนไปกัน ที่กำลังเกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน นี่แหละคือสิ่งที่หากย้อนเวลาไปแค่สัก 5 ปี – 10 ปี หากมีใครเดินมาบอกว่าในอนาคตอันใกล้ ‘อากาศดี ๆ จะไม่ใช่ของฟรีอีกต่อไป’ ร้อยทั้งร้อยเราคงคิดว่าไอ้นี่มันท่าจะบ้า ย้อนกลับมา ณ ปี 2020 จากแนวคิดที่เคยมองว่าเพ้อเจ้อ แต่สุดท้ายเราทุกคนล้วนกำลังอยู่ท่ามกลางปรากฎการณ์หน้ากากกันฝุ่นขาดตลาด, เครื่องตรวจสภาพอากาศกลายมาเป็นแกดเจ็ตพกติดตัว, งานเปิดตัวสินค้าเทคโนโลยียิ่งใหญ่ระดับโลกอย่าง CES มีการเผยโฉม Atmos Faceware หน้ากากฟอกอากาศแบบสวมใส่ เอาไว้สร้างอากาศบริสุทธิ์ได้แบบส่วนตัวด้วยสนนราคา $350 และในเมื่อการที่มนุษย์สวมใส่หน้ากากฟอกอากาศกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานการใช้ชีวิตในช่วงเวลาต่อจากนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่ Demand เกิด
ปัจจุบันผู้ชายอย่างเราต่างสนใจรถยนต์เซกเมนต์เอสยูวี หรือ Sport Utility Vehicle เพราะเป็นหนึ่งในเซกเมนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย โดดเด่นเรื่องสมรรถนะ ความปลอดภัยรวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มาพร้อมกับตัวรถ ค่ายรถยนต์เอ็มจี (MG) เข้าใจความต้องการของผู้ใช้รถเป็นอย่างดี ปีที่ผ่านมาพวกเขาเปิดตัวและวางขายรถยนต์เอสยูวี 2 รุ่นล่าสุดคือ NEW MG HS และเอสยูวีพลังไฟฟ้า 100 % NEW MG ZS EV ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนที่กำลังมองหารถยนต์เอสยูวีที่ขับขี่อย่างปลอดภัยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์ รถยนต์ 2 รุ่นทั้ง NEW MG HS และ NEW MG ZS EV ได้รับคะแนนด้านความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาวจากการทดสอบการชนโดยสถาบันทดสอบความปลอดภัยรถยนต์ของยุโรป หรือ Euro NCAP* มาทำความรู้จักกับเอสยูวีทั้ง 2 คันให้ดีขึ้นไปพร้อมกัน เริ่มที่ NEW MG ZS EV เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100 % มาพร้อมพลังการขับขี่ทรงพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet
หากใครที่เป็นนักขี่ก็คงจะรู้ดีว่า การเลือกรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจสักคันนั้น ไม่ใช่แค่การเลือกยานพาหนะที่พาเราจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งถ้าหากจะพูดในแง่ของฟังก์ชั่นมันก็คงใช่ แต่ถ้าหากพูดถึงในแง่ของแพชชั่น ของความหลงใหลแล้วล่ะก็ คงต้องบอกว่า มันมีความละเอียดละออกว่านั้นเยอะ เพราะการเลือกรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจสักคัน มันต้องคำนึงถึงหลากเหตุหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน รูปแบบการใช้งาน เรื่องของดีไซน์ ซึ่งทุกอย่างล้วนมีความชอบแตกต่างกันไปในแต่ละคน ดังนั้น เมื่อเราเห็นรถจักรยานยนต์คันโปรดของใครสักคน เราก็คงจะพอเดาได้ทันทีว่าคนคนนั้นมีรสนิยมอย่างไร เช่นเดียวกับ คือ คุณสัน–สรวิศิษฎ์ บรรจงลักษมี สุภาพบุรุษที่ผู้ชายสาย Vintage ทั้งหลายรู้จักกันดี และการันตรีได้อย่างเต็มปากเลยว่า คนนี้เขา Vintage ตัวพ่อของจริง ที่ชื่นชอบ และเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ BMW สาย Vintage อยู่หลายคัน คุณสัน–สรวิศิษฎ์ บรรจงลักษมี หลายคนที่อยู่ในสาย Vintage คุ้นกับชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะจริง ๆ แล้ว เขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ก่อตั้งร้าน Smiths Vintage Club ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่ของคนที่ชื่นชอบ และหลงใหลในรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Vintage ซึ่งก็แน่นอนว่า การที่คนเราจะทำอะไรเป็นอาชีพจนประสบความสำเร็จได้นั้น จุดสำคัญมันต้องเริ่มต้นจากตัวตนที่แท้จริงของเราก่อน และตัวตนที่แท้จริงของเราก็จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นไลฟ์สไตล์ เป็นความชอบให้คนภายนอกได้เห็น ซึ่งคุณสันเองก็ได้ใช้ความชอบ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแบบของตัวเองนี่แหละ
หลายคนน่าจะทราบกันดี ถึงสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในศึกชิงแชมป์คนชนคนอย่าง Super Bowl นอกเหนือจากผลการแข่งขัน และ Half-Time Show นั่นก็คือ TVC หลากหลายประเภทสินค้า จนถือป็นอีกหนึ่งเวทีขายของประลองไอเดียโฆษณาจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่ รวมถึงเป็นพื้นที่โชว์ตัวอย่างหนังตลอดจนซีรีส์ใหม่ ๆ อีกหลายต่อหลายเรื่อง โดยแบรนด์ใหญ่แต่ละแบรนด์ ค่ายหนังแต่ละค่าย ต่างคนต่างพร้อมใจกันควักกระเป๋าจ่ายเงินมหาศาล เพื่อแลกกับการที่ Ads หรือ Teaser หนังของตัวเองได้เผยแพร่สู่สายตามากกว่าร้อยล้านคู่จากผู้ชมทั่วโลก อย่างในปีล่าสุด FOX Sports เจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ได้ออกมาเปิดเผยว่าแมทช์หยุดโลกระหว่างทีม Kansas City Chiefs และ San Francisco 49ers นั้นมีอัตราค่าโฆษณาอยู่ที่ประมาณ 5.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 173 ล้านบาท ต่อ 30 วินาที แถมยังขายดิบขายดีจนสล็อตโฆษณาขายหมดล่วงหน้าไปตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2019 ที่ผ่านมา และค่ายรถพันธุ์แกร่งสัญชาติอเมริกันอย่าง Jeep ก็เป็นอีกหนึ่งเจ้าที่ทุ่มเม็ดเงินซื้อเวลาเผยแพร่ TVC ใน Quarter
มีไม่กี่เรื่องที่ผู้ชายเราทำไม่ค่อยได้หรือถ้าทำได้อาจจะทำไม่ค่อยดี เรื่องหนึ่งคือการรีดผ้าให้เรียบ กับอีกเรื่องคือการฟอกอากาศกรุงเทพฯ ตอนนี้ให้ใสสะอาด แต่มันก็ดันมีนักประดิษฐ์หัวใสจับ 2 อย่างนี้มารวมร่างกันได้อย่างลงตัว นวัตกรรมชิ้นนี้เป็นผลงานการออกแบบของ Jiheon Son นักออกแบบชาวเกาหลีประดิษฐ์ผลงานชื่อ “Steam Manager” เครื่องมหัศจรรย์ที่มีฟังก์ชัน 2 in 1 ที่เราต้องการ ได้แก่ การฟอกอากาศก็ดี รีดผ้าเรียบรวมทั้งสามารถกำจัดกลิ่นอับชื้นหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วยการใช้ระบบไอน้ำในเครื่องเดียวกัน ลองดูบอร์ดก่อนจะกลั่นไอเดียมาได้จะเห็น Ref เจ๋ง ๆ ที่ผู้ชายเราชอบหลายชิ้น ทั้งเคส Mac เครื่องฟอกอากาศทรงสูง ฯลฯ จริง ๆ ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอ LG styler 2019 มาก่อน เราว่ามันก็มีเค้าความคล้ายคลึงอยู่บ้าง แต่พอมีเรื่องประโยชน์ของการฟอกอากาศที่ตอบโจทย์เหมาะกับชาวไทยเหลือเกิน คงต้องยกให้ Steamer Manager ได้ตำแหน่งที่ 1 ในใจก่อน ด้วยไซซ์ที่กะทัดรัด วางได้ในแนวตั้งตอบโจทย์การวางในบ้านที่มีพื้นที่พักอาศัยจำกัดอย่างคอนโดหรือหอพักได้ดี ช่วยให้เราจัดการการรูปแบบการใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น อย่างน้อย ๆ ก็มั่นใจว่าต้องดีกว่ากางโต๊ะรีดผ้าเสียบเตารีดแน่นอน ประกอบกับวิธีการทำงานที่ใช้ได้ไม่ยากแค่ดึงส่วนด้านบนขึ้น เครื่องจะยืดตัวขึ้นมาให้เราพร้อมแขวนเสื้อหรือกางเกงที่ต้องการรีดไว้ด้านใน (มีไม้แขวนติดกับเครื่อง) แล้วเราแค่กดปุ่มให้เครื่องทำงานมันก็จะรีดผ้า
Lotus Cars Limited ค่ายรถสัญชาติอังกฤษเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Lotus Evora สายพันธุ์แรงไซซ์เล็กของค่ายที่มาพร้อมงานดีไซน์ใหม่บางจุดและน้ำหนักเบากว่าเดิม Evora คือรถสปอร์ตที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2008 ก่อนจะถูกพัฒนาและเริ่มผลิตครั้งแรกในปี 2009 ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมามีรุ่นรถย่อยออกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Evora S, Evora 400 และ Evora GT จนกระทั่งในปี 2018 โลตัสได้ปล่อย Evora GT410 Sport ลงสู่ตลาด ซึ่งมันได้เสียงตอบรับที่ดีในเรื่องความเร็วและความคล่องตัว แม้ยอดขายจะไม่ได้สูงมากเนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังมองว่ามันไม่เหมาะสมกับการใช้งานประจำวัน เรื่องนี้เป็นเหตุผลทำให้โลตัสต้องการปรับปรุงโมเดล Evora ให้เหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ด้วยการเพิ่มความหรูหราและเทคโนโลยีสนับสนุนการขับขี่เข้าไปจนออกมาเป็น Evora GT410 คันนี้ ดีไซน์ภายนอกของ Evora GT410 ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ส่วนใหญ่ที่เคยใช้ใน Evora GT410 Sport ยกเว้นแต่ส่วนกระจกด้านหลังของ Evora GT 410 ที่ใช้เป็นวัสดุกระจกมากขึ้น รวมถึงสปอยเลอร์ดีไซน์ใหม่ ทางด้านยางมาตรฐานติดรถจะเป็น Michelin Pilot
เมื่อโลกเริ่มเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ก็พัฒนาไปตามระดับความชาญฉลาดของมนุษย์ แม้ในอดีตใครหลายคนจะคิดว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องไกลตัว และคงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้หรือปรับตัวให้ตามเท่าทัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบัน ‘เทคโนโลยี’ ที่นำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาพัฒนาต่อยอด เริ่มแทรกตัวเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา และการใช้งานเทคโนโลยีก็กลายเป็นอีกกิจวัตรของผู้ชายหลายคนไปเสียแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีไม่เคยเป็นเรื่องไกลตัว แถมเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับชีวิตเราจนไม่อาจเลี่ยงได้ วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากนำไฮไลต์ของงานเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง ‘CES 2020’ มาฝากหนุ่ม ๆ ทุกคน งาน CES (Consumer Electronics Show) หรือ CES 2020 เป็นงานจัดแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 7-10 มกราคม 2020 ณ เมืองเนวาดาของรัฐลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 53 ตั้งแต่จัดงาน CES ครั้งแรกเมื่อปี 1957 ในงาน CES 2020 มีบริษัทชั้นนำระดับโลกกว่า 4,500 บริษัท นำเทรนด์เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยที่พวกเขาพัฒนามาจัดแสดงให้ปรากฏต่อทุกสายตาของคนทั่วโลก เพื่อบอกถึงทิศทางของเทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนอนาคตของคุณให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป Samsung Ballie หุ่นยนต์ผู้ช่วยสุดเจ๋งในบ้าน
หากพูดถึงรถยนต์รุ่น DeLorean DMC-12 บางคนอาจไม่เคยรู้จัก แต่หลายคนคงรู้ว่านี่คือรถในตำนานที่เท่เหนือกาลเวลา โดยรถระดับตำนานรุ่นนี้ปรากฏตัวครั้งแรกในยุค 80’s ก่อนที่กาลเวลาจะทำให้มันกลายเป็นของหายากที่หนุ่ม ๆ ทั่วโลกอยากครอบครอง ตอนนี้มีข่าวว่า DMC-12 เตรียมกลับมาอีกครั้งในปี 2021 ดังนั้นก่อนที่ DeLorean DMC-12 จะกลับมาโลดแล่นบนท้องถนนอีกครั้ง THE ICONIC CARS อยากพาทุกคนไปทำความรู้จัก Timeless Car คันนี้ไปพร้อมกัน DMC-12 DMC-12 เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดย DeLorean Motor Company ค่ายรถเมืองลุงแซมที่ John DeLorean เป็นผู้ก่อตั้ง โดย Prototype คันแรกของ DMC-12 ผลิตขึ้นในปี 1976 เป็นงานออกแบบของ Giorgetto Giugiaro นักออกแบบผู้ก่อตั้ง Italdesign สำนักออกแบบรถชื่อดังจากอิตาลี ก่อนต่อยอดพัฒนา Prototype จนกระทั่งปี 1981 DeLorean DMC-12 คันแรกก็ถูกส่งออกสู่ตลาด DeLorean
หนุ่ม ๆ หลายคนโดยเฉพาะคอเพลง Metal และ Thrash Metal คงรู้จะรู้เจมส์ เฮตฟิลด์ ฟรอนต์แมนของโคตรวงดนตรีอย่าง Metallica ที่คงไม่ต้องอธิบายให้มากความถึงความสามารถทางดนตรีที่มีอิทธิพลกับผู้คนจำนวนมาก แต่นอกจากความหลงใหลในด้านดนตรีแล้ว หลายคนอาจไม่เคยทราบว่าป๋าเจมส์ก็เป็นหนึ่งในคนรักรถและนักสะสมรถตัวยง โดยเฉพาะโมเดล Custom ซึ่งวันนี้คอลเลกชันรถส่วนตัวของเขาถูกขนมาจัดแสดงให้ชมกันแล้ว ‘Reclaimed Rust: The James Hetfield Collection’ คือชื่องานจัดแสดงครั้งนี้ซึ่งจะเปิดให้ทุกคนเข้าชมในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ งานเกิดจากแนวความคิดของ James Hetfield ผู้หลงใหลในรถยนต์ที่ต้องการแสดงออกถึงพลังด้านศิลปะรถยนต์คลาสสิกหายากและรุ่น Custom จำนวนมาก รถยนต์ในคอลเลกชันประกอบไปด้วย Jaguar Mark IV รุ่นปี 1948 “Black Pearl” และ Packard รุ่นปี 1934 “Aquarius” ต่อด้วยโมเดลสุดเก๋า Buick Skylark รุ่นปี 1953 “skyscraper” และตำนานคลาสสิกอย่าง Lincoln Zephyr รุ่นปี
สำหรับ Car Guys หรือคนที่ชื่นชอบรถยนต์ เราเชื่อว่ารถยนต์ทุกคันล้วนมีเสน่ห์ มีความสวยงาม และเกิดมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของใครบางคนเสมอ วินาทีที่เราได้ยินราคาเปิดตัว 2,490,000 บาท ของ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic (CBU) ในสมองก็เกิดการประมวลผลเปรียบเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกันทันที ไม่ว่าจะเป็น segment ที่ใหญ่กว่าอย่าง C 220d Avantgarde ตัวเริ่มต้น หรือที่ใกล้เคียงกันอย่าง GLA ที่มีพื้นที่เยอะกว่าค่อนข้างมาก หรือ CLA ที่ได้ความหล่ออารมณ์คูเป้ และอีกมากมายจากหลายแบรนด์ ว่า A-class คันนี้จะมีจุดเด่นอะไรให้หลายคนตัดสินใจเลือกเป็นเจ้าของ และทันทีที่เราได้ครอบครองมัน ประสบการณ์ที่ได้สัมผัส A 200 AMG Dynamic มา ก็พบว่ามีจุดเด่นที่น่าประทับใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสดใหม่ หน้าตาภายนอกและภายในที่ออกแบบได้อย่างโดดเด่น หรูหรา สปอร์ต เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า และได้รถยนต์นำเข้าทั้งคันไปขับก่อนใคร ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงเหตุผลบางส่วน แต่ก็มากพอที่จะทำให้ใครหลายคนตัดสินใจครอบครองรถคันนี้ได้ไม่ยาก Mercedes-Benz A-class
ถ้าพูดถึงเรื่องรถยนต์หนุ่ม ๆ ในเมืองไทยคงคุ้นเคยดีกับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นจำนวนมากที่ได้รับความนิยมในบ้านเรามาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 1990 ช่วงเวลาที่มีรถญี่ปุ่นสร้างความยิ่งใหญ่ให้ทั่วโลกรู้จักกับคำว่า JDM Cars JDM ย่อมาจาก Japanese Domestic Market หมายถึงรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตขึ้นมาตามกฎหมายหรือสอดคล้องกับระเบียบรถยนต์และถนนในญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถญี่ปุ่นจะถูกยกให้เป็น JDM เพราะรถยนต์ญี่ปุ่นมากกว่าครึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ออกแบบเพื่อส่งขายต่างประเทศโดยเฉพาะ เพราะกฎหมายและระเบียบควบคุมเกี่ยวกับรถยนต์ของแต่ละประเทศแตกต่างกันออกไป รถหรือชิ้นส่วน JDM ถูกผลิตขึ้นมาภายใต้กฎข้อบังคับที่เข้มงวดซึ่งจะต้องผ่านการทดสอบที่เรียกว่า Shaken (車検) ทำให้รถที่ใช้ภายในประเทศและรถสำหรับส่งออกมีจุดที่แตกต่างกัน บางคนบอกว่าคุณภาพสูงกว่า บ้างก็บอกว่าความสวยงามและความแรงโดยรวมเหนือกว่า ที่แน่ ๆ คือรถเหล่านี้สามารถปรับจูนให้แรงขึ้นด้วยงบประมาณไม่สูงเกินไป คนรักความเร็วทั่วโลกรวมถึงในไทยเองจึงชื่นชอบรถยนต์ JDM ไม่ว่าจะสั่งซื้อเข้ามาทั้งคัน เปลี่ยนอะไหล่หรือทำรถแบบลูกผสมก็แล้วแต่ความชอบและงบประมาณ ยุค 90’s ยังถือเป็นช่วงเวลาที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวและพัฒนารถยนต์ออกมาจำนวนมาก หลายคันกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคสมัยของค่ายโดยปริยาย กลายเป็นยุคสมัยที่นักเลงรถทั่วโลกอยากจะลองของแรงจากแดนอาทิตอุทัยสักครั้งในชีวิต เมื่อบวกกับอายุการใช้งานรถของคนญี่ปุ่นที่ค่อนข้างต่ำและไม่นิยมมีในครอบครองจำนวนมากเกินไป เพราะภาษีและค่าตรวจสภาพรถในญี่ปุ่นมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้มีรถมือ 2 สภาพดีและอะไหล่ JDM จำนวนมากถูกส่งออกไปทั่วทุกมุมโลก แต่ JDM CAR คันไหนถือเป็นที่สุดแห่งยุค 90’s มาย้อนชมโลกรถยนต์ไอคอนิกแห่งยุคสมัยไปพร้อมกัน MAZDA RX-7 เริ่มกันที่ตัวแรงจาก
ขณะที่จีนก็กำลังกักกันเชื้อโรคอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ดังในรอบปีอย่าง Xiaomi เองก็ไม่พลาดโอกาสนี้ ตีเหล็กตอนกำลังร้อน ส่งนวัตกรรมตัวใหม่ FIVE Smart Disinfection and Sterilization Lamp ที่ไม่ได้บอกว่าจะฆ่าโคโรน่าได้ แต่ที่แน่ ๆ เขายืนยันว่าฆ่าเชื้อโรคชนิดไหนก็ตามที่แพ้แสง UVC ยังไงก็ตายเรียบแน่นอน ใครที่ตามข่าวโคมไฟชนิดนี้อาจจะได้ยินชื่อ Xiaomi Youpin และสงสัยว่ามันอันเดียวกับ Xiaomi ไหม คำตอบคือแบรนด์เดียวกันแต่ทำหน้าที่ต่างกัน เพราะ Youpin จะแยกไว้สำหรับรองรับโครงการระดมทุนเพื่อสร้างนวัตกรรมโดยเฉพาะ ก็เรียกได้ว่าคล้าย ๆ Kickstarter แต่ว่าเป็นระบบของจีน ปล่อยโปรเจกต์โคมไฟฆ่าเชื้อโรคในร่มออกมา ขนาดกะทัดรัด 245 x 120 x 120 มม. มีขนาดเบาเพราะทำจากพลาสติกและโลหะ (ช่วงแกนกลาง) สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ในพื้นที่ระหว่าง 20-30 ตารางเมตร หลักการทำงานของมันคือการใช้คลื่นของรังสีอัลตราไวโอเลตที่ใช้ทางการแพทย์หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของแสงอาทิตย์มาใช้เพื่อฆ่าเชื้อโรค เรียกง่าย ๆ ว่า จับแสงอาทิตย์มาใส่โคมไฟในร่มแล้วเปิดฆ่าเชื้อโรค ในบ้านโดยสามารถสั่งและควบคุมผ่านแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Mijia ได้ทันที อธิบายให้เห็นภาพชัดมากขึ้นว่าเจ้าโคมไฟที่แสงเหมือนโคมไฟที่ช็อตยุงที่เราเคยใช้ตอนเด็ก ๆ