ภาพจำเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นอย่างกรุงโตเกียวของคุณคืออะไร ? ภาพทางม้าลายหลายสายที่ผู้คนหลายร้อยสัญจรไปมาพร้อมกัน ภาพโบกี้รถไฟฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยเหล่ามนุษย์เงินเดือน ภาพเหล่าวัยรุ่นแข่งกันแต่งตัวหลุดโลกย่านฮาราจุกุ หรือภาพเมืองตอนกลางคืนเหมือนกับหนัง Sci-Fi บรรยากาศหว่องจนจำไม่ได้ว่านี่คือเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีและผู้คน Greg Girard ก็มีภาพจำของโตเกียวในมุมของตัวเอง เขาชื่นชอบการสำรวจบ้านเรือนในประเทศเอเชียพร้อมบันทึกความทรงจำที่พบเจอผ่านกล้องถ่ายรูป ตระเวนไปทั่วทั้งฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และมีภาพถ่ายเซตหนึ่งที่ UNLOCKMEN ให้ความสนใจเป็นอย่างมากนั้นคือภาพถ่ายนครโตเกียวช่วงปลายทศวรรษ 1970 (1976-1983) ทำให้เราเห็นเมืองหลวงญี่ปุ่นในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน การจะมองเห็นภาพแท้จริงของแต่ละเมืองเราต้องไม่เลือกดูแค่สถานที่ที่ประเทศเตรียมไว้พรีเซนต์ชาวต่างชาติ แต่การเดินไปยังย่านทำงาน ห้างสรรพสินค้าที่คนท้องถิ่นนิยมไปเดิน โรงภาพยนตร์ไปจนถึงย่านพักอาศัยราคามหาโหดยันแฟลชรูหนูคือการได้เห็นวิถีชีวิตจริง ๆ ของพวกเขา Greg Girard ช่างภาพหนุ่ม (ในสมัยนั้น) ออกจากห้องพักมุ่งหน้าไปยังคาบูกิโจ (Kabukicho) ย่านที่รวบรวมสถานบันเทิงน้อยใหญ่ทุกรูปแบบที่เปิดรอต้อนรับเหล่ามนุษย์เงินเดือนผู้เคร่งเครียดจากการทำงานทั้งวัน ในคืนฝนตกแหล่งบันเทิงที่ควรจะคึกคักกลับดูเงียบผิดหูผิดตา และเมื่อนำบรรยากาศของคาบูกิโจปี 1977 มาเทียบกับปัจจุบัน จะเห็นเลยว่าสถานบันเทิงในญี่ปุ่นเติบโตขึ้นต่อเนื่องจริง ๆ โปสเตอร์ภาพยนตร์สุดฉาวที่มีคนดูแล้วอ้วกจริง ๆ กับเรื่อง Solo: 120 Days of Sodom (1975) หรือชื่อภาษาไทย ‘สุขนาฏกรรมอเวจี’ ผลงานการรวมทุนสร้างของค่ายหนังอิตาลีและฝรั่งเศส ก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ของโตเกียวปี 1977 ซึ่งตัวของช่างภาพที่ถ่ายรูปโปรเตอร์สุดวินเทจนี้เก็บไว้ก็ไม่รู้ว่าคนญี่ปุ่นมีมุมมองอย่างไรบ้างเกี่ยวกับหนังวิตถารเรื่องนี้ โตเกียวปี
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่สิทธิในเรือนร่างเรากลายเป็นของสังคม แม้ไม่ใช่ด้วยกฎหมายกำหนดแต่ก็ด้วยไม้บรรทัดอีกชิ้นจากสายตาผู้คนรอบข้าง สำหรับผู้หญิงคงมีเรื่อง “โป๊เปลือย” กำกับส่วนผู้ชายมักเป็นเรื่อง “รอยสัก” ที่นำมาตีตราว่าเป็นคนไม่น่าวางใจ เป็นนักเลงหัวไม้ สารพัดความหมายเชิงลบมาผสมกัน “Exaggerate” คือ Solo Exhibition หนึ่งที่กำลังจัดแสดงที่ Green Lantern Gallery ใกล้ BTS ทองหล่อ เล่าเรื่องราวของศิลปะบนร่างกายทั้งหญิงและชายผ่านภาพถ่าย เพื่อดึงให้เรากลับมาคิด คิดถึงความหมายที่แท้จริงผ่านศิลปะบนร่างกายที่เปลือยเปล่า คิดถึงลวดลายสักยันต์โบราณและความคิดคำนึงที่แท้จริงของชายคนหนึ่งที่มีอักขระจารทั่วร่างไปจนถึงกระหม่อม บันทึกช่วงเวลาเปิดเผยเนื้อหนัง ไร้เสื้อผ้าและเส้นผมปิดบังผ่านชัตเตอร์ เรื่องราวเหล่านี้มีความหมายอย่างไร แบบไหนที่ “ว่าเกินจริง (Exaggerate)” แบบไหนที่เป็นของจริง คงไม่มีใครพูดถึงมันได้ดีกว่าเจ้าของผลงานชิ้นนี้ ภัทร – พงศ์ธวัช พยุงชัยธนานนท์ ชายที่มีอาชีพช่างภาพอิสระจบการศึกษาด้านศิลปะการถ่ายภาพจากวิทยาลัยเพาะช่าง ที่หลายคนอาจคุ้นเคยหน้าตาของเขาจากการจำหน่ายกล้องฟิล์ม เพราะเขาคือเจ้าของ House of Film Camera สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น ศิลปะที่รอการพิสูจน์ เราบุกมานั่งคุยกับภัทรถึงสตูดิโอส่วนตัวของเขา หลังจากดูงานนิทรรศการเดี่ยวของเขาจบลง ภาพผู้ชายท่าทีสุภาพที่มีรอยสักหลายจุดบนเนื้อตัว ทั้งท่อนแขนและขา ชวนให้เราคิดถึงภาพที่จัดแสดงในห้องสีแดงอีกครั้ง จนเราต้องเอ่ยถามคอนเซ็ปต์งานที่เขาต้องการสื่อในนิทรรศการครั้งนี้ “คอนเซ็ปต์คือ Exagerate หรือ ‘ว่าเกินจริง’ เกินจริงที่แปลว่าพูดเกินความจริงที่เห็น และเกินจริงที่เป็นเรื่องเหนือจริงผสมกัน
เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ชอบอ่านมังงะลูกผู้ชาย ดูหนังดวลเดือดของพวกแยงกี้ และเป็นแฟนคลับหนังยากูซ่า จนบางครั้งเผลอคิดว่าตัวเองรู้จักวงการนี้ดีพอจากการเสพสื่อ จนเชื่อว่าหากวันหนึ่งมีโอกาสได้เข้าไปในวงการโลกสีดำ ใครหลายคนจะรีบกระโจนเข้าไปทันที เพราะภาพลักษณ์ของยากูซ่ามันทั้งเท่ โคตรห่าม มีอำนาจ และอยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งเป็นความคิดตรงข้ามกับคนที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่กับคาวเลือดสิ่งผิดกฎหมายที่อยากกลับคืนสู่สามัญเป็นคนธรรมดาเสียอย่างนั้น UNLOCKMEN พร้อมเผยให้เห็นอีกมุมหนึ่งของโลกยากูซ่าญี่ปุ่น ผ่านเรื่องจริงของยากูซ่า 3 คน ที่บังเอิญเจอกันในคุก พวกเขาแบ่งปันเรื่องราวที่เจอมา ทั้งความเหนื่อยจากการทำงาน นิ้วมือที่หายไปจากการถูกลงโทษเมื่อทำงานไม่สำเร็จ รวมถึงความกดดันและความหวาดระแวงต่อยากูซ่าด้วยกัน และเรื่องตำรวจ สิ่งที่ได้จากบทสนทนาคือความรู้สึกอยากกลับไปเป็นผู้ชายธรรมดา มีชีวิตเหมือนคนอื่น พวกเขาเลยตกลงกันว่าหากพ้นโทษออกจากคุกเมื่อไหร่จะเปิดร้านราเมงด้วยกัน สำนักข่าว NHK นำเสนอเรื่องราวชีวิตยิ่งกว่าละครของยากูซ่าญี่ปุ่นสามคน เนื่องจากมีผู้คนแวะเวียนไปทานอาหารที่ร้านอุด้งร้านหนึ่งย่านคิตะคิวชู (KitaKyushu) จังหวัดฟุกุโอกะ และรู้สึกว่าพนักงานในร้านแตกต่างจากคนทั่วไป ถึงแม้ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยสักจะถูกปกปิด แต่บุคลิกบางอย่างของยากูซ่านั้นปิดไม่มิด เช่น ท่าทางการเดิน การกันคิ้ว และนิ้วที่หายไป ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้ประสบการณ์การเข้าไปกินอาหารในร้านที่มีชายฉกรรจ์หน้าตาไม่รับแขกถูกบอกต่อไปแบบปากต่อปาก เมื่อทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังร้านอุด้ง สอบถามเรื่องราวจนพบว่าพวกเขาทั้งสามต่างเป็นยากูซ่าที่เจอกันในคุก และสัญญาว่าจะเปิดร้านอาหารด้วยกัน ชายที่เป็นคนออกไอเดียร้านอาหารมีชื่อว่านากาโมโตะ ทากาชิ (Nagamoto Takashi) วัย 54 ปี เขาเข้าวงการยากูซ่าเมื่อปี 1988 มีปมวัยเด็กเพราะถูกพ่อแม่ทิ้งและอยู่กับแก๊ง Kudo-Dai ที่มีสมาชิกกว่า 600
เราสามารถเห็นผลงานศิลปะญี่ปุ่นได้หลายช่องทาง บางครั้งก็เสพงานอาร์ตเก่าแก่จากภาพพิมพ์แกะไม้ญี่ปุ่นอันโด่งดังที่ทำให้แวนโก๊ะตามเก็บสะสมเป็นร้อย ๆ แผ่น หรือเห็นลายเส้นสไตล์ญี่ปุ่นผ่านมังงะเรื่องโปรดที่ตามอ่านมาตั้งแต่เด็ก ไปจนถึงรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์ของแก๊งยากูซ่า จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าศิลปะญี่ปุ่นนั้นผสานเข้ากับวัฒนธรรมทั้งกระแสหลักและกระแสรอง กลืนกับสังคมญี่ปุ่นมาทุกยุคสมัยจนแยกไม่ออก UNLOCKMEN เคยพูดถึงศิลปะญี่ปุ่น ทั้งภาพพิมพ์แกะไม้ รอยสัก การออกแบบเครื่องแต่งกาย หรืองานดีไซน์ของเหล่าสถาปนิก จนตอนนี้พร้อมทำความรู้จักกับ ซาเอกิ โทชิโอะ (Saeki Toshio) ชายผู้ถูกขนานนามว่า “เจ้าพ่อวงการอีโรติกญี่ปุ่น” (Godfather of Japanese Erotica) ผ่านผลงานที่เขาสร้างสรรค์ขึ้น ผลงานที่เป็นเหมือนเส้นแบ่งของอีโรติกกับความตาย ซาเอกิ โทชิโอะ เกิดปี 1945 ปีเดียวกับที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ยับเยินจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้เด็กชายโทชิโอจะเกิดที่มิยาซากิแต่เขาเติบโตขึ้นในเมืองโอซาก้า เริ่มรู้สึกหลงใหลภาพวาดการ์ตูนของศิลปินตะวันตกโดยเฉพาะผลงานของนักวาดภาพประกอบชาวฝรั่งเศส Tomi Ungerer และมองว่าฝรั่งเศสคือประเทศในฝันที่บ่มเพาะศิลปินเก่ง ๆ ให้กับโลกเรื่อยมา ศิลปะสไตล์โทชิโอะเต็มไปด้วยกลิ่นอายและเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นช่วง 70s เขานำประสบการณ์ที่ได้จากการเดินทางไปเยือนบ้านเรือนแถบชนบทมาเป็นแรงบันดาลใจ เขาได้สัมผัสกับบรรยากาศเงียบเหงา มองเห็นป่าทึบก่อให้เกิดความรู้สึกลึกลับ พาลคิดว่าถ้าโลกของวิญญาณมีจริงอย่างที่คนเฒ่าคนแก่เล่า พวกเขาในโลกหลังความตายก็คงมีวิถีชีวิตไม่ต่างจากมนุษย์เท่าไรนัก โทชิโอะเล่าว่าผลงานส่วนใหญ่ของเขาเกิดขึ้นจากความกลัว ความวิตกกังวลกับชีวิตที่ไม่แน่นอน ผสมผสานกับความรู้สึกสุขเพียงชั่วครู่และนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น จนออกมาผลงานเป็นงานศิลปะที่เร้าอารมณ์อย่างรุนแรง พร้อมกับความคิดหลักที่มองว่าผลงานที่ไร้พิษสงคือความน่าเบื่อที่เขาไม่คิดจะทำ หากมีศิลปินหลายคนเล่าเรื่องดอกไม้เบ่งบานท่ามกลางทิวทัศน์สวยงาม เขาจะไม่ทำเรื่องซ้ำ
ถ้าพูดถึงศิลปินต่างประเทศที่โด่งดังและได้ยินเพลงของเขาตามวิทยุอยู่บ่อย ๆ ในตอนนี้คงหนีไม่พ้นผลงานของหนุ่มมาดเซอร์ไม่เหมือนใครอย่าง Post Malone หรือแม้แต่ใครที่ไม่ได้ติดตามเพลงฝั่งตะวันตกต้องเคยเห็นหน้าของเขาสักครั้ง ชายหนุ่มหัวฟูมีรอยสักเต็มหน้าคงจะเป็นคาแรกเตอร์ที่ผู้คนจำแม่นอย่างแน่นอน ในวันนี้ UNLOCKMEN จะไม่ได้มาพูดถึงความโด่งดังกับความสำเร็จในวงการเพลงของนักร้องหนุ่ม แต่จะสำรวจสไตล์ แฟชั่นและการแต่งตัวเขา เพื่อดูว่าแต่ละสถานการณ์เขาสวมใส่อะไรและมันจะสนุก หรือมันส์แค่ไหน EVERYDAY LOOK by POST MALONE ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำเพลงเท่านั้นที่คนทั่วโลกให้ความสนใจกับหนุ่ม Post Malone แต่ผู้คนยังให้ความสนใจเกี่ยวกับแฟชั่นและการแต่งตัวของเขาอีกด้วย หลายคนใคร่รู้ว่าศิลปินมากความสามารถคนนี้จะแต่งตัวอย่างไรในวันธรรมดาที่ออกไปเดินเล่นพบปะเพื่อนฝูง การแต่งตัวของศิลปินคนนี้ค่อนข้างหลากหลาย บางวันเขาคุมโทนความเรียบง่ายดูดีด้วยการแต่งการกึ่งวินเทจ-ฮิปฮอป ด้วยเสื้อคอเต่าสีดำกับเสื้อแจ็กเกตแขนยาว หรือวันสบาย ๆ อย่างเสื้อแขนสั้นแบบหลวม ๆ เข้าคู่กับกางเกงขายาวสีน้ำตาลและไม่ลืมคาดเข็มขัด กับหาหมวกแก๊ปสักใบเข้ากับชุด การแต่งตัวแม้มองเผิน ๆ ไม่มีลูกเล่นอะไรมากของเขาก็เท่และดูดีมากจริง ๆ ในวันที่เบื่อการคุมโทนสีขาวดำคูล ๆ Post Malone จะเล่นสนุกกับแฟชั่นของเขาด้วยการเลือกเสื้อผ้าสีสันสดใสมาแมตช์กับการแต่งตัว หากใครที่ติดตาม Instagram ของชายคนนี้จะเห็นว่าเขาสวมใส่เสื้อแทบจะทุกสีจริง ๆ ไม่ว่าจะแดง น้ำเงิน เหลือง ม่วง ชมพู เขียว ส้ม ขอเพียงมันเป็นสีที่เขาอยากจะใส่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ถ้าพูดถึง ‘ไบค์เกอร์’ หลายคนก็จะนึกถึงกลุ่มชายชาตรีหนวดเคราเฟิ้ม ใส่เสื้อหนัง สวมรองเท้าบู๊ท ขี่รถคันใหญ่ไปด้วยกันเป็นคาราวาน บางคนจะนึกถึงผู้คนที่ไม่อยู่ในกรอบและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ส่วนในต่างประเทศผู้คนมักพูดถึงแก๊ง Hell Angels, Outlaws, 69’rs หรือ Black Sabbath แต่ยังไม่ค่อยรู้จักแก๊งนักบิดชื่อว่า Motor Maids เท่าไหร่นัก UNLOCKMEN เคยเล่าเรื่องราวของชาวแก๊งนักบิดอยู่บ่อยครั้งทั้งแก๊ง Hell Angels หรือแก๊งนักซิ่งของฝรั่งเศส แต่เรายังไม่เคยเล่าเรื่องของสุภาพสตรีขี่บิ๊กไบค์จากยุค 40 ทั้งที่พวกเธอนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่งตัวจัดจ้านได้เท่ไม่แพ้ผู้ชาย และจะไม่ยอมอยู่ในกรอบที่ถูกเขียนไว้ว่า ‘ผู้หญิงต้องแต่งงาน เป็นเมียที่ดี เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ’ เพราะพวกเธอจะเป็นคนเลือกเส้นทางการใช้ชีวิตของตัวเอง ‘DOT ROBINSON’ สตรีหมายเลขหนึ่งแห่งวงการมอเตอร์ไซค์ ย้อนกลับไปช่วงปี 40 ห้วงเวลาแห่งสงครามโลก มีหญิงสาวชาวออสเตรเลียคนหนึ่งชื่อว่า Dot Robinson เกิดปี 1912 เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการมอเตอร์ไซค์ของสหรัฐอเมริกา เธอมีความชอบแตกต่างจากหญิงสาวในยุคเดียวกัน เธอคลั่งไคล้มอเตอร์ไซค์มากและหลาย ๆ คนคาดว่าเธอได้รับอิทธิพลมาจากพ่อตัวเองที่เป็นนักออกแบบรถแถมยังเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์อีก เธอชื่นชอบทุกอย่างเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ พออายุ 16 ปี ก็แวะเวียนไปยังร้าน Harley-Davidson
ยากูซ่าถือเป็นสิ่งที่มีอยู่ในสังคมญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ถ้าเกิดเดินอยู่ตามถนนหนทางแล้วเห็นผู้ชายหน้าตาไม่เป็นมิตร มีแผลเป็นบนหน้า หรือเห็นขาโจ๋มีรอยสักขนาดใหญ่ตามลำตัวหรือแขนขา ไม่ต้องถามให้มากความคนทั่วไปก็จะคิดก่อนแล้วว่าเขาจะต้องเป็นยากูซ่าอย่างแน่นอน ด้วยภาพลักษณ์กับองค์ประกอบหลายอย่างทำให้คนจดจำยากูซ่าได้ รวมถึงภาพยนตร์และมังงะก็ยังขยันสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับแก๊งอันธพาลครองเมืองออกมาอยู่เรื่อย ๆ และล่าสุดก็มาถึงมังงะเรื่อง Gokushufudo ที่เล่าเรื่องมาเฟียกลับใจล้างมือมาเป็นพ่อบ้านแสนดี Gokushufudo ถูกจัดให้เป็นมังงะหมวดคอมเมดี้ที่มีชื่อไทยว่า ‘วิถีพ่อบ้าน’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘พ่อบ้านสุดเก๋า’ ผลงานสร้างสรรค์จากปลายปากกาของอาจารย์ Oono Kousuke เพราะใคร ๆ ต่างก็เคยได้ยินการสร้างตำนานของยากูซ่ามาแล้วบ่อยครั้งจนเบื่อ แต่ Kousuke เลือกหยิบเรื่องยากูซ่ามาบิดให้แตกต่างน่าสนใจมากขึ้น ด้วยการเล่าถึงพระเอกของเรื่องถูกเรียกว่า ‘Immortal Tatsu’ หรือ ‘ทัตสึผู้เป็นอมตะ‘ ที่ทั้งเขาโหด โฉด เถื่อน และเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ทัตสึเป็นชายหน้าตาหล่อเหลาแต่ก็ดูน่ากลัว เขามีรอยสักมังกรอยู่กลางหลัง รอบต้นแขน รวมถึงแผงอก มีแผลยาวที่เดาว่าโดนดาบซามูไรฟันเข้าที่ดวงตา ทัตสึสร้างตำนานของตัวเองขึ้นมาด้วยการบุกเดี่ยวไปถล่มรังแก๊งคู่อริจนกลายเป็นยากูซ่าที่คนในวงการเกรงขาม เมื่อเอ่ยชื่อของเขาใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก มีประวัติอาชญากรรมยาวเป็นหางว่าว และคนที่รู้จักต่างก็คิดว่าคงไม่มีใครสามารถหยุดปีศาจคนนี้ได้ แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่ออยู่มาวันหนึ่ง เขาตัดสินใจหันหลังให้กับวงการมืดอย่างกะทันหัน ล้างมือจากการเป็นยากูซ่าออกมาแต่งงานกับดีไซเนอร์สาวผู้ขยันทำงาน จากทัตสึผู้เป็นอมตะกลายมาเป็นทัตจัง พ่อบ้านหนุ่มที่คอยจัดการงานบ้านให้กับภรรยาที่ต้องออกไปทำงาน เขาต้องเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของตัวเองจากไล่กระทืบหันไปซื้อของเข้าบ้านที่ซูเปอร์มาร์เก็ต แย่งของลดราคากับเหล่าแม่บ้านคนอื่น ฝากตัวเขากับสมาคมแม่บ้านชุมชน ทำอาหารเช้าให้แฟนสาว กวาดบ้าน
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่เคยต้องเลือก ระหว่างสิ่งที่ทำได้กับสิ่งที่ใจรัก และเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า ระหว่างการเดินไปเรื่อย ๆ บนพื้นราบที่ไร้อุปสรรคกีดขวาง กับการยอมเดินลงบนเส้นทางที่ขรุขระแต่มีจุดหมายปลายทางที่ใฝ่ฝัน คุณจะเลือกเส้นทางไหน ? แม้ว่าคุณจะได้รับค่าตอบแทนที่ดี มีอาชีพที่มั่นคง แต่หลายครั้งเบื้องลึกในจิตใจก็คอยพร่ำกระซิบให้คุณไขว่คว้า ‘อะไรบางอย่าง’ แม้จะต้องแลกกับทุกสิ่งในชีวิต ‘เล็ก อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร’ หรือที่เรารู้จักเขาในชื่อ ‘เล็ก Greasy Cafe’ เคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นเช่นกัน จากอดีตช่างภาพอนาคตไกล ผู้ได้รับการยอมรับในวงการ สู่การเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจากศูนย์ในฐานะศิลปิน อะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจละทิ้งทุกสิ่งที่เคยสร้าง UNLOCKMEN ขอยกเรื่องเล่าจากปากของเขาในงาน ZERO TO HERO TALK AND CONCERT: “The Art of Giving Up” วงสนทนาที่ไม่ได้ว่าด้วยความสำเร็จ มาให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้งในวันนี้ ก่อนหน้านี้คุณเคยมีอาชีพที่มั่นคงอยู่แล้ว อะไรที่ทำให้ตัดสินใจมาเริ่มต้นใหม่จาก ‘ศูนย์’ ในวงการดนตรี? จริง ๆ มันเป็นเรื่องของโอกาสด้วยครับ เผอิญว่า ‘คุณรุ่ง สมอลล์รูม’ เขารู้จักกับเราอยู่แล้ว แล้วเขาก็รู้ว่าเราทำเพลง แม้ตอนนั้นจะไม่ได้ทำเป็นชิ้นเป็นอัน รุ่งเขามาบอกว่ากำลังจะเปิดค่ายเพลง
สังคมโลกปัจจุบันกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI ถือกำเนิดขึ้นบนโลก โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์เริ่มนำ AI มาปฏิรูปสังคม สนับสนุนการใช้เหตุผล หรือส่งเสริมความรู้สารพัดด้าน แทบปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญทั้งในโลกดิจิทัล การทำงาน หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวันของผู้ชายเรา ไม่ว่าจะเป็น AI ออกแบบเว็บไซต์, AI ด้านกฎหมาย, AI ที่สร้างเนื้อหาการตลาดออนไลน์ หรือแม้แต่ AI ในรูปแบบเสียงอย่าง Siri ของ Apple ที่หนุ่ม ๆ คุ้นเคยดี ด้วย Deep Learning ที่เป็นความสามารถหลักทำให้ AI คิด วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้มนุษย์อย่างเราใช้ชีวิตได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นความชาญฉลาดสุดทึ่งของสมองกลยังช่วยสาวบริสุทธิ์ ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ให้พ้นจากอันตรายได้อย่างไม่น่าเชื่อ MOLLY สาวบริสุทธิ์ที่ถูกทำร้าย Molly เป็นสาวเอสคอร์ต (Escort) ที่ได้รับฉายาว่า “New Bunny” แห่งเมืองแอตแลนตาในรัฐจอร์เจียของสหรัฐฯ เธอแสดงเปลื้องผ้าเพื่อสร้างความสุขทางเพศให้กับผู้ชายมานักต่อนัก แต่ใต้ฉากหลังของการแสดงวาบหวิวบนเว็บไซต์ลามก
หากเอ่ยชื่อ Guns N’ Roses เราเชื่อว่าคอเพลงร็อกเกือบทั้งโลกรู้จักชื่อนี้ หลากหลายบทเพลงของเขา ขึ้นแท่นเป็นเพลงฮิตตลอดกาล ทำยอดขายได้ในระดับถล่มทลาย จะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังถูกนำมาเปิดฟัง นำมาร้อง Cover ไม่เคยลืมเลือน พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่าศิลปินรุ่นหลัง และมีสาวกของพวกเขามีอยู่ทั่วทุกมุมโลก แถมดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกวันอีกต่างหาก Rick Dunsford คือหนึ่งในสาวกของวงปืนกุหลาบนี้เช่นกัน แต่เขาไม่ได้เป็นเพียงแฟนคลับธรรมดา ๆ เพราะเรียกได้ว่ามอบกายถวายหัวให้กับวงเลยทีเดียว Rick เคยมาชมการแสดงของวงถึง 32 ครั้ง ที่แขนของเขามีรอยสักรูปลายเซ็นสมาชิกในวง ทั้ง Axl Rose, Slash และ Duff Mckagan แม้กระทั่งลูกชายของเขายังถูกตั้งชื่อว่า Axl ! ด้วยความที่หัวจรดเท้าอุทิศให้วงขนาดนี้ แน่นอนว่าชายคนนี้จึงมีชื่อเสียงพอตัวในหมู่แฟนเพลง Guns ‘N Roses ด้วยกัน แต่แล้วเรื่องราวที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ Rick Dunsford ต่อแถวจะเข้าไปชมคอนเสิร์ตของ Guns N’ Roses (รอบที่ 33)