ตั้งแต่วันแรกในปี 1992 ที่ Honda ตัดสินใจปักหมุดว่าเราจะเป็นรถยนต์ที่ทั้งขับสบาย ตอบโจทย์การเป็นรถที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และให้สมรรถนะยานยนต์ที่ดีเยี่ยม สามารถลงเล่นเกมในไลน์รถแข่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยจุดเริ่มต้นมาจากรุ่น NSX-R ที่ได้ปักหมุดเป็นหนึ่งในใจของคนรักรถแข่งมาจนถึงทุกวันนี้ จากจุดเริ่มต้น ด้วยโลโก้แบรนด์ตัว H ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ตามด้วยการติดโลโก้ Type R เพิ่มเข้าไป เพื่อสื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมาว่า Racing โดยมีรถรุ่น Honda Civic เป็นหนึ่งตัวเรือธง ถึงแม้หน้าตา Exterior ของ Honda Civic Type R หลายๆ คนมักจะบอกว่าหน้าตาแทบจะไม่แตกต่างจาก Honda Civic รุ่นปกติ ซึ่งก็ใช่ แต่เราอยากใช้คำว่างานดีไซน์ที่คงความเป็น Honda Civic เอาไว้ เป็นอะไรที่ไม่ต่างกับเสือซ่อนเล็บ ให้เสน่ห์ความโฉบเฉี่ยวที่ไม่มีใครเหมือน ในปี 2023 รถ Honda Civic Type R รหัส FL5 รุ่นล่าสุด ได้ฉีกขนบจากเดิมไปไกลกว่าที่
ZP Collection ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อฉลองชัยชนะ จากการแข่งขันของรถ E-Type ที่เกิดขึ้นหลังจากเปิดตัวในปี 1961 ได้เพียงเดือนเดียว ในโปรเจกต์การแข่งขันที่ชื่อว่า ZP โดย ‘ECD 400’ รถเปิดประทุนสี Indigo Blue คันที่ชนะ ขับโดย Graham Hill และ ‘BUY 1’ รถสี Pearl Grey ที่เข้าเส้นชัยอันดับสาม ขับโดย Roy Salvadori จึงทำให้ ZP Collection นี้มาเป็นคู่ประกอบด้วย Oulton Blue drophead coupe ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘ECD 400’ รุ่นดั้งเดิม และ Crystal Grey fixed-head coupe ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘BUY 1’ โดยผลิตออกมาเพียง 7 คู่เท่านั้น สำหรับ Oulton
Digital Watch หน้าตาล้ำยุคราวกับหลุดมาจากโลกอนาคต Casquette 2.0 เกิดจากความตั้งใจของ Creative Director ของ Saint Laurent เขาเลือกที่จะประทับตรา Saint Laurent ลงบนนาฬิกาหรูอย่าง Girard-Perregaux ด้วยความต้องการที่จะสำรวจตลาดแปลกใหม่ต่อไป หลังจาก Saint Laurent ประสบความสำเร็จในการทดลองขายสินค้าแปลกใหม่มามากมายตั้งแต่ Happy Meal boxes ไปจนถึงจักรยาน ซึ่ง Casquette 2.0 นั้นอัปเกรดมาจากนาฬิการุ่น Casquette ของ Girard-Perregaux ซึ่งเป็นนาฬิกาในยุค 70 ที่มีหน้าตาล้ำยุคจน Disrupt วงการนาฬิกาในยุคนั้น ราวกับหลุดมาจากโลกอนาคต ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมเหมือนกล่อง มีขนาดกะทัดรัด พร้อมหน้าจอ LED ขนาดเล็กที่ถูกดีไซน์ให้อยู่ด้านข้างซึ่งนี่คือความแปลกใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน โดยดีไซน์ของ Casquette 2.0 ถูกอัปเกรดมาในตัวเรือนที่ทำจากเซรามิก และไททาเนียมเกรด 5 เคลือบ PVD สีดำ ตัวเรือนมีน้ำหนักเบา โค้งรับกับสรีระรอบข้อมือ มาพร้อมสายนาฬิกาเซรามิกที่ด้านในเป็นวัสดุยาง
ในวันที่ทำงานหนักจนนาฬิกาอนุญาตให้นอนพักได้อีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะเริ่มวันใหม่ ในวันที่ฝนตกรถติดน้ำท่วมจนกลับบ้านไม่ได้ ในวันที่ความเศร้าทั้งหลายกัดกินใจ ใครหลายคนอาจจะการฟังเรื่องตลกเป็น Safe Zone คอยฮีลใจในวันที่เหนื่อยล้า ไม่ว่าจะมุกกัดจิกสังคมไทยของ ‘โน้ต-อุดม’ / การเล่าเรื่องแบบคนเลวไม่กลัวพระเจ้าของ Louis C.K. / หรือความปั่นของกลุ่มสแตนอัพคอเมดี้ a Katanyu Comedy ก็ตาม ทุกคนล้วนมีมุกตลกที่คอยชุบชูใจของตัวเองกันทั้งนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชอบเสียงหัวเราะแบบไหน UNLOCKMEN อยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ ‘ราคุโกะ Rakugo’ ศิลปะการเล่าเรื่องตลกของประเทศญี่ปุ่น วัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความประณีต เป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องตลก เพราะนี่คือความงามของการเล่าเรื่องเพื่อสร้างเสียงหัวเราะ ที่สืบทอดต่อกันมากว่า 400 ปีแล้ว ! Rakugo คืออะไร ? ความหมายของคำว่า ‘ราคุโกะ’ นั้นแปลได้ประมาณว่า “ถ้อยคำที่ร่วงหล่น (Fallen Words)” ซึ่งนอกจากจะใช้เพื่อแสดงภาพของการเล่าเรื่องแบบเป็นจำลองบทสนทนาคู่กับการบรรยายไหลยาวแล้ว ยังใช้สื่อถึงท่อนพันช์ไลน์ส่วนสำคัญในช่วงก่อนจบการแสดงที่เรียกว่า ‘โอชิ (Oshi)’ อันมีความหมายว่าหยดอีกด้วย ในการแสดงราคุโกะนั้นจะใช้นักแสดงเพียงคนเดียว ซึ่งจะถูกเรียกว่า ‘ราคุโกะกะ (Rakugoka)’ สวมชุดกิโมโน พร้อมอุปกรณ์เพียง 2 อย่างติดตัว คือ
ย้อนเวลากลับไป 1 เดือนก่อนหน้านี้ (ในความทรงจำนะไม่ใช่ไทม์แมชชีน) ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวงชื่อ 100 gecs เลย จริง ๆ ต้องบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อวงมาก่อนด้วยซ้ำ อาจจะเพราะว่าเพิ่งผ่านมา 1 เดือน ผมจึงจำวันแรกที่รู้จักคู่หู Laura Les กับ Dylan Brady สองสมาชิกของวงได้ไม่มีทางลืม มันเป็นวันที่หาเพลงฟังจากคอลัมน์ Albums Review ของเว็บไซต์ Pitchfork ซึ่งในตอนนั้นเอง อัลบั้มที่ใช้ชื่อแปลก ๆ ว่า 10,000 gecs ติดโผ Best Album ได้คะแนนรีวิวสูงถึง 8.2 แหน่ะ ! ผมก็เลยกดฟังอัลบั้มนี้ผ่าน Spotify โดยไม่อ่านรีวิวทันที แต่คะแนนไม่ได้เป็นเหตุผลหลัก แล้วเหตุผลหลักเป็นเพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะปกอัลบั้มไง ถ้าจะให้เขียนอธิบายเหตุผลคงยากเกินไปที่จะบอกความรู้สึก ดูภาพประกอบข้างล่างเอาเลยง่ายกว่า เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมถึงกดฟัง เชื่อว่าคุณก็ต้องกดฟังกันแล้วล่ะ มีใครไปตามดูเอ็มวีแล้วอ้วกบ้างรึยังครับ 555 เมื่อใช้เวลา 26 นาที 53
เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ FINFIN ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพื่อนคนใหม่ของสายปาร์ตี้ทุกคน ที่ทางบริษัท Innomediga ภูมิใจนำเสนอมาก ๆ ด้วยเหตุผลที่สามารถสรุปเป็นคำพูดได้ว่า “เราไม่ได้ขายยา เราไม่ได้ขายอาหารเสริม แต่ว่าเราขายเทคโนโลยี” เพราะนี่คือครั้งแรกที่มีการนำเทคโนโลยีระดับนาโนอย่าง Nano Encapsulation เข้ามาใช้เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องของประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อร่างกายด้วยสารสกัดธรรมชาติ 100% ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานที่ ชงเจริญ @Groove Central World สถานที่จัดงานในวันนี้ ซึ่งเหล่านักดื่มทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันเหมือนกับว่าทางบริษัท Innomediga อยากบอกกับสายปาร์ตี้ทุกคนว่า เข้าใจ แอลกอฮอลล์นั้นสร้างความรู้สึกฟินมากแค่ไหน ถ้างั้นก็ขอให้ FINFIN เป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดเถอะนะ เพื่อการันตีความเจ๋งของตัว FINFIN ต้องขอเล่าก่อนสักนิดว่าบริษัท Innomediga นั้นเคยได้รับรางวัลเหรียญทองแดงในงาน 48th International Exhibition Of Inventions Of Geneva จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในปี 2023 จากโปรดักส์อย่าง ‘ฟาโนวา (Fahnova)’ หรือฟ้าทะลายโจรเมาท์สเปรย์ และอาหารเสริม ‘ยูดีเอวันซี (UD-A1C)’ สำหรับผู้ป่วยเบาหวานและกลุ่มเสี่ยง จนสามารถคว้ารางวัลเหรียญทองจากเวทีเดียวกันตอนปี 2017 แค่รางวัลอย่างเดียวยังไม่พอ
วันนี้เราจะพาทุกคนไปดื่มกาแฟชื่อแปลก ในอาคารสีดำ และความทรงจำต่อสถาปนิกที่เสียชีวิตไปแล้ว! Modernism Café แห่งนี้คืออาคารสีดำที่สร้างด้วยไม้เผา ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Modern Architecture และเหล่าสถาปนิกระดับปรมาจารย์ ตำนานที่ไร้ลมหายใจแต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคน จนชื่อของพวกเขากลายมาเป็นกิมมิคอยู่ในชื่อเมนูกาแฟ อีกทั้งแนวคิดของพวกเขายังเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบร้าน ที่เท่ และแฝงไปด้วยรายละเอียดอันน่าค้นหาแห่งนี้ ซึ่งเมนูชื่อแปลกที่ว่านั้นคือชื่อของสถาปนิกในตำนาน ที่ถูกนำชื่อมาดัดแปลงเป็นชื่อเป็นเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของที่ร้านอย่างเมนู Le Corbuccino เป็นกาแฟคาปูชิโน่ ที่มาจากชื่อของ Le Corbusier สถาปนิกชาวสวิส – ฝรั่งเศส ผู้บุกเบิกคนสำคัญของ Modern Architecture จึงมีการตกแต่งลวดลายบนแก้วกาแฟเป็นรูปแว่นตาของ Le Corbusier อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา หรือเมนู Mocar Niemeyer เครื่องดื่ม Mocha Latte ที่มาจากชื่อของ Oscar Niemeyer สถาปนิกชาวบราซิลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในการพัฒนา Modern Architecture อีกทั้งภายในร้านยังมีการนำ Quote จากสถาปนิกชื่อดังมาติดไว้ตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเข้าหน้าร้าน บันไดขึ้นสู่ชั้น 2 หรือแม้กระทั่งในห้องน้ำ เรียกได้ว่า Architect ที่ออกแบบที่นี่นั้น
น่าตื่นเต้นมาก ๆ สำหรับโลก AR/VR ในตอนนี้ หลังจาก Meta ชิงเปิดตัวแว่น VR Quest 3 ตัวใหม่ออกมา ตอนนี้ Apple ได้เปิดตัว Vision Pro AR ที่หลายคนรอคอยมานานออกตามมาติด ๆ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในราคาแสนกว่าบาท ซึ่งแพงกว่า Quest 3 หลายเท่าตัว! และล้ำหน้ากว่าทุกเจ้าในตอนนี้ โดย Apple ได้เปิดเผยว่า เจ้า Vision Pro ตัวนี้นั้นใช้เวลาในการพัฒนานานถึง 7 ปี จุดขายของมันคือความล้ำของกล้อง 12 ตัว และเซ็นเซอร์ 5 ตัว ที่สามารถจับการเคลื่อนไหวของตา มือ และนิ้วของผู้ใช้ในการควบคุมได้อย่างแม่นยำ ทำให้เราสามารถควบคุมการทำงานด้วยสายตา หรือนิ้วมือได้ โดยที่ไม่ต้องถืออุปกรณ์ควบคุมอยู่ในมืออีกต่อไป นี่คือความล้ำอย่างเหนือชั้นในตอนนี้ ตามมาด้วยฟีเจอร์ FaceTime อีกหนึ่งจุดขายที่ล้ำหน้าเจ้าอื่น Vision Pro สามารถแสดงภาพคนขนาดเท่าตัวจริง
“อยากใช้ชีวิตให้เต็มที่” ถ้อยคำนี้คงกำลังสะท้อนดังอยู่ในใจของใครหลายต่อหลายคน ยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยเป้าหมาย และไลฟ์สไตล์ที่โคตรจะหลากหลาย การได้มีพลังใช้ชีวิตแบบไม่มีสะดุด พร้อมใส่สุดในทุกกิจกรรม ย่อมเป็นสิ่งที่หัวใจของพวกเขาเหล่านั้นเรียกร้องต้องการอย่างยากจะปฏิเสธ จาก Insight ดังกล่าว เรียกได้ว่าเป็นโอกาสดี ที่ ROCKSTAR บูสเตอร์ดริ้งค์กระป๋องดาวสุดเท่จากอเมริกาเล็งเห็น พร้อมเดินหน้าลุยตลาดในประเทศไทย กับการเจาะกลุ่มเป้าหมายคนทำงานรุ่นใหม่ในช่วง Gen Millennials – Gen Z ที่มีไลฟ์สไตล์ “Work Hard, Play Harder” และต้องการผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมเต็มพลังให้กับการใช้ชีวิตแบบเต็มที่ในทุกวัน ด้วยจุดเด่นของ ROCKSTAR ที่วาง Position ไว้เป็นเครื่องดื่มเติมพลังระดับพรีเมียม มีภาพลักษณ์ทันสมัย โดดเด่นด้วยความสดชื่น ซาบซ่า รสชาติกลมกล่อม และยังเป็นเครื่องดื่มผสมกาเฟอีนที่พร้อมเป็นทางเลือกสำหรับคนรุ่นใหม่สาย Healthy ด้วยส่วนผสมของวิตามินซี – วิตามินบีรวม, โสมสกัด (Ginseng Extract) และ Taurine มีให้เลือกทั้ง ‘สูตรออริจินัล’ และ ‘สูตรไม่มีน้ำตาล’ และการจะยืนหนึ่งในตลาด คงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของ Product