Skid Row คือหนึ่งในวงดนตรียุคแฮร์แบนด์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ชื่อเสียงของพวกเขาโด่งดังไม่แพ้วง อย่าง Guns N’ Roses หรือ Motley Crue แต่อย่างใด สาเหตุไม่ได้มาจากความฟลุ๊ค แต่มันมาจากฝีมือทางดนตรีอัดยอดเยี่ยมของพวกเขา วง Skid Row มีสกิลในการสร้างสรรเพลงเร็วได้อย่างถึงใจชาวเฮฟวี่เมทัล แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างเพลงช้าสไตล์บัลลาดที่บาดใจคอเพลงร็อกทั่วโลกได้ไม่น้อยหน้ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพลง “18 And Life” ผลผลิตจากอัลบั้มแรกของ Skid Row ที่ใช้ชื่อเดียวกับวง ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 24 มกราคม ปี 1989 โดยพวกเขาเลือกเปิดตัวด้วยเพลง “Youth Gone Wild” ที่เป็นเพลงเร็วและมีจังหวะที่ฮึกเหิมเร้าใจ ซึ่งก็ได้รับความสนใจพอประมาณ จนกระทั่งเดินทางมาถึงซิงเกิ้ลที่ 2 ในการโปรโมต นั่นก็คือ “18 And Life” ดนตรีในเพลงนี้มีความกระชับเป็นอย่างมากด้วยเวลาที่บรรเลงเพียง 3:50 นาทีเท่านั้น แต่แค่เท่านี้ก็เพียงพอที่วง Skid Row จะสามารถสื่อสารทุก ๆ สิ่งที่ต้องการออกมาได้อย่างครบเครื่อง ลงตัว
Iconic Piaget Polo ปี 2023 เพียเจต์ โปโล ปลดล็อกความท้าทายอย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วยการคิดค้นและสร้างสรรค์ Piaget Polo Perpetual Calendar Ultra-thin ขึ้น โดยเรือนเวลาที่ไม่ธรรมดาชิ้นนี้ นอกจากขับเคลื่อนด้วยกลไกเพรียวบางชุดใหม่อย่าง Calibre 1255P เมซงยังผนวกคอมพลิเคชั่นมูนเฟสเข้ามาในโมเดลนี้อีกด้วย หากย้อนรอยความสำเร็จเพียเจต์ โปโล ยุคก่อนไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนสีทอง หรือ สตีล ถือเป็นหนึ่งในไอเท็มคู่ใจที่ปรากฏอยู่บนข้อมือไอคอนระดับตำนานหลายคน อาทิ Ursula Andress, Roger Moore, Andy Warhol ไปจนถึง Bjorn Borg ด้วยรูปทรงสะดุดตา ดีไซน์แบบยูนิเซ็กส์ ลุคสปอร์ตที่ไม่ตกยุค ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จที่ว่านี้จะยกเครดิตให้ใครไม่ได้นอกจาก มร.อีฟ เพียเจต์ ด้วยความที่เป็นนักเดินทางตัวยง บวกกับความหลงใหลในสุนทรียภาพทางศิลปะเช่นเดียวกับที่ลุ่มหลงในงานฝีมือ ประสบการณ์ทั้งหมดจึงถูกนำมาหลอมรวมเป็นเพียเจต์ โปโล เรือนเวลาที่แทบไม่มีใครเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ The emblematic Perpetual Calendar นับเป็นครั้งแรกสำหรับคอลเลกชั่นเพียเจต์ โปโล ที่ถูกเติมเต็มด้วยระบบกลไกปฏิทินถาวร –
Phum Viphurit เริ่มต้นด้วยการเป็น New Blood ในยุคที่ Rats Record กำลังจะเปลี่ยนกระแสดนตรีไทยให้รุ่งเรืองด้วยภาษาสากล จากเพลงกลิ่นอายโฟล์คในอัลบั้มเต็ม Manchild (2017) เดินทางสู่เพลงเจือส่วนผสมของ Funky Soul ในอีพี Bangkok Balter Club (2019) ที่ Lover Boy เปลี่ยนให้เขากลายเป็นหนุ่มที่ทั่วโลกต่างรักเขาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง อัลบั้มล่าสุด The Greng Jai Peice ปี 2023 คือการเติบโตที่เอาทุกอย่างที่พูดถึงในบรรทัดก่อน โยนส่วนผสมใส่ครกตำจนละเอียด จนเกิดเป็นเครื่องเทศเจือกลิ่นอายความเป็นไทยอย่างพอเหมาะ ในแบบแนวดนตรีและวิธีการเล่าเรื่องของ Phum Viphurit อย่างเต็มเปี่ยม อัลบั้มที่พาร์ท Music เล่าถึงความหลงใหลในดนตรียุค 70s-80s ผ่านเมโลดี้ ซาวด์กีตาร์ ซาวด์เบสและการดีไซน์เสียงสังเคราะต่าง ๆ ผ่านเรื่องเล่าของเสียงซึ่งสะท้อนอยู่ในหัวของตัวเอง ที่เขาให้สัมภาษณ์กับ NME เอาไว้เมื่อปีที่แล้ว “เพลงในอัลบั้มนี้คือเรื่องราวต่าง ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากชีวิตของผม ผสมกับความคิดถึงที่มีให้กับอดีต (nostalgia)
แม้ว่าวงการดนตรีไทยจะถูกครองโดยค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่มีเงินทุนในการโปรโมต ซึ่งสามารถยึดพื้นที่สื่อจนทำให้ใครหลายคนคิดว่าแนวทางของวงดนตรีไม่ได้หลากหลายแต่อย่างใด แต่ความจริงแล้วยังมีวงดนตรีอิสระอีกมากที่เลือกจะนำเสนอผลงานในสไตล์ตัวเองแบบ 100% เพียงแต่ว่าสปอตไลท์อาจจะส่องแสงไปไม่ถึงพวกเขานั่นเอง ทาง Unlockmen จึงขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 5 วงเมทัลสายโหดแห่งโลกอันเดอร์กราวน์ไทย ให้ทุกคนได้ลองเสพผลงานกัน *คำเตือนใครหูไม่แข็งแกร่งอาจจะเหวอเอาได้ง่าย ๆ NARAKA Naraka เป็นวงดนตรีสไตล์เทคนิคัล เดธเมทัล ที่มีทั้งความโหดและความซับซ้อนทางดนตรี พร้อมด้วยเทคนิคที่แพรวพราว วงดนตรีวงนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดย “ออกัส ดีล่า” ลูกชายของ “บ๊อบ ดีล่า” มือกลองระดับตำนานของประเทศไทย (ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) ออกัสเองก็มีผลงานในฐานะมือกลองมาอย่างล้นแก้ว เขาเคยร่วมงานกับวง In Vein, Heretic Angels, Macaroni, Splattered Orgasm, Cadaver Not Talk, Neverland, The Ginkz และ Tragedy Of Murder แต่สำหรับกับ Naraka เขาได้เลือกเปลี่ยนบทบาทจากมือกลองกลายมาเป็นตำแหน่งร้องนำ/มือกีตาร์แทน แถมยังอัดเครื่องดนตรีทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นเบส และกลองเองทั้งหมดอีกด้วย รวมถึงเป็นคนคิดเพลงของตัวเองทั้งหมดด้วยเช่นกัน จัดว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านดนตรีโดยแท้จริง ปัจจุบัน Naraka
อีกขั้นของตำนานความแรงจาก Alpina ที่ได้กลายเป็นผ้าผืนเดียวกับ BMW ไปแล้วเรียบร้อย นี่คือ B5 BT โมเดลที่แรงที่สุดเท่าที่สำนัก Alpina เคยมีมา ปรับแต่งเครื่องยนต์ BMW 4-liter bi-turbo V8 ให้แรงถึง 624 horsepower 850 Nm of torque ทำความเร็วถึง 100 km/h ใน 3.4 seconds ความเร็วสูงสุด 328 km/h ภายนอกต้องมีล้อ Alpina Classic แบบ 20-spoke ขนาด 20 นิ้ว ประจำการเพิ่มความหล่อแบบคลาสสิกโชว์ Brembo calipers สีเดียวกับตัวรถ ชุดท่อไอเสียของใหม่ที่สร้างแบบ custom made สำหรับรถคันนี้โดยเฉพาะ ปลายท่อสีดำเคลือบ titanium เสริมความดุดันให้สมกับสมรรถนะอย่างสมน้ำสมเนื้อ BMW Alpina B5 BT
Brancott Estate แบรนด์ไวน์จากประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์แรกที่ริเริ่มปลูกไร่องุ่น ทำไวน์ในเขต Marlborough จนสร้างชื่อให้กับไวน์ Sauvignon Blanc ที่มีสไตล์เฉพาะตัวของนิวซีแลนด์ไปทั่วโลก ขอชวนทุกคนมาร่วมสัมผัสกับค่ำคืนสุดพิเศษ ด้วยดินเนอร์แบบ Chef’s Table and Wine Pairing ทั้งหมด 4 คอร์ส ภายใต้แนวคิด Taste Life on the Flip Side ที่ร้านอาหาร Lobster & Oyster ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ความพิเศษของอีเวนต์นี้ คือการได้ Jamie Marfell นักทำไวน์คนเก่งของแบรนด์ บินตรง มาจากนิวซีแลนด์ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำไวน์กับทุกท่านอย่างใกล้ชิด พร้อมจับคู่ไวน์กับมื้ออาหารชั้นเลิศผ่านฝีมือของเชฟ Marian Baranek “King of The Ocean & Grill”จากเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย ก่อนที่จะกดจองโต๊ะเข้าสู่คืนพิเศษของงานกัน UNLOCKMEN ขอพาทุกคนไปรู้จักเรื่องราวของ Winemaker กับ Chef
Mercedes-Benz SLR Stirling Moss หนึ่งในจำนวนการผลิตทั้งหมด 75 คันทั่วโลก นี่คือ Mercedes-Benz SLR Stirling Moss ที่คาดว่าจะมีไมล์น้อยที่สุด ตัวเลขโชว์ว่าแตะสัมผัสพื้นถนนมาเพียง 150 กิโลเมตรเท่านั้น ถือเป็นรถที่ Rarest หายากสุด ๆ อยู่แล้ว แถมคันนี้ยังเป็น Final version ของ Mercedes-Benz/McLaren SLR อีกด้วย คาดว่ามูลค่าตอนนี้อยู่ที่ราว 145 ล้านบาท แพงยิ่งกว่า 2014 Ferrari LaFerrari ในสี Blu Elettrico ที่พึ่งประมูลไปล่าสุดในราคา $4,075,000 SLR McLaren Stirling Moss เผยโฉมครั้งแรกในงาน 2009 North American International Auto Show เวอร์ชันสุดท้ายเพื่อฉลองให้กับ 300 SLR ในอดีต
หากคุณนึกถึงยุค 90’s คุณจะนึกอะไรเป็นอย่างแรก เชื่อว่าสิ่งที่ป๊อปอัพขึ้นมาในหัวแบบไว ๆ มากที่สุดของใครหลาย ๆ คนน่าจะต้องเป็นเทปอย่างแน่นอน มันคือฟอร์แมตการฟังเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนั้น แต่แล้วเมื่อการเวลาเปลี่ยนไปเข้าสู่ช่วงยุค 2000’s ความสำคัญของเทปก็ค่อย ๆ หดหายไป จนในที่สุดมันก็ได้ตายไปจากอุตสาหกรรมดนตรี แต่แล้วในช่วง 2-3 ปีหลังที่ผ่านมา กระแสของเทปก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง มีทั้งศิลปินอิสระและศิลปินมีสังกัดต่างผลิตเทปกันออกมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายคนเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเด็กรุ่นใหม่ที่แทบไม่คุ้นเคยกับมันเลย และชายผู้อยู่เบื้องหลังผู้ปลุกกระแสเทปให้กลับมา ก็มีนามว่า “เจ-ณัฐพล สว่างตระกูล” เจ คือเจ้าของร้าน Cassette Shop ย่านประดิพัทธ์ ผู้เคยสะสมไว้หลายพันม้วน มีไลฟ์สไตล์ที่ไปไหนมาไหนต้องพกวอล์กแมน, หูฟัง, พร้อมเทปคู่ใจ 5-6 ม้วนอยู่เสมอ แถมยังเคยซื้อเทปด้วยการจ่ายเงินมากถึง 10,000 บาทภายในครั้งเดียวอีกด้วย จนสุดท้ายเขาก็ได้เปลี่ยนแพชชั่นให้กลายเป็นธุรกิจ และจากธุรกิจก็กลายเป็นการปลุกวัฒนธรรมยุค 90’s ให้กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เรามาทำความรู้จักเรื่องราวของเขาให้มากขึ้นกันดีกว่าครับ สัมผัสเทปม้วนแรกของคุณพ่อ ชีวิตวัยเด็กของทุก ๆ คนก็มักจะสัมผัสประสบการณ์และเรียนรู้ทุกเรื่องราวจากคนในครอบครัว ไม่ต่างจากเจที่มีความทรงจำการสัมผัสเทปม้วนแรกมาจากคุณพ่อ “จุดเริ่มต้นตั้งแต่เด็ก ๆ เลยครับ ผมโตมากับเทปเลย เกิดมาก็เห็นเครื่องเล่นเทปเลย
หากใครเคยใช้ Maro Shampoo เป็นประจำ น่าจะติดใจในคุณภาพและนวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่นของแบรนด์ Maro กันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Maro 3D Volume Up แชมพูที่เพิ่ม texture สร้างวอลลุ่มให้ผมจัดทรงง่ายสไตล์ญี่ปุ่น หรือ Maro 17 Black+ ที่มาพร้อมนวัตกรรมคืนผมขาวให้กลับมาดำ ด้วยการกระตุ้นเม็ดสีจากรากผมครั้งแรกในโลก เรียกว่าใครใช้เป็นติดใจในประสิทธิภาพกันทุกคน และเพื่อเป็นการเติมเต็มความต้องการของผู้ชายให้ครบสูตร ล่าสุดทาง Maro จึงได้เปิดตัว MARO BODY & FACE Cleansing Soap เจลอาบน้ำสำหรับผู้ชาย ส่งตรงจากญี่ปุ่นมาแล้วเรียบร้อย ความเจ๋งคือสามารถใช้ทำความสะอาดได้ทั้งร่างกายและผิวหน้าแบบ All-in-One สะดวกและสะอาดครบจบในขวดเดียว ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจจากการกำจัดกลิ่นตัวไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากร่างกายของเราเอง และยังเป็นเจลอาบน้ำที่เหมาะสำหรับคนฉีดน้ำหอม แก้ปัญหาฉีดแล้วกลิ่นไม่ติด กลิ่นเพี้ยนจากการผสมกับน้ำหอมของสบู่ยี่ห้ออื่น หรือฉีดน้ำหอมเยอะเกินไป ด้วยส่วนผสมที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นครั้งแรกในวงการสบู่ของโลก กลิ่นตัว เป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญ หลายคนรู้แต่มองข้ามมันไป และมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังประสบปัญหากลิ่นกายไม่พึงประสงค์ ซึ่งกลิ่นที่ว่านั้นมีหลากรูปแบบและสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นแก่ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นอับ กลิ่นกาย หรือแม้แต่คนที่ฉีดน้ำหอมเป็นประจำ ก็อาจไม่รู้ตัวว่าบางครั้งเราอาจจะฉีดเยอะเกินไป