ต่อเนื่องจากบทความ 12 ผลงานร็อกสุดคลาสสิคในช่วงปี 2000-2005 จากค่ายยักษ์ใหญ่ย่านอโศก วันนี้เรามาเจาะกันที่ช่วงปี 2006-2010 ว่ามีอัลบั้มอะไรที่โดดเด่นในช่วงนั้นบ้าง ซึ่งทาง Unlockmen ก็รวบรวมมาให้ทั้งหมด 8 ผลงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ RETROSPECT “UNLEASHED” (2007) ในช่วงกลาง-ปลายยุค 2000’s คงไม่มีวงไหนโดดเด่นเท่ากับ Retrospect อีกแล้ว พวกเขาสถาปนาจากวงใต้ดินให้กลายเป็นวงร็อกระดับหัวแถวของประเทศจากอัลบั้มแรก “Unleashed” ที่มีพื้นฐานจากดนตรีสไตล์เมทัลคอร์ที่ถูกปรับจูนให้ฟังง่ายขึ้น จนเกิดเพลงฮิตแบบถล่มทลาย ไม่ว่าจะเป็น “เพราะว่ารัก”, “ปล่อยฉัน”, “ความฝันของเรา”, “สุดที่รัก” และ “ให้ฉันลืมเธอ” เป็นต้น เอาจริง ๆ ทุกเพลงในอัลบั้มนี้ฮิตทุกเพลง นอกจากความสำเร็จด้านดนตรี ด้านผู้นำแฟชั่นพวกเขาก็ชนะเลิศจากการแต่งตัวของ “แน็ป” ที่มาพร้อมกับเสื้อเชิร์ตลายสกอต, การปัดผมสไตล์อีโม รวมไปถึงการเจาะสักตามร่างกาย ทำให้ในช่วงนั้นเราได้เห็นวัยรุ่นแต่งตัวตามกันเต็มทั่วบ้านทั่วเมือง จนทำให้ทางงวงต้องเรียกแฟนเพลงเหล่านี้ว่า “เรทโทรเรี่ยน” แถมแน็ปยังโดนข่าวลือปั่นกระแสว่าเจ้าตัวเป็นผู้หญิงผ่าตัดกล่องเสียงมาร้องเพลงแทนพี่ชายอีก ยิ่งทำให้ชื่อวง Retrospect เป็นที่พูดถึงมากยิ่งขึ้น ถึงแม้เรื่องดังกล่าวจะเป็นการมโนขึ้นมาของใครซักคนก็ตาม SWEET MULLET “LIGHT HEAVYWEIGHT”
ว่าด้วยเรื่องของ ‘กลิ่น’ แทบทุกคนคงเคยได้ยิน ได้รับรู้ถึงความสำคัญของกลิ่นที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ ความรู้สึกของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ รวมถึงกลิ่นกายก็เช่นกัน เพราะการมีกลิ่นกายสะอาดไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์ จะขยับตัวทำอะไรก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นต้นตอแห่งมลพิษทางกลิ่นที่รบกวนคนรอบข้าง และแน่นอนว่ากลิ่นกายที่ดีมันส่งผลโดยตรงต่อการสร้างความมั่นใจได้เต็มที่ หากพกความมั่นใจเอาไว้เต็มร้อยตั้งแต่ออกจากบ้าน ระหว่างที่พบปะผู้คนในแต่ละวันมันก็พร้อมต่อยอดไปสู่โอกาสดี ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องความรัก หรืออะไรก็ตาม หากเริ่มต้นด้วยความมั่นใจยังไงก็เป็นต่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่า การมีกลิ่นกายที่ดีแม้จะฟังดูไม่ยาก แต่มันก็ไม่ได้เรียบง่ายแค่อาบน้ำให้สะอาด หาน้ำหอมดี ๆ มาใช้แล้วจบไป เพราะยังมีหลายปัจจัยที่พร้อมสร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยเราเองแทบไม่รู้ตัว หรือกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีผู้กล้าเข้ามาทัก จนต้องรู้สึกช็อตฟีลเสียหลัก หมดความมั่นใจไปไม่ใช่น้อย ซึ่งในวันนี้ปัญหาเรื่องกลิ่นที่หลบซ่อนอยู่กำลังจะหมดไป เพราะเราจะพาไปรู้จักกับปัญหาหลักของกลิ่นกายไม่พึงประสงค์ที่หลายคนมองข้าม หรือด้วยความเคยชินอาจทำให้ไม่ได้รับรู้ถึงกลิ่นกวนใจเหล่านี้ พร้อมปิดท้ายด้วยวิธีแก้ปัญหาแบบอยู่หมัดด้วย MARO BODY & FACE Cleansing Soap เจลอาบน้ำนวัตกรรมใหม่จากญี่ปุ่น ช่วยล็อกกลิ่นกายไม่พึงประสงค์ให้สลายกลายเป็นศูนย์ ขวดเดียวใช้ได้ทั้งร่างกายและใบหน้า กลิ่นกายจากของกิน: ก่อนจะเข้าสู่วิธีแก้ เราขอไล่เรียงต้นตอของปัญหาไปทีละสเต็ป เริ่มต้นด้วยกลิ่นกายที่มาจากอาหารการกิน หลายคนอาจเข้าใจว่ากลิ่นมาจากเหงื่อ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเหงื่อเพียว ๆ นั้นแทบไม่มีกลิ่น แต่แบคทีเรียซึ่งทำให้เหงื่อกลายเป็นกรดไขมันนั่นแหละตัวการทำให้เกิดปัญหากลิ่นกายกวนใจ นอกจากนี้อาหารจานโปรดของหนุ่ม ๆ ชาวไทยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเนื้อสัตว์บางชนิด หรือเครื่องเทศกลิ่นแรงรสจัด
“โพสต์กรันจ์” หรือที่ใครหลายคนเรียกกันติดปากว่า “อเมริกันร็อก” ซึ่งพื้นเพทางดนตรีมันก็มาจากดนตรีกรันจ์ออริจินัลแบบที่เราได้ฟังกันจากวง Nirvana หรือ Pearl Jam แต่หลังจากมันได้รับความนิยมแบสุดขีด จึงไม่แปลกที่กรันจ์จะได้สร้างอิทธิพลและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นถัดมา ทำให้กรันจ์เกิดวิวัฒนการที่ผ่านการปรุงแต่งให้ฟังง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก จนสามารถกลายเป็นดนตรีกระแสหลักหรือเมนสตรีมที่ใคร ๆ ก็ฟังได้ แถมยังมีเนื้อหาที่ไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตที่ชวนซีเรียส แต่นำเสนอเนื้อหารัก ๆ ใคร่ ๆ ซะเป็นส่วนมาก “โพสต์กรันจ์” ขยายอิทธิพลในช่วงปลายยุค 90’s ลากยาวจะไปถึงปลายยุค 2000’s เลยทีเดียว แต่ช่วงพีคที่สุดคงหนีไม่พ้นต้น 2000’s ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่กระแสดนตรีนูเมทัลได้รับความนิยมนั่นเอง อย่างไรก็ตาม “โพสต์กรันจ์” ในช่วงนั้นได้รับกระแสต่อต้านไม่น้อย เพราะหลาย ๆ คนดันไปตีตราว่าวงพวกนี้คือ “ร็อกของปลอม” (ทั้ง ๆ ที่ซาวด์มีความหนักหน่วงที่หาฟังไม่ได้ง่าย ๆ จากคลื่นวิทยุในยุคปัจจุบัน) ถึงแม้จะโดนแขวะ โดนเหยียด แต่มันก็ไม่อาจจะหยุดยั้งความสำเร็จของบรรดาวงสายโพสต์กรันจ์ได้เลย ด้วยเหตุนี้เราจึงรวบรวม 10 เพลงฮิตของวงโพสต์กรันจ์มาฝากทุกคนกันครับ “HOW YOU REMIND ME” NICKELBACK วงโพสต์กรันจ์จากประเทศแคนาดาที่ข้ามประเทศมาประสบความสำเร็จในอเมริกา จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ผลงานชุดแรกของ Nickelback คือ
หลาย ๆ คนมักจะตีความดนตรีแนว “ฮาร์ดคอร์” กันผิด เพราะคนส่วนใหญ่ชอบเหมารวมว่าเพลงที่หนัก ๆ แหกปาก รุนแรง คือแนวฮาร์ดคอร์ไปซะทั้งหมด โดยเฉพาะในยุคนูเมทัลที่ในเริ่มแรกก็ถูกเรียกแบบนั้นเช่นกัน แต่แท้จริงแล้วซาวด์ของมันไม่ได้มีความใกล้เคียงเลย ดังนั้นเราลองมาทำความรู้จักพื้นฐานของฮาร์ดคอร์กันซักนิดก่อนดีกว่า ดนตรีฮาร์ดคอร์มีพื้นฐานมาจาดนตรีพังก์ ก่อตัวขึ้นในช่วงปลายยุค 70’s ถึงช่วงต้นยุค 80’s โดยเฉพาะในวอชิงตัน ดี.ซี. และนิวยอร์ก แต่ดนตรีของฮาร์ดคอร์จะมีความดิบกว่า หนักกว่า รวดเร็วกว่า และเสียงดังกว่า พังก์ขึ้นไปอีกเท่าตัว แถมยังใช้การแหกปากในการร้องเพลงด้วยเช่นกัน มีวงอย่าง Minor Treat, Bad Brains, Black Flag, Circle Jerks และ Dead Kennedys เป็นศิลปินบุกเบิกและเป็นต้นแบบให้กับวงในยุคต่อมา ดนตรีฮาร์ดคอร์ ยังมีวัฒนธรรมที่น่าสนใจที่แฝงตัวอยู่ ไม่ว่าการนิยมใช้ระบบ D.I.Y., การมอชพิต รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบ Straight Edge (ไม่ดื่ม ไม่เสพ ไม่มั่วเซ็กส์) เป็นต้น นอกจากนี้ดนตรีฮาร์ดคอร์ยังกลายเป็นอิทธิพลสำคัญให้กับดนตรีแนวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแธรช
เชื่อว่าชาว UNLOCKMEN หลายคนต่างเติบโตมา พร้อมความสุขบนหน้าจอ ที่เต็มไปด้วยฉากชวนตื่นตาตื่นใจระหว่างรับชมการต่อสู้ของฮีโร่ร่างยักษ์ซึ่งทำหน้าที่พิทักษ์โลกจากเหล่าสัตว์ประหลาดไคจูตัวร้าย พร้อมเอาใจช่วยด้วยความลุ้นระทึกกับเงื่อนไขเวลาจำกัดของพระเอกขณะที่อยู่ในร่างยอดมนุษย์นามว่า Ultraseven โดยเรื่องราวของ Ultraseven นักรบผู้ผดุงความยุติธรรมจากดวงดาวแห่งแสงใน Nebular M78 ที่ออกอากาศเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1967 – 1968 ได้กลายเป็นตำนานสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนรุ่นสู่รุ่นมายาวนานกว่า 55 ปี เช่นเดียวกันกับเรือนเวลา SEIKO 5 SPORTS ซึ่งยืนหยัดในฐานะ Automatic Day-Date Watch รุ่นแรกของญี่ปุ่น ที่มาพร้อมราคาคุ้มค่า คุณภาพน่าเชื่อถือ และดีไซน์ที่ถูกพัฒนาให้ร่วมสมัยสำหรับหนุ่มสาวหัวใจสปอร์ตมาเป็นเวลา 55 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 1968 ด้วยช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดิบพอดี ทำให้ยอดมนุษย์ Ultraseven และเรือนเวลาชั้นยอดอย่าง SEIKO 5 SPORTS มีโอกาสได้โคจรมาเจอกันในคอลเลกชั่น SEIKO 5 SPORTS 55th ANNIVERSARY ULTRASEVEN LIMITED EDITION เรือนเวลารุ่นพิเศษ ตัวแทนการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 55 ปีของทั้งคู่ ที่บอกเลยว่าแฟน
สร้างสรรค์สไตล์ให้โดดเด่นและเป็นตัวเองด้วยนาฬิกาเรือนโปรดไปกับแบรนด์ “ทิสโซต์” (Tissot) ที่หลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการนำคอลเลกชั่น “พีอาร์เอ็กซ์” (PRX) ที่ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1978 กลับมาสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้งในขนาด 40 มม. เมื่อปี 2021 โดยล่าสุด “ทิสโซต์” (Tissot) ได้ประกาศเปิดตัวเรือนเวลาคอลเลกชั่นใหม่ที่ชื่อว่า “พีอาร์เอ็กซ์ 35 มม.” (PRX 35MM) กับการปรับขนาดนาฬิกาให้เล็กลงด้วยขนาด 35 มม. เพื่อตอบโจทย์หนุ่มสาวที่ต้องการความคล่องตัว แต่ยังคงไว้ซึ่งความเท่และกลิ่นอายของยุค 70s โดย “ทิสโซต์” (Tissot) ได้บอกเล่าจุดเด่นของคอลเลกชั่นนี้ผ่านการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นสะท้อนถึงวัฒนธรรมป๊อปคลาสสิกของกลุ่มวัยรุ่นในช่วงยุค 70s “ทิสโซต์” (Tissot) แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิส ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1853 ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นาฬิกาประสิทธิภาพสูงในดีไซน์ที่ความทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ได้การยอมรับในแวดวงกีฬา ในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีระบบจับเวลาด้านความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุด สำหรับภาพยนตร์สั้นจากคอลเลกชั่น “พีอาร์เอ็กซ์ 35 มม.” (PRX 35MM) ถูกถ่ายทอดเรื่องราวผ่านกลุ่มเพื่อนที่ทั้ง 5
ตรงกับช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองปีเถาะ หรือ The Year of the Rabbit ที่ใกล้จะมาถึง แฟรงค์ มุลเลอร์ (Franck Muller) และแบรนด์สตรีทแวร์จากโตเกียว #FR2 ได้จับมือกันเผยโฉมนาฬิกา #FR2NCK MULLER Vanguard ซึ่งนับเป็นความร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างสองแบรนด์ ทั้งยังเป็นโอกาสที่จะได้เห็น แฟรงค์ มุลเลอร์ นำภาษาการออกแบบอันโดดเด่นของ #FR2 มาใช้บนนาฬิกาเอกลักษณ์อย่าง แวงการ์ด (Vanguard) โดยผลลัพธ์แห่งความร่วมมือนี้คือเรือนเวลาอันล้ำนำแฟชั่นและทันสมัย ด้วยหน้าปัดที่ประดับตกแต่งลวดลายกระต่ายอันเป็นไอคอนิกตลอดกาลของ #FR2 ซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางตัวเลขรูปทรงสัญลักษณ์ และตัวเรือนทรงตอนโนของ แฟรงค์ มุลเลอร์ โดย #FR2NCK MULLER Vanguard นับเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาหรูของสวิส และสตรีทแฟชั่นของญี่ปุ่น จากการหลอมรวมองค์ประกอบต่างๆ ของแต่ละจักรวาล และเติมเต็มด้วยสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองนักสร้างสรรค์ ผลงานนี้จึงมีความโดดเด่นอย่างชัดเจนบนหน้าปัด ที่ซึ่งเผยความสวยงามอันล้ำสมัย แต่ยังคงความเหนือกาลเวลาของ แฟรงค์ มุลเลอร์ ที่สะท้อนผ่านอารมณ์สัมผัสแห่งสตรีทสไตล์ ประกอบด้วยฐานหน้าปัดสีขาวแบบด้านที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งต่างๆ ซึ่งก่อร่างขึ้นกลายเป็นความสวยงามอันเป็นหัวใจ และเหนือขึ้นไปนั้นยังบรรจุไว้ด้วยเข็มชี้บอกเวลา มาร์กเกอร์ และเครื่องหมายขีดแบบนำมาติดที่เป็นสีดำ ด้วยลุคสไตล์โมโนโครมที่ตัดกันอย่างชัดเจนยังได้มอบซึ่งความสมบูรณ์ลงตัวจากการเล่น
เปิดปี 2023 กับวงที่เราอยากให้ทุกคนได้รู้จักตั้งแต่ปี 2022 แต่ปลายปีของชาวออฟฟิศก็วุ่นวายกันนิดหน่อย เราเลยขอยกยอดวงนี้มาเป็นศิลปินเบอร์แรกเปิดซีรีย์ Next Cover, Same Mood ของปีเลยละกัน กับ Lemony จาก Sanamluang Music แนะนำประวัติวงคร่าว ๆ กันเล็กน้อย เนื่องจากว่าเป็นวง New Blood ที่น่าสนใจมาก เพราะเอาจริง ๆ พวกเขาก็ไม่ใช่วงหน้าใหม่ของวงการเสียทีเดียว ก่อนหน้าที่จะเป็นวง Lemony พวกเขาทั้ง 4 คนเคยใช้ชื่อว่า Kordyim (อ่านว่า ‘โคตรยิ้ม’) แต่ด้วยที่ต้องการปรับเปลี่ยนแนวทางของดนตรี + ทิศทางของวงใหม่ จึงจัดการรีเซ็ทใหม่หมด กว่าจะออกมาเป็น Lemony กับอัลบั้มแรกให้ทุกคนได้รู้จักในวันนี้ ก็ใช้เวลากว่า 10 ปีเลยทีเดียว ! ถ้าคุณเคยรู้จัก Lemony ในร่างที่แล้วมาก่อน จะเข้าใจเลยว่า Why Don’t I …..? เป็นอัลบั้มที่ย้ำคาแรคเตอร์ของวง Lemony
Ferrari F512 M รุ่นสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของ Ferrari เปิดตัวในปี 1994 ในฐานะโมเดลปิดท้ายตำนานยิ่งใหญ่ของ “Testarossa” และยังเป็น Ferrari รุ่นสุดท้ายที่ใช้เครื่องยนต์ 12-cylinder 440 แรงม้า ทุกรายละเอียดของรถออกแบบโดยคำนึงถึงจุดเด่นและดีไซน์ของ Testarossa ใส่ความพิถีพิถันมากขึ้นตั้งแต่ chassis เครื่องยนต์ ไปจนถึงการตกแต่งทุกจุด เครื่องยนต์ของ F512 M ได้รับการอัพเกรดวัสดุภายในเป็น titanium ที่แข็งแกร่งและน้ำหนักเบา ช่วยให้ทนต่อรอบเครื่องที่จัดจ้านยิ่งกว่าในรุ่น 512 TR นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดระบบท่อไอเสียใหม่ อัพเกรดระบบกันสะเทือน จนสามารถกระจายน้ำหนักหน้าหลังได้ 50:50 ช่วยให้ควบคุมรถได้เฉียบคมแม้ในความเร็วสูง ไฟท้ายที่โดดเด่นไม่มีใครเหมือน ล้อแบบ 3-piece จาก Speedline กันชนหน้าที่ได้แรงบันดาลใจจาก F40 และ 512 BB/LM โดยเฉพาะไฟหน้าแบบ fixed Ferrari ผลิต F512 M ออกมาทั้งหมดเพียง 501 คันเพื่อกระจายขายทั่วโลก แม้แต่ในตลาด