ช่วงนี้ใครที่ได้ติดตามข่าวทางโซเชียลมีเดีย อาจจะได้พบเจอข่าวเกี่ยวกับคอนเสิร์ตของดนตรีสายฮาร์ดคอร์ที่ไปเล่นสดใจกลางสยามสแควร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมันทำให้หลายคนตกใจกับวัฒนธรรมการ “มอชพิต (Mosh Pit)” ของเหล่าคนผู้ชมที่ดูรุนแรง ดุเดือด ราวกับคนยกพวกตีกัน จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง ซึ่งโดยมากไปในทิศทางเชิงลบ ทำให้กลายเป็นประเด็นดราม่าเนื่องจากมีเสียงแตกออกเป็น 2 ฝั่ง โดยคำถามที่เกิดขึ้นหลัก ๆ เลยมันเกี่ยวกับ “ความปลอดภัย” โดยตรง งานนี้ทาง Unlockmen เลยอยากจะมาช่วยขยายความการมอชพิตเพิ่มขึ้นซักหน่อย ว่ามันอันตรายจริงหรือไม่? ซึ่งในปัจจุบันการละเล่นในวงมอชพิตที่พบได้บ่อยประกอบไปด้วย TACKLE วัฒนธรรมการมอชพิตมีรากเหง้ามาจากซีนดนตรีฮาร์ดคอร์พังก์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ยุค 80’s (สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ทาง : unlockmen.com/mosh-pit-history) และสำหรับการละเล่นแบบเบสิคสุด ๆ ที่แม้ไม่ใช่คอนเสิร์ตวงฮาร์ดคอร์หรือเมทัล ก็สามารถพบเห็นได้จากคอนเสิร์ตวงร็อกทั่ว ๆ ไป นั่นคือการ “Tackle” หรือการ “แท็ค” กัน “Tackle” การเล่นของมันไม่มีอะไรซับซ้อนเลย มันแค่เป็นการเอาหัวไหล่วิ่งไปชนอีกคนอย่างสนุกสนาน แทบจะไม่มีความอันตรายแต่อย่างใด ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของมันมาจากกีฬาอเมริกันฟุตบอลนั่นเอง CIRCLE PIT หากคุณเคยชินกับการเดินเวียนเทียน การเล่น “Circle Pit” ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
ระหว่างที่เขียนคอลัมน์นี้อยู่ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Milli (ดนุภา คณาธีรกุล) ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สตรีผู้เป็นแรงบันดาลใจและทรงอิทธิพลจากทั่วโลก ประจำปี 2022 จากสำนักข่าว BBC โอ้มายก็อดส์! ความรู้สึกเดียวที่เรามีให้เลยคือ ‘ยินดีด้วย’ เพราะตลอดการเดินทางของแร็ปเปอร์คนนี้ไม่มีคำว่าฟลุ๊ค จะเป็นการแสดงสดที่เทศกาลดนตรี Cochella หรือการได้ร่วมงานกับค่าย 88 Rising ผงาดพลัง Asia Power สู่เวทีโลก ล้วนสะท้อนภาพความพยายามอย่างหนักทั้งนั้น และอัลบั้มแรกในชีวิตของเธอ ‘BABB BUM BUM (แบบเบิ้มเบิ้ม)’ ภายใต้สังกัด Yupp ก็เป็นอีกผลงานที่เต็มเปี่ยมด้วยความพยายาม ภายใต้อัลบั้มที่มีพาร์ทดนตรีสุดปั่น และไรห์มสุดยียวน นี่คืออัลบั้มที่ศิลปินผู้รู้จักตัวเองเป็นอย่างดี และรู้ว่าเพลงของตัวเองสามารถเป็นอะไรได้บ้างโดยไม่ทำให้เสียเอกลักษณ์ตัวตนแม้แต่น้อย และมันไม่ใช่เพราะว่า Genre ของ Hip-Hop ที่อนุญาตให้ดนตรีหลากหลายด้วยนะ แต่ Milli ทำให้เพลงทั้ง 10 อัลบั้มเป็นเรื่องราวของตัวเองจริง ๆ สำหรับเราในวันนี้ Milli ได้กลายเป็นตัวละครเอกของมังงะชีวิตที่ตัวเองเขียนไปแล้ว เป็นตัวละครที่บ้าพลัง มุทะลุชนทุกกำแพง และแม้จะย่อท้อก็สามารถลุกขึ้นมาร้องเพลงใหม่ได้เสมอ
กิจกรรมในช่วงวันหยุดเชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งส่วนมากต้องเจอกับคนปริมาณมหาศาลที่แห่กันไปเที่ยวจนทำให้วันหยุดของเราดูจะไม่น่าอภิรมย์ซักเท่าไหร่ จนบางครั้งก็ทำให้เราหงุดหงิดจากปัญหารถติดที่ตามมาหลอกหลอนไม่แพ้วันทำงานเช่นกัน และเพื่อแก้ไขอาการเบื่อตอนรถติด Unlockmen เลยจัดเพลย์ลิสต์มันส์ ๆ จากวงร็อกนอกกระแสมาให้ทุกคนได้ฟังกันเพลิน ๆ ยามอยู่หลังพวงมาลัย HAREM BELLE “หมาป่าเดียวดาย (LONE WOLF)” Harem Belle วงดนตรีที่เติบโตมาจากยุคอีโม เป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากโปรเจกต์ Do It Or Die ซึ่งในปัจจุบันพวกเขาก็ยังคงผลิตผลงานเพลงภายใต้สังกัด Vom Records อยู่ โดยล่าสุดพวกเขาเพิ่งมีซิงเกิ้ล “หมาป่าเดียวดาย (Lone Wolf)” ออกมาให้ฟัง ซึ่งมาสไตล์โพสต์ฮาร์ดคอร์อันดุดัน เป็นการกลับไปเล่นซาวด์หนัก ๆ แบบที่หลายคนคิดถึงอีกครั้ง นอกจากนั้นเนื้อหาของเพลงนี้ยังส่งต่อกำลังใจในวันที่ต้องเจอกับปัญหาหนัก ๆ ด้วย หากเราเชื่อมั่นในตัวเองสุดท้ายแล้วมันจะผ่านพ้นไปได้ BOMB AT TRACK “ช่วงเปลี่ยนผ่าน (COMING OF AGE)” ผลงานเพลงส่งท้ายจากอัลบั้ม “Bomb The System” ของ Bomb
สำหรับนักสะสม McLaren P1 น่าจะเป็น sports car ที่ทั้งแรงและแพงสะใจ แต่ถ้าคุณต้องการความแรงที่พิเศษมากกว่า สำนัก Lanzante มีรุ่นพิเศษยิ่งกว่า นั่นคือการนำ McLaren P1 GTR รถแข่งแบบ track-only มาปรับแต่งให้กลายเป็นรถบ้านที่ขับแบบ road-legal ได้ McLaren P1 GTR-spec ถูกผลิตออกมาเพื่อลงแข่งในสนาม มีจำนวนทั้งหมด 58 คันในโลก ขุมพลัง 986 แรงม้า จากเครื่องยนต์ 3.8-liter V8 twin-turbocharged พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ทำความเร็ว 0-100 km/h ได้ใน 2.8 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดเกือบ 350 km/h แถมยังมีน้ำหนักตัวเบากว่า P1 รถบ้านถึง 50kg จากการถอดสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างในห้องโดยสารทิ้งไป การนำรถแข่ง track-only มาดัดแปลงใหม่ให้เป็น road-legal โดยเฉพาะอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐาน กระจกข้าง
Zero To Hero เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “ไนซ์ – ปิ่นพงศ์ ขุนกัน” หรือ AKA : NICECNX แร็ปเปอร์หนุ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของซิงเกิ้ลฮิต “หลอก” ที่ปัจจุบันมียอดเข้าชม MV มากถึง 111 ล้านวิว แถมยังเคยผ่านเวที Show Me The Money มาแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ NICECNX ยังถูกเรียกไปแจมกับศิลปินอีกหลาย ๆ คน เช่น มิว ศุภศิษฏ์, แกงส้ม, Lipta เป็นต้น แต่กว่าที่ NICECNX จะก้าวขึ้นมาเป็นที่ยอมรับ เขาก็ต้องพบจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตอะไรหลาย ๆ อย่างที่ค่อย ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลง จนกลายมาเป็นประสบการณ์ทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิต เรามาดูกันดีกว่าว่าชีวิตของ NICECNX พบเจอกับความเปลี่ยนแปลงในรูปแบบไหนกันบ้าง เปลี่ยนจากเชียงใหม่สู่กรุงเทพ NICECNX อย่างที่เราเกริ่นไว้แล้วว่าเจ้าตัวคือเด็กเชียงใหม่ เขาเติบโตมาพร้อมกับความสนใจในเรื่องแฟชั่น และคลุกคลีกับซีนดนตรีที่หลากหลายทั้งร็อก, อินดี้ รวมไปถึงฮิปฮอปกับกลุ่ม 8GARAD ที่มีเพื่อนแร็ปเปอร์อย่าง
ว่ากันว่าการทำการค้าขายหากจะประสบความสำเร็จก็ควรจะต้องทำการ “Research” เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องในการวางแผน เช่นเดียวกับการทำค่ายเพลง ในบางครั้งก็มีการทำอัลบั้มรวมศิลปินเพื่อดูกระแสว่าวงไหนควรจะได้ไปต่อ และตัวอย่างอีกหนึ่งเคสที่ชัดเจนที่สุดคือ “Showroom Vol.1” ของ genie records ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2004 อัดแน่นไว้ทั้งหมด 7 วง ประกอบไปด้วย DAY TRIPPER วงดนตรีแนวบริตป๊อป ที่มี 2 สมาชิกดูโอ้คือ “อู” และ “ทวน” พวกเขาได้ชื่อวงมาจากเพลงของ The Beatles สำหรับผลงานที่ฝากไว้ใน “Showroom Vol.1” มีด้วยกัน 2 เพลงคือ “อยากอยู่ตรงนี้ตลอดไป” และ “คนที่คุณเฝ้ารอ” โดยทั้ง 2 เพลงมีโทนที่แตกต่างกัน เพลงแรกจะมาในอารมณ์ของความเศร้าหมอง ส่วนเพลงที่ 2 จะอยู่ในอารมณ์ของความสดใส หลังจากผลงานดังกล่าว Day Tripper ก็มีอัลบั้มออกมาอีก 2 ชุดได้แก่ “The Day Tripper” (2005) และ “Guilty”
ผ่านพ้นไปแล้วอย่างอบอุ่น ชื่นมื่น รื่นรมย์ กับทริป ‘เวสป้า พาเที่ยว’ งานรวมตัวของเหล่าเวสป้าเลิฟเวอร์พร้อมสกู้ตเตอร์คู่ใจ ที่บอกได้คำเดียวว่า ‘โคตรชิลล์’ และเต็มอิ่มไปด้วยมิตรภาพ ไม่ว่าจะขี่เวสป้ารุ่นไหนก็มาจอยกันได้อย่างไม่เคอะเขิน 🛵 ที่สำคัญงานนี้ยังจัดเต็มด้วยบรรยากาศดี ๆ วิวสวย ๆ ที่โอบล้อมด้วยทะเลสาบกว้างใหญ่ / ร่มไม้ / ทิวเขา และสายลมของ BANGKOK BACKYARD ซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นลานกิจกรรมสไตล์ชาวแคมป์ให้ชาวเวสป้าได้สร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน ภายในมีกิจกรรมชิล ๆ สำหรับนักเดินทางเอาไว้มากมาย ทั้งร่วมดริปกาแฟนั่งจิบเพลิน ๆ ก่อนเดินไปสกรีนเสื้อยืดลวดลายสุดเท่ พร้อมอิ่มท้องกับ BBQ รสชาติเยี่ยม เพื่อเตรียมตัวเข้า Workshop ‘Vlog Like a Pro’ จากผู้กำกับหนังโฆษณาฝีมือดี ‘พี่เต้ – VespaJerseyClub’ ซึ่งมาร่วมแชร์เทคนิคการคิดไอเดีย / ถ่ายทำ / ตัดต่อ Vlog ให้ชาวเวสป้าบันทึกเรื่องราวการเดินทางของตัวเองได้อย่างสวยงามมีสไตล์น่าประทับใจมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อแชร์ความทรงจำบนล้อสกู้ตเตอร์ให้แก่กันและกัน เป็นแรงบันดาลใจในการมารวมตัวออกทริปเวสป้าในครั้งต่อไป สำหรับใครที่พลาดโอกาสการร่วมทริปครั้งนี้อย่าเพิ่งเสียใจ เพราะเราได้รวบรวมภาพบรรยากาศมาให้ชมกันแบบเต็มที่
รถบางรุ่นเกิดมาก็มีมูลค่าน่าเก็บสะสมทันทีที่ออกจากสายพานการผลิต Porsche 911 ในร่าง Speedster คันนี้ก็เช่นกันครับ นี่คือ 1989 Porsche 911 Speedster รถที่ถูกเปิดตัวอย่างสุดเซอร์ไพรส์ในงาน Frankfurt International Auto Show ปี 1987 ทุกคนในงานคาดว่าจะได้เห็นตัวถัง Cabrio แต่กลับกลายเป็น Speester ที่หรูหราน้อยกว่า แต่กลับมีมูลค่ามากกว่าเพราะผลิตในช่วงเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น 1989 Porsche 911 Speedster สร้างบนพื้นฐานของ 930 Turbo จึงได้ตัวถัง widebody แต่ไม่มี ‘whale tail’ เพราะถูกแทนที่ด้วย “camel hump” ผลิตแผ่น fiberglass ครอบตัวถังด้านท้าย ใช้ขุมพลัง 3.2-liter air-cooled flat six-cylinder 231 horsepower and 195 pounds-feet of
“Do It Or Die 1” ของค่าย Music Bugs คืออัลบั้มรวมศิลปินที่เคยสร้างกระแสฮือฮาให้กับดนตรีนอกกระแสในปี 2005 เป็นอย่างมาก เพราะมันอุดมไปด้วยเหล่าวงที่เล่นดนตรีหนัก ๆ ที่ส่วนมากมาจากแวดวงอันเดอร์กราวน์ โดยมีวงรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงมาก่อนแล้วใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนฟัง นำโดย Basher, Oblivious, Bikini, Winky, Underfloor, Housetrap, Ritalinn, Zigg, Harem Belle และ Madame Dubois ผลงานชุดนี้ถูกวางขายตรงกับกระแสดนตรีอีโมบูมทั่วโลกพอดี มันก็ยิ่งส่งผลให้ช่วยปลุกกระแสในบ้านเราขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งต่อเนื่องจากโปรเจกต์ Showroom 1 ของทาง genie records ที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้ โดยมีวงอย่าง Retrospect และ Sweet Mullet นำทางไปก่อนแล้ว เรามาย้อนวันวานไปสัมผัสดนตรีที่ถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้ม “Do It Or Die 1” กันซักหน่อยดีกว่าครับ BASHER เป็นวงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโปรเจกต์นี้ พวกเขาโด่งดังมากับเพลงอย่าง “เสียดายของ”