ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับการนำรถยนต์มาเชื่องโยงกับโลกของศิลปะ แต่ส่วนใหญ่เราจะเห็นเพียงดีไซน์สีหรือการตกแต่งภายนอกเท่านั้น ต่างจากรถยนต์กึ่งผลงานศิลป์ของดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศส Pierre Gonalons กับการออกแบบโปรเจคที่ชื่อว่า “Renault 5 Diamant” Renault 5 Diamant คือการใช้แรงบันดาลใจจากอัญมณีมีค่า นำมาใส่ในดีไซน์ของรถยนต์ Renault 5 ซึ่งในอีกความหมายคือการเชิดชูตำนาน rally racing อันยิ่งใหญ่เลอค่าของรถรุ่นนี้ ดีไซน์ธรรมดาถูกแทนที่ด้วยเส้นสายรายละเอียดของเครื่องเพชร ตั้งแต่ไฟหน้าถูกปรับดีไซน์เหมือนเพชรเม็ดใหญ่ ที่จับประตูได้แรงบันดาลใจจากตุ้มหูเพชร เป็นการคัสตอมรถให้กลายเป็นเครื่องเพชรติดล้อก็ว่าได้ ภายนอกสีสันสดใสอย่างมีสไตล์ด้วยโทน matte pink สีชมพูด้านที่หาดูได้ยากบนท้องถนน มีการเติมเม็ดสีทองจำนวนมากลงไปเพื่อเพิ่มมิติและแสงประกายทองวิบวับในเวลากลางวัน และจะกลายเป็นประกายสีน้ำเงินเข้มในเวลากลางคืน ภายในใส่รายละเอียดสุดบรรจงไว้ทุกจุด ของตกแต่งสั่งผลิตสำหรับผลงานชิ้นนี้โดยเฉพาะจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก แม้แต่พรมรถยังผลิตจากผ้าไหมโมแฮร์ของ Pinton ที่ใช้เส้นใยที่ได้จากแพะแอกอร่ามาทอเป็นผืน ส่วนเบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าสั่งพิเศษจาก Metaphores ห้องโดยสารตกแต่งปิดทองเพิ่มความหรูหราโดย Bertin-Aubert ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ พร้อมเพิ่มความทันสมัยบนคอนโซลด้วย phone dock สำหรับเชื่อมต่อ Smartphone ผลิตจากผ้าที่ใช้ขนม้าถักด้วยมือจาก Le Crin ปุ่มกดและที่จับเปิดประตูใช้ทองเหลืองปิดด้วยแผ่นทอง ส่วนพวงมาลัยได้ไอเดียจากเก้าอี้สุดหรู Loggia by Pierre Gonalons ซึ่งผลิตจากหินอ่อนและ
“ความสมดุล” คำที่ฟังดูเรียบง่าย สะท้อนให้สัมผัสได้ถึงความสุขในการใช้ชีวิตทุกด้าน เมื่อพูดถึงสมดุลชีวิตหลายคนอาจคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เฝ้าเพียรพยายามเสาะหาวิถีทางสร้างสมดุลจนเผลอมองข้ามไปว่าจริง ๆ แล้ว “คุณ” ทุกคนสามารถบาลานซ์ชีวิตได้โดยไม่ต้องขวนขวายหาเคล็ดลับ หรือเหนื่อยกับการมองหาคำตอบจากสิ่งที่อยู่ไกลตัว แต่คุณสามารถเลือก “สร้างสมดุลชีวิต” ให้กับตัวเองและครอบครัวโดยเริ่มต้นได้จากที่ ‘บ้าน’ “แล้วบ้านแบบไหนที่เอื้อต่อการสร้างชีวิตให้สมดุลกันล่ะ?” สำหรับคำถามนี้ เรามีคำตอบที่พร้อมภูมิใจนำเสนอให้เป็นทางเลือกที่ใช่ สำหรับเหล่า Urban Men ทั้งหลาย ซึ่งกำลังมองหาพื้นที่ชีวิตเพื่อตัวเอง และการสร้างครอบครัวใหม่ ที่เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ในเมืองใหญ่ เข้ากับความสงบผ่อนคลายได้อย่างลงตัว กับโครงการ DEMI SATHU 49 (เดมี สาธุ 49) จากแสนสิริ ดีลักซ์ ทาวน์โฮม แนวคิดใหม่ ที่พัฒนาขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ BALANCE IS ABOUT… SERENITY IN URBAN LIFESTYLE “ชีวิตสมดุล” ระหว่าง “ชีวิตเมือง” และ “ความสงบผ่อนคลาย” ที่ต้องการผสานความสมดุลระหว่าง “Space of Home” และ “The Convenience
“ผมชอบทดลองสร้างสรรค์งานในสไตล์ใหม่ ๆ มันเหมือนกับการได้พาตัวเองออกไปผจญภัย ได้สนุกกับการทำลายกำแพงของการสร้างงานไปเรื่อย ๆ และตั้งใจว่าจะทำงานศิลปะต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้” นี่คือคำตอบหลังจากที่เราได้ถามไถ่ถึงแพสชั่นในการสร้างงานที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่มีวันหมดของ ‘เบนซ์ – ปริญญา ศิริสินสุข’ หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ ‘BENZILLA’ ศิลปินสตรีทอาร์ตชาวไทยซึ่งมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และได้ฝากฝีมือไว้กับแบรนด์ดังระดับโลกมาแล้วมากมาย ล่าสุดผู้ชายที่มีคาแรคเตอร์ ‘LOOOK’ มนุษย์ต่างดาว 3 ตาเป็นภาพจำ กำลังจะปล่อยผลงาน Collaboration สุดพิเศษชิ้นใหม่ ในฐานะศิลปินไทยคนแรกที่ได้สร้างสรรค์ผลงานร่วมกับ MAURICE LACROIX (มอริส ลาครัวซ์) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส ในคอลเลกชั่น AIKON #Tide x BENZILLA Special Edition แต่ก่อนจะไปพบกับความพิเศษของนาฬิกา AIKON #Tide x BENZILLA Special Edition เราขอชวนทุกคนย้อนเวลาไปพบกับแนวคิด ตัวตน และจุดเริ่มต้นบนเส้นทางศิลปะของ BENZILLA เพื่อความเข้าใจถึงที่มาที่ไป และแก่นแท้ของความหมายที่ต้องการสื่อสารผ่านงานศิลปะบนข้อมือที่เขาได้ร่วมสร้างสรรค์กับ MAURICE LACROIX อย่างตั้งใจ ประเด็นแรกในการพูดคุยเพื่อทำความรู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น แน่นอนว่าเราขอให้ ‘เบนซ์’ นิยามการสร้างงานภายใต้ชื่อ ‘BENZILLA’ รวมถึงการเล่าที่มาที่ไป
เมื่อ ‘เจ้าชายแห่งความมืด’ (The Prince Of Darkness) นาม Rick Owen ขึ้นบัลลังก์บนโลกแฟชั่นอีกครั้ง งานแสดงแฟชั่นโชว์ และเสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นจึงธรรมดาไม่ได้ UNLOCKMEN จะพาไปดูที่มาในงานล่าสุดของเขากัน แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักชายคนนี้ อ่านประวัติโดยย่อของเขาก่อนได้เลยครับ Richard Saturnino Owens คือดีไซเนอร์คนหนึ่งที่มีผลงานเป็นเอกลักษณ์ที่สุดในโลก และมีฐานแฟนคลับอันเหนียวแน่นที่สุด ถึงขนาดมีชื่อด้อมของตัวเองว่า Tribe โดยงานของโอเว่นให้อารมณ์ที่เต็มไปด้วยความมืดมน ทว่าก็ชวนหลงใหลในเวลาเดียวกัน โอเว่นเป็นเจ้าของงานดีไซน์รองเท้าบาสเก็ตบอลชื่อ The Geobasket และนอกจากจะเป็นเจ้าของแบรนด์แฟชั่นชื่อตัวเองแล้ว ยังมีแบรนด์ลูกอย่าง DRKSHDW ด้วย ดีไซน์เนอร์งานชุกคนนี้ร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกมานับไม่ถ้วน เช่น Adidas, Converse, Dr. Martens, BIRKENSTOCK เป็นต้น แต่งานของโอเว่นไม่ได้สวยอยู่แค่ในแพลตฟอร์มของเสื้อผ้าเท่านั้นนะ จินตนาการและความสามารถในการสร้างสรรค์ของเขาแผ่ขยายไปถึงเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านด้วย! ซึ่งเป็นงานที่ทำร่วมกับภรรยา Michele Lamy โดยใช้แนวคิดคล้ายๆ กับเสื้อผ้าคือต้องมีสีดำ และต้องไม่เหมือนใคร บางชิ้นนี่มาแบบรูปทรงบังเกอร์ตั้งรับของทหารเลย ด้วยรูปทรงที่ไม่ Cozy เขาจึงเรียกงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ของตัวเองกับภรรยาว่า ‘Anti Cozy’ (ชื่อถูกต้องมาก)
นอกเหนือจากอาการลุ้นเรื่องราวที่ยังค้างคา รอให้ติดตามบทสรุปใน Stranger Things SS4 Vol.2 ซึ่งกำลังจะลงสตรีมมิ่งในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ เราเชื่อว่าสาวก Stranger Things หลายท่าน คงกำลังอินกับแฟชั่นยุค 80s จากพร็อพและคอสตูมต่าง ๆ ของเหล่าตัวละครในซีรีส์ ที่ทีมงานทำการบ้านมาอย่างดี หาไอเทมมากมายมาให้แต่ละคาแรกเตอร์สวมใส่กันแบบตรงยุค และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในไอเทมที่โดดเด้งสะดุดตาออกมาคือนาฬิกาสวย ๆ หลากรุ่นหลายแบรนด์ ที่บอกไปเป็นต้องรู้อายุ เพราะเพียงแค่เห็นโผล่มาในจอแค่ไม่กี่วิ เป็นต้องอุทานด้วยภาษากึ่งไม่ทางการว่า “เชี่ยย นี่มันรุ่นที่เคยอยากได้” หรือ “เฮ้ย เรือนนี้เราเคยมีใส่ไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนนี่นา” งานนี้ใครที่รู้สึกว่านาฬิกาของเหล่าตัวละครใน Stranger Things นั้นมันทัชใจ แต่จำได้แค่คลับคล้ายคลับคลา ไม่ได้รู้ลึกถึงขนาดว่ามันชื่อรุ่นอะไร บอกเลยว่าไม่ต้องไปเหนื่อยค้นหาให้ตาแตก เพราะเราได้รวบรวมลายแทงชื่อรุ่นเด่นจากตัวละครดังเกือบทุกคาแรคเตอร์เท่าที่เราสามารถหาได้ มาให้ชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายนำชื่อรุ่นลากเข้า Google เพื่อสะกดรอยไปตามสอยกลับมาครอบครองให้หายคิดถึง ข่าวดีคือมีหลายเรือนที่วางขายมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อยได้กลายเป็นงานวินเทจเข้าขั้น Rare Item ที่อาจต้องใช้กำลังกาย บวกกำลังใจ เสริมด้วยกำลังภายในกระเป๋าตังค์ในการตามล่าของดีมาประดับข้อมือ เอาเป็นว่าก่อนจะเวิ่นเว้อไปมากกว่านี้ เชิญไปดูกันเลยดีกว่าว่าตัวละครไหนใส่นาฬิกาอะไรเข้าฉากกันบ้าง เอ้า…
ไม่ต้องตั้งตารอคอยหรือเดินทางไปเสาะแสวงหาชมกันตามมิวเซียมหรืองานแฟชั่นทั่วทุกมุมโลก วันนี้ แสนสิริ ผู้พัฒนาอสังหาฯลักซ์ชัวรี่ระดับประเทศ ได้รวบรวม Trunk วินเทจสุดหายากจากทั่วทุกมุมโลก รังสรรค์ขึ้นโดยแบรนด์ดังอย่าง Louis Vuitton และ Goyard ที่ยังคงสร้างปรากฏการณ์มูลค่าพุ่งแรงไม่หยุดทุกวินาที ชนิดที่ว่าประเมินมูลค่าไม่ได้ มานำเสนอให้ทุกคนได้ร่วมชมความงามแบบเอ็กซ์คลูซีฟกันถึงที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยงานนี้ถือเป็นโชว์เคส Collectible pieces ทรังก์ของรักของสะสมอันคลาสสิก Rare Item จากการเดินทางทั่วโลกของผู้บริหารแสนสิริอย่าง ‘คุณเศรษฐา ทวีสิน’ ที่ได้รับเกียรติให้นำมาจัดแสดงแบบเอ็กซ์คลูซีฟอย่างสง่างาม ตกแต่งในแต่ละมุมพื้นที่ของโครงการ DEMI Sathu 49 แบรนด์ใหม่ล่าสุดจากแสนสิริ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินไพร์มโลเคชั่นใจกลางเมืองเชื่อมต่อ CBD สาทร ตั้งแต่บ้านตัวอย่างทั้ง 2 หลัง รวมถึงคลับเฮาส์ส่วนกลาง เพื่อส่งมอบสุนทรียะประสบการณ์ในการชมโครงการอย่างเหนือระดับ ซึ่ง Trunk แต่ละใบนั้นจะมีเรื่องราว มีความพิเศษ และความสวยงามมากน้อยแค่ไหน เราได้เก็บภาพมาให้ชาว UNLOCKMEN ดูเรียกน้ำย่อย ก่อนที่จะหาโอกาสไปชมด้วยตาของคุณเอง เพราะต้องบอกเลยว่าเห็นในภาพว่างามแล้ว แต่ของจริงนั้นเป็นอะไรที่งามยิ่งกว่า Louis Vuitton x Supreme Malle Courrier Trunk
ในวันครบรอบ 60 ปี การเดินทางของยานอวกาศ Aurora 7 (ออโรร่า เซเว่น) นาฬิกาในตำนานที่มาพร้อมกับหน้าปัดบอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ที่ถูกนำกลับมาผลิตอีกครั้ง เพื่อระลึกถึงภารกิจสำคัญในประวัติศาสตร์ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญครั้งนี้ Breitling (ไบร์ทลิ่ง)ได้ นำเสนอนาฬิกา Cosmonaute (คอสโมนอต) รุ่นดั้งเดิม ที่เคยเผยโฉมต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1962 และได้บอกเล่าเรื่องราวอันน่าทึ่งของนาฬิกาเรือนนี้ ในยุค 1960s นาฬิกา Navitimer (เนวิไทเมอร์) ของ Breitling (ไบร์ทลิ่ง) คือนาฬิกาสำหรับนักบินแบบไร้ที่ติแต่ในขณะแนวโน้มของโลกที่กำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว นอกจากการเดินทางและสำรวจอวกาศ และนั่นหมายความว่าโครงการสำรวจอวกาศอื่น ๆ ก็กำลังดำเนินการไปอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ผู้ผลิตนาฬิกาต่างพากันแข่งขัน เพื่อจะเป็นผู้ผลิตนาฬิกาเรือนแรกบนข้อมือของนักบินอวกาศ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านนาฬิกาที่เกี่ยวข้องกับการบินของ Breitling ทางให้แบรนด์กลายเป็นผู้นำของกลุ่มผู้ผลิตนาฬิกา เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 1962 Breitling ได้อ้างสิทธิ์อย่างเป็นทางการว่า “นาฬิกาข้อมือจากสวิสเรือนแรกในอวกาศ” หลังจากที่นักบินอวกาศ ScottCarpenter โคจรรอบโลก 3 ครั้งในขณะที่สวมนาฬิกา
เชื่อว่ามีแฟน ๆ ของ TAG Heuer Monaco อยู่ไม่น้อย แต่ถึงจะไม่ใช่แฟน ก็น่าจะต้องประทับใจในเรือนเวลารุ่นพิเศษล่าสุด Monaco Special Edition for the Fomula 1 Monaco Grand Prix “Dark Lord” ที่สุดแห่ง chronograph ระดับไอคอนที่เคยสร้างตำนานบนข้อมือของ Steve McQueen ในปี 1971 ดีไซน์สุดเท่ขรึมแบบ all-black-evertyhing เคสทรง classic square ขนาด 39mm ผลิตจาก grade 2 titanium สีดำจาการเคลือบ DLC-coated กลไก Calibre Heuer 02 Automatic มาพร้อม monochromatic dial design จากยุค ’70s หน้าปัดผ่านการปรับรายละเอียดให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น เช่นการขัดด้านหรือการเพิ่ม grain
เรือนเวลาสำหรับนักลงทุน Crypto ที่สะท้อนความสำเร็จในรูปแบบศิลปะบนข้อมือ Jacob & Co. Astronomia Solar Bitcoin นาฬิการุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ JCAM19 ผ่านการสร้างสรรค์หน้าปัดเพื่อ Bitcoin โดยเฉพาะ ตัวเรือนขนาด 44mm เคลือบสีดำด้านสุดเท่ Full black DLC coating บน titanium frame งานศิลป์บนหน้าปัด three-armed platform ออกแบบเพื่อเชิดชูความแข็งแกร่งของ Bitcoin ผู้นำแห่ง cryptocurrency ด้วย currency symbol ขนาดใหญ่สามารถหมุนได้ จรวดสีดำบ่งบอกถึงการ “to the moon” โดย Moon ในที่นี้คือเพชรที่ผลิตจาก 1Ct spherical Jacob cut diamond อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ Yellow sapphire ด้านบนมี One-minute flying tourbillon แบบ
เมื่อเอ่ยถึงแบรนด์เรือนเวลาเจ้าของโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกอย่าง Longines เชื่อว่าสิ่งแรกที่ผู้หลงใหลในเสน่ห์ของเครื่องบอกเวลานึกถึง คงหนีไม่พ้นเรื่องราวเล่าขานถึงการเป็นอุปกรณ์บอกเวลาสุดแม่นยำที่เหล่านักบุกเบิกในตำนานระดับโลกต่างเลือกสวมใส่ระหว่างทำภารกิจ และหนึ่งในทริปสุดระห่ำของนักบุกเบิกที่ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ไฟแห่งความกล้าในการท้าทายอะไรใหม่ ๆ นั้นลุกโชนขึ้นในใจใครหลายคน ต้องย้อนไปในวันที่ 5 ตุลาคม 1931 กับภารกิจของ Clyde Pangborn และ Hugh Herndon, Jr. สองนักบินชาวอเมริกันผู้กล้าหาญ ซึ่งได้พิชิตภารกิจการบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยระยะทาง 5,500 ไมล์ โดยไม่หยุดพักได้เป็นครั้งแรกของโลก โดยเบื้องหลังความสำเร็จของการผจญภัยครั้งนั้น นอกจากความบ้า และความมุ่งมั่นของ Clyde Pangborn และ Hugh Herndon, Jr. ยังมีอีกหนึ่งไอเท็มสำคัญอย่างนาฬิกา Longines ที่ช่วยบอกเวลาให้กับสองนักบินในไฟลท์ประวัติศาสต์ได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ ทำให้เมื่อจบภารกิจนี้ทาง Hugh Herndon, Jr. ถึงกับเขียนจดหมายแสดงความขอบคุณไปยัง Wittnauer ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา Longines ในขณะนั้น ว่านาฬิกาของ Longines นั้นทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมระหว่างที่พวกเขากำลังบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก แม้ในช่วงสุดท้ายของการบินที่ทั้งคู่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศอันหนาวจัดจนน้ำดื่มในกระติกของพวกเขากลายเป็นน้ำแข็ง แต่ถึงกระนั้นนาฬิกา Longines ก็ยังคงทำหน้าที่บอกเวลาอย่างแม่นยำได้ไร้ที่ติ พร้อมทิ้งท้ายใจความในจดหมายว่า “คุณคงรู้ดีว่าเวลาที่ถูกต้องแม่นยำคือหัวใจสำคัญของการบินที่ดี” ตอกย้ำให้เห็นบทพิสูจน์ถึงความปลอดภัยและแม่นยำที่เหล่านักบุกเบิกยุคก่อนต่างให้ความไว้วางใจ จวบจนถึงปัจจุบันเรื่องราวของวีรกรรมจากเหล่าคนกล้ามากมาย ได้กลายเป็นมรดกตกทอดอันยาวนานและแสนล้ำค่าของแบรนด์